๑๘ ตุลาคม วันครบรอบคณะทูตฝรั่งเศสของพระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๔ เข้ามาถวายพระราชสาสน์สมเด็จพระนารายณ์ ที่ กรุงศรีอยุธยา


จดหมายเหตุการเดินทางสู่ประเทศสยาม
ของ
บาดหลวงตาชารด์
 นายสันต์ ท.โกมลบุตร แปล
พิมพ์เป็นอนุสรณ์ในงานพระราชทานเพลิงศพ
 คุณหญิง นฤเบศร์มานิต (แข จูฑะเตมีย์)
ณ เมรุวัดธาตุทอง กรุงเทพมหานคร
 วันที่ ๒๓ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๑๙

 วันพฤหัสบดีที่ ๑๘ ตุลาคม  พ.ศ.๒๒๒๘  
     หลังจากที่ได้แล่นเลียบกําแพงพระนครไปชั่วระยะหนึ่งแล้ว ก็ไปถึงท่าจอดเรือกันอยู่ห่างจากพระราชราชวังหลวงหนึ่งในสี่ของลิเออ ม. ก็องสตั้งซ์ มาบัญชาการและคอยต้อนรับท่านราชทูตอยู่ที่นั่น ครั้นมีผู้ไปแจ้งให้ทราบ ว่าเรือบัลลังก์ใกล้จะถึงท่าเข้ามาแล้ว เขาก็ขึ้นช้างนําหน้าช้างศึกอีกยี่สิบ เชือกมาเข้าแถวที่ริมฝั่ง และเมื่อท่านราชทูตขึ้นจากเรือนั้น หลังจากได้ กราบถวายบังคมเรือบัลลังก์ลําที่เชิญพระราชสาส์นแล้ว เขาก็ลงจากหลังช้าง ตรงเข้าไปหา ฯ พณ ฯ และทั้งสองก็ถ้อยทีถ้อยปฏิสันถารกันอยู่ แล้ว ท่านราชทูตก็จะไปอัญเชิญพระราชสาส์นจากเรือที่เชิญมา หากปรากฏว่ามี ขุนนางผู้หนึ่งได้อัญเชิญขึ้นมาบนบกเสียก่อนแล้วพร้อมด้วยพระมณฑป ทองคําที่บรรจุพระราชสาส์นนั้น ขุนนางผู้น่าสงสารคนนั้นได้ประกอบกรรม ทําผิดพลาดเป็นข้อใหญ่ด้วยสําคัญว่าตนทําถูกต้องดีอยู่แล้ว เขาได้รับโทษ ในทันทีทันใดนั้นเอง โดยถูกลงอาญาให้สักศีรษะ ในขณะที่รอรับอาญาที่ หนักกว่านี้อยู่ตามบทพระอัยการ ด้วยว่าในการทูตทางประเทศภาคตะวันออก นั้น เขามีการแสดงความเคารพเป็นสถานอื่นสําหรับพระราชสาส์น ไม่เหมือน กันกับที่แสดงตัวต่อราชทูต เขาถือว่าพระราชสาส์นนั้นเป็นกระแสพระราช ตํารัสของพระมหากษัตริย์ ส่วนราชทูตเป็นแต่เพียงผู้อัญเชิญมาเท่านั้น ท่านเชอวาลิเอร์ เดอ โชมองค์จึงหยิบพระราชสาส์นนั้นมามอบให้แก่เจ้า อธิการโบสถ์ เดอ ซัวซี เป็นผู้เชิญไปวางไว้ด้วยความเคารพอย่างสูงบน ราชรถปิดทองคันหนึ่งในพระมณฑปยอดแหลม ซึ่งจะนําไปจนกระทั่งถึง ทวารพระราชวังหลวง
     หลังจากพิธีการนี้แล้ว ท่านราชทูตกขึ้นนั่งในเก้าอี้เท้าแขนปิดทอง ตัวหนึ่งซึ่งตั้งอยู่บนแท่นปูพรมงดงาม และมีหมอนพิงเป็นกํามะหยี่ มีพนักงานสิบคนหาม แวดล้อมด้วยขุนนางเดินตามไป ยกเว้นขุนนางสองนายที่ ขึ้นเสลี่ยงเก้าอี้หามที่ระดับกว่าขนาบข้างไปด้วยนั้น เจ้าอธิการโบสถ์ เดอ ชัวซี ตามไปในเก้าอี้คานหามทาสีแดง ประดับตกแต่งด้วยงาช้าง เหล่า ขุนนางผู้มีตระกูลขึ้นนั่งหลังม้าที่เขาจัดเตรียมไว้ให้เหยาะย่างตามไป ขบวน แห่นี้มีสิ่งที่แปลกตาเป็นพิเศษอยู่ เริ่มต้นขบวนด้วยช้างศึกยี่สิบเชือก นําหน้า ไปบนเส้นทางระหว่างเหล่าทหารหอกกับทหารปืนคาบศิลาเรียงรายอยู่เป็นสองแถวตามแนวถนนสายใหญ่อันยาวเหยียด จากท่านไปยังพระราชวังหลวง ต่อจากนั้นจึงเป็นหน่วยทหารรักษาการณ์และนายทหารของเจ้าเมือง กับขุนนางเป็นอันมากขี่ม้าตามไป ม. ก็องสตั้งซ์ตามหลังไปบนหลังช้าง นําหน้าราชรถที่อัญเชิญพระราชสาส์น ซึ่งเมื่อผ่านไปปรากฏที่ตรงไหน ประชาชนพลเมืองที่นั่งอยู่กับพื้นก็จะกราบถวายบังคมด้วยเบญจางคประดิษฐ์เป็นระยะๆ ไป ถัดจากราชรถนี้ ก็ถึงพลแตรสามคนของท่านราชทูตนั่งอยู่บนหลังม้า แต่งเครื่องแบบงดงาม และท่านราชทูตนั้นปรากฏ ตนอยู่ในที่สูงเด่นราวกับว่านั่งอยู่บนบัลลังก์ ท่านแต่งกายด้วยชุดผ้าตาดสีแดง เพลิงปักดิ้นทอง เป็นประกายงามนัก ท่านเจ้าอธิการโบสถ์ เดอ ซัวซี ตามไปในเสลี่ยงเปิดประทุน ในชุดเสื้อขาวอย่างที่นักบวชแต่งในโบสถ์สวม ทับเสื้อกระโปรงยาวสีดํา และสวมหมวกครอบ พวกขุนนางผู้มีตระกูลขี่ม้า ประดับพราวไปด้วยทองคําและเงิน ติดตามด้วยพนักงานรับใช้ประจําตัวท่าน ราชทูตกับคนรับใช้อีกเป็นอันมาก แต่งกายสะอาดเรียบร้อยเดินตามไป ปิดท้ายขบวนด้วยประชาชนพลเมืองเป็นจํานวนมากอย่างไม่น่าเชื่อติดตามไป อย่างสงบเงียบ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่