ถ้าตื่นขึ้นมาแล้วพบว่า "หูดับเฉียบพลัน" ทำอย่างไร?
👂หูดับหรือโรคประสาทหูเสื่อม เป็นภาวะสูญเสียการได้ยินอย่างกะทันหัน สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน โดยได้ยินเสียงลดลงจากเดิมหรือไม่ได้ยินเสียงเลย เป็นเพียงข้างเดียวหรือสองข้างก็ได้ อาการเป็นเพียงชั่วคราวและอาจเป็นถาวรจนถึงขั้นหูหนวกได้ หากปล่อยทิ้งไว้ไม่รักษาหรือได้รับการรักษาช้าเกินไป
อาการหูดับไม่มีสาเหตุที่แน่ชัดแต่มักเกิดขึ้นบริเวณหูชั้นใน โดยอาจเกิดจากเชื้อไวรัส การอุดตันของหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงหูชั้นใน การบวมน้ำของหูชั้นใน การมีรูรั่วของท่อหูชั้นใน ทำงานหรืออยู่ในสถานที่เสียงดังเป็นเวลานาน หรืออาจเกิดจากสาเหตุที่เป็นอันตราย เช่น เนื้องอกบริเวณประสาทหู หรือความผิดปกติของสมอง
จากสถิติพบว่าผู้ป่วยโรคหูดับ 1 ใน 3 มักมีอาการหูดับในช่วงเช้าโดยเฉพาะหลังตื่นนอนใหม่ ซึ่งมักจะมีอาการหูอื้อ ได้ยินเสียงลดลง มีเสียงดังในหู ร่วมกับอาการปวดหู เวียนศีรษะบ้านหมุน เดินเซ รู้สึกโคลงเคลง
โดยส่วนใหญ่แล้วถ้าผู้ป่วยมาพบแพทย์เร็วโดยเฉพาะใน 2 สัปดาห์แรกหลังเป็น และได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม จะมีโอกาสสูงที่การได้ยินจะกลับมาเป็นปกติได้ ดังนั้นใครที่รู้สึกว่าการได้ยินในหูลดน้อยลงเฉียบพลัน มีอาการหรือภาวะเสี่ยงหูดับ อย่างนิ่งนอนใจควรรีบไปพบแพทย์หู คอ จมูก เพื่อตรวจเช็คการได้ยินของหูแต่เนิ่นๆ เพราะถ้าให้การรักษาช้าไป อาจสูญเสียการได้ยินถาวรได้
ถ้าตื่นขึ้นมาแล้วพบว่า "หูดับฉับพลัน" ทำอย่างไร?
ถ้าตื่นขึ้นมาแล้วพบว่า "หูดับเฉียบพลัน" ทำอย่างไร?
👂หูดับหรือโรคประสาทหูเสื่อม เป็นภาวะสูญเสียการได้ยินอย่างกะทันหัน สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน โดยได้ยินเสียงลดลงจากเดิมหรือไม่ได้ยินเสียงเลย เป็นเพียงข้างเดียวหรือสองข้างก็ได้ อาการเป็นเพียงชั่วคราวและอาจเป็นถาวรจนถึงขั้นหูหนวกได้ หากปล่อยทิ้งไว้ไม่รักษาหรือได้รับการรักษาช้าเกินไป
อาการหูดับไม่มีสาเหตุที่แน่ชัดแต่มักเกิดขึ้นบริเวณหูชั้นใน โดยอาจเกิดจากเชื้อไวรัส การอุดตันของหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงหูชั้นใน การบวมน้ำของหูชั้นใน การมีรูรั่วของท่อหูชั้นใน ทำงานหรืออยู่ในสถานที่เสียงดังเป็นเวลานาน หรืออาจเกิดจากสาเหตุที่เป็นอันตราย เช่น เนื้องอกบริเวณประสาทหู หรือความผิดปกติของสมอง
จากสถิติพบว่าผู้ป่วยโรคหูดับ 1 ใน 3 มักมีอาการหูดับในช่วงเช้าโดยเฉพาะหลังตื่นนอนใหม่ ซึ่งมักจะมีอาการหูอื้อ ได้ยินเสียงลดลง มีเสียงดังในหู ร่วมกับอาการปวดหู เวียนศีรษะบ้านหมุน เดินเซ รู้สึกโคลงเคลง
โดยส่วนใหญ่แล้วถ้าผู้ป่วยมาพบแพทย์เร็วโดยเฉพาะใน 2 สัปดาห์แรกหลังเป็น และได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม จะมีโอกาสสูงที่การได้ยินจะกลับมาเป็นปกติได้ ดังนั้นใครที่รู้สึกว่าการได้ยินในหูลดน้อยลงเฉียบพลัน มีอาการหรือภาวะเสี่ยงหูดับ อย่างนิ่งนอนใจควรรีบไปพบแพทย์หู คอ จมูก เพื่อตรวจเช็คการได้ยินของหูแต่เนิ่นๆ เพราะถ้าให้การรักษาช้าไป อาจสูญเสียการได้ยินถาวรได้