หน้าแรก
คอมมูนิตี้
ห้อง
แท็ก
คลับ
ห้อง
แก้ไขปักหมุด
ดูทั้งหมด
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
แท็ก
แก้ไขปักหมุด
ดูเพิ่มเติม
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
{room_name}
{name}
{description}
กิจกรรม
แลกพอยต์
อื่นๆ
ตั้งกระทู้
เข้าสู่ระบบ / สมัครสมาชิก
เว็บไซต์ในเครือ
Bloggang
Pantown
PantipMarket
Maggang
ติดตามพันทิป
ดาวน์โหลดได้แล้ววันนี้
เกี่ยวกับเรา
กฎ กติกา และมารยาท
คำแนะนำการโพสต์แสดงความเห็น
นโยบายเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล
สิทธิ์การใช้งานของสมาชิก
ติดต่อทีมงาน Pantip
ติดต่อลงโฆษณา
ร่วมงานกับ Pantip
Download App Pantip
Pantip Certified Developer
[CR] รีวิว"มานีมีเฟ่ต์ปี 3"ลุยบุฟเฟ่ต์สุกี้ซอสมันปูกว่า 80เมนู ที่"มานี มี หม้อ"ตลอด 2 ชม.เริ่มเพียง399฿!
กระทู้รีวิว
ชาบู/สุกี้ยากี้
อาหารบุฟเฟ่ต์
อาหารคาว
ร้านอาหาร
อาหาร
เทศกาลมานีมีเฟ่ต์ ปี3 อร่อยสุดคุ้มกับบุฟเฟ่ต์สุกี้อาบซอสมันปู (แต่มันกุ้งก็ยังมีให้บริการอยู่นะ) พร้อมเมนูอื่นๆภายในร้าน นำให้ทานกันแบบไม่อั้นมากกว่า 80 รายการ ราคาเริ่มต้นที่ 399 บาท นั่งทานยาวๆได้เต็มที่ 2 ชม. โปรโมชั่นนี้ 1 ปีมีครั้ง โดยปีนี้เริ่มตั้งแต่วันที่ 19 ส.ค. 62 และสิ้นสุดวันที่ 31 ต.ค.62 ใครอยากทาน อย่าลืมตรวจเช็คก่อนนะว่าสาขาที่ร่วมเทศกาลมานีมีเฟ่ต์บ้าง ? โดยปีนี้มีทั้งหมด 12 สาขาที่ร่วมรายการคือ 1.Nawamin City Avenue อยู่ตรงเกษตร-นวมินทร์ / 2. The Avenue แจ้งวัฒนะ / 3. Esplanade รัชดาภิเษก / 4.Central WestGate บางใหญ่ / 5. The Circle ราชพฤกษ์ / 7. Seacon บางแค / 8. Gateway เอกมัย / 9. Seacon Squareศรีนครินทร์ / 10. Fashion Island รามอินทรา / 11. The Market Bangkok ราชดำริ / 12. โฮมโปร จรัญสนิทวงศ์ ไม่ได้มาทานร้านนี้หลายปีแล้ว เห็นมี Signature ใหม่เป็นซอสมันปู เลยเดินทางมาที่สาขาใกล้ๆบ้านที่ HomePro พระราม 3 นี่เลยครับ มาตั้งแต่ยังไม่มีคนรอหน้าร้านแม้แต่คนเดียว เดี๋ยวเราเข้าไปด้านในกันเลยครับ
