สวัสดีครับ วันนี้ผมจะมาเล่าประสบการณ์ส่วนตัวที่ผมตกเครื่องระหว่าง transfer เครื่องบินที่ Abu Dhabi ครับ และความผิดที่เกิดขึ้นน่าจะมาจากผม 80% เพราะฉะนั้นไม่ต้องดราม่านะครับ
****ความรู้ที่ได้จากการตกเครื่องครั้งนี้คือ ถ้าซื้อตั๋วเครื่องแบบไป-กลับ หากเราขาดการขึ้นเครื่องแค่ไฟล์ทเดียว ตั๋วทั้งหมดจะถูกยกเลิก****
ทริปที่จองไว้ขากลับไทย London-Abu Dhabi-Bangkok ต้องเปลี่ยนเป็น London-Abu Dhabi-Delhi-Bangkok
ต้องบอกก่อนว่าผมได้ซื้อตั๋วไปกลับ (round trip) จากสายการบินหนึ่ง เพื่อเดินทางระหว่างสนามบิน London Heathrow และสนามบินสุวรรณภูมิ โดยเริ่มเดินทางออกจาก London ในวันที่ 21 กันยายน 2019 และเดินทางมาถึง Abu Dhabi เพื่อเปลี่ยนเครื่องใน วันที่ 22 กันยายน 2019 เวลา 6.55 น. ซึ่ง Departure Time ในตั๋วคือ 8.45 น. ระหว่างรอเปลี่ยนเครื่อง ผมก็คิดอยู่แล้วว่าเวลาเปลี่ยนเครื่องค่อนข้างสั้น แล้วก็คิดว่าจะเข้าห้องน้ำบนเครื่องบินหรือห้องน้ำที่สนามบินดี แต่สรุปผมก็ไปเข้าห้องน้ำที่สนามบิน คนรอเข้าห้องน้ำเยอะมาก แล้วผมก็รอเพราะคิดว่ายังไงก็ทัน พอเสร็จธุระในห้องน้ำแล้ว ผมก็ออกมารอขึ้นเครื่องซึ่งเห็นว่าผู้โดยสารยังนั่งเต็มที่นั่งที่เขาให้รออยู่เลย พนักงานก็ไม่เห็นประกาศอะไร ก็เลยคิดว่าเขายังไม่เรียกขึ้นเครื่อง พอเวลา 8.30 น. ผมเห็นว่าพนักงานยังไม่เรียกสักที ผมก็ไปถามว่าเครื่องจะออกรึยัง พนักงานก็บอกผมว่า ผมมาสายและไม่สามารถขึ้นเครื่องได้ (ตามกฎผู้โดยสารจะต้องขึ้นเครื่องก่อนเวลาออก 20 นาที) ตอนนั้นผมช็อคมาก เพราะไม่เคยตกเครื่องมาก่อนในชีวิตและไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงต่อ ตอนนั้นก็ถามพนักงานว่าขอขึ้นได้มั้ยเครื่องยังไม่ออกเลย พนักงานก็ไม่ยอม และให้เราไปติดต่อ Transfer Deck ซึ่งไกลจะเกทมาก
พอไปถึง Transfer Deck ก็ไปรอคิวนานมากประมาณครึ่งชั่วโมง ทั้งๆที่แทบไม่มีลูกค้าเลย พอถึงคิวผม ผมก็ถามว่าจะกลับรอบต่อไปต้องทำยังไง พนักงานก็บอกว่ารอบเร็วสุดคือ 20.30 น. (ถ้าจำไม่ผิด) OMG! ผมก็ตกเครื่องครั้งเดียวชีวิตจะเปลี่ยนขนาดนี้ ผมไม่คิดว่าจะต้องรอนานขนาดนั้น เนื่องจากผมซื้อตั๋วมาจากเอเจนซี่เวลาจะเปลี่ยนเที่ยวบินถ้าสายการบินจะไม่สามารถทำเรื่องเปลี่ยนเที่ยวบินได้โดยตรงผมจะต้องโทรไปหาเอเจนซี่ ประเด็นคือว่าจะโทรหาเอเจนซี่ยังไงดีล่ะซิมที่ Abu Dhabi ก็ไม่มีใช้ ถ้าใช้ WIFI สนามบินส่งอีเมลล์ก็กลัวว่าจะไม่มีความคืบหน้า เลยร้องขอพนักงานว่าโทรให้ผมหน่อย พนักงานก็ให้โทร ซึ่งเอเจนซี่ที่เราซื้อตั๋วมาเป็นเอเจนซี่ที่อังกฤษ ระหว่างโทรก็เสียวว่าเขาจะเก็บเงินค่าโทรข้ามประเทศอยู่และน่าจะแพงมาก โทรไปเสียวไป 555
