[CR] (Review) Joker (2019) : ถ้าชายคนหนึ่งถูกบีบคั้นทุกอย่างด้วยภาวะเชิงลบตลอดเวลา ผลที่ได้จะลงเอยอย่างไร ?

Joker : โจ๊กเกอร์ 

" ณ จุดๆ หนึ่ง ก็ไม่มีแสงสว่างใดๆ ส่องถึงก้นบึ้งจิตใจของอาเธอร์อีกต่อไป... ระเบิดเวลาถูกจุดชนวน " 

    Joker (2019) หนังที่กระแสมาแรงสุด ณ ขณะนี้ จากล่าสุดที่ได้เข้าฉายใน Venice Film Festival 2019 เมื่อเดือนที่แล้ว และคว้ารางวัลได้ถึง 3 รางวัล ได้แก่ Graffetta d'Oro for Best Film, Best Soundtrack ที่สำคัญที่สุดคือ ได้รับ Golden Lion ในฐานะ Best Film เท่านี้ก็คงจะพอการันตีได้แล้วว่า Joker จัดเป็นหนังคุณภาพที่ไม่น่าพลาดเลย

     Joker (2019) ได้รับการกำกับโดยผู้กำกับ Todd Phillips (ผู้กำกับ The Hangover) โดยมีเนื้อเรื่องเล่าถึง มนุษย์ชายขอบผู้หนึ่งที่อาศัยอยู่ในเมือง Gotham ชายคนนี้มีนามว่า Arthur Fleck เขาคือชายผู้มีความใฝ่ฝันอยากจะเป็นนักแสดงตลกผู้ยิ่งใหญ่ ทว่าในชีวิตจริงกับความฝันนั้นต่างกัน Arthur Fleck ต้องรับมือกับปัญหาชีวิตมากมาย รวมทั้งอาการผิดปกติ คืออาการไม่สามารถควบคุมการหัวเราะของเขาด้วย และในท้ายที่สุดเมื่อไม่มีอะไรที่ทำให้ชีวิตของเขาดีขึ้นได้ ความรุนแรงจึงเป็นวิธีเดียวที่ทำให้เขาสามารถปลดปล่อยตัวตนออกมา

Credit - Facebook : La Biennale di Venezia

(มีการเปิดเผยเนื้อหาในส่วนต่อไป)

Joker เป็นเสมือนภาพจำลองชีวิตของคนที่ติดลบสุดขีด 
 
     สิ่งสำคัญที่สุดที่ Joker (2019) อยากจะบอกเราคงไม่พ้นการทดลอง - จำลองสถานการณ์หนึ่ง ในเงื่อนไขที่ว่า

'ถ้าคนชายขอบคนหนึ่งถูกบีบคั้นทุกๆ อย่างด้วยภาวะเชิงลบชนิดสุดขีดตลอดเวลา ผลที่ได้จะลงเอยอย่างไร ?'

     สภาวะสุดขีดที่ว่านี้เกิดทั้งในทางตรงและทางอ้อมกับอาเธอร์ ไม่ว่าจะเป็นอาการเจ็บป่วยที่ทำให้เขาไม่ปกติเหมือนคนอื่น ความเป็นอยู่ที่ข้นแค้น การประกอบอาชีพที่หาความสำเร็จในชีวิตไม่ได้ การกลั่นแกล้งจากคนในสังคม รวมถึงสภาพสังคมที่เกิดความเหลื่อมล้ำขั้นสูงที่บีบให้เขาไม่มีทางถีบตัวเองให้ชีวิตดีขึ้นไปกว่านี้ได้

     ปัญหาของอาเธอร์ดำเนินไปพร้อมๆ กับการประท้วงของชาวเมือง Gotham ระดับรากหญ้าที่อยากจะระบายความแค้น - ความอัดอั้นตันใจที่ไม่สามารถบอกใครได้ สวัสดิการช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสถูกตัดงบประมาณ เศรษฐกิจถูกกลุ่มนายทุนใหญ่กลืนกิน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
     แม้ว่าอาเธอร์จะอยากเป็นคนดี มองโลกในแง่ดี มีความสุขในชีวิต แต่ด้วยสภาพทุกอย่างที่ไม่เคยเอื้อให้เขาได้มีโอกาสได้มีได้เป็น พร้อมกับลงทัณฑ์เขาด้วยความเจ็บปวดทนทุกข์ทรมาน จึงเกิดเป็นโศกนาฏกรรมอยากที่เรารู้ๆ กัน 'พอฟางเส้นสุดท้ายขาดลง ก็ไม่มีแสงสว่างใดๆ ส่องถึงก้นบึ้งจิตใจของอาเธอร์อีกต่อไป...' ระเบิดเวลาทางอารมณ์ของอาเธอร์และชาวเมืองได้ระเบิดออก ส่งผลเลวร้ายเกินคาดคิด

