อยากทราบเกี่ยวกับคนที่เป็นคริสเตียนหรือกำลังสนใจเรื่องพระเจ้า ??

ตามหัวข้อเลยเลยค่ะ บอกก่อนนะคะว่าถ้าเราสื่อความหมายผิดพลาดอย่างไรก็ขอโทษไว้ ณ ตรงนี้เลยค่ะ 
คือเราเริ่มสนใจเกี่ยวกับศาสนาคริสต์ เริ่มสนใจอยากเข้าหาพระเจ้า เราชอบฟังทอคโชว์เกี่ยวกับพระเยซูหรือเพลงนมัสการพระเจ้ามากๆค่ะ ฟังทุกวันก็สามารถฟังได้ ช่วงแรกๆเราไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก แต่พอนานๆไปเรากลับอยากต้อนรับพระเยซูเข้ามาอยู่ในชีวิตเรา เราไม่รู้ต้องทำยังไง ทางบ้านเราเค้าไม่ว่านะคะ แต่แฟนเราไม่ค่อยปลื้ม ซึ่งเราอยากเข้าโบสถ์มากๆค่ะแต่ไม่รู้ว่าต้องปฏิบัติตัวอย่างไรเอาจริงๆคือเขินอะค่ะไม่มีใครไปด้วย และสิ่งสำคัญคือเราเรียนภาคสมทบทุกวันอาทิตย์ ซึ่งมันแย่มากๆ ทุกๆครั้งที่เราไปเรียนก็จะเห็นผู้คนเข้าโบสถ์มาเรื่อยๆ (เป็นทางผ่านวิทลัยเรา) ทุกวันนี้ไม่รู้ว่าตัวเองต้องปฏิบัติตัวอย่างไร เราอธิฐานแต่ไม่ได้ทุกวัน ไม่ได้อ่านไบเบิลอะไรทั้งนั้น คือทุกอย่างง๊องแง๊งไปหมด แต่ใจจริงเราต้องการพระเจ้ามาอยู่ในชิวิตของเรานะคะ แต่...เห๊ออย่างที่พูดไปค่ะว่ามันง๊องแง๊งเหลือเกิน จนแอบคิดว่าที่เราปฏิบัติเล็กๆน้อยนี้ส่งผลอะไรได้บ้างรึเปล่าหรือว่าเราทำไปเพื่ออะไร..... 
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 4
ทุกคริสตจักรพร้อมที่จะให้ จขกท.เขาไปสังเกตการณ์การนมัสการพระเจ้าที่คริสตจักรในวันอาทิตย์ด้วยความยินดี
โดยท่านเพียงแจ้งให้เจ้าหน้าที่คริสตจักรหรือคริสเตียนคนใดก็ได้ ว่าท่านต้องการเรียนรู้เกี่ยวกับศาสนาคริสต์
ท่านสามารถเข้าร่วมการนมัสการพระเจ้าได้อย่างไม่จำกัด  เพียงแต่ยังไม่ต้องรับประทานขนมปังและน้ำองุ่นในพิธีมหาสนิท

      ศาสนาคริสต์มีความเชื่อว่าพระเยซูคริสต์ทรงเป็นพระเจ้าผู้ประเสริฐ (พระเจ้าผู้สูงสุด) ที่มาเกิดเป็นมนุษย์ในสถานะพระบุตร  
โดยพระบุตรมีความเท่าเทียมกับพระบิดาในสวรรค์ และพระวิญญาณของพระเจ้า  และพระเจ้าผู้ประเสริฐทั้ง 3 สถานะเป็นพระเจ้าองค์เดียวกัน  
แต่ดำรงอยู่ต่างสถานะกัน  เปรียบเหมือนกับน้ำที่มี 3 สถานะ คือ ของแข็ง  ของเหลว  และก๊าซ  แต่ก็เป็นน้ำเหมือนกัน
นั่นคือ พระเจ้าผู้ประเสริฐทรงมี 3 สถานะ คือ  พระบิดา  พระบุตร  และพระวิญญาณ  โดยที่พระเจ้าทั้ง 3 สถานะสามารถพูดคุยกันได้
ความเชื่อนี้เรียกว่า "ตรีเอกภาพ" หรือ "ตรีเอกานุภาพ"  โดยเชื่อว่าพระเยซูคริสต์เป็นผู้ประทานความรอดให้แก่มนุษย์  และนำให้มนุษย์ไปอยู่ในสวรรค์