ผมก็ได้คุยกับเอเจนซี่และเขาบอกว่าสามารถเปลี่ยนตั๋วได้แต่เสียเงินเพิ่มซึ่งโคตรแพง แพงกว่าตอนซื้อตั๋วไป-กลับรอบที่แล้วอีก คือเอเจนซี่ให้ตัวเลือก 2 ตัวเลือกคือ 1. เลื่อนตั๋วจาก Abu Dhabi ไป กรุงเทพ จาก 8.45 น.(ที่ตกเครื่อง) เป็น 20.30 น. และเก็บตั๋วขากลับลอนเดอนไว้อย่างเดิม ซึ่งราคาประมาณ 800+ ปอนด์ 2. เลื่อนตั๋วจาก Abu Dhabi ไป กรุงเทพ จาก 8.45 น.(ที่ตกเครื่อง) เป็น 20.30 น. และทิ้งตั๋วขากลับลอนเดอน ราคาประมาณ 500+ ปอนด์ คือทั้งสองตัวเลือกนี้โหดร้ายกับเรามาก ผมเลยขอทิ้งตั๋วทั้งหมด แล้วซื้อใหม่ทั้งหมด แล้วก็วางสายเอเจนซี่ไป ซี่งคุยเสียเวลาไปประมาณ 1 ชั่วโมงแล้วไม่ได้อะไรเลย ตอนวางสายก็เสียวว่าพนักงานสายการบินที่ให้โทรศัพท์มาโทรจะคิดเงินค่าโทร แต่สุดท้ายคือไม่เสียเงิน เย้ๆๆๆๆๆๆ
ต่อมาผมก็ถามพนักงานว่าถ้าจะซื้อตั๋วกลับกรุงเทพ จาก Abu Dhabi สายการบินคุณราคาท่าไหร่ ซึ่งก็แพงมาก 400+ ปอนด์ ก็เลยถามว่ามีสายการบินอื่นอีกมั้ยที่ถูกกว่านี้ พนักงานเลยบอกว่าสนามบินนี้มีแต่สายการบินของเขา แต่จะมีสายการบินไม่กี่สายการบินที่มาร่วมใช้สนามบิน แต่ไม่ได้มีเคาท์เตอร์ ผมก็ลองดูตั๋วใน Skyscanner ว่ามีสายการบินไหนบ้างซึ่งก็มีน้อยมากอย่างที่พนักงานบอกจริงๆ และอันที่ถูกที่สุดเป็นสายการบินราคาถูกของอินเดีย ซึ่งซื้อกระทันหันแบบนี้ก็ไม่ถูกเท่าไหร่นะ 555 แล้วผมก็ถามพนักงานว่าถ้าจะไปใช้สนามบินที่ Dubai เพื่อบินกลับไทยแทนได้มั้ย พนักงานบอกว่าไม่ได้ เนื่องจากผมมา transit ที่สนามบิน Abu Dhabi จะต้องใช้สนามบินนี้เพื่อกลับไทยเท่านั้น และอีกอย่างคือ Passport ของไทยไม่สามารถเข้าประเทศ United Arab Emirates โดยไม่ขอวีซ่าได้
สรุปผมก็บอกพนักงานไปว่าผมจะซื้อตั๋วจากสายการบินอินเดีย พนักงานก็เตือนว่าคุณสามารถลองดูได้แต่อาจเสียงว่าจะใช้ตั๋วไม่ได้เพราะสายการบินนั้นขายแต่ตั๋วแบบไป-กลับและคุณไม่มีวีซ่าของ United Arab Emirates อีกอย่างคือไม่มีเคาท์เตอร์ในสนามบินถ้าคุณจะซื้อ พนักงานของสายการบินจะมา 6 โมงเย็น แต่ถ้าซื้อตั๋วของสายการบินเราจะการันตีได้ว่าตั๋วจะใช้ได้แน่นอน ซึ่งผมก็ชั่งใจอยู่นานเลย ด้วยความเสียดายตังค์เลยลองเสี่ยงซื้อตั๋วของสายการบินอินเดียไปผ่าน Skyscanner ซึ่งเป็นตั๋วขาเดียว ก็คิดว่ามันก็ซื้อได้หนิ ไม่เห็นต้องซื้อตั๋วไปกลับเลย
ขอเล่าขณะพยายามซื้อตั๋วนิดนึง เนื่องจากบัตรเดบิตที่ผมใช้เป็นหลักคือเป็นของ Santander ที่อังกฤษซึ่งจะมีบัญชีแยกกัน 2 บัญชีคือ 1. ฺBasic Bank Account 2. Basic Top-up Debit Card ซึ่งเวลาจะจ่ายเงินออนไลน์เงินจะต้องมีอยู่ใน Basic Top-up Debit Card แต่ผมเก็บเงินไว้ใน Basic Bank Account ผมจะต้องโอนเงินจากบัญชีหนึ่งไปอีกบัญชีโดยใช้มือถือเพื่อทำ Online Banking แต่ประเด็นคือจะต้องมีซิมเพื่อโอน ไม่สามารถใช้ WIFI ของสนามบินได้ เอาไงล่ะทีนี้ จะกดเงินมาซื้อตั๋ว เคาท์เตอร์ก็เปิด 6 โมงเย็น จะใช้บัญชีกรุงไทย ก็ไม่มีซิมเพื่อรับรหัส OTP มีความมืด 8 ด้าน ก็เลยโทรหาพ่อผ่านไลน์ เห้ย ! มันใช้ไม่ได้ ประเทศนี้เขาบล๊อคการโทรผ่าน Social Media ก็เลยพยายามพิมพ์ไลน์ไปหาพ่อเอา โชคดีที่พ่อ seen เลยบอกพ่อว่าเดี๋ยวผมจะจองตั๋วโดยใช้บัครพ่อแล้วพ่อส่งเลขรหัส OTP จากมือถือพ่อมาให้ด้วย และในที่สุดก็ซื้อตั๋วสำเร็จ
