ยุโรปในเดือนพฤษภาคมปกติควรจะเริ่มเข้าสู่หน้าร้อนแล้ว อากาศกำลังสบายๆ แต่ตอนเราไปสภาพอากาศดันแปรปรวน ยังคงหนาวมาก มีฝนตกเป็นระยะๆ เจอแสงแดดทีนี่คือดีใจสุดๆ ภาพในกระทู้จึงต้องผ่านการปรับแสงมาในระดับหนึ่ง เนื่องจากเดินทางด้วยรถส่วนตัวจึงอาจจะไม่มีข้อมูลด้านการใช้บริการรถสาธารณะเพื่อไปถึงแต่ละสถานที่นะคะ

ทริปนี้เริ่มต้นออกเดินทางจากเบอร์ลิน นั่งรถปุเลงๆ กว่าจะถึงก็ใช้เวลาไปแล้วเป็นวันพอๆ กับเชียงใหม่กรุงเทพเลยทีเดียว ค้างที่บ้านพ่อแม่ลุงใน Salzburg หนึ่งคืน ตื่นเช้าวันต่อมาเที่ยว Salzburg ค้างอีกคืนแล้วเดินทางกลับเบอร์ลินค่ะ

1 วันใน Salzburg ของเราไปไหนบ้าง ลองมาดูกัน



Wolfgang see

ออสเตรียดินแดนแห่งภูเขาและทะเลสาบ ที่นี่มีทะเลสาบอยู่หลายแห่งด้วยกัน แต่ที่มีชื่อเสียงเป็นอันดับต้นๆ ก็เห็นจะมี Wolfgang see (See ในที่นี่หมายถึงทะเลสาบ) แล้วก็ Hallstätter see หรือที่รู้จักกันในนาม Hallstatt  แต่โดยส่วนตัวรู้สึกว่า Wolfgang see ดูจะเป็นที่ชื่นชอบในหมู่คนท้องถิ่นหรือนักท่องเที่ยวชาวยุโรปมากกว่า ตอนแรกไม่ได้คาดหวังอะไรเลยพอมาแล้วกลับชื่นชอบและประทับใจสุดๆ

ทะเลสาบแห่งนี้มีเมืองและเป็นจุดท่องเที่ยวหลักๆ อยู่สามแห่งคือ St. Gilgen St. Wolfgang และ Strobl สามารถนั่งเรือชมวิวแล้วแวะเที่ยวตามจุดต่างๆ ได้ ส่วนเราใช้วิธีขับรถรอบทะเลสาบและได้ไปแค่สองที่คือ St. Gilgen และ St. Wolfgang ค่ะ

 

St. Gilgen

จริงๆ น้ำในทะเลสาบใสและสวยมาก เป็นสีออกฟ้าคราม แต่พอมันไม่ค่อยมีแสงอาทิตย์ถ่ายออกมาก็เลยกลายเป็นแบบนี้

 




ที่นี่ค่อนข้างมีความเป็นธรรมชาติ  สามารถเดินเล่นไปเรื่อยๆ ตามถนนหนทางต่างๆ แค่นี้ก็มีความสุขแล้ว วันที่เราไปเป็นวันหยุดของร้านค้าส่วนใหญ่แถมยังมีฝนตกปรอยๆ คนก็เลยน้อย ได้บรรยากาศสงบมากเหมือนทั้งเมืองกลายเป็นของเรา



Seegasthaus Fischer-Wirt ร้านอาหารมีชื่อของ St. Gilgen เมนูเด็ดคือพวกปลาต่างๆ วันที่เราไปเป็นวันหยุดของร้านเลยพลาดโอกาสที่จะได้ลองชิมอย่างน่าเสียดาย



St. Wolfgang

ขับรถแค่ไม่กี่นาทีก็มาถึง St. Wolfgang สภาพอากาศเริ่มดีขึ้น ฟ้าใสขึ้นเล็กน้อย เจอวิวแบบนี้ต้อนรับ โอ๊ย ตายไปเลยค่ะ



