สนามเวมบลีย์ แห่งกรุงลอนดอน ได้รับเลือกให้เป็นเจ้าภาพจัดรอบชิงชนะเลิศ UEFA Champions League 2023
ถือเป็นฤกษ์ดี เนื่องในโอกาสครบรอบ 55 ปี ของรอบชิงชนะเลิศ European Cup 1968 ซึ่งจัดที่สนามเวมบลีย์เช่นกัน โดยในครั้งนั้น แมนยูได้เข้าชิงกับเบนฟิก้า และเป็นฝ่ายถลุงไปถึง 4-1 คว้าแชมป์ในแผ่นดินตัวเอง สร้างประวัติศาสตร์เป็นทีมแรกของอังกฤษที่ได้แชมป์ European Cup
สังเกตว่า UCL ปีไหนที่รอบชิงจัดที่เวมบลีย์ แมนยูมักจะทำผลงานได้ดีเสมอ โดยอีกครั้งคือในปี 2011 ที่แมนยูสร้างประวัติศาสตร์เข้ารอบชิงถึง 3 ครั้งใน 4 ปี เจอกับทีมที่ดีที่สุดในโลกอย่างบาร์เซโลน่ายุคของ เป๊ป กวาดิโอล่า ก่อนจะแพ้ไปอย่างสูสี
ดังนั้น 2023 จึงเป็นโอกาสดีที่แมนยูจะกลับมายิ่งใหญ่ในเวทียุโรป คว้าแชมป์สมัยที่ 4 บนแผ่นดินตัวเองได้อีกครั้ง ประกอบกับเป็นปีที่ เป๊ป กวาดิโอล่า และ เยอร์เก้น คล็อปป์ น่าจะอำลาการคุมทีมในอังกฤษพอดี หมดยุคของแมนซิตี้และลิเวอร์พูล จึงมีโอกาสสูงที่แมนยูจะกลับมาเป็นเบอร์หนึ่งของอังกฤษอีกครั้ง และหากได้โค้ชอย่าง ซิเมโอเน่ หรือ อันเชล็อตติ มาคุมทีม ก็ย่อมมีโอกาสไปถึงจุดนั้นได้
เวมบลีย์ได้จัดรอบชิง UCL 2023 -โอกาสในการกลับมายิ่งใหญ่ของแมนยู-
ถือเป็นฤกษ์ดี เนื่องในโอกาสครบรอบ 55 ปี ของรอบชิงชนะเลิศ European Cup 1968 ซึ่งจัดที่สนามเวมบลีย์เช่นกัน โดยในครั้งนั้น แมนยูได้เข้าชิงกับเบนฟิก้า และเป็นฝ่ายถลุงไปถึง 4-1 คว้าแชมป์ในแผ่นดินตัวเอง สร้างประวัติศาสตร์เป็นทีมแรกของอังกฤษที่ได้แชมป์ European Cup
สังเกตว่า UCL ปีไหนที่รอบชิงจัดที่เวมบลีย์ แมนยูมักจะทำผลงานได้ดีเสมอ โดยอีกครั้งคือในปี 2011 ที่แมนยูสร้างประวัติศาสตร์เข้ารอบชิงถึง 3 ครั้งใน 4 ปี เจอกับทีมที่ดีที่สุดในโลกอย่างบาร์เซโลน่ายุคของ เป๊ป กวาดิโอล่า ก่อนจะแพ้ไปอย่างสูสี
ดังนั้น 2023 จึงเป็นโอกาสดีที่แมนยูจะกลับมายิ่งใหญ่ในเวทียุโรป คว้าแชมป์สมัยที่ 4 บนแผ่นดินตัวเองได้อีกครั้ง ประกอบกับเป็นปีที่ เป๊ป กวาดิโอล่า และ เยอร์เก้น คล็อปป์ น่าจะอำลาการคุมทีมในอังกฤษพอดี หมดยุคของแมนซิตี้และลิเวอร์พูล จึงมีโอกาสสูงที่แมนยูจะกลับมาเป็นเบอร์หนึ่งของอังกฤษอีกครั้ง และหากได้โค้ชอย่าง ซิเมโอเน่ หรือ อันเชล็อตติ มาคุมทีม ก็ย่อมมีโอกาสไปถึงจุดนั้นได้