จากนั้นเมื่อได้ตั๋วแล้วก็เอาตั๋วนี้ไปโชว์พนักงานทำวีซ่าเพื่อนทำ Transit Visa ซึ่งเราสามารถทำที่สนามบินได้เลย เพราะว่าผมจะไม่ยอมติดอยู่ในสนามบินสิบกว่าชั่วโมงโง่ๆเด็ดขาด ขั้นตอนการทำคือแค่โชว์ตั๋วเครื่องบินและเอาพาสปอร์ตไปให้เขาทำให้ ซึ่งใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง ซึ่งไม่เสียเงินนะครับ ถ้าจำไม่ผิดน่าจะสามารถเข้าประเทศเขาได้ไม่เกิน 48 ชั่วโมง เอาล่ะ วีซ่าพร้อมละก็ออกจากสนามบินเพื่อไปเที่ยวในเมือง Abu Dhabi ได้ เอ๊ะลืม เงินยังไม่พร้อม 555
ผมได้บอกให้พ่อซื้อเงินสกุล AED ใส่มาในบัตร Travel Card ของกรุงไทยที่ผมถืออยู่อีกใบ แต่มันไม่มีเงินสกุลนี้ เลยบอกให้พ่อซื้อเงิน USD แทน ส่วนในตัวกระเป๋าตังค์ผมมีเงินปอนด์และยูโรอยู่พอประมาณ ก็เลยเอาเงินปอนด์ไปแลกเป็นเงิน AED ที่สนามบินเพื่อใช้ในการเที่ยวในเมืองครั้งนี้ ตอนนี้พร้อมเที่ยวแล้ว เพราะมีเงินทุกสกุลที่น่าจะทำให้ชีวิตยังรอดได้ แต่ก่อนจะออกสนามบินก็ถามคนแถวนั้นว่าจะไปเที่ยวที่ Sheikh Zayed Grand Mosque ซึ่งเป็นมัสยิดที่ผมเสิร์ชใน Google ว่าไปเที่ยวที่ไหนดีใน Abu Dhabi มัสยิดนี้จะขึ้นมาก่อนใคร น่าจะสวยปังอลังการ คนแถวนั้นก็บอกว่าให้ใช้แท็กซี่ ไปกลับประมาณ 40 ปอนด์ ซึ่งแพง ก็เลยถามใหม่ว่ามี Bus ออกจากสนามบินเข้าเมืองมั้ย เขาก็ให้ไปหาเคาท์เตอร์ที่มีไว้ให้ถามเกี่ยวกับ Bus โดยตรง ซึ่งทราบมาว่าถ้าเรามีตั๋วของสายการบินที่เราบินมาที่นี่ตอนแรก เขาจะแสตมป์ที่ตั๋วให้แล้วเราจะใช้ Bus ฟรีทั้งวัน สายไหนก็ได้ ผมก็เลยบอกพนักงานว่า ผมไม่รู้ว่าจะไปไหนเลยในเมืองนี้ ไม่ได้เตรียมตัวเพื่อมาเที่ยวใดๆ ตอนนี้ผมอยากหาร้านกินข้าวแบบอาหารท้องถิ่นในเมืองและกินข้าวเสร็จผมอยากไป Sheikh Zayed Grand Mosque คุณจัดทริปให้ผมหน่อยที่ผมจะกลับมาแล้วไม่ตกเครื่องบิน พนักงานก็แนะนำว่าไปตรงนี้นะ รถสายนี้ บลาๆๆ ก็จดมาเรียบร้อย พร้อมออก
พอออกจากสนามบินมา คือโคตรร้อน เหมือนอยุ่ในเตาอบ อยู่ไทยว่าร้อนมากแล้ว เจอที่นี่ไปหนักกว่าอีกอะ ผมก็นั่งรถไปเรื่อยๆ แล้วก็ลงที่ สถานีขนส่งหลักของ Abu Dhabi เพราะใกล้ๆนั้นจะมีห้างใหญ่มาก ผมสามารถกินข้าวที่นั่นได้ พอผมเข้าไปในห้าง คือห้างใหญ่มากแต่ไม่มีคนเดินเลย แปลกใจเหมือนกัน ผมก็ตามหา Food Centre ในห่าง แต่ไม่รู้จะกินอะไร เลยบอกพนักงานว่าคุณมีอาหารอะไรที่แบบท้องถิ่นมั้ย พนักงานก็เปิดฝาให้ดู 3 เมนู ผมก็เลือกที่เป็นเนื้อแกะกับข้าวเหลืองๆคล้ายข้าวหมกบ้านเรา จากนั้นก็ไปซื้อเสื้อผ้าและยาสีฟันในห้างใหม่ เพราะไม่ได้อาบน้ำมา่วันนึงละ ผมก็เข้าไปแปรงฟันล้างหน้าเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องน้ำ แล้วก็พยายามหา WIFI ใช้ในห้างเพื่อติดต่อผู้คนภายนอก ตอนแรกคิดว่าเขาบล็อก Video Call แค่ในสนามบิน แต่จริงๆเขาบล็อกหมดเลยเมืองนี้
จากนั้นก็เดินทางไป Sheikh Zayed Grand Mosque โดยรถ Bus เช่นเคย ที่เมืองนี้ด้วยความที่มันร้อนมากๆๆๆๆ ที่รอรถเขาเลยมีแอร์ด้วย แต่ก็ไม่เย็นเท่าไหร่ พอถึงก็ได้ไปเดินถ่ายรูปมากมาย เป็นมัสยิดที่สวยมากจนลืมเรื่องตกเครื่องไปเลย สวยจริงๆนะ ผมก็คิดว่าโอเค ค่าตกเครื่องถือว่าเป้นค่ามาเที่ยวที่นี่ละกัน จากนั้นประมาณ 18.00 น. ผมก็เดินทางกลับสนามบิน