บรรยากาศและ Theme ของที่ร้านมีเป็นสีเหลืองตัดด้วยสีเขียวและลายไม้ ทำให้รู้สึกเหมือนกับว่านั่งทานอยู่ในสวนสนุก โดย concept ของแต่ละสาขาก็จะไม่เหมือนกันด้วย (บางคนพูดติดตลกว่าเหมือนนั่งทานในท้องสัตว์ประหลาด) อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับความคิดของแต่ละคนนะครับ แต่ส่วนตัวแล้วรู้สึกว่าร้านนี้ค่อนข้างมีเอกลักษณ์ชัดเจนไม่เหมือนใครดี คือมองมาจากไกลๆก็รู้ว่าร้านนี้แน่นอน ลูกค้าภายในร้านตอนนี้ก็ถือว่าเยอะอยู่ (หลังจากที่ผมนั่งไปสักพักก็ยังมีคนมารอทานเยอะจนต่อคิวกันเป็นแถวยาว) แปลว่ารสชาติน่าจะไม่ธรรมดา เราเริ่มสั่งอาหารกันเลยครับ
โดยบุฟเฟ่ต์ปีนี้ถ้าสั่งราคาเริ่มต้นที่ 399 บาทจะสามารถเลือกได้ทั้งหมด 55 รายการ แต่ถ้าเพิ่มเงินอีก 100 บาทจะสามารถสั่งอาหารได้มากถึง 80 รายการ (ซีฟู้ดและเนื้อพรีเมี่ยมต่างๆก็รวมอยู่ในราคานี้ด้วย) ที่สำคัญทั้ง2 ราคารวมเครื่องดื่มแล้วอีกด้วย พูดถึงว่าต่างกันแค่ร้อยเดียว แถมปีหนึ่งจัดบุฟเฟ่ต์เพียง 1 ครั้งจัดเต็มเลยดีกว่า วันนี้พวกผม 2 คนลุยกันเป็นชุด 499 บาทครับ วิธีการสั่งอาหารคือ เขียนจำนวนที่ต้องการลงในใบเมนูที่วางไว้บนโต๊ะ ด้านล่างสุดมีเขียนเงื่อนไข/กติกา การทานบุฟเฟ่ต์มื้อนี้ไว้ด้วย อย่าลืมอ่านเงื่อนไขก่อนการทานทุกครั้งด้วยนะครับ
โดยเครื่องดื่มของที่ร้านนี้ก็ถือว่าเป็น Signature เหมือนกัน เพราะว่าใช้ชื่อที่แปลกประหลาดไม่เหมือนใคร มีให้เลือกละลานตากันทั้งหมด 10 อย่างคือ ชามะลิเตยหอม/น้ำดื่มธรรมดา/วอชิงตันแอปเปิ้ลกับลาเวนเดอร์/ทับทิมแดงเจ้าพระยา/เก๊กฮวยน้ำตาลอ้อยกับดอกคำฝอย/มะนาวน้ำหอมทูลเกล้ากับคลอโรฟิลล์สกัดจากสมุนไพรโขลก/ มะขามงานเกษตรแฟร์กับเกสรบัวหลวง/มะพร้าวบ้านแพ้วกับกลีบดอกอัญชันและน้ำอัดลมเป็นโคล่ากับมะนาว โดยทางร้านจะให้แก้วกระดาษที่มีรูปการ์ตูนและคำปริศนามาให้ทายด้วย (เอาจริงๆนะนั่งทานไปคิดไป 2 คนยังนึกไม่ออกเลยว่าคำที่อยู่ข้างแก้วคืออะไรกันแน่) โดยจากการชิม 10 น้ำทั้งหมด (กดชิมหน้าตู้อย่างละนืดหน่อย) ผมขอแนะนำน้ำมะพร้าวบ้านแพ้วกับกลีบดอกอัญชัน