ตามหัวข้อเรื่องเลยค่ะ คือเรื่องมันมีอยู่ว่า
เมื่อตอนที่เราอยู่มัธยมต้นเนี่ย แม่เริ่มอยากเล่นโทรศัพท์ ก็ปกติแหละเนอะ พอทีนี้ก็เริ่ม
คุยกับผช.คนอื่น ตอนนั้นที่รู้เรื่องนี้ก็คือเป็นเราเองที่ยอมรับไม่ได้ หลายคนอาจจะแบบเออแค่คุยป่าววะ
แต่!! มันไม่ใช่ คือเขามีโอนเงินเติมเงินให้กัน ซื้อของให้กัน สำหรับเรา เป็นควรครัวที่ไม่ได้ร่ำรวย อยู่ในระดับปานกลางลงมาเนอะ ตอนนั้นก็ก็เครียดหนัก ไหนจะเครียดเรียนบอกใครก็ไม่ได้
ก็เลยตัดสินใจพูดตรงๆ เขาก็ขอโทษ บอกไม่ทำ
เราก็เชื่อใจแม่
แต่หลังจากนั้นอีก3 ปีที่เราเข้ามหาลัย
คือเราก็ไปเรียน พอวันนึงเรากลับมาเห็นและรู้จากข้อความที่เขาคุยกันอ่ะนะคะ เมื่อก่อนคุยในเฟส พอบอกเลิกคุยตอนนั้นเขาก็แค่เปลี่ยนมาคุยในไลน์แทน 4 ปี ! สำหรับคำที่บอกว่าจะเลิก
จะไม่อะไรเลย คือเขาเรียกกันผัวเมีย คือพ่อเราเป็นคนไม่เล่นอะไรพวกนี้ ทำงานทุกวัน
เราก็เลยตัดสินใจถามอีกครั้ง
เหตุผลที่ได้คือ เขาบอกไม่ได้อะไรแล้ว แค่พี่น้อง
พี่น้องเขาเรียกกันว่า ผัว แทนตัวเองว่า เมียหรอคะ
อ่ะ ตอนนั้นคือความเชื่อใจเราหมดไปเลย
แต่ประเด็นมันอยู่ตรงนี้ค่ะ!!
คือแม่เราอ่ะ ไม่ได้คุยแค่คนเดียว คุยมั่วไปหมด
เราก็แบบปลง เพราะคิดว่าคนคุยแต่ละคนนั้นอยุ่ไกล
แต่!!
ที่น่าตกใจคือมีคนอยู่ใกล้ค่ะ คือเราเพิ่งรู้
เขาคุยกันปีกว่า เขาก็เรียกกันผัวๆ เมียๆ
ที่พีคคือ คนนี้คือคนที่เขามีอะไรด้วย
คือเรามีหลักฐานชัดเจนกับการสนทนาขอเขา
การนัดแนะการพูดคุยถึงสถานะจริงๆ
แม้แต่การคุยเรื่องอย่างว่า
สำหรับเรามันรู้สึกชินเพราะความผิดหวัง เรากลายเป็นคนที่ต่อต้านแม่ไปเลย
สิ่งที่ผิดหวังคือเขาเป็นคนหมู่บ้านใกล้กัน เวลาไปงานอะไร เขาจะนัดกันไป ในขณะที่แม่ยังไปกับพ่อ แต่ก็นัดแนะกันว่านี่นะไปนี่นะ แอบมองกันเอาเนอะ แล้วสิ่งที่ไม่ชอบคือพูดถึงพ่อในทางไม่ดี
หลายคนอาจคิดว่าเราเข้าข้างพ่อไปป่าว รักพ่อมากกว่าแม่ป่าว
จริงๆบ้านเราอยู่แบบไปไหนรู้หมด ทำธุกิจเล็กๆของตัวเองในหมุ่บ้าน ทำไร่นานี่แหละ
เข้าเรื่องค่ะ
คือเราไม่รู้ว่าจะทำไง ก็ก้คิดว่า เออไหนๆก็ไหนไหน ลองถามดู ครั้งที่3 หลักฐานเรามีเต็มที่
ให้ใครดูก็รู้ว่าจริง
เราก็ถามแม่ว่า แม่อ่ะมีคนคุยกี่คน
แกก็แบบเหมือนยอมรับ ว่าก็แค่คุย
เราโมโหมาก แค่คุยแต่เรียกกับทุกคนว่า ผัว เมีย
มันเรียกแค่คุยหรอ
คำตอบที่ได้คือ ก็มันเป็นคำเรียกที่ใช้เรียกปกติ
นี่สงสัยจริงๆนะ ว่าคนที่มีลูกมีผัว แถมอยู่ด้วยกันเนี่ย การเรียกผช.คนอื่นว่า ผัว แทนตัวเองเมียมันเรื่องปกติจริงมั้ย
หลังจากนั้น เราก็ถามเลย
ว่า แล้วที่ไอ้นัดไปเอากันเนี่ย มันปกติด้วยมั้ย
(ใช้คำแรง เพราะตอนนั้นโกระมาก)
แกก็บอก เกินไปป่าว ว่าแม่คุยกับคุยอื่นอ่ะใช่ แต่หาว่าแม่ไปนัดเอากันนี่มันเกินไปนะ
เรา:รึว่าแม่ไม่ยอมรับ
แม่:ไม่ยอมรับ
เราเถียงกันแบบนั้นคือยังไงก็ไม่ยอมรับ
แล้วเราก็พูดถึงจุดนึง แกก็บอกเข้าเฟสกูหรอ
(ปกติแม่ก็พุดแบบนี้)
เราก็บอกว่าไม่จำเป็นต้องรู้
ทำเราเสียใจไม่เท่ากับการเหยียดหยามพ่อ
หลังจากนั้นเราก็ไม่คุยกับแม่อีก เราโกรธมาก
เสียความรู้สึก เหตุการณ์ที่ผ่านมา มันทำให้เรารู้สึกเครียดตลอด เห็นแม่แล้วเครียด กังวลใจ โกรธคนนั้น ที่เขาไม่มีจิตสำนึก
หลายคุยที่คุยกับแม่ล้วนเป็นคนมีครอบครัว
ทุกคนโพสต์ ว่ารักลูกเมีย แต่นี่หรือ คือเบื้องหลังของความรักนั้นที่คุณพร่ำบอก
สงสารลูกเมีย สงสารผัว ที่ไม่ได้รู้ถึงความเลว
และความเห็นแก่ตัวของพวกคุณ
เอาแต่โทษอีกคนไม่ดี รึเป็นพวกคุณเองไม่รู้จักพอ
สำหรับใครที่อ่าน แล้วมีข้อเสนอแนะ ช่วยบอกด้วยนะคะ
ปล.ตอนนี้ก็ยังแอบคุยเหมือนเดิม ไม่เลิกคุย
แม่นอกใจพ่อ แม่พอเราพุดคุยแล้วยังไม่เปลี่ยนแปลง ควรทำยังไง?
เมื่อตอนที่เราอยู่มัธยมต้นเนี่ย แม่เริ่มอยากเล่นโทรศัพท์ ก็ปกติแหละเนอะ พอทีนี้ก็เริ่ม
คุยกับผช.คนอื่น ตอนนั้นที่รู้เรื่องนี้ก็คือเป็นเราเองที่ยอมรับไม่ได้ หลายคนอาจจะแบบเออแค่คุยป่าววะ
แต่!! มันไม่ใช่ คือเขามีโอนเงินเติมเงินให้กัน ซื้อของให้กัน สำหรับเรา เป็นควรครัวที่ไม่ได้ร่ำรวย อยู่ในระดับปานกลางลงมาเนอะ ตอนนั้นก็ก็เครียดหนัก ไหนจะเครียดเรียนบอกใครก็ไม่ได้
ก็เลยตัดสินใจพูดตรงๆ เขาก็ขอโทษ บอกไม่ทำ
เราก็เชื่อใจแม่
แต่หลังจากนั้นอีก3 ปีที่เราเข้ามหาลัย
คือเราก็ไปเรียน พอวันนึงเรากลับมาเห็นและรู้จากข้อความที่เขาคุยกันอ่ะนะคะ เมื่อก่อนคุยในเฟส พอบอกเลิกคุยตอนนั้นเขาก็แค่เปลี่ยนมาคุยในไลน์แทน 4 ปี ! สำหรับคำที่บอกว่าจะเลิก
จะไม่อะไรเลย คือเขาเรียกกันผัวเมีย คือพ่อเราเป็นคนไม่เล่นอะไรพวกนี้ ทำงานทุกวัน
เราก็เลยตัดสินใจถามอีกครั้ง
เหตุผลที่ได้คือ เขาบอกไม่ได้อะไรแล้ว แค่พี่น้อง
พี่น้องเขาเรียกกันว่า ผัว แทนตัวเองว่า เมียหรอคะ
อ่ะ ตอนนั้นคือความเชื่อใจเราหมดไปเลย
แต่ประเด็นมันอยู่ตรงนี้ค่ะ!!
คือแม่เราอ่ะ ไม่ได้คุยแค่คนเดียว คุยมั่วไปหมด
เราก็แบบปลง เพราะคิดว่าคนคุยแต่ละคนนั้นอยุ่ไกล
แต่!!
ที่น่าตกใจคือมีคนอยู่ใกล้ค่ะ คือเราเพิ่งรู้
เขาคุยกันปีกว่า เขาก็เรียกกันผัวๆ เมียๆ
ที่พีคคือ คนนี้คือคนที่เขามีอะไรด้วย
คือเรามีหลักฐานชัดเจนกับการสนทนาขอเขา
การนัดแนะการพูดคุยถึงสถานะจริงๆ
แม้แต่การคุยเรื่องอย่างว่า
สำหรับเรามันรู้สึกชินเพราะความผิดหวัง เรากลายเป็นคนที่ต่อต้านแม่ไปเลย
สิ่งที่ผิดหวังคือเขาเป็นคนหมู่บ้านใกล้กัน เวลาไปงานอะไร เขาจะนัดกันไป ในขณะที่แม่ยังไปกับพ่อ แต่ก็นัดแนะกันว่านี่นะไปนี่นะ แอบมองกันเอาเนอะ แล้วสิ่งที่ไม่ชอบคือพูดถึงพ่อในทางไม่ดี
หลายคนอาจคิดว่าเราเข้าข้างพ่อไปป่าว รักพ่อมากกว่าแม่ป่าว
จริงๆบ้านเราอยู่แบบไปไหนรู้หมด ทำธุกิจเล็กๆของตัวเองในหมุ่บ้าน ทำไร่นานี่แหละ
เข้าเรื่องค่ะ
คือเราไม่รู้ว่าจะทำไง ก็ก้คิดว่า เออไหนๆก็ไหนไหน ลองถามดู ครั้งที่3 หลักฐานเรามีเต็มที่
ให้ใครดูก็รู้ว่าจริง
เราก็ถามแม่ว่า แม่อ่ะมีคนคุยกี่คน
แกก็แบบเหมือนยอมรับ ว่าก็แค่คุย
เราโมโหมาก แค่คุยแต่เรียกกับทุกคนว่า ผัว เมีย
มันเรียกแค่คุยหรอ
คำตอบที่ได้คือ ก็มันเป็นคำเรียกที่ใช้เรียกปกติ
นี่สงสัยจริงๆนะ ว่าคนที่มีลูกมีผัว แถมอยู่ด้วยกันเนี่ย การเรียกผช.คนอื่นว่า ผัว แทนตัวเองเมียมันเรื่องปกติจริงมั้ย
หลังจากนั้น เราก็ถามเลย
ว่า แล้วที่ไอ้นัดไปเอากันเนี่ย มันปกติด้วยมั้ย
(ใช้คำแรง เพราะตอนนั้นโกระมาก)
แกก็บอก เกินไปป่าว ว่าแม่คุยกับคุยอื่นอ่ะใช่ แต่หาว่าแม่ไปนัดเอากันนี่มันเกินไปนะ
เรา:รึว่าแม่ไม่ยอมรับ
แม่:ไม่ยอมรับ
เราเถียงกันแบบนั้นคือยังไงก็ไม่ยอมรับ
แล้วเราก็พูดถึงจุดนึง แกก็บอกเข้าเฟสกูหรอ
(ปกติแม่ก็พุดแบบนี้)
เราก็บอกว่าไม่จำเป็นต้องรู้
ทำเราเสียใจไม่เท่ากับการเหยียดหยามพ่อ
หลังจากนั้นเราก็ไม่คุยกับแม่อีก เราโกรธมาก
เสียความรู้สึก เหตุการณ์ที่ผ่านมา มันทำให้เรารู้สึกเครียดตลอด เห็นแม่แล้วเครียด กังวลใจ โกรธคนนั้น ที่เขาไม่มีจิตสำนึก
หลายคุยที่คุยกับแม่ล้วนเป็นคนมีครอบครัว
ทุกคนโพสต์ ว่ารักลูกเมีย แต่นี่หรือ คือเบื้องหลังของความรักนั้นที่คุณพร่ำบอก
สงสารลูกเมีย สงสารผัว ที่ไม่ได้รู้ถึงความเลว
และความเห็นแก่ตัวของพวกคุณ
เอาแต่โทษอีกคนไม่ดี รึเป็นพวกคุณเองไม่รู้จักพอ
สำหรับใครที่อ่าน แล้วมีข้อเสนอแนะ ช่วยบอกด้วยนะคะ
ปล.ตอนนี้ก็ยังแอบคุยเหมือนเดิม ไม่เลิกคุย