พอเข้าเช็คอินที่เคาท์เตอร์ พนักงานงงเพราะว่าเราไม่ได้ซื้อตั๋วไป-กลับ อาจจะขึ้นเครื่องไม่ได้ ผมก็บอกว่าจะไม่ได้ได้ยังไงผมซื้อตั๋วแล้ว แล้วปลายทางคือประเทศไทย ผมใช้พาสปอร์ตประเทศไทย ผมไม่สามารถบินกลับมาที่ United Arab Emirates ได้ เพราะไม่มีวีซ่า พนักงานก็ปริ้น Boarding Pass มาให้แล้วขอเบอร์โทรที่ติดต่อได้ เผื่อตั๋วมีปัญหา ซึ่งผมก็ให้เบอร์ที่อังกฤษไป และไม่เปิด Data Roaming เพราะไม่อยากรับรู้อะไรทั้งสิ้น ฉันจะกลับไทยแค่นั้นพอ
ก็ได้ขึ้นเครื่องของสายการบินหนึ่งของอินเดียและเปลี่ยนเครื่องที่ Delhi ก็งงๆมึนเพราะเช้ามาก เวลารอในเกทที่นี่ประมาณ 3 ชั่วโมง พอก่อนถึงเวลา Boarding เล็กน้อยผมก็เช็คข้าวของของผม พีคไปอีก สรุปคือลืมเงินและ Boarding Pass ไว้ที่ตรงที่สแกนของที่ Security Control ตอนนั้นคือหน้าสั่น ไปถามพนักงานที่เกทว่าตอนนี้ผมลืมของผมมีเวลาเท่าไหร่ในการไปเอาแล้วกลับมาใหม่ พนักงานบอก 15 นาที ผมก็บอกโอเค พนักงานก็ขอถ่ายรูป Boarding Pass ของเราเก็บไว้เผื่อเรามาช้า จากนั้นผมก็วิ่ง 4x100 ไปเอาของซึ่งโคตรๆๆๆๆไกล แบบว่า ต้องผ่าน ทางเลื่อน ยาวๆ 2 อันและ Duty Free และแล้วผมก็ทำสำเร็จกลับมาได้ทันขึ้นเครื่อง
ต่อมาเนื่องจากสายการบินเป็นสายการบินราคาถูก ก็เลยไม่มีอาหารเสิร์ฟในเครื่องบินเลย ผมก็เลยสั่งบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมาหนึ่งกล่องตีเป็นเงินไทยประมาณ 200+ บาท การบินกับสายการบินนี้โกลาหลมาก เพราะว่าผู้โดยสารไม่ทำตามกฎเลย ปิดกระจกเครื่อง เอนเบาะ Selfie Video Call กับครอบครัวขณะเครื่องขึ้นและลง เห้อ! แต่สุดท้ายก็เดินทางกลับมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิได้อย่างปลอดภัย
มาถึงไทยปุ๊ปก็คิดแล้วว่าจะต้องไปตามหากระเป๋าที่โหลดใต้เครื่องจาก London มา เราก็คิดไปเองว่ามาน่าจะมารอเราที่สุวรรณภูมิแล้ว สรุปคือไม่มีอยู่ที่สุวรรณภูมิ เพราะว่าถ้าผู้โดยสารไม่ขึ้นเครื่อง กระเป๋าเราก็จะไม่ได้ขึ้นเครื่อง ซึ่งตอนที่เราเปลี่ยนสายการบินเพื่อนกลับไทยเราก็คิดว่ากระเป๋าเราน่าจะบินมากับสายการบินเดิมแล้วแต่ไม่ใช่ เราก็แบบว่า อีกแล้วหรอ ทำไมซวยซ้ำซวยซ้อนขนาดนี้ ไปถามพนักงานของสายการบินที่เราบินจาก London ไป Abu Dhabi มาตอนแรก เอา Tag กระเป๋าไปให้เขาซึ่งเขาเช็คแล้วไม่พบ Record คืออารมณ์ขึ้นมาก คือแบบของทุกอย่าง ของฝากใดๆอยุ่ในนั้นหมด ผมก็บอกให้พนักงานเมลล์ไปเช็คที่ London Abu Dhabi และ Delhi ส่งไปให้หมด แล้วก็ Forward เมลล์มาให้ผมด้วย เนื่องจากไม่พบ Record กระเป๋าผม พนักงานของสายการบินนี้เลยบอกให้ผมติดต่อการบินไทยให้ทำเรื่องให้อีก ก็เลยไปที่การบินไทย เขาก็ช่วยดีมาก ทั้งๆที่ไม่ใช่เรื่องของเขา ตอนนั้นติดต่อการบินไทยไปประมาณ บ่าย2 พออีกวันตอน 9 โมงเช้า พนักงานการบินไทยโทรมาบอกว่ากระเป๋ามาถึงสุวรรณภูมิแล้ว ผมก็ไปรับกระเป๋าคืนที่สนามบิน ต้องปรบมือการบินไทยจริงๆ หากระเป๋าเก่งมาก สุดยอด
ซึ่งกลับมาไทยแล้วผมก็พยายามจะ refund ตั๋วแต่ทำไม่ได้ ก็เลยต้องซื้อตั๋วใหม่เพื่อกลับ London เห้อ! 555
