[CR] [CR] Kashmir is calling me!!! ไปเที่ยว แคชเมียร์ กัน ^^

 สวัสดีทุกๆคนนะครับ ชื่อ นิค ครับ 
 นี่เป็นกระทู้แรกของนิคครับ จริงๆก่อนหน้านี้ก็เขียนรีวิวเวลาไปเที่ยวลงในเฟสบุ๊กส่วนตัวมาบ้าง แต่ก็ไม่เคยมาเขียนในนี้ซะที ตอนนี้ฟ้าฝนดลใจ เลยลองมาเขียนในพันทิปดูบ้าง เผื่อใครสนใจจะไปเที่ยวในที่ที่นิคเคยไป ก็เอาข้อมูลของนิคไว้อ้างอิงก็ได้ครับ ยังไงก็ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคร้าบบบบ ^^

 เข้าเรื่องเลยแล้วกัน ครั้งนี้นิคจะนำเสนอ สถานที่ท่องเที่ยวทริปล่าสุดที่เพิ่งไปมาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว นั่นก็คือ แคว้นแคชเมียร์ เมืองศรีนาการ์ นั่นเองครับ...
ขอสาระก่อนนะ แคชเมียร์ เป็น รัฐหนึ่งซึ่ง(เคย)เป็นเขตปกครองพิเศษ อยู่ทางตอนเหนือของประเทศอินเดีย ในนาม รัฐจัมมูร์และแคชเมียร์ ซึ่งเพิ่งมีการยกเลิกกฎหมายปกครองพิเศษนี้ไปเมื่อช่วงเดือนสิงหาคม ที่ผ่านมานี้เอง สดๆร้อนๆ โดยรัฐบาลอินเดีย... เดิมทีก็เป็นพื้นที่ติดชายแดน ปากีสถาน และ จีน ซึ่งมีข้อพิพาทเรื่องพื้นที่ทับซ้อนมาเรื่อยๆอยู่แล้ว ทำให้ บรรยากาศดูเหมือนจะยิ่งน่ากังวลไปอีก และจากการยกเลิกกฎหมายดังกล่าว ทำให้คนแคชเมียร์เองก็ไม่ค่อยพอใจเช่นกัน แถมรัฐบาลยังประกาศใช้กฎอัยการศึก-เคอร์ฟิว ทำให้มีทหารในพื้นที่เพิ่มขึ้นไปไหนมาไหนก็ทหารเต็มไปหมด แต่!!! อย่าเพิ่งกังวลไปว่ามันรุนแรงมากขนาดนั้น เอาจริงๆคือไปเที่ยวได้ นิคไปมาแล้ว ปลอดภัยดี ไม่มีเรื่องน่ากลัว แต่ก็มีผลกระทบเล็กน้อยเหมือนกัน ยังไง ไปดูกัน... 

ขออนุญาต ตั้งชื่อทริปว่า "How Surprise Trip" เพราะตลอดทริปมีแต่เรื่องชวนประหลาดใจ
ขนาดว่า นิคไปกับพี่ชื่อพี่เจี๊ยบ ซึ่งไปแคชเมียร์มาแล้ว2ครั้ง ครั้งนี้ครั้งที่3ของนาง แต่นางก็ยังงงกับเหตุการณ์ที่เจอ คิดดู!! 5555
(ยังไงติดตามรีวิวของพี่เจี๊ยบได้ นางไปช่วงฤดูหนาว หิมะขาวโพลนมาก่อนแล้ว ลองดูจ้าhttps://ppantip.com/topic/38811140)
Day1 (วันที่29 กันยายน 2562) วันเดินทาง : เราเดินทางกับสายการบินประจำชาติอินเดีย เวลาออกเดินทางคือ 21:15น. เราไปถึงสนามบินสุวรรณภูมิ ตั้งแต่6โมง เช็คอินเรียบร้อย ได้ตั๋วมา2ใบคือรอบที่ลงเดลีห์ใบนึงกับรอบที่บินจากเดลีห์ไปแคชเมียร์ คือเขาเช็คอินให้เลยไม่ต้องเช็คต่อเอง เป็นไดเร็กไฟลท จากนั้นก็เข้าตม.ไปรอ ปรากฏว่า...ไฟลทดีเลย์ 30นาที...พอขึ้นเครื่อง...เครื่องเล็กไม่มีทีวี และให้แชร์ผ้าห่มกันจ้าาาา!!! ลาก่อย แอร์อินเดีย  แต่ก็ยังดีนะแอร์เขายิ้มแย้มดี