คำสอนของพระเจ้าผู้ประเสริฐจากคัมภีร์ไบเบิล

1. อิสยาห์ 55:6-7
จงแสวงหาพระเจ้า เพื่อจะพบพระองค์ได้  จงอธิษฐานขอความช่วยเหลือจากพระองค์ในขณะที่พระองค์ทรงอยู่ใกล้
ให้คนบาปเลิกทำบาป และเลิกคิดในสิ่งที่ชั่ว  ให้เขากลับมายังพระเจ้าเพื่อพระองค์จะทรงเมตตา และให้อภัยทุกอย่าง

2. มัทธิว 11:28-30  พระเยซูคริสต์ตรัสดังนี้
บรรดาผู้ที่ทำงานเหน็ดเหนื่อยและแบกภาระหนักจงมาหาเรา  แล้วเราจะทำให้ท่านหายเหนื่อยและเป็นสุข
จงมอบภาระทุกอย่างไว้กับเรา  แล้วเรียนรู้จากเรา  เพราะว่าเราสุภาพและใจอ่อนน้อม  และจิตใจของท่านจะได้พัก
เพราะว่าเราสามารถรับภาระของท่านได้ทุกอย่าง  และภาระของเราก็เบา

***ดังนั้น ทุกคนไม่ว่าจะนับถือศาสนาใดหรือไม่นับถือศาสนา  ก็สามารถขอความช่วยเหลือจากพระเยซูคริสต์ได้
แต่จะต้องไม่ขอเพื่อสนองกิเลสตัณหา  โดยสิ่งที่ขอนั้นจะต้องเป็นสิ่งที่ดี  เป็นสิ่งจำเป็น  และเป็นสิ่งที่เหมาะสม
หากสิ่งที่ขอสอดคล้องกับน้ำพระทัยของพระองค์  พระองค์ก็จะช่วยเหลือด้วยการอัศจรรย์  โดยพระองค์จะช่วยเหลือแบบให้เปล่า

หลักความเชื่อของศาสนาคริสต์  นิกายโปรเตสแตนต์ในเบื้องต้น   ในเมืองไทยนิยมเรียกผู้ที่นับถือนิกายโปรเตสแตนต์ว่า "คริสเตียน"

1. เรียบง่าย มีพิธีกรรมเพียงเล็กน้อย เช่น พิธีมหาสนิทในวันอาทิตย์  โดยรับประทานขนมปังและน้ำองุ่น  เพื่อระลึกถึงพระคุณของพระเจ้าผู้ประเสริฐ
ที่พระองค์ได้ไถ่บาปให้แก่เรา  โดยพระองค์ได้เปลี่ยนเราจากคนบาปให้เป็นคนชอบธรรม  เมื่อเราตายแล้ว เราก็จะได้ไปอยู่ในสวรรค์ชั่วนิรันดร์
และพิธีบัพติศมา โดยจุ่มตัวลงในน้ำสำหรับผู้เชื่อใหม่ที่มีจิตวิญญาณเข้มแข็งแล้ว  เป็นการประกาศตนต่อหน้าพี่น้องในคริสตจักร
ว่าตนเองมีความมุ่งมั่นในการดำเนินชีวิตในทางชอบธรรม  และมีความวางใจให้พระเยซูคริสต์มานำชีวิตตน

2. รับประทานอาหารได้ทุกอย่างที่ไม่ทำให้คนอื่นรู้สึกไม่ดี  (หากรับประทานเพียงคนเดียว  ก็สามารถรับประทานอาหารได้ทุกอย่าง)