[CR] รีวิวการตกเครื่องระหว่าง transfer ที่ Abu Dhabi ชีวิตช่างโหดร้า่ย
****ความรู้ที่ได้จากการตกเครื่องครั้งนี้คือ ถ้าซื้อตั๋วเครื่องแบบไป-กลับ หากเราขาดการขึ้นเครื่องแค่ไฟล์ทเดียว ตั๋วทั้งหมดจะถูกยกเลิก****
ทริปที่จองไว้ขากลับไทย London-Abu Dhabi-Bangkok ต้องเปลี่ยนเป็น London-Abu Dhabi-Delhi-Bangkok
ต้องบอกก่อนว่าผมได้ซื้อตั๋วไปกลับ (round trip) จากสายการบินหนึ่ง เพื่อเดินทางระหว่างสนามบิน London Heathrow และสนามบินสุวรรณภูมิ โดยเริ่มเดินทางออกจาก London ในวันที่ 21 กันยายน 2019 และเดินทางมาถึง Abu Dhabi เพื่อเปลี่ยนเครื่องใน วันที่ 22 กันยายน 2019 เวลา 6.55 น. ซึ่ง Departure Time ในตั๋วคือ 8.45 น. ระหว่างรอเปลี่ยนเครื่อง ผมก็คิดอยู่แล้วว่าเวลาเปลี่ยนเครื่องค่อนข้างสั้น แล้วก็คิดว่าจะเข้าห้องน้ำบนเครื่องบินหรือห้องน้ำที่สนามบินดี แต่สรุปผมก็ไปเข้าห้องน้ำที่สนามบิน คนรอเข้าห้องน้ำเยอะมาก แล้วผมก็รอเพราะคิดว่ายังไงก็ทัน พอเสร็จธุระในห้องน้ำแล้ว ผมก็ออกมารอขึ้นเครื่องซึ่งเห็นว่าผู้โดยสารยังนั่งเต็มที่นั่งที่เขาให้รออยู่เลย พนักงานก็ไม่เห็นประกาศอะไร ก็เลยคิดว่าเขายังไม่เรียกขึ้นเครื่อง พอเวลา 8.30 น. ผมเห็นว่าพนักงานยังไม่เรียกสักที ผมก็ไปถามว่าเครื่องจะออกรึยัง พนักงานก็บอกผมว่า ผมมาสายและไม่สามารถขึ้นเครื่องได้ (ตามกฎผู้โดยสารจะต้องขึ้นเครื่องก่อนเวลาออก 20 นาที) ตอนนั้นผมช็อคมาก เพราะไม่เคยตกเครื่องมาก่อนในชีวิตและไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงต่อ ตอนนั้นก็ถามพนักงานว่าขอขึ้นได้มั้ยเครื่องยังไม่ออกเลย พนักงานก็ไม่ยอม และให้เราไปติดต่อ Transfer Deck ซึ่งไกลจะเกทมาก
พอไปถึง Transfer Deck ก็ไปรอคิวนานมากประมาณครึ่งชั่วโมง ทั้งๆที่แทบไม่มีลูกค้าเลย พอถึงคิวผม ผมก็ถามว่าจะกลับรอบต่อไปต้องทำยังไง พนักงานก็บอกว่ารอบเร็วสุดคือ 20.30 น. (ถ้าจำไม่ผิด) OMG! ผมก็ตกเครื่องครั้งเดียวชีวิตจะเปลี่ยนขนาดนี้ ผมไม่คิดว่าจะต้องรอนานขนาดนั้น เนื่องจากผมซื้อตั๋วมาจากเอเจนซี่เวลาจะเปลี่ยนเที่ยวบินถ้าสายการบินจะไม่สามารถทำเรื่องเปลี่ยนเที่ยวบินได้โดยตรงผมจะต้องโทรไปหาเอเจนซี่ ประเด็นคือว่าจะโทรหาเอเจนซี่ยังไงดีล่ะซิมที่ Abu Dhabi ก็ไม่มีใช้ ถ้าใช้ WIFI สนามบินส่งอีเมลล์ก็กลัวว่าจะไม่มีความคืบหน้า เลยร้องขอพนักงานว่าโทรให้ผมหน่อย พนักงานก็ให้โทร ซึ่งเอเจนซี่ที่เราซื้อตั๋วมาเป็นเอเจนซี่ที่อังกฤษ ระหว่างโทรก็เสียวว่าเขาจะเก็บเงินค่าโทรข้ามประเทศอยู่และน่าจะแพงมาก โทรไปเสียวไป 555
ผมก็ได้คุยกับเอเจนซี่และเขาบอกว่าสามารถเปลี่ยนตั๋วได้แต่เสียเงินเพิ่มซึ่งโคตรแพง แพงกว่าตอนซื้อตั๋วไป-กลับรอบที่แล้วอีก คือเอเจนซี่ให้ตัวเลือก 2 ตัวเลือกคือ 1. เลื่อนตั๋วจาก Abu Dhabi ไป กรุงเทพ จาก 8.45 น.(ที่ตกเครื่อง) เป็น 20.30 น. และเก็บตั๋วขากลับลอนเดอนไว้อย่างเดิม ซึ่งราคาประมาณ 800+ ปอนด์ 2. เลื่อนตั๋วจาก Abu Dhabi ไป กรุงเทพ จาก 8.45 น.(ที่ตกเครื่อง) เป็น 20.30 น. และทิ้งตั๋วขากลับลอนเดอน ราคาประมาณ 500+ ปอนด์ คือทั้งสองตัวเลือกนี้โหดร้ายกับเรามาก ผมเลยขอทิ้งตั๋วทั้งหมด แล้วซื้อใหม่ทั้งหมด แล้วก็วางสายเอเจนซี่ไป ซี่งคุยเสียเวลาไปประมาณ 1 ชั่วโมงแล้วไม่ได้อะไรเลย ตอนวางสายก็เสียวว่าพนักงานสายการบินที่ให้โทรศัพท์มาโทรจะคิดเงินค่าโทร แต่สุดท้ายคือไม่เสียเงิน เย้ๆๆๆๆๆๆ