 แต่แล้วก็ต้องมาเจอ กลุ่มทัวร์ไต้หวัน...ซึ่งแม้ว่าการพูดจาจะดีกว่าแผ่นดินใหญ่แต่นิสัยความฉันไม่ค่อยสนใจสิ่งรอบข้างก็ยังคงมีให้เห็น เจ๊ที่นั่งหลังเราคือ มาสั่งให้เราปิดไฟเพื่อตัวเองจะนอน หรืออยู่ๆก็เปิดไฟขณะคนอื่นนอน อ่านหนังสือ หรือทึ้งที่วางอาหารจนที่นั่งนี่หัวสั่นหัวคลอนอ่ะ เห้อ… สุดท้ายก็มาถึงสนามบินเดลีห์จนได้ เป็นเวลาตี1โดยประมาณตามเวลาที่เดลีห์
Day 2 (วันที่30 กันยายน 2562)  : เมื่อถึงสนามบิน ไปถึงตม.จะเจอประติมากรรมป็อปอัปบนฝาผนังเป็นรูป มือ ในท่าต่างๆ ซึ่งมันคือ ท่ารำ “มุทรา(Hasta Mudras)” เป็นท่ารำในการฝึกสมาธิการเคลื่อนไหวร่างกาย นี่ก็ถือเป็นSurpriseอีกอย่างนึง เพราะเป็นครั้งแรกที่ได้ถ่ายรูปในบริเวณที่เป็นตม. โดยไม่ถูกว่าหรือไม่มีป้ายห้ามใดๆ จากนั้นก็เข้าสู่พิธีการตม. ก่อนอืนเราต้องเขียนใบลงทะเบียนคนเข้าเมืองก่อน เป็นกระดาษเล็กๆ เสร็จก็ต่อแถวตามลักษณะวีซ่าทีทำมา ของเราเป็น e-visa แล้วยิ่นเจ้าหน้าที่ตามคิว แล้วเจ้าหน้าที่ก็ถามนั่นนี่ ก็ไม่มีอะไร ออกมาจากตม. เสร็จแล้วต้องไปรับกระเป๋าก่อนรอบนึงแล้วเอาไปโหลดกับสายการบินอีกครั้งนึงที่ฝั่งDomesticที่เราจะบินต่อไปลงที่แคชเมียร์ จากนั้นก็ขึ้นลิฟต์ไปชั้น2 เดินไปที่ฝั่งDomesticเพื่อเข้าตรวจกระเป๋ากับอาวุธและรอจนกว่าจะ10โมงตามเวลาที่ต้องบินต่อ…แล้วแบบนี้นอนไหนล่ะ… ไม่ต้องกังวลไปครับ สนามบินมีตัวช่วย นั่นก็คือ…โซฟานอนแบบในรูปจ้าาาาา
คือดีนะ มีหลายจุดเลย ไม่ต้องออกไปหาโรงแรมนอน แถมในสนามบินยังมีWiFiให้ใช้ฟรี2ชั่วโมงด้วย (แนะนำให้เอาโทรศัพท์ไปให้พนักงานที่Informationทำให้ หลังจากเดินเข้าจุดตรวจอาวุธเสร็จเรียบร้อย และหลังจากใช้2ชั่วโมง ระบบจะถามรหัส4ตัวให้ใส่ใหม่เพื่อใช้อีกครั้ง นิคลองเดาๆ เป็นตัวเลขพื้นฐาน 1-4 ปรากฏใช้ได้เฉย 5555 ลองเอาไปใส่กันดูเผื่อเขายังไม่เปลี่ยน) และแล้วเราก็หลับไปแบบเงียบๆในสนามบิน ประมาณตอนตี2กว่าๆ และตั้งปลุกไว้ 8.30น. เพราะแค่รอขึ้นเครื่อง10โมง ได้นอนตั้ง6ชั่วโมง…ปรากฏว่าจากสนามบินอันเงียบสงบตอนตี2 กลายเป็นสนามบินที่เสียงดังมากตั้งแต่ตอนตี5!!! คุณพระ เวลานอนกู ฮืออออ ตัดใจปิดนาฬิกา เดินไปห้องน้ำ ตั้งใจเข้าห้องริมในสุดและเซอไพรส!!! ส้วมนั่งยองจ้า! ขณะที่ห้องอื่นเป็นโถชักโครกปกติแต่คนอื่นต่อคิวแล้ว…เอาๆก็ไม่เชิงว่าไม่เคยเข้าแบบนี้เนาะ พอไหวๆ แต่ที่ชื่นชมคือต่อให้เป็นส้วมแบบนี้ก็มีสายฉีดให้และน้ำกดล้างเป็นแบบเหมือนชักโครก