อันนี้หอมอร่อยเหมือนดื่มน้ำมะพร้าวจริงๆแต่มีความเป็นสีม่วงของอัญชันเล็กน้อย ทานแล้วสดชื่นดีครับ ใครที่เคยทานมานีมีหม้อมาก่อนก็จะรู้ว่าน้ำจิ้มที่นี่เป็นแบบ 2 ชนิด นำมาผสมกัน เป็นน้ำจิ้มสูตรหวาน/เค็มคล้ายกับซอสฮอยซินของเวียดนาม นำมาผสมกับน้ำจิ้มพริกตำรสเปรี้ยว/เผ็ด ผสมกันเองจนกว่าจะลงตัว เพิ่มความแซ่บด้วยพริกสดและกระเทียมสับ (แต่รู้สึกว่าตอนนี้ซอสสูตรต้นตำรับนั้นค่อนข้างหวานไปหน่อยสำหรับผม) แต่ตอนนี้เขามีซอสใหม่มาเพิ่มเป็นซอสสุกี้ยากี้ที่สีดูหม่นๆ แต่รสชาติดีคล้ายน้ำจิ้มสุกี้ MK ใส่แค่พริกกระเทียมเพิ่มอีกเล็กน้อยก็อร่อยแซ่บแล้วครับ (ชอบน้ำจิ้มตัวใหม่มากกว่า หอมซอสพริก/หวานกำลังดี)
น้ำซุปที่ร้านก็มีให้เลือกเยอะถึง 9 แบบ(ที่สำคัญชื่อแปลกๆทั้งนั้น) เริ่มต้นจากต้มจืดสาหร่ายใส่หมูสับ / ซุปใสใส่ไข่"อาสาเรน" / หาดใหญ่บะกุ๊ดเต๋ / ต้มยำน้ำข้นมันกุ้งหก / แจ่วฮ้อนสารคาม / ซุปมะหล่าสีสันแห่งสิบสองปันนา / ตุ๋นไก่รุ่นกับกระดูกหมู / แกงเห็ดกับสมุนไพรเผาและซุปที่อยู่ในราคาบุฟเฟ่ต์ที่แพงที่สุดมีอย่างเดียวคือ ซุปน้ำแดงบรั่นดีต้นตำรับหูฉลามเยาวราช วันนี้ผมเลือกมา 2 ซุปคือ ซุปซุปมะหล่าสีสันแห่งสิบสองปันนากับหาดใหญ่บะกุ๊ดเต๋ โดยรสชาติน้ำซุปทั้ง 2 แบบขอบอกเลยว่ารสชาติเหมือนจะไม่ค่อยสุดทางสักเท่าไร มันอยู่แบบก้ำกึ่ง จะบักกุ๊ดเต๋ก็ไม่ใช่ (กลิ่นสมุนไพรบางๆ) หมาล่าก็ไม่เชิง (มีแต่กลิ่นพริก ไม่ค่อยรู้สึกเผ็ดชา) ถ้าทางร้านปรับปรุงให้รสชาติเข้มข้นชัดเจนกว่านี้อีกนิดน่าจะดีเลยครับ และของทั้งหมดที่เราสั่งไปก็มาเสิร์ฟที่โต๊ะแล้ว มีอะไรให้ทานบ้างมาดูกันเลย
จานแรกเป็นเมนูชื่อแปลกลูกชิ้นเห็ดโคนป่าของหมออินเทวดากับลูกชิ้นกุ้งมหาชัย ลูกชิ้นของที่ร้านนี้เนื้อค่อนข้างแน่น รสชาติเข้มข้นแต่ที่แปลกใจคือลูกชิ้นเห็ดโคนถ้าปิดตาแล้วให้ชิมก็นึกว่าเป็นลูกชิ้นไก่ธรรมดา ไม่บอกไม่รู้เหมือนกัน เกี๊ยวปลาระยองลุงล้องห่อฮิอันนี้มีกลิ่นคล้ายกับเกี๊ยวปลาร้านอื่นอยู่แต่มีความเนื้อแน่นเคี้ยวเต็มปากเต็มคำมากกว่า ไข่ปลาหมึกถือว่าเป็นเมนูขึ้นชื่อของที่นี่มาอย่างยาวนานนำไปต้มจนสุกแล้วเคี้ยว นุ่มหนึบหนับในปาก ต่อกันด้วยเมนูอาหารทานเล่นอย่างขนมปังหน้าหมูไข่กุ้ง เป็นขนมปังที่โปะด้านบนมาด้วยเนื้อหมูผสมกับไข่กุ้งปรุงรส (จากที่ชิมน่าจะผสมเนื้อกุ้งเอาไปด้วยเพราะมีความเด้ง) ใส่ไข่กุ้งให้ค่อนข้างน้อยกว่าเดิม(เคยทานเมื่อหลายปีก่อน) มีความอมน้ำมันเล็กน้อย แต่ก็ไม่ค่อยรู้สึกเลี่ยนเท่าไหร่นัก น่าจะเป็นการเลือกใช้น้ำมันที่ดีกว่าน้ำมันปาล์มปกติ ทานกับอาจาดรสเปรี้ยวหวานและพริกชี้ฟ้าเขียวกรอบๆ ขนมปังร้อนๆกับซอสเย็นๆ ถือว่ารสชาติยังอยู่ในระดับใช้ได้ครับ
ต่อกันด้วย 4 เมนูในบุฟเฟ่ต์ราคาสูงที่สุดของทางร้าน 499 บาท เริ่มจากเนื้อน่องลายโคขุน ปกติเนื้อน่องลายถ้าไม่ตุ๋นมาจะค่อนข้างเหนียว แต่ที่นี่เอ็นของเนื้อวัวเคี้ยวหนึบกำลังอร่อยไปซะงั้น ไม่รู้ว่าเอาไปหมักอะไรทำไมถึงนุ่ม ไม่ได้เคี้ยวยากอย่างที่ตอนแรกพะวงไว้ ต่อกันด้วยเนื้อสันสายพันธุ์ออสซี่ถึงแม้ว่าจะมีไขมันแทรกน้อย แต่ก็ถือว่าค่อนข้างนุ่ม และมีกลิ่นหอมตามแบบฉบับเนื้อออสซี่อยู่เหมือนกัน ต่อไปด้วยเนื้อสันคอที่แทบจะเป็นเนื้อแดง 100% ตอนแรกคิดว่าต้องเหนียวแน่ๆ แต่พอได้ชิมจริงๆก็ไม่ได้เหนียวอย่างที่คิด ถือว่าพอทานได้ แต่ส่วนตัวแล้วชอบเนื้อวัวติดมันมากกว่าครับ เมนูทานเล่นที่อยู่ในชุดนี้เป็นยำกะพรุนแก้วน้ำมันพริก ที่ต้องขอบอกเลยว่า เหมือนตอนเอาแมงกะพรุนไปลวกแล้วสะบัดน้ำยังไม่หมด ทำให้น้ำยำที่คลุกลงไปกลายเป็นว่าจืดเกินไป ไม่ประทับใจเท่าไหร่ครับ
หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ตัวใหญ่เนื้อเยอะตามมาตรฐานร้านชาบูปกติ ชาชูจัมโบ้จิ๊กโก๋พร้อมพงษ์ เป็นหมูชาชูต้มสไตล์ญี่ปุ่น รสชาติหวานเค็ม เนื้อนุ่ม หอมกลิ่นคล้ายโชยุและขิง อันนี้อร่อยมากครับสั่งมาทานหลายถาด กุ้งเกี่ยวอวนเป็นกุ้งขาวคุณภาพกลางๆตัวใสขนาดไม่ใหญ่มาก ทานได้เพลินๆ หมึกกรอบแช่น้ำด่างฉบับภูมิปัญญาบ้านไร่ อันนี้ชื่อแปลก แต่มันก็คือหมึกกรอบธรรมดา ที่เสิร์ฟมาชิ้นใหญ่กว่าปกติ เรียงมาเต็มถาด เคี้ยวเต็มปากเต็มคำดีครับ
หมูยอโฮมเมด หมูยอเนื้อนุ่มมันน้อยหอมกลิ่นพริกไทยดำ ฟองเต้าหู้ห่อกุ้งแชงกรีลา อันนี้ตามชื่อเลยเป็นฟองเต้าหู้ห่อด้วยกุ้งปรุงรสกับมันแกวสับ อัดไส้แน่นอยู่ด้านในทานแล้วกุ้งเนื้อเด้งกรอบมันแกวผมน้ำมันงาอร่อยดี หมูส่วนสันคอเนื้อนุ่มแทรกไขมันคุณภาพดี เป็ดนาอบควันอ้อย เป็นส่วนอกเป็ดติดหนัง นำไปรมควันทานคล้ายอกเป็ดที่เสิร์ฟในโรงแรม แต่เอามาทานแบบชาบูเป็นเมนูที่ไม่เหมือนร้านไหนอีกแล้ว อร่อยแต่ทานได้ไม่เยอะ(เพราะเป็นเก๊าท์)
เนื้อหมูติดมันที่ค่อนข้างจะติดมันเยอะเกินไปหน่อย(แต่สำหรับเราไม่ซีเรียสอยู่แล้วยิ่งมันเยอะ ยิ่งนุ่ม) เต้าหู้ออแกนิคเนื้อเหนียวนุ่มหอมกลิ่นน้ำเต้าหู้เวลาเคี้ยว หมูเทวดาเป็นหมูสับ ผสมกับน้ำมันหมูกากหมูและกระเทียมเจียว เวลาใส่ลงไปในหม้อจะกระจายตัวเหมือนกับหมูสับในก๋วยเตี๋ยว เวลาซดซุปแล้วเจอเนื้อหมูชิ้นเล็กๆ ซดไปด้วยเคี้ยวไปด้วยอร่อยดีครับ และ Signature อย่างมันกุ้งก็ไม่ได้หายไปไหน สามารถสั่งเพิ่ม เติมได้เรื่อยๆเช่นเดียวกันครับ
เมนูต่อไปเป็นปลาหมึกสด ที่ค่อนข้างจะจกตาไปหน่อยเพราะดูก็รู้ว่ามันคือหมึกแช่แข็งนำมาละลายน้ำแข็งให้ทาน เมนูต่อไปหน้าตาเหมือนเนื้อไก่แต่ไม่ใช่ มันคือเห็ดปุยฝ้ายตากหลายแดง สัมผัสเคี้ยวก็เหมือนเนื้อไก่จริงๆ แต่ไม่มีกลิ่นของความเป็นไก่อร่อยดีครับคนที่ทานเจน่าจะชอบเลย ต่อกันด้วยลูกชิ้นมันกุ้งหนึ่งเดียวในใจมานี อันนี้รสชาติธรรมดาไม่ได้รู้สึกพิเศษในชามเดียวกันสีชมพูเป็นลูกชิ้นซากุระสอดไส้ชีสนมสด อันนี้ค่อนข้างผิดหวังกับมาตรฐานที่ลดลงเล็กน้อย เพราะจำได้ว่าก่อนหน้านี้ใช้เป็นลูกชิ้นชีสฮอกไกโด หอมมันกว่านี้เยอะมาก และหมูมะหล่า เป็นหมูหมักเนื้อนุ่มใส่สมุนไพรหมาล่าแต่ไม่ค่อยเผ็ดเท่าไหร่มีแต่กลิ่นกับรู้สึกชาที่ลิ้นนิดๆ ค่อนข้างผิดหวังครับ
ชื่อสินค้า:
มานี มี หม้อ บุฟเฟ่ต์ปี 3
คะแนน:
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้
- จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
- ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น
▼
กำลังโหลดข้อมูล...
▼
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
ชาบู/สุกี้ยากี้
อาหารบุฟเฟ่ต์
อาหารคาว
ร้านอาหาร
อาหาร
บนสุด
ล่างสุด
อ่านเฉพาะข้อความเจ