ต่อมาผมก็ถามพนักงานว่าถ้าจะซื้อตั๋วกลับกรุงเทพ จาก Abu Dhabi สายการบินคุณราคาท่าไหร่ ซึ่งก็แพงมาก 400+ ปอนด์ ก็เลยถามว่ามีสายการบินอื่นอีกมั้ยที่ถูกกว่านี้ พนักงานเลยบอกว่าสนามบินนี้มีแต่สายการบินของเขา แต่จะมีสายการบินไม่กี่สายการบินที่มาร่วมใช้สนามบิน แต่ไม่ได้มีเคาท์เตอร์ ผมก็ลองดูตั๋วใน Skyscanner ว่ามีสายการบินไหนบ้างซึ่งก็มีน้อยมากอย่างที่พนักงานบอกจริงๆ และอันที่ถูกที่สุดเป็นสายการบินราคาถูกของอินเดีย ซึ่งซื้อกระทันหันแบบนี้ก็ไม่ถูกเท่าไหร่นะ 555 แล้วผมก็ถามพนักงานว่าถ้าจะไปใช้สนามบินที่ Dubai เพื่อบินกลับไทยแทนได้มั้ย พนักงานบอกว่าไม่ได้ เนื่องจากผมมา transit ที่สนามบิน Abu Dhabi จะต้องใช้สนามบินนี้เพื่อกลับไทยเท่านั้น และอีกอย่างคือ Passport ของไทยไม่สามารถเข้าประเทศ United Arab Emirates โดยไม่ขอวีซ่าได้
สรุปผมก็บอกพนักงานไปว่าผมจะซื้อตั๋วจากสายการบินอินเดีย พนักงานก็เตือนว่าคุณสามารถลองดูได้แต่อาจเสียงว่าจะใช้ตั๋วไม่ได้เพราะสายการบินนั้นขายแต่ตั๋วแบบไป-กลับและคุณไม่มีวีซ่าของ United Arab Emirates อีกอย่างคือไม่มีเคาท์เตอร์ในสนามบินถ้าคุณจะซื้อ พนักงานของสายการบินจะมา 6 โมงเย็น แต่ถ้าซื้อตั๋วของสายการบินเราจะการันตีได้ว่าตั๋วจะใช้ได้แน่นอน ซึ่งผมก็ชั่งใจอยู่นานเลย ด้วยความเสียดายตังค์เลยลองเสี่ยงซื้อตั๋วของสายการบินอินเดียไปผ่าน Skyscanner ซึ่งเป็นตั๋วขาเดียว ก็คิดว่ามันก็ซื้อได้หนิ ไม่เห็นต้องซื้อตั๋วไปกลับเลย
ขอเล่าขณะพยายามซื้อตั๋วนิดนึง เนื่องจากบัตรเดบิตที่ผมใช้เป็นหลักคือเป็นของ Santander ที่อังกฤษซึ่งจะมีบัญชีแยกกัน 2 บัญชีคือ 1. ฺBasic Bank Account 2. Basic Top-up Debit Card ซึ่งเวลาจะจ่ายเงินออนไลน์เงินจะต้องมีอยู่ใน Basic Top-up Debit Card แต่ผมเก็บเงินไว้ใน Basic Bank Account ผมจะต้องโอนเงินจากบัญชีหนึ่งไปอีกบัญชีโดยใช้มือถือเพื่อทำ Online Banking แต่ประเด็นคือจะต้องมีซิมเพื่อโอน ไม่สามารถใช้ WIFI ของสนามบินได้ เอาไงล่ะทีนี้ จะกดเงินมาซื้อตั๋ว เคาท์เตอร์ก็เปิด 6 โมงเย็น จะใช้บัญชีกรุงไทย ก็ไม่มีซิมเพื่อรับรหัส OTP มีความมืด 8 ด้าน ก็เลยโทรหาพ่อผ่านไลน์ เห้ย ! มันใช้ไม่ได้ ประเทศนี้เขาบล๊อคการโทรผ่าน Social Media ก็เลยพยายามพิมพ์ไลน์ไปหาพ่อเอา โชคดีที่พ่อ seen เลยบอกพ่อว่าเดี๋ยวผมจะจองตั๋วโดยใช้บัครพ่อแล้วพ่อส่งเลขรหัส OTP จากมือถือพ่อมาให้ด้วย และในที่สุดก็ซื้อตั๋วสำเร็จ
