สวัสดีครับ ไม่ว่าเวลาจะผ่านมานานมากแค่ไหน โดราเอมอนก็อยู่ในใจของใครหลาย ๆ คนเสมอ กับเรื่องราวที่เรียบง่าย หรรษา ชวนให้อมยิ้ม และเปี่ยมด้วยจินตนาการอันกว้างไกลของฟูจิโอะ เอฟ ฟูจิโกะ ที่ได้สรรค์สร้างขึ้นมา จนทำให้เจ้าแมวไม่มีหูโดนหนูไล่กัดสีฟ้าเป็นที่รู้จักและโด่งดัง และในเกือบทุก ๆ ปีก็จะมีภาพยนตร์ยาวออกมาฉาย ซึ่งนี่เป็นครั้งแรกที่ผู้สร้างเลือกหยิบโลกใกล้ตัว อย่าง ตำนานบนดวงจันทร์มาถ่ายทอด และผสมผสานกับเรื่องราวทางวิทยาศาสตร์ที่เข้าถึงง่ายกว่าครั้งไหน ๆ และพร้อมจะเรียกน้ำตาผู้ชมอีกครั้ง..
"เมื่อหุ่นยนต์สำรวจของญี่ปุ่นค้นพบอะไรบางอย่างบนดวงจันทร์ แล้วเกิดเหตุการณ์ประหลาดที่ทำให้ขาดการติดต่อ โนบิตะที่เห็นเหตุการณ์เพียงแค่แว้บเดียวก็เชื่อว่า มีกระต่ายบนดวงจันทร์ ซึ่งแน่นอนไม่มีใครเชื่อในจินตนาการของเขาเลยสักคน มีเพียงโดราเอมอนที่เข้าใจ และใช้ของวิเศษในการสร้างโลกที่มาจากความคิดของเขาขึ้นมา แตไม่นานนักเรียนใหม่ก็ปรากฏตัวและเข้าหาพวกโนบิตะ พร้อมความลับบางอย่างที่โลกไม่เคยรู้ ซึ่งนำมาซึ่งการผจญภัยที่จะพิสูจน์คำว่า มิตรภาพต่างดวงดาว ให้เป็นที่ประจักษ์อีกครั้ง"
ตำนานผสานวิทยาศาสตร์
นี่น่าจะเป็นครั้งแรกที่เนื้อเรื่องค่อนข้างเรียบง่าย แต่เปี่ยมด้วยหัวใจของโดราเอมอนที่เคยขาดหายไป ไม่ว่าจะเป็นต้นเหตุจากเรื่องเล็ก ๆ จังหวะของเรื่องที่ชวนให้นึกถึงโดราเอมอนเดอะมูฟวี่สมัยก่อน ๆ ไม่มีอะไรซับซ้อนชวนให้สงสัย เล่าเรื่องไปข้างหน้าอย่างไหลลื่น ไม่อืดอาด และพร้อมจะสร้างสถานการณ์ที่ชวนให้ตื่นตาตลอดเวลา มีฉากดราม่า และ ฉากตลกโปกฮา สลับไปมาอยู่เรื่อย ๆ พร้อมยังหยิบเอาวิทยาศาสตร์ บอกเล่าระหว่างฉากที่มีความสำคัญกับเรื่องราว เหมือนโดราเอมอนมาเป็นครูสอนเด็กยังไงยังงั้นเลย
แต่ไม่ต้องกลัวว่าเป็นการยัดเยียด เพราะใส่มาอย่างถูกจังหวะ มีความสมเหตุสมผลทางตำนานต่าง ๆ ของโลกมาบอกเล่าแบบง่าย ๆ เข้ากับตัวละคร ไม่มีพยายามปั้นเรื่องให้ดูเศร้า แต่จะผลักให้เราเดินหน้าไปกับตัวละครต่าง ๆ ในเรื่อง แน่นอนว่าไม่ได้มีอะไรที่หวือหวา แต่ก็รักษาหัวใจสำคัญของโดราเอมอนได้เป็นอย่างดี เรียกได้ว่า ไม่ต้องกลัวว่าจะดูไม่รู้เรื่อง
ตัวละคร
ตัวละครหลักใน โดราเอม่อน เดอะมูฟวี่ โนบิตะสำรวจดินแดนจันทรา ก็ยังเป็นเหมือนเดิมแบบที่เรารู้จัก แต่เพิ่มเติมคือความคิดความอ่านมากขึ้น ไม่มีใครทำอะไรงี่เง่าน่าหงุดหงิด ทุกอย่างสมเหตุสมผล แถมยังเทน้ำหนักตัวละครอย่างลงตัว มีซีนเป็นของตัวเอง ตัวละครใหม่ที่โผล่มา ก็มีเสน่ห์ ลุ้นเอาใจช่วย เพียงในเวลาไม่กี่ฉาก มีมิติที่น่าสนใจที่ไม่ได้ดีที่สุด หรือ เลวที่สุด แต่มีเหตุผลที่ทั้งน่าสนใจ และไม่เห็นด้วย ซึ่งเหมือนเป็นการต่อยอดจากเดอะมูฟวี่ก่อน ๆ มาทำให้เดอะมูฟวี่ไม่จืด เดาง่ายเสมอไป
ตัวละครสามารถพลิกไปมาได้อย่างไม่น่าเชื่อ ส่วนเจ้า มูนบิต กระต่ายบนดวงจันทร์สีชมพู ก็ออกมาโชว์ความน่ารัก ไร้เดียงสา และน่าเอ็นดู แต่ก็มีประโยชน์จนได้ใจคนดู เช่นเดียวกับ ตัวละครของลูกะ ที่มีปมเป็นของตัวเอง และเคมีเข้ากับโนบิตะมาก จนทำให้มิตรภาพของพวกเขามั่นคงมาก ๆ ส่วนตัวร้ายของเรื่อง ก็ยังขาดมิติไม่ต่างกับเดอะมูฟวี่ที่ผ่านมา แต่อย่างว่าโดราเอมอน ไม่ได้ต้องการความซับซ้อน หรือ จริงจังมากมาย แค่ทำให้คนเชื่อในเรื่องก็พอ
ดนตรีดี งานภาพเด่น นักพากย์ที่คุ้นเคย
เสียงประกอบของ โดราเอม่อน เดอะมูฟวี่ โนบิตะสำรวจดินแดนจันทรา เป็นเพลงบรรเลงเสริมฉากกำลังดี ให้อารมณ์เรียบง่าย แต่ก็มหัศจรรย์ โดยเฉพาะ เพลงที่สอดแทรกเข้ามาก็ช่วยผลักให้อารมณ์ของหนังมากขึ้น แถมที่ดีมาก ๆ คือ รอบนี้มีซับให้ในเพลงด้วย ทุกเพลง ส่วนงานภาพเรียกได้ว่าสีสวยสด ไม่มีใบหน้า แอ็คติ้งประหลาด ๆ ตัวละคร มุมภาพที่กว้างมากแบบที่ไม่เคยได้เห็นมาก่อน แถมยังเป็นธรรมชาติ ลื่นไหล เหมือนตัวละครมีชีวิตจริง ๆ
ส่วนนักพากย์ทุกท่านก็ยังคงเป็นแบบเหมือนตอนที่เราเป็นเด็ก เสียงเป็นอย่างไร ก็ยังเป็นแบบที่เราคุ้นชิน และไม่อยากให้ใครมาแทนที่ อยากให้พากย์ตลอดไป แต่อาจจะมีนักพากย์ที่พากย์ตัวละครซ้ำ เป็นเรื่องปกติของการพากย์ไทย แต่ที่ยกความดีความชอบก็คงจะเป็น น้าผึ้ง ศรีอาภา เรือนนาค ผู้พากย์เป็นทั้งลูกะ และชิซึกะ ที่ให้อารมณ์ต่างกันเหมือนเดิม แม้จะไม่ได้พากย์ตัวละครเสริมมานานก็ตาม
นักพากย์เสริมรุ่นใหม่ก็ทำหน้าที่ได้ดี เพลงตอนจบอย่าง The Gift ของ ฮิราอิ ได ก็ชวนให้หวนนึกถึงอดีต นี่อาจเป็นเหตุผลที่เพลงดูเก่า ไม่ใช่สมัยใหม่ เพราะมันเป็นการหวนย้อนไปตอนที่เราดูโดราเอมอนมาตั้งแต่อายุน้อย จนบางคน เลขเท่าไหร่ ก็ยังไม่ลืม และไม่มีวันลืม พอเพลงนี้ขึ้นมาพร้อมซับคำแปล ผมนี่น้ำตาไหลเลย คิดถึงตอนที่ตัวเองยังเป็นเด็ก ตอนที่จินตนาการของคน ๆ หนึ่งมีความหมายมากกว่าสิ่งไหน
เพราะจินตนาการคือสิ่งที่บริสุทธิ์ที่สุด
ภาคนี้มี ประเด็นสำคัญมากมาย ไม่ว่าจะเป็น เรื่องของจินตนาการ เรื่องของมิตรภาพ เรื่องของผู้นำ เรื่องของการเสียสละ ประวัติศาสตร์โลก ซึ่งแม้จะไม่ได้แปลกใหม่ แต่ยังคงทำให้คนดูเข้าใจและกินใจได้เหมือนเดิม หยิบเอารูปแบบของเดอะมูฟวี่ภาคก่อน ๆ และมังงะ มานำเสนอใหม่ ใครได้ติดตามโดราเอมินมานาน คงว้าวน่าดู ทฤษฏีต่าง ๆ ที่เคยเกิดขึ้นบนโลกที่มันคือเรื่องของอดีต เรียกได้ว่าถ้าเด็กได้ดูเรื่องนี้แล้วตั้งใจฟังดี ๆ จะได้อะไรหลายอย่างเยอะมาก เช่นเดียวกับผู้ใหญ่ที่ดูไปอาจน้ำตาซึม และทึ่งกับความเรียบง่ายและจับใจคนดูตั้งแต่ต้นจนฉากสุดท้ายของเรื่อง เป็นภาพยนตร์อนิเมชั่นที่คู่ควรแก่การได้รับคำชมจริง ๆ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ชอบประเด็นความเชื่อ และ ความคิดเห็นที่ทำให้เกิดเรื่อง และชอบประเด็นที่จิกกัดผู้นำ รู้สึกว่าไม่เคยเห็นในโดราเอมอนมาก่อน แถมมีแอบจิ้นวายกับลูกะอีกด้วย ตัวละครก็มีเสน่ห์หน้าตาดีเหลือเกิน โนบิตะเลยปักธงได้อีกแล้ว
ภาคนี้อาจจะไม่ได้ซึ้งจนน้ำตาไหล แต่ก็เปี่ยมล้นด้วยหัวใจและความทรงจำอันงดงาม เปรียบเสมือนการเดินทางจากโลกสู่ดวงจันทร์ และพร้อมจะเป็นเพื่อนที่คอยช่วยให้ใครหลายคนที่รู้สึกว่าจินตนาการไม่มีความหมายได้หวนย้อนกลับไปค้นหาตัวเองแบบตอนเด็ก ๆ อีกครั้ง และแนะนำว่าควรไปดูกันเป็นครอบครัว เพิ่มพลังสายสัมพันธ์ของครอบครัว ผู้ชมทุกเพศทุกวัยและแฟนโดราเอมอนทุกคนไม่ควรพลาดภาคนี้อย่างยิ่งครับ
8.5/10
เรื่องที่ 27 : โดราเอม่อน เดอะมูฟวี่ โนบิตะสำรวจดินแดนจันทรา เพราะเพื่อนก็คือพวกพ้อง..ไม่มีวันทอดทิ้งกัน
สวัสดีครับ ไม่ว่าเวลาจะผ่านมานานมากแค่ไหน โดราเอมอนก็อยู่ในใจของใครหลาย ๆ คนเสมอ กับเรื่องราวที่เรียบง่าย หรรษา ชวนให้อมยิ้ม และเปี่ยมด้วยจินตนาการอันกว้างไกลของฟูจิโอะ เอฟ ฟูจิโกะ ที่ได้สรรค์สร้างขึ้นมา จนทำให้เจ้าแมวไม่มีหูโดนหนูไล่กัดสีฟ้าเป็นที่รู้จักและโด่งดัง และในเกือบทุก ๆ ปีก็จะมีภาพยนตร์ยาวออกมาฉาย ซึ่งนี่เป็นครั้งแรกที่ผู้สร้างเลือกหยิบโลกใกล้ตัว อย่าง ตำนานบนดวงจันทร์มาถ่ายทอด และผสมผสานกับเรื่องราวทางวิทยาศาสตร์ที่เข้าถึงง่ายกว่าครั้งไหน ๆ และพร้อมจะเรียกน้ำตาผู้ชมอีกครั้ง..
"เมื่อหุ่นยนต์สำรวจของญี่ปุ่นค้นพบอะไรบางอย่างบนดวงจันทร์ แล้วเกิดเหตุการณ์ประหลาดที่ทำให้ขาดการติดต่อ โนบิตะที่เห็นเหตุการณ์เพียงแค่แว้บเดียวก็เชื่อว่า มีกระต่ายบนดวงจันทร์ ซึ่งแน่นอนไม่มีใครเชื่อในจินตนาการของเขาเลยสักคน มีเพียงโดราเอมอนที่เข้าใจ และใช้ของวิเศษในการสร้างโลกที่มาจากความคิดของเขาขึ้นมา แตไม่นานนักเรียนใหม่ก็ปรากฏตัวและเข้าหาพวกโนบิตะ พร้อมความลับบางอย่างที่โลกไม่เคยรู้ ซึ่งนำมาซึ่งการผจญภัยที่จะพิสูจน์คำว่า มิตรภาพต่างดวงดาว ให้เป็นที่ประจักษ์อีกครั้ง"
ตำนานผสานวิทยาศาสตร์
นี่น่าจะเป็นครั้งแรกที่เนื้อเรื่องค่อนข้างเรียบง่าย แต่เปี่ยมด้วยหัวใจของโดราเอมอนที่เคยขาดหายไป ไม่ว่าจะเป็นต้นเหตุจากเรื่องเล็ก ๆ จังหวะของเรื่องที่ชวนให้นึกถึงโดราเอมอนเดอะมูฟวี่สมัยก่อน ๆ ไม่มีอะไรซับซ้อนชวนให้สงสัย เล่าเรื่องไปข้างหน้าอย่างไหลลื่น ไม่อืดอาด และพร้อมจะสร้างสถานการณ์ที่ชวนให้ตื่นตาตลอดเวลา มีฉากดราม่า และ ฉากตลกโปกฮา สลับไปมาอยู่เรื่อย ๆ พร้อมยังหยิบเอาวิทยาศาสตร์ บอกเล่าระหว่างฉากที่มีความสำคัญกับเรื่องราว เหมือนโดราเอมอนมาเป็นครูสอนเด็กยังไงยังงั้นเลย
แต่ไม่ต้องกลัวว่าเป็นการยัดเยียด เพราะใส่มาอย่างถูกจังหวะ มีความสมเหตุสมผลทางตำนานต่าง ๆ ของโลกมาบอกเล่าแบบง่าย ๆ เข้ากับตัวละคร ไม่มีพยายามปั้นเรื่องให้ดูเศร้า แต่จะผลักให้เราเดินหน้าไปกับตัวละครต่าง ๆ ในเรื่อง แน่นอนว่าไม่ได้มีอะไรที่หวือหวา แต่ก็รักษาหัวใจสำคัญของโดราเอมอนได้เป็นอย่างดี เรียกได้ว่า ไม่ต้องกลัวว่าจะดูไม่รู้เรื่อง
ตัวละคร
ตัวละครหลักใน โดราเอม่อน เดอะมูฟวี่ โนบิตะสำรวจดินแดนจันทรา ก็ยังเป็นเหมือนเดิมแบบที่เรารู้จัก แต่เพิ่มเติมคือความคิดความอ่านมากขึ้น ไม่มีใครทำอะไรงี่เง่าน่าหงุดหงิด ทุกอย่างสมเหตุสมผล แถมยังเทน้ำหนักตัวละครอย่างลงตัว มีซีนเป็นของตัวเอง ตัวละครใหม่ที่โผล่มา ก็มีเสน่ห์ ลุ้นเอาใจช่วย เพียงในเวลาไม่กี่ฉาก มีมิติที่น่าสนใจที่ไม่ได้ดีที่สุด หรือ เลวที่สุด แต่มีเหตุผลที่ทั้งน่าสนใจ และไม่เห็นด้วย ซึ่งเหมือนเป็นการต่อยอดจากเดอะมูฟวี่ก่อน ๆ มาทำให้เดอะมูฟวี่ไม่จืด เดาง่ายเสมอไป
ตัวละครสามารถพลิกไปมาได้อย่างไม่น่าเชื่อ ส่วนเจ้า มูนบิต กระต่ายบนดวงจันทร์สีชมพู ก็ออกมาโชว์ความน่ารัก ไร้เดียงสา และน่าเอ็นดู แต่ก็มีประโยชน์จนได้ใจคนดู เช่นเดียวกับ ตัวละครของลูกะ ที่มีปมเป็นของตัวเอง และเคมีเข้ากับโนบิตะมาก จนทำให้มิตรภาพของพวกเขามั่นคงมาก ๆ ส่วนตัวร้ายของเรื่อง ก็ยังขาดมิติไม่ต่างกับเดอะมูฟวี่ที่ผ่านมา แต่อย่างว่าโดราเอมอน ไม่ได้ต้องการความซับซ้อน หรือ จริงจังมากมาย แค่ทำให้คนเชื่อในเรื่องก็พอ
ดนตรีดี งานภาพเด่น นักพากย์ที่คุ้นเคย
เสียงประกอบของ โดราเอม่อน เดอะมูฟวี่ โนบิตะสำรวจดินแดนจันทรา เป็นเพลงบรรเลงเสริมฉากกำลังดี ให้อารมณ์เรียบง่าย แต่ก็มหัศจรรย์ โดยเฉพาะ เพลงที่สอดแทรกเข้ามาก็ช่วยผลักให้อารมณ์ของหนังมากขึ้น แถมที่ดีมาก ๆ คือ รอบนี้มีซับให้ในเพลงด้วย ทุกเพลง ส่วนงานภาพเรียกได้ว่าสีสวยสด ไม่มีใบหน้า แอ็คติ้งประหลาด ๆ ตัวละคร มุมภาพที่กว้างมากแบบที่ไม่เคยได้เห็นมาก่อน แถมยังเป็นธรรมชาติ ลื่นไหล เหมือนตัวละครมีชีวิตจริง ๆ
ส่วนนักพากย์ทุกท่านก็ยังคงเป็นแบบเหมือนตอนที่เราเป็นเด็ก เสียงเป็นอย่างไร ก็ยังเป็นแบบที่เราคุ้นชิน และไม่อยากให้ใครมาแทนที่ อยากให้พากย์ตลอดไป แต่อาจจะมีนักพากย์ที่พากย์ตัวละครซ้ำ เป็นเรื่องปกติของการพากย์ไทย แต่ที่ยกความดีความชอบก็คงจะเป็น น้าผึ้ง ศรีอาภา เรือนนาค ผู้พากย์เป็นทั้งลูกะ และชิซึกะ ที่ให้อารมณ์ต่างกันเหมือนเดิม แม้จะไม่ได้พากย์ตัวละครเสริมมานานก็ตาม
นักพากย์เสริมรุ่นใหม่ก็ทำหน้าที่ได้ดี เพลงตอนจบอย่าง The Gift ของ ฮิราอิ ได ก็ชวนให้หวนนึกถึงอดีต นี่อาจเป็นเหตุผลที่เพลงดูเก่า ไม่ใช่สมัยใหม่ เพราะมันเป็นการหวนย้อนไปตอนที่เราดูโดราเอมอนมาตั้งแต่อายุน้อย จนบางคน เลขเท่าไหร่ ก็ยังไม่ลืม และไม่มีวันลืม พอเพลงนี้ขึ้นมาพร้อมซับคำแปล ผมนี่น้ำตาไหลเลย คิดถึงตอนที่ตัวเองยังเป็นเด็ก ตอนที่จินตนาการของคน ๆ หนึ่งมีความหมายมากกว่าสิ่งไหน
เพราะจินตนาการคือสิ่งที่บริสุทธิ์ที่สุด
ภาคนี้มี ประเด็นสำคัญมากมาย ไม่ว่าจะเป็น เรื่องของจินตนาการ เรื่องของมิตรภาพ เรื่องของผู้นำ เรื่องของการเสียสละ ประวัติศาสตร์โลก ซึ่งแม้จะไม่ได้แปลกใหม่ แต่ยังคงทำให้คนดูเข้าใจและกินใจได้เหมือนเดิม หยิบเอารูปแบบของเดอะมูฟวี่ภาคก่อน ๆ และมังงะ มานำเสนอใหม่ ใครได้ติดตามโดราเอมินมานาน คงว้าวน่าดู ทฤษฏีต่าง ๆ ที่เคยเกิดขึ้นบนโลกที่มันคือเรื่องของอดีต เรียกได้ว่าถ้าเด็กได้ดูเรื่องนี้แล้วตั้งใจฟังดี ๆ จะได้อะไรหลายอย่างเยอะมาก เช่นเดียวกับผู้ใหญ่ที่ดูไปอาจน้ำตาซึม และทึ่งกับความเรียบง่ายและจับใจคนดูตั้งแต่ต้นจนฉากสุดท้ายของเรื่อง เป็นภาพยนตร์อนิเมชั่นที่คู่ควรแก่การได้รับคำชมจริง ๆ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ภาคนี้อาจจะไม่ได้ซึ้งจนน้ำตาไหล แต่ก็เปี่ยมล้นด้วยหัวใจและความทรงจำอันงดงาม เปรียบเสมือนการเดินทางจากโลกสู่ดวงจันทร์ และพร้อมจะเป็นเพื่อนที่คอยช่วยให้ใครหลายคนที่รู้สึกว่าจินตนาการไม่มีความหมายได้หวนย้อนกลับไปค้นหาตัวเองแบบตอนเด็ก ๆ อีกครั้ง และแนะนำว่าควรไปดูกันเป็นครอบครัว เพิ่มพลังสายสัมพันธ์ของครอบครัว ผู้ชมทุกเพศทุกวัยและแฟนโดราเอมอนทุกคนไม่ควรพลาดภาคนี้อย่างยิ่งครับ
8.5/10