3. ไม่มีรูปเคารพ  มีเพียงไม้กางเขนเพื่อเป็นสัญลักษณ์ให้นึกถึงพระเยซูคริสต์  จากการที่พระองค์ยอมถูกตรึงตายบนไม้กางเขนเพื่อไถ่บาปให้แก่เรา
และไม่กราบไหว้หรือเคารพบูชารูปเคารพทุกชนิด เช่น  รูปปั้น  ภาพวาด  วัตถุสิ่งของ  สัตว์  ต้นไม้  และคนตาย  เป็นต้น (ไหว้พระสงฆ์ได้ แต่ไม่กราบ)
โดยเชื่อตามคัมภีร์ไบเบิล  ที่บันทึกไว้ว่า พระเจ้าผู้ประเสริฐห้ามมนุษย์สร้างและนับถือรูปเคารพ  ดังนี้
(1) อพยพ 20:4-5
ห้ามสร้างรูปเคารพสำหรับตน  เป็นรูปสิ่งใดซึ่งมีอยู่ในฟ้าเบื้องบน  หรือบนแผ่นดินเบื้องล่าง  หรือในน้ำใต้แผ่นดิน
ห้ามกราบไหว้หรือปรนนิบัติรูปเหล่านั้น  เพราะเราคือยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า เป็นพระเจ้าที่หวงแหน  
ให้โทษของบิดาตกทอดไปถึงลูกหลานของผู้ที่ชังเราจนถึงสามชั่วสี่ชั่วอายุคน
(2) เลวีนิติ 19:4
อย่าหันไปนับถือรูปเคารพ  และห้ามหล่อรูปเคารพไว้สำหรับตน  เราคือยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า
(3) 1 ยอห์น 5:21
ลูกทั้งหลายเอ๋ย  จงระวังรักษาตัว  อย่าเกี่ยวข้องกับรูปเคารพ

4. ไม่มีนักบวช  ไม่นับถือนักบุญต่างๆ  และไม่นับถือพระแม่มารี  โดยมองว่าเป็นสุภาพสตรีที่มีความประพฤติดีมาก  และเป็นผู้ให้กำเนิดพระเยซูคริสต์
โดยเชื่อว่านักบุญต่างๆ และพระแม่มารี  เป็นมนุษย์ธรรมดาที่ไม่มีฤทธิ์อำนาจทำการอัศจรรย์ใดๆทั้งสิ้น  และวิญญาณของพวกท่านกำลังพักสงบ
อยู่ในแดนมรณา  เพื่อรอวันพิพากษาในวาระสุดท้ายของโลกเหมือนกับคนทั่วไป

5. ไม่มีการสวดมนต์ หรือสวดอ้อนวอนต่อพระเจ้า

6. อธิษฐานขอความช่วยเหลือจากพระเจ้า (พระเยซูคริสต์) แต่เพียงผู้เดียว  ได้ทั้งเป็นการส่วนตัวและขอในที่ประชุม (ทุกสถานที่ตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป)
โดยปกติคริสเตียนจะอธิษฐานต่อพระเจ้าเป็นประจำทุกวัน  ส่วนใหญ่จะเป็นเวลาเช้า  แต่มีคริสเตียนบางคนอธิษฐานตอนก่อนนอนเพิ่มเติมด้วย

7. สารภาพบาปเป็นการส่วนตัวกับพระเจ้า (พระเยซูคริสต์)  ได้ทุกเวลาและทุกสถานที่ (ไม่มีคนกลางระหว่างมนุษย์กับพระเจ้า)
โดยมีเงื่อนไขที่สำคัญคือ  จะต้องสำนึกผิดที่ได้ทำบาปมา และเป็นความรู้สึกที่ออกมาจากใจจริง  มิฉะนั้นแล้วพระเจ้าจะไม่ยกโทษบาปให้

8. ศึกษาคัมภีร์ไบเบิลด้วยตนเอง และจากการเรียนที่คริสตจักร  ส่วนใหญ่เป็นเวลาเช้า ก่อนนมัสการพระเจ้า

9. นมัสการพระเจ้าด้วยการร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้าที่คริสตจักรในวันอาทิตย์  โดยมีเนื้อเพลงภาษาไทย และส่วนใหญ่จะฉายโปรเจ็คเตอร์ประกอบ

10. เสริมสร้างจิตวิญญาณให้เติบโตและเข้มแข็ง  ด้วยการฟังคำเทศนาจากผู้รับใช้พระเจ้า