จากนั้นเมื่อได้ตั๋วแล้วก็เอาตั๋วนี้ไปโชว์พนักงานทำวีซ่าเพื่อนทำ Transit Visa ซึ่งเราสามารถทำที่สนามบินได้เลย เพราะว่าผมจะไม่ยอมติดอยู่ในสนามบินสิบกว่าชั่วโมงโง่ๆเด็ดขาด ขั้นตอนการทำคือแค่โชว์ตั๋วเครื่องบินและเอาพาสปอร์ตไปให้เขาทำให้ ซึ่งใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง ซึ่งไม่เสียเงินนะครับ ถ้าจำไม่ผิดน่าจะสามารถเข้าประเทศเขาได้ไม่เกิน 48 ชั่วโมง เอาล่ะ วีซ่าพร้อมละก็ออกจากสนามบินเพื่อไปเที่ยวในเมือง Abu Dhabi ได้ เอ๊ะลืม เงินยังไม่พร้อม 555
ผมได้บอกให้พ่อซื้อเงินสกุล AED ใส่มาในบัตร Travel Card ของกรุงไทยที่ผมถืออยู่อีกใบ แต่มันไม่มีเงินสกุลนี้ เลยบอกให้พ่อซื้อเงิน USD แทน ส่วนในตัวกระเป๋าตังค์ผมมีเงินปอนด์และยูโรอยู่พอประมาณ ก็เลยเอาเงินปอนด์ไปแลกเป็นเงิน AED ที่สนามบินเพื่อใช้ในการเที่ยวในเมืองครั้งนี้ ตอนนี้พร้อมเที่ยวแล้ว เพราะมีเงินทุกสกุลที่น่าจะทำให้ชีวิตยังรอดได้ แต่ก่อนจะออกสนามบินก็ถามคนแถวนั้นว่าจะไปเที่ยวที่ Sheikh Zayed Grand Mosque ซึ่งเป็นมัสยิดที่ผมเสิร์ชใน Google ว่าไปเที่ยวที่ไหนดีใน Abu Dhabi มัสยิดนี้จะขึ้นมาก่อนใคร น่าจะสวยปังอลังการ คนแถวนั้นก็บอกว่าให้ใช้แท็กซี่ ไปกลับประมาณ 40 ปอนด์ ซึ่งแพง ก็เลยถามใหม่ว่ามี Bus ออกจากสนามบินเข้าเมืองมั้ย เขาก็ให้ไปหาเคาท์เตอร์ที่มีไว้ให้ถามเกี่ยวกับ Bus โดยตรง ซึ่งทราบมาว่าถ้าเรามีตั๋วของสายการบินที่เราบินมาที่นี่ตอนแรก เขาจะแสตมป์ที่ตั๋วให้แล้วเราจะใช้ Bus ฟรีทั้งวัน สายไหนก็ได้ ผมก็เลยบอกพนักงานว่า ผมไม่รู้ว่าจะไปไหนเลยในเมืองนี้ ไม่ได้เตรียมตัวเพื่อมาเที่ยวใดๆ ตอนนี้ผมอยากหาร้านกินข้าวแบบอาหารท้องถิ่นในเมืองและกินข้าวเสร็จผมอยากไป Sheikh Zayed Grand Mosque คุณจัดทริปให้ผมหน่อยที่ผมจะกลับมาแล้วไม่ตกเครื่องบิน พนักงานก็แนะนำว่าไปตรงนี้นะ รถสายนี้ บลาๆๆ ก็จดมาเรียบร้อย พร้อมออก
พอออกจากสนามบินมา คือโคตรร้อน เหมือนอยุ่ในเตาอบ อยู่ไทยว่าร้อนมากแล้ว เจอที่นี่ไปหนักกว่าอีกอะ ผมก็นั่งรถไปเรื่อยๆ แล้วก็ลงที่ สถานีขนส่งหลักของ Abu Dhabi เพราะใกล้ๆนั้นจะมีห้างใหญ่มาก ผมสามารถกินข้าวที่นั่นได้ พอผมเข้าไปในห้าง คือห้างใหญ่มากแต่ไม่มีคนเดินเลย แปลกใจเหมือนกัน ผมก็ตามหา Food Centre ในห่าง แต่ไม่รู้จะกินอะไร เลยบอกพนักงานว่าคุณมีอาหารอะไรที่แบบท้องถิ่นมั้ย พนักงานก็เปิดฝาให้ดู 3 เมนู ผมก็เลือกที่เป็นเนื้อแกะกับข้าวเหลืองๆคล้ายข้าวหมกบ้านเรา จากนั้นก็ไปซื้อเสื้อผ้าและยาสีฟันในห้างใหม่ เพราะไม่ได้อาบน้ำมา่วันนึงละ ผมก็เข้าไปแปรงฟันล้างหน้าเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องน้ำ แล้วก็พยายามหา WIFI ใช้ในห้างเพื่อติดต่อผู้คนภายนอก ตอนแรกคิดว่าเขาบล็อก Video Call แค่ในสนามบิน แต่จริงๆเขาบล็อกหมดเลยเมืองนี้
จากนั้นก็เดินทางไป Sheikh Zayed Grand Mosque โดยรถ Bus เช่นเคย ที่เมืองนี้ด้วยความที่มันร้อนมากๆๆๆๆ ที่รอรถเขาเลยมีแอร์ด้วย แต่ก็ไม่เย็นเท่าไหร่ พอถึงก็ได้ไปเดินถ่ายรูปมากมาย เป็นมัสยิดที่สวยมากจนลืมเรื่องตกเครื่องไปเลย สวยจริงๆนะ ผมก็คิดว่าโอเค ค่าตกเครื่องถือว่าเป้นค่ามาเที่ยวที่นี่ละกัน จากนั้นประมาณ 18.00 น. ผมก็เดินทางกลับสนามบิน