     นี่เป็นภาพสะท้อนความเป็นไปได้ทางหนึ่งที่น่าสนใจ (ซึ่งอาจจะเกิดหรือไม่เกิดขึ้นจริงก็ได้) หลายๆ ประเด็นในหนังก็แลดูคล้ายกับชีวิตจริงของพวกเรา (ทั้งในสังคมไทยและสังคมโลก) เพียงแต่เป็นโศกนาฏกรรมที่ต่างคนต่างเจอ ไม่เหมือนอาเธอร์ที่ถูกจำลองให้ต้องเผชิญเรื่องทั้งหมดตามลำพัง

มองภาพรวมหนัง

     ในแง่ภาพยนตร์ Joker เป็นงานที่ถูกปลุกปั้น - ตีความขึ้นใหม่จากตัวละคร 2 มิติให้กลายเป็นมนุษย์ที่มีเลือดเนื้อ มีความลุ่มลึก ถือเป็นผลงานที่มีความเป็นศิลปะและมีความเป็นวรรณกรรม มันคือการร่ายรำสลับกับท่วงท่าดิ้นรนของคนที่ไม่มีแสงสว่างส่องเข้ามาในชีวิต และแสดงถึงการพังทลายทางจิตวิญญาณมนุษย์อย่างแท้จริง ดังนั้นทิศทางหนังต่างพุ่งไปในทิศทางเดียว คือค่อยๆ ดิ่งสู่ความมืดมิดอย่างหาความหวังกลับมาไม่ได้...
      ภายใต้การแสดงของ Joaquin Phoenix วาคีนแสดงได้อย่างทรงพลังไร้ที่ติ พร้อมด้วยบทหนังอันเข้มข้น ก็ทำให้ Joker กลายเป็นหนังที่มีขอบเขตเกินกว่าหนังตระกูลฮีโร่ ได้รับเสียงชื่นชมมากมาย

     การดำเนินเรื่อง ตัวหนังดำเนินเรื่องด้วยโทนอึมครึม บรรยากาศอึดอัด น่าสิ้นหวัง สไตล์หนังดราม่าชีวิต ถ้าไม่ใช่คนที่ชอบหนังดราม่าหนักๆ ก็อาจจะไม่เหมาะกับการดู บางช่วงของเรื่องก็มีเนือยบ้าง แต่โชคดีที่มีการแสดงของวาคีนดึงความสนใจไว้ ทำให้เราจดจ่ออยู่กับหนังได้
     ส่วนเรื่องงานออกแบบศิลป์และโปรดักชันหนัง ถือว่าทำได้สวยงาม ทั้งในเรื่องโทนสี จังหวะหนังต่างๆ ที่มีความเป็นศิลปะ รวมทั้งยังมีการนำเพลง - ภาพยนตร์ยุคเก่ามาคารวะด้วย

สิ่งที่โดดเด่นในภาพยนตร์ - ดนตรีประกอบภาพยนตร์ (Soundtrack)
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
Joker - Call Me Joker - Hildur Guðnadóttir (Official Soundtrack)

     อีกจุดที่น่าสนใจใน Joker ก็คือ Soundtrack ของหนัง ซึ่งได้รับ Best Soundtrack จาก Venice Film Festival 2019 มาด้วย ผ่านการประพันธ์และเรียบเรียงโดย Hildur Guðnadóttir ตัวดนตรีประกอบหนังช่วยให้เราเข้าถึงอารมณ์ของอาเธอร์ได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะเมื่อเข้าซีนอารมณ์ดราม่าหนักๆ แล้วมีการใส่ธีมดนตรีหน่วงอารมณ์เข้ามา กดดันอารมณ์คนดูได้อยู่หมัด
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
Rock And Roll Part 2 - Gary Glitter (Soundtrack "Joker")

     เพลงประกอบภาพยนตร์ ก็มีการนำหลายเพลงที่น่าสนใจมาใช้ อย่างที่ผมชอบเช่น Rock And Roll Part 2 - Gary Glitter เพลงเก่าคลาสสิคอย่าง Smile - Jimmy Durante,That's Life - Frank Sinatra หรือ Send In The Clowns - Frank Sinatra ที่ใส่ใน Trailer รวมถึงนำมาใช้กับหนัง
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
Joker - Send In The Clowns

