มิตรรัก นักแฟนตาซี : EP 10 ราคาขึ้น-ลง ปัจจัยที่ไม่ควรมองข้าม!

ซีซั่นที่ยากจะคาดเดา ยังคงดำเนินต่อไป และทำให้มิตรรัก นักแฟนตาซี ต้องปวดหัวกันไม่น้อยเลย โดยเฉพาะการที่ “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แชมป์เก่า พ่ายวูล์ฟแฮมป์ตัน คาบ้าน 0-2 นักเตะซิตี้ ที่เลือกกัน ก็เลยแป้ก ยังไม่รวมถึงซาล่าห์ และโอบาเมย็อง ที่เท้าบอดกันไปอีก

8 Gameweek ที่ผ่านมา แน่นอนว่ามีนักเตะฟอร์มดี ฟอร์มดร็อป สลับกันไปตลอด ฟอร์มการเล่น และการทำแต้มมากน้อย ก็ย่อมส่งผลให้เหล่ากุนซือเปลี่ยนตัวเข้า-ออก กันพัลวัน จนมันไปกระทบให้ราคานักเตะขึ้น-ลง ตามไปด้วย

EP ก่อนที่มีเบรกทีมชาติมาคั่นแบบนี้ เราเลยเอาเรื่องราคานักเตะ ที่มีกลไกขึ้นและลงมาฝากด้วย โดยไว้สรุปผลงาน Gameweek 7 จบ เราจะมาว่ากัน

สรุปผลประกอบการ

48 คะแนนที่ได้มา แม้จะสูงกว่าค่าเฉลี่ย แต่ก็ยังเจ็บปวด จากกัปตันที่ไม่เข้า

คะแนน Gameweek 8 : 48 คะแนน
คะแนนรวม : 434 คะแนน

อันดับรวม : 956,934 (ขึ้นมาจาก 1,418,084)
อันดับชาวไทย : 6,746 (ขึ้นมาจาก 9,597)
อันดับ The.Macho League : 308 (ขึ้นมาจาก 403)

การเปลี่ยนตัวเอา “แยน แฟร์ทองเก้น” ออก แล้วใส่ “อารอน เครสเวลล์” เข้ามาแทน แม้จะไม่ได้แต้มเพิ่มเติม แถมเครสเวลล์ ยังมีอาการเจ็บรบกวน แต่สเปอร์ของแฟร์ทองเก้น อาการร่อแร่กว่ามาก เก็บไว้คงไม่ไหว
เชลซี ฟอร์มเกมรุกร้อนแรง อับราฮัม, เมาท์,​ ก็องเต้ ยิงกันครบถ้วนเลย

เกมรับจากเบิร์นลี่ย์ ทำหน้าที่ได้ดีทั้งโป๊บ และโลว์ตัน นอกจากนั้น 3 ประสานจากเชลซี ยิงกันคนละเม็ดเลย ถือว่าคุ้มค่ามาก การลังเลระหว่างก็องเต้ กับแมดดิสัน ก็ถือว่าเจ๊าไป ไม่เสียหาย

จุดที่ไม่เวิร์ค ยังคงเป็นการเลือกกัปตันทีม เพราะ “ปิแอร์ โอเมอริค-โอบาเมย็อง” ไม่มาตามนัด เช่นเดียวกันกับ “ซน เฮือง มิน” และ “ตีมู ปุ๊คกิ” ศูนย์หน้าอดีตคนเคยแรง ที่ตอนนี้เหล่ากุนซือเลหลังขายกันไปหลายราย

กลไกราคา

เนื่องจากสุดสัปดาห์นี้ ไม่มีพรีเมียร์ลีกเตะ การแนะนำทีเด็ดสำหรับ Gameweek 9 ก็เลยจะยกไปว่ากันในสัปดาห์หน้า โดยวันนี้เราจะมาวิเคราะห์ถึงนักเตะฟอร์มแรง และฟอร์มดร็อป ที่มีผลทำให้ราคาค่าตัวขึ้น และลง
“เจมส์ แมดดิสัน” มิดฟิลด์ตัวเก่งของเลสเตอร์ ที่ทำคะแนนสม่ำเสมอ คนก็เลือกเยอะตาม

ก่อนจะเจาะจงลงไปที่รายคน ขอวกมาอธิบายเรื่องราคาขึ้นลงกันอีกที เพราะหลายคนอาจจะยังไม่ทราบ หรือคำนึงถึงจุดนี้กันมากนัก

กฎ กติกาการขึ้น-ลง

ตามรายละเอียดที่เว็บทางการเค้าว่ามา เค้าอธิบายว่า ราคานักเตะจะขึ้น-ลง ขึ้นอยู่กับ “เปอร์เซ็นต์ที่กุนซือใช้งาน” หรือเรียกได้ว่าความนิยมในนักเตะคนนั้นน่ะแหละ ถ้าคนแห่ซื้อเยอะ ราคาก็จะขึ้น ถ้าคนเทขายออกมาก ราคาก็จะลด

โดยปกติแล้ว ราคาจะขึ้นหรือลง นั้นจะเปลี่ยนแปลงทีละ 0.1 ล้านปอนด์เท่านั้น เพียงแต่ว่าการเปลี่ยนแปลงนั้น จะเกิดขึ้นได้ทุกวัน เพราะมีระบบคอยเช็ค ถ้าถึงระดับเกณฑ์ ราคาก็จะปรับเปลี่ยนไป
“แทมมี่ อับราฮัม” ดาวซัลโวสูงสุดในขณะนี้ ที่ราคาพุ่งจาก 7.0 เป็น 7.7 ล้านปอนด์ แล้ว

อย่างพวกฟอร์มฮ็อตๆ “แทมมี่ อับราฮัม” ที่ตั้งต้นเกม 7 ล้านปอนด์ แต่ตอนนี้ทะยานไปถึง 7.7 ล้านปอนด์แล้ว หรือ “เควิน เด บรอยน์” ที่แม้จะแพงตั้งแต่แรกที่ 9.5 ล้านปอนด์ ก็ขยับไปแตะหลัก 10 ล้านปอนด์ได้ เมื่อฟอร์มฮ็อต มีคนดึงเข้าทีมมากขึ้นตลอด

พวกราคาลดก็มีเยอะ เช่น “ดิโอโก้ โจต้า” ของวูล์ฟ ที่ปีที่แล้วฟอร์มดี ต้นซีซั่นก็ราคาไม่แรง เริ่มที่ 6.5 ล้านปอนด์ คนก็เลยเลือกใช้กันเยอะ แต่พอผ่านไป ฟอร์มไม่มาตามคาด คนเทขายออก ราคาลงเรื่อยๆ สุดท้ายก็ราคาตกมาถึง 6.1 ล้านปอนด์
“ตีมู ปุ๊คกิ” ที่เคยฮ็อตยิงกระหน่ำ จนใครก็ต้องเลือก แต่พอเริ่มตีนบอด ราคาก็มีแนวโน้มลด

หรือที่มีขึ้นมีลง ก็ไม่ต้องยกตัวอย่างไปไกล “ตีมู ปุ๊คกิ” นี่แหละ เคยเริ่มที่ 6.5 ล้านปอนด์ แล้วขึ้นทะลุไปถึง 7.2 ล้านปอนด์ แต่ในช่วงวันหลังๆ ยิ่งกับการไม่ได้ยิงมา 3 นัดติด สุดท้าย ราคาก็เริ่มลดมาที่ 7.1 ล้านปอนด์แล้ว

กำไร-ขาดทุน

ทีนี้ หลายคนสงสัยว่า ทำไมเราต้องซีเรียสคอยจับราคาขึ้น-ลงของนักเตะด้วย คำตอบก็คือ มันมีเรื่องของ “กำไร-ขาดทุน” ที่มาจากกลไกที่ว่าด้วย

เรื่อง “ขาดทุน” เข้าใจไม่ยาก สมมติว่าเราซื้อโจต้า ตั้งแต่เริ่มแรกที่ 6.5 ล้านปอนด์ เค้าฟอร์มตกแต่เราก็ฝืนเก็บไว้ในทีม จนราคาตกลงมาที่ 6.1 ล้านปอนด์ พอเวลาจะตัดสินใจขาย (เปลี่ยนตัวออก) เราก็จะต้องขายที่ราคาปัจจุบันนี่แหละ นั่นเท่ากับว่าเราจะสูญงบไป 0.4 ล้านปอนด์ นั่นเอง
หากใครมี “ดิโอโก้ โจต้า” ตั้งแต่ 6.5 แล้วจะมาขายตอนนี้ ก็จะเหลือแค่ 6.1 เท่านั้น

เรื่องของ “กำไร” มีความซับซ้อนนิดหน่อย เพราะไม่ใช่ว่า นักเตะที่เราเก็บอยู่ในทีม ราคาขึ้นเท่าไหร่ เราจะไม่ได้งบประมาณเพิ่มตามนั้นเป๊ะๆ เลย

ยกตัวอย่างเช่น เรามีเด บรอยน์ ตั้งแต่ราคา 9.5 ล้านปอนด์ เก็บไว้ในทีมจนราคาเพิ่มเป็น 10 ล้านปอนด์ หากอยากจะขาย (เปลี่ยนตัวออก) จากทีมขึ้นมา ไม่ใช่ว่าเราจะสามารถเปลี่ยนจอมทัพของซิตี้ ได้ในราคา 10 ล้านปอนด์ เต็มๆ เลย แต่ต้องเอาส่วนที่เพิ่มมาหาร 2
สังเกตว่าราคาขายของเด บรอยน์จะแค่ 9.7 เพราะต้องคิดราคาที่เพิ่ม เอามาหาร 2

จากตัวอย่างนี้ 9.5 ขึ้นไป 10 เท่ากับว่าขึ้นมา 0.5 ล้านปอนด์ ต้องเอา 0.5 นี่แหละมาหาร 2 ซึ่งถ้าคิดกันตรงๆ จะเป็น 0.25 แต่ในเกมมันไม่มีราคาเป็นเศษถึง 2 หลัก ก็เลยจะปัดลงเป็น 0.2 ล้านปอนด์ ราคาขาย ก็จะเป็น 9.5 + 0.2 = 9.7 ล้านปอนด์ นั่นเอง
สังเกตใน “Transfers and Finance” งบประมาณรวม จะไม่เท่ากับ 100.0 เสมอไป

เหตุผลกำไร/ขาดทุน ที่ว่าไป ทำให้ตรงเมนู “Transfer and Finance” ของแต่ละทีม มีราคา “Squad value” หรือค่าตัวนักเตะ 15 คนในทีมรวมกัน บวกกับ “In the bank” หรืองบที่เหลือ จะมีมูลค่าไม่เท่ากับ 100 ล้านปอนด์เป๊ะ เหมือนตอนก่อนเริ่ม Gameweek แรก

นักเตะแนวโน้มราคาเพิ่ม

เนื่องจากมีนักเตะหลายคนที่เราทราบกันดี และเป็นที่นิยมอยู่แล้ว อย่างแทมมี่ อับราฮัม (มีคนใช้งาน 40.6%), เมสัน เมาท์ (33.3%) หรือ ซาดิโอ มาเน่ (24.6%)

วันนี้เลยอยากพูดถึงนักเตะคนอื่นๆ เพื่อให้เห็นว่ามีใครบ้างที่ได้รับความนิยม และจะมีคนเลือกจนราคามีแนวโน้มขึ้นอีกบ้าง

ริคาร์โด้ เปไรร่า (เลสเตอร์ / 6.1 ล้านปอนด์)
นอกเหนือจากแมดดิสัน ที่คนพูดถึงกันเยอะแล้ว แบ็คขวาเด่นเกมรุกอย่างเปไรร่า ก็แอบเป็นที่นิยมไม่น้อยเลย โดยปัจจุบันมีกุนซือเลือก 9.3% แล้ว ผลงาน 2 ประตู 2 คลีนชีต และโปรแกรมข้างหน้าที่ไม่ยากจนเกินไป ทำให้เขาเป็นที่นิยม

คัลลั่ม วิลสัน (บอร์นมัธ / 7.9 ล้านปอนด์)
หลังราคาลดไปถึง 0.2 ล้านปอนด์ แต่แกก็ยังทำคะแนนได้อย่างต่อเนื่อง ตอนนี้เหล่ากุนซือเลยเริ่มหันมามองแกอีกครั้ง โดยตอนนี้มีกุนซือเลือกแล้ว 12.4% และน่าจะเพิ่มเติมอีก ราคาน่าจะขึ้นไปเพิ่มแน่

ลูวิส ดั๊งค์ (ไบรท์ตัน / 4.6 ล้านปอนด์)
ปราการหลังจอมแกร่งของไบรท์ตัน ทำไปแล้ว 2 แอสซิสต์ 3 คลีนชีต และเก็บโบนัสได้รวมทั้งหมด 7 คะแนน ด้วยการเล่นของทีม ที่มีการปรับให้ครองบอลแน่นอนมากขึ้น และมีแดนหลังช่วยยืน เหมือนเล่นหลัง 3 คน ทำให้ไบรท์ตัน เหนียวแน่น น่าเชียร์

นักเตะแนวโน้มราคาตก

ตีมู ปุ๊คกิ (นอริช / 7.1 ล้านปอนด์)
กองหน้าฟอร์มฮ็อต ยิง 5 นัดแรก รวมถึง 6 ประตู แถมมาด้วย 2 แอสซิสต์ ได้โบนัสทั้งสิ้น 9 คะแนน แต่กับฟอร์ม 3 นัดหลัง ปุ๊คกิ และนอริช บอดสนิท ราคาเขาเริ่มตกลงมาแล้ว 0.1 ล้านปอนด์ และคงจะลงไปอีก หากมีการเทขายมากขึ้นเรื่อยๆ

อารอน วาน-บิสซาก้า (แมนฯ ยู / 5.5 ล้านปอนด์)
แบ็คขวาค่าตัวแพงของแมนฯ ยู มีปัญหาอาการบาดเจ็บรบกวน จนไม่ได้ลงเล่นมา 2 นัด และฟอร์มของปีศาจแดงเอง ก็ไม่เป็นที่ไว้ใจตามไปด้วย แม้โปรแกรมของทีมต่อจากแดงเดือด จะไม่หนักหนามาก แต่ช่วงนี้กุนซือหลายท่าน คงจะไว้ใจไม่ไหว

แอชลี่ย์ บาร์นส์​ (เบิร์นลี่ย์ / 6.5 ล้านปอนด์)
กองหน้าจอมบู๊ ฮ็อตใน 3 นัดแรก ยิงไปได้ 4 ประตู จนคนเริ่มเลือกเข้าสู่ทีม ราคาก็ขยับขึ้นไปถึง 0.2 ล้านปอนด์ แต่พอฟอร์มฝืด ไม่ยิงมา 5 นัดติดกัน ราคาเขาก็เริ่มลง และดูจะไม่ได้รับความไว้วางใจอีก หากไม่กลับมาสลุตประตูอีกครั้ง โดยตอนนี้ หากมองไปที่เบิร์นลี่ย์ เหล่ากุนซือจะมองไปที่แนวรับมากกว่า
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่