พอเข้าเช็คอินที่เคาท์เตอร์ พนักงานงงเพราะว่าเราไม่ได้ซื้อตั๋วไป-กลับ อาจจะขึ้นเครื่องไม่ได้ ผมก็บอกว่าจะไม่ได้ได้ยังไงผมซื้อตั๋วแล้ว แล้วปลายทางคือประเทศไทย ผมใช้พาสปอร์ตประเทศไทย ผมไม่สามารถบินกลับมาที่ United Arab Emirates ได้ เพราะไม่มีวีซ่า พนักงานก็ปริ้น Boarding Pass มาให้แล้วขอเบอร์โทรที่ติดต่อได้ เผื่อตั๋วมีปัญหา ซึ่งผมก็ให้เบอร์ที่อังกฤษไป และไม่เปิด Data Roaming เพราะไม่อยากรับรู้อะไรทั้งสิ้น ฉันจะกลับไทยแค่นั้นพอ
ก็ได้ขึ้นเครื่องของสายการบินหนึ่งของอินเดียและเปลี่ยนเครื่องที่ Delhi ก็งงๆมึนเพราะเช้ามาก เวลารอในเกทที่นี่ประมาณ 3 ชั่วโมง พอก่อนถึงเวลา Boarding เล็กน้อยผมก็เช็คข้าวของของผม พีคไปอีก สรุปคือลืมเงินและ Boarding Pass ไว้ที่ตรงที่สแกนของที่ Security Control ตอนนั้นคือหน้าสั่น ไปถามพนักงานที่เกทว่าตอนนี้ผมลืมของผมมีเวลาเท่าไหร่ในการไปเอาแล้วกลับมาใหม่ พนักงานบอก 15 นาที ผมก็บอกโอเค พนักงานก็ขอถ่ายรูป Boarding Pass ของเราเก็บไว้เผื่อเรามาช้า จากนั้นผมก็วิ่ง 4x100 ไปเอาของซึ่งโคตรๆๆๆๆไกล แบบว่า ต้องผ่าน ทางเลื่อน ยาวๆ 2 อันและ Duty Free และแล้วผมก็ทำสำเร็จกลับมาได้ทันขึ้นเครื่อง
ต่อมาเนื่องจากสายการบินเป็นสายการบินราคาถูก ก็เลยไม่มีอาหารเสิร์ฟในเครื่องบินเลย ผมก็เลยสั่งบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมาหนึ่งกล่องตีเป็นเงินไทยประมาณ 200+ บาท การบินกับสายการบินนี้โกลาหลมาก เพราะว่าผู้โดยสารไม่ทำตามกฎเลย ปิดกระจกเครื่อง เอนเบาะ Selfie Video Call กับครอบครัวขณะเครื่องขึ้นและลง เห้อ! แต่สุดท้ายก็เดินทางกลับมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิได้อย่างปลอดภัย
มาถึงไทยปุ๊ปก็คิดแล้วว่าจะต้องไปตามหากระเป๋าที่โหลดใต้เครื่องจาก London มา เราก็คิดไปเองว่ามาน่าจะมารอเราที่สุวรรณภูมิแล้ว สรุปคือไม่มีอยู่ที่สุวรรณภูมิ เพราะว่าถ้าผู้โดยสารไม่ขึ้นเครื่อง กระเป๋าเราก็จะไม่ได้ขึ้นเครื่อง ซึ่งตอนที่เราเปลี่ยนสายการบินเพื่อนกลับไทยเราก็คิดว่ากระเป๋าเราน่าจะบินมากับสายการบินเดิมแล้วแต่ไม่ใช่ เราก็แบบว่า อีกแล้วหรอ ทำไมซวยซ้ำซวยซ้อนขนาดนี้ ไปถามพนักงานของสายการบินที่เราบินจาก London ไป Abu Dhabi มาตอนแรก เอา Tag กระเป๋าไปให้เขาซึ่งเขาเช็คแล้วไม่พบ Record คืออารมณ์ขึ้นมาก คือแบบของทุกอย่าง ของฝากใดๆอยุ่ในนั้นหมด ผมก็บอกให้พนักงานเมลล์ไปเช็คที่ London Abu Dhabi และ Delhi ส่งไปให้หมด แล้วก็ Forward เมลล์มาให้ผมด้วย เนื่องจากไม่พบ Record กระเป๋าผม พนักงานของสายการบินนี้เลยบอกให้ผมติดต่อการบินไทยให้ทำเรื่องให้อีก ก็เลยไปที่การบินไทย เขาก็ช่วยดีมาก ทั้งๆที่ไม่ใช่เรื่องของเขา ตอนนั้นติดต่อการบินไทยไปประมาณ บ่าย2 พออีกวันตอน 9 โมงเช้า พนักงานการบินไทยโทรมาบอกว่ากระเป๋ามาถึงสุวรรณภูมิแล้ว ผมก็ไปรับกระเป๋าคืนที่สนามบิน ต้องปรบมือการบินไทยจริงๆ หากระเป๋าเก่งมาก สุดยอด
ซึ่งกลับมาไทยแล้วผมก็พยายามจะ refund ตั๋วแต่ทำไม่ได้ ก็เลยต้องซื้อตั๋วใหม่เพื่อกลับ London เห้อ! 555
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้