     ยังมีอีกหลายเพลงน่าสนใจ หากสนใจลองเข้าไปฟังใน Spotify ในนี้ดูได้นะครับ --> Joker Movie 2019 OST Soundtrack
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
Jimmy Durante - Smile | Joker 2019 Movie Trailer Song
สรุป
     สำหรับ Joker (2019) ผมให้คะแนน 8.5/10 (เข้มข้น มืดหม่น ผสานกับการแสดงอันไร้ที่ติ) เป็นหนังชั้นเยี่ยมที่ไม่น่าพลาด แต่ก็ไม่ได้เหมาะกับทุกคน (ห้ามเด็กดู) เพราะไม่ใช่หนังดูสนุก แถมยังใช้พลังงานในการดูสูง บางซีนค่อนข้างโหด (ดังนั้นเตรียมตัวเตรียมใจให้ดี) ที่ผมรู้สึกประทับใจที่สุดนอกจากการแสดงของวาคีนแล้ว ก็คือการที่ DC สามารถเดินในแนวทางของตัวเองได้อย่างดูมีอนาคตสดใส คือไม่จำเป็นต้องตามรอย Marvel ไม่จำเป็นต้องทำหนังออกมาเอนเตอร์เทนคนดู แต่เลือกใช้แนวทางที่ตนเองถนัดคือ

'ตีความและดึงศักยภาพหนังแต่ละเรื่องให้ออกมามากที่สุดตามแนวทางที่ควรจะเป็น ภายใต้วิสัยทัศน์ของผู้กำกับเฉพาะคน'

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
That's Life - Frank Sinatra

     ด้วยวิธีนี้ทำให้ฟาก DC รังสรรค์ผลงานชั้นเยี่ยมอย่าง Joker ออกมาได้ ซึ่งอย่าง Joker ที่มีสไตล์เป็นหนังดราม่าหนักๆ สายรางวัลแบบนี้ อย่างน้อยก็คงได้รางวัลในอีกหลายเทศกาลหนัง และสำหรับลูกโลกทองคำ - ออสการ์ ด้วยคุณภาพที่เต็มเปี่ยมของหนัง ยังไงก็คงต้องเข้าชิงในหลายรางวัลและมีโอกาสคว้ารางวัลใหญ่ได้อย่างแน่นอน

8.5/10

----------------------------------------------------------------------

(เพิ่มเติม) Final Trailer จาก JOKER (2019)
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
JOKER - Final Trailer - Now Playing In Theaters

     จุดหนึ่งที่บางคนมองข้ามไป แล้วถ้าไม่พูดถึงผมก็เสียดาย ก็คือ Trailer ของ Joker (2019) ผมรู้สึกว่า Trailer ตัวนี้ทำมาได้น่าสนใจมาก ดูสนุก กระตุ้นให้อยากดูหนังจริง ทั้งการตัดต่อเลือกซีนเด็ดๆ และซีนที่สวยงานจากหนังมานำเสนอกระตุ้นให้คนอยากดู แต่พอนำมาร้อยเรียงกันแล้วก็ไม่เปิดเผยเนื้อเรื่องหลักจริงๆ ของหนัง (ตรงกับคอนเซ็ปต์ที่ดีของการทำ Trailer) เมื่อรวมเข้ากับดนตรีประกอบ Trailer ที่ค่อยๆ ดิ่งบรรยากาศให้หม่นลง ก็ช่วยสื่อถึงแก่นหนังโดยไม่ต้องไปรู้เนื้อเรื่องจริงมาก่อนเลย

     ถือเป็นอีก Trailer ที่ผมประทับใจ เสริมหนังให้สมบูรณ์ เสมือนเป็นหนังสั้นเรื่องหนึ่ง (ไม่รู้ว่าผมเวอร์ไปเองหรือเปล่า แต่เอาเป็นว่าผมชอบมากเลยแหละ)

----------------------------------------------------------------------
ป.ล. ใครชอบฉากใด ประทับใจหนังหรือคิดเห็นอย่างไร ก็มาพูดคุยกันได้นะครับ เพราะ บางทีก็อาจมีบางจุดที่ผมก็ตกหล่นไปเหมือนกัน (หากรีวิวผิดพลาดประการใดหรือไม่ถูกใจประการใด ก็ต้องขออภัยด้วยนะครับ) หากมีการเปิดเผยเนื้อหาในหนัง ก็รบกวนฝากใส่ Spoil กันไว้ให้สำหรับคนที่ยังไม่ได้ดูเผื่อไว้ด้วย

ป.ล.2 สำหรับคนที่ดูแล้วหรือยังไม่ได้ดู สามารถมาคุยกันได้ทาง Facebook อีกช่องทางนะครับ
ชื่อสินค้า:   ๋Joker (2019)
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่