11. หากมีเวลาน้อย  ก็ใช้เวลาที่คริสตจักรในวันอาทิตย์ประมาณ 2 ชั่วโมง (โดยทั่วไป 10.00-12.00 น.)  ส่วนช่วงบ่ายส่วนใหญ่เป็นกิจกรรมกลุ่มย่อย

12. พิธีศพเลือกได้ทั้งฝังหรือเผา  หากญาติพี่น้องนับถือศาสนาพุทธจะทำพิธีแบบพุทธก็ได้  เนื่องจากเราได้ตายไปแล้ว  จึงไม่มีเงื่อนไขใดๆทั้งสิ้น

13. ข้อนี้สำคัญมาก  มีหลายคนไม่เปลี่ยนมาเป็นคริสเตียนก็มีสาเหตุมาจากข้อนี้ คือ  การถวายเงินให้คริสตจักร  เพื่อนำไปใช้จ่ายในงานของพระเจ้า
โดยในคัมภีร์ไบเบิลมีหลายตอนได้ระบุให้คริสเตียนถวายเงินให้คริสตจักร 1 ใน 10 ของรายได้  จึงกลายเป็นหน้าที่ของคริสเตียนที่จะต้องทำ  
หากไม่ทำก็ถือว่าไม่ศรัทธาในพระเจ้าอย่างแท้จริง  นี่เป็นสาเหตุหนึ่ง (ซึ่งอาจจะเป็นสาเหตุหลัก) ที่ทำให้จำนวนคริสเตียนไม่แพร่หลายมากเท่าที่ควร
ผมจึงเชื่อว่าพระเยซูคริสต์ไม่อยากให้เรื่องนี้เป็นภาระหนักสำหรับคริสเตียน  จนกระทั่งเป็นอุปสรรคอย่างใหญ่หลวงในการดำเนินชีวิตคริสเตียน
***ผมเชื่อว่าพระเยซูคริสต์ดูท่าทีในการถวายเงิน  มากกว่าดูจำนวนเงินที่ถวาย***
ดังนั้นถ้าผู้ใดถวายเงินให้คริสตจักร 1 ใน 10 ของรายได้ด้วยความศรัทธา  ก็ถือว่าผู้นั้นได้กระทำในสิ่งที่ยิ่งใหญ่
แต่ถ้าผู้ใดถวายเงินให้คริสตจักรไม่ถึง 1 ใน 10 ของรายได้  แต่ถวายด้วยความศรัทธาและเต็มกำลังแล้ว  ก็ถือว่าผู้นั้นเป็นคริสเตียนที่ดีเช่นกัน
การถวายเงินให้คริสตจักร  เป็นการถวายโดยไม่ระบุชื่อและจำนวนเงิน เช่น  ใส่ถุงถวายที่ส่งต่อกันมาในขณะที่นั่งประชุม  และใส่ตู้รับถวาย เป็นต้น

14. ศรัทธาพระเจ้าผู้ประเสริฐ  ด้วยการเชื่อฟังพระองค์ และวางใจพระองค์  ดังนี้
     (1) ประพฤติตามคำสอนของพระเยซูคริสต์  ชึ่งสรุปเป็นข้อเดียวคือ รักทุกคน   ประกอบด้วย  ช่วยเหลือผู้อื่น  เสียสละให้แก่ผู้อื่น  
และให้อภัยแก่ผู้ที่ทำไม่ดีต่อเรา
     (2) ทำตามน้ำพระทัย (พระประสงค์) ของพระเจ้าผู้ประเสริฐ  โดยเชื่อว่าน้ำพระทัยของพระองค์เป็นสิ่งที่ดีที่สุด

15. ผู้ที่ต้องการรับเชื่อพระเจ้าผู้ประเสริฐเพื่อเป็นคริสเตียน  จะต้องกระทำดังนี้  (ต่อหน้าคริสเตียนอย่างน้อย 1 คน  เพื่อเป็นพยานในการรับเชื่อ)
     (1) สำนึกผิดและยอมรับว่าตนเองเป็นคนบาป (มนุษย์ได้ทำบาปมาตั้งแต่ยังเป็นเด็ก  โดยเริ่มตั้งแต่มีการสำนึกดีและสำนึกชั่วเกิดขึ้น)
     (2) ต้องการหลุดพ้นจากการเป็นคนบาป (มนุษย์ไม่สามารถหลุดพ้นจากการเป็นคนบาปได้ด้วยตนเอง)
     (3) ขอให้พระเจ้าผู้ประเสริฐยกโทษบาปทั้งหมดให้เรา  แล้วพระองค์ก็จะยกโทษบาปและชำระบาปทั้งหมดให้แก่เรา  
และเปลี่ยนเราจากคนบาปให้เป็นคนชอบธรรม  แล้วพระองค์จะรับเราเป็นลูกของพระองค์
     (4) ต้อนรับพระเยซูคริสต์เข้ามานำชีวิตของเรา  เราก็จะเป็นคริสเตียนอย่างสมบูรณ์  แล้วพระเยซูคริสต์จะนำชีวิตเราให้ดีที่สุด
หากเรารักษาความชอบธรรมไว้จนถึงวันตาย  พระองค์ก็จะรับเราไปอยู่ในสวรรค์ชั่วนิรันดร์

ผู้ใดแสวงหาพระเจ้าผู้ประเสริฐ   ผู้นั้นจะพบพระองค์

ท่านสามารถศึกษาคัมภีร์ไบเบิลได้จากลิงค์นี้ครับ  http://www.ireadbible.org  หรือสั่งซื้อได้ที่สมาคมพระคริสตธรรมไทย และร้านหนังสือคริสเตียน  
โดยคัมภีร์ไบเบิล (พระคริสตธรรมคัมภีร์)  ประกอบด้วย 2 ส่วน คือ
     (1) ภาคพันธสัญญาเดิม (ก่อนพระเยซูคริสต์ประสูติ)
     (2) ภาคพันธสัญญาใหม่ (หลังพระเยซูคริสต์ประสูติ)

สำหรับผู้ที่เริ่มศึกษาคัมภีร์ไบเบิล  ขอแนะนำให้อ่านภาคพันธสัญญาใหม่ก่อน  เนื่องจากเข้าใจง่ายและมีจำนวนหน้าน้อยกว่ามาก
โดยเน้นในพระกิตติคุณ 4 เล่มแรกก่อน  ประกอบด้วยหนังสือ  มัทธิว  มาระโก  ลูกา  และยอห์น (โดยอ่านหลายๆรอบก่อน  แล้วจึงไปอ่านเล่มอื่น)
หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามจากผู้นำคริสตจักรทุกแห่งในวันอาทิตย์  (เราเรียกตำแหน่งนี้ว่า "ศิษยาภิบาล")
สอบถามคริสตจักรใกล้บ้านพร้อมเบอร์โทรติดต่อได้ที่  สมาคมพระคริสตธรรมไทย  โทร 02 279 8341-4  http://www.thaibible.or.th
หรือค้นหาได้จาก  https://tuthai.org/directory/area/  และ  https://www.christiansiam.com/Church/Church.html

                                       *****คริสตจักรของพระเจ้าผู้ประเสริฐ  ยินดีต้อนรับทุกท่าน*****

หากท่านสนใจการพิสูจน์ว่าพระเจ้าผู้ประเสริฐมีจริงหรือไม่
สามารถศึกษาได้จากลิงค์นี้ครับ  https://ppantip.com/topic/36323199/comment34 และ 34-2

หากท่านสนใจที่จะศึกษาทางของพระเยซูคริสต์ในเบื้องต้น  ซึ่งพระองค์มีความรักที่ยิ่งใหญ่ที่สุด  
โดยพระองค์รักมนุษย์ทุกคนมาก  และผมเชื่อว่าเป็นทางที่มีความสุขอย่างแท้จริง  
สามารถศึกษาได้จากลิงค์นี้ครับ  https://ppantip.com/topic/36545170/comment1

***ผมมีความเชื่อบางอย่างต่างจากคริสเตียนส่วนใหญ่  ซึ่งเกิดจากการตีความในคัมภีร์ไบเบิลบางตอนต่างกัน***

ขอพระเจ้าผู้ประเสริฐประทานสันติสุขให้แก่ท่าน
ในความรักของพระเยซูคริสต์  ผู้เป็นพระเจ้าผู้ประเสริฐ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่