เดินเล่นไปตามถนนสายต่างๆ ในเมือง เจอร้านน่ารักๆ หลายร้านเลย ชมวิวทะเลสาบจากจุดที่เรียกว่า Wolfgang Marina ซ้ายขวาเป็นร้านกาแฟและร้านอาหารของโรงแรม ใครมีเวลาลองมานั่งจิบกาแฟหรือกินข้าวกับวิวสวยๆ ได้นะ แต่ตอนนั้นคนรอเยอะพอสมควรเราต้องขอยอมแพ้





Sankt Wolfgang im Salzkammergut 

โบสถ์เก่าแก่ของเมือง พร้อมวิวสวยๆ จากทางเดินด้านหลังโบสถ์

   

Kaffeewerkstatt (St. Wolfgang)

พยายามหาร้านกาแฟเพื่อเติมคาเฟอีนกันหน่อย จนมาเจอร้านนี้ บรรยากาศน่ารัก สงบ ราคาพอรับได้ เป็นเรตปกติทั่วไป เค้กหรือขนมต่างๆ ในร้านให้ชิ้นใหญ่กินแทบไม่หมดเลยค่ะ ที่สำคัญคาปูชิโน่ร้อนอร่อยมาก! ฮือออ คิดถึงรสชาตินั้นแล้วก็อยากกลับไปกินอีก



Hallstätter see (Hallstatt)

พอลงจากรถฝนก็เริ่มตกปรอยๆ และตกหนักขึ้นทุกที เราเลยมีรูปค่อนข้างน้อยเพราะไม่กล้าเอากล้องถ่ายรูปออกมาถ่ายมาก ส่วนกล้องโทรศัพท์มือถือน่ะเหรอคะ เก็บไว้ในกระเป๋าเสื้อกันหนาวหยิบออกมาดูอีกทีคือมือถือตายไปแล้ว เนื่องจากอุณหภูมิอากาศที่ลดลงต่ำมาก...ไว้อาลัย 3 นาที (แต่หลังจากลองเปิดเครื่องอีกครั้งก็เปิดติดนะแต่แบตเหลืออยู่น้อยมาก คือใช้การอะไรไม่ได้แล้วนอกจากรอชาร์ตกับพาวเวอร์แบงค์ที่อยู่ในรถเท่านั้น) ที่นี่จะเจอนักท่องเที่ยวชาวเอเชียเป็นส่วนใหญ่ ถึงฝนจะตกอากาศจะหนาวแค่ไหนทุกคนคือสู้มาก มีมุมถ่ายรูปสวยๆ ให้ถ่ายเยอะ ดีค่ะ 



Classic Village Viewpoint / Postcard Angle

วิวจากจุดนี้ทำให้ Hallstatt กลายเป็นสถานที่ในฝันของเรา และเชื่อว่าน่าจะเป็นของใครอีกหลายๆ คน...ฮือออ สมหวังแล้ว



Kongress-Stuberl Restaurant

เนื่องจากฝนตกหลายๆ คนก็หลบเข้าไปอยู่ในร้านอาหารกัน ทำให้คนเยอะและบรรยากาศก็ดูวุ่นวายมาก กำลังคิดว่าจะออกจาก Hallstatt ก่อนแล้วค่อยหาอะไรกินก็มาเจอกับร้านนี้ที่คนไม่เยอะ จะไม่สั่งปลาน้ำจืดที่จับมาจากทะเลสาบต่างๆ ในแถบนี้ก็คงเหมือนมาไม่ถึง เราเลยสั่งเป็นเซ็ตปลาทอดกับซุปค่ะ ส่วนขนมอีกอย่างที่สั่งมาเพิ่มนั้นเขาว่าเป็นของขึ้นชื่อของที่นี่ แผ่นแป้งข้างนอกคล้ายๆ แป้งเครป ส่วนไส้ข้างในมีกลิ่นของเครื่องเทศนิดๆ คล้ายกลิ่นของกระวาน สำหรับร้านนี้รสชาติอร่อยใช้ได้ค่ะ แต่คนที่ไปด้วยกันบอกว่าความสดของปลายังแพ้ร้านที่ St. Gilgen อยู่ดี