น้ำที่กดล้างออกมาก็เป็นเขียวๆกลิ่นสมุนไพร แบบส้วมไม่มีกลิ่นเลย เยี่ยมอยู่ พอออกมาก็ไปหาชากาแฟกินแก้ง่วงก่อน แล้วกลับไปนั่งใกล้ๆGate ระหว่างรอก็หยิบแปรง คอนแท็กเลนส์ ครีมกันแดด ไปห้องน้ำ กะว่าจะให้เสร็จเรียบร้อย ไปถึงก็จะได้เที่ยวได้เลย พอเข้าห้องน้ำไป แค่แหวกตาใส่คอนแท็กเลนส์คือแบบ *ทุกคนจ้องมอง คือย้ำว่าทุกคนประมาณ10คน* มองจ้องนิ่งๆนานๆ…จนต้องรีบใส่คอนแท็กเลนส์เสร็จก็รีบเนรเทศตัวเองจากห้องน้ำทันใด คือไม่สามารถทนกับสายตาที่มองเหมือนเราเป็นความแปลกไม่ได้จริงๆ ไม่ว่าจะมองดีหรือมองไม่ดีก็ตาม … 
9.45น.Gateก็เปิดและได้ขึ้นเครื่อง เครื่องก็ออกตามเวลา 10.15น. แต่กว่าจะได้ขึ้นฟ้าจริงๆคือ 10.30น. สายการบินนี้ไม่รีบจ้านายจ๋า ช้านิดหน่อยอย่าซีเรียสจ้า5555 จากนั้นความเหนื่อยล้าก็ทำให้ภาพตัดตั้งแต่เครืองบินขึ้น ตื่นมาอีกที 11.15น. บนเครื่องแจกอาหาร แบบนี้ 
เรียกได้ว่าเป็นมื้อแรกที่ได้กินอาหารของประเทศนี้จริงๆ แม้ว่าไม่ชิน แต่ก็พอกินได้ด้วยความหิว ยกเว้นก้อนขาวๆนั้นซึ่งเป็นของหวานลักษณะเหมือนมันบด แต่ใส่น้ำเชื่อม คือหวานเวียนหัว ไม่ไหว ซักพักก็ถึงเวลาถึงแคชเมียร์ ก็เกิดเซอไพรสขึ้นอีก1เรื่องคือ...นักบินประกาศอะไรซักอย่างแต่ฟังไม่รู้เรื่องเลย แต่ได้ยินพูดถึงหน้าต่าง เราเลยเปิดหน้าต่างตามปกติ คนอื่นๆก็เปิด ปรากฏว่า แอร์บอกให้ปิดหน้าต่าง! ปิดไปจนเครื่องลงจอดสนิท… งงมากแม่! ที่แรกครั้งแรกที่โดนให้ปิดหน้าต่างเครื่องบินตอนแลนดิ้ง อ่ะๆ เอาเถอะยังไงก็ถึงแล้ว พอถึงก็ออกไปรับกระเป๋าและต้องมาเขียนใบลงทะเบียนเขาแคชเมียร์อีก1ฉบับ แบบนี้ ยาวหน่อย เสร็จก็ยื่นให้เขาดูกับพาสปอร์ต เสร็จซะทีในส่วนการเดินทาง
พอเดินออกมาก็มาเจอคุณลุงรอรับเราที่โรงแรมจัดมาให้ การจราจรที่นี่คือ ฟาสท์แอนด์ฟีเรียสมากกก ว่าไทยหนักแล้วที่นี่ขับไปบีบแตรไป มองหน้าแทบทุกคัน บางคันอยู่ๆจอดกลางถนนเฉย ขำก็ขำ ตื่นเต้นก็ตื่นเต้น ก็รอดพ้นมาได้จากบนท้องถนน และที่ที่เราอยากไปแวะที่แรกคือ สวนดอกไม้นิชาทของราชวงศ์โมกุล บอกเลยว่า ถึงแดดร้อนและจริงๆนี่ไม่ได้ชอบดอกไม้เท่าไหร่ แต่ที่นี่คือยอม สวยนะ อลังการงานสร้างน้ำพุ4ชั้น แบบนี้เลย
พอกลับลงมาก็มาแวะซื้อ ไอติมใส่เส้นอะไรไม่รู้เหมือนขนมจีน กับ ขนมข้าวพองเป็นบอลเล็กๆ กระเทาะเอาน้ำเอาท็อปปิ้งใส่ และอีกเมนูคือ ยำถั่ว อันนี้ก็อร่อย ราคาอย่างละประมาณ 50-100รูปี ไม่แพงๆ
 ไอติมใส่เส้นขนมจีน รสชาติมะพร้าว อร่อยดีนะ
ยำถั่ว ขอมะนาวอีกลุง!!!
อร่อยสุด ตักกินแบบนี้เลย
ขนมข้าวพองเป็นบอลเล็กๆ กระเทาะเอาน้ำเอาท็อปปิ้งใส่ มี2รสชาติคือเปรี้ยวเผ็ดกับเปรี้ยวหวาน
ก็เปรี้ยวมากกกก ชอบเปรี้ยวๆๆๆ ไม่อยากให้เห็นหน้าตอนกิน ฮาๆๆ
เสร็จแล้วก็นั่งรถต่ออีกประมาณ10นาที ก็ถึงที่พัก บ้านเรือของเรา ชื่อตามรูปเลย ความรู้สึกแรกที่เห็นคือไม่ได้ว้าวอะไร แต่รู้สึกได้ถึงความสงบ พอเข้าที่พักก็ได้รับการต้อนรับอย่างดีโดยคุณพ่อบ้านประจำเรือ 
พอเข้าห้องมา แบบว้าวมากกนะ ไม้ทั้งหมดแกะสลักมือด้วย แล้วเราก็เก็บของ
เราก็ออกมาที่ระเบียงหน้าบ้านเรือ วิวแบบนี้เลยยยยย ชอบมาก ทะเลสาบสะท้อนเงาเทือกเขาหิมาลัย
  ซักพักคุณอาเมียร์ น้องชายเจ้าของบ้านเรือก็มาพูดคุย ซึ่งเขาก็สนิทกับพี่เจี๊ยบเหมือนกัน และครั้งนี้เขามีพิธีแต่งงานที่จะจัดขึ้นในวันพรุ่งนี้และมะรืนนี้ เขาก็อยากให้เราไปร่วมด้วย เราก็ตกลง ดีเหมือนกันได้เที่ยวเชิงวัฒนธรรมด้วย...พอค่ำคุณซามิเจ้าของโรงแรมก็มาทักทายหลังจากยุ่งกับงานแต่งให้น้องชายทั้งวัน และพูดคุยถึงสถานการณ์ปัจจุบันของแคชเมียร์ ที่ดูเหมือนจะเริ่มแย่ลง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
 
 หลังจากพูดคุยจบ ซามิก็มาคอนเฟิร์มกับเราเรื่องแผนกิจกรรมในทริปนี้ สรุปคือบางแผนก็ต้องยกเลิกเนื่องจากเสี่ยงเกินที่จะพาเราไป และเขาก็ขอโทษที่กลายเป็นแบบนี้ แถมจะไม่เก็บเงินเราด้วย เขาพูดว่า ก็เราไม่เหลืออะไรเป็นคอร์สให้คุยท่องเที่ยวอีกแล้ว…เราฟังเรื่องทั้งหมดเราสะอึกเลย จะร้องไห้เลยนะ สงสารเขามากเลย… ถึงแม้แผนจะไม่ตามที่วางไว้ทั้งหมดแต่เขาก็พยายามเสนอทางเลือกมาเราก็โอเคหมด ยอมรับได้และประทับใจที่เขาก็ยังพยายามดูแลเราแม้เขาเองก็ลำบาก แน่นอนว่าเราจะจ่ายเหมือนที่ตกลงกันไว้
คืนนี้ จบลงซุปถ้วยเล็ก ตามด้วยข้าวแกงเนื้อแกะ?กับไก่ อิ่มท้อง เริ่มง่วง อาบน้ำอุ่นๆ ฝนตกมาตอนดึก อากาศก็เริ่มเย็นลง เราก็หลับไป...

รอติดตามต่อของวันถัดๆไปนะครับ^^
ชื่อสินค้า:   Kashmir(Srinagar,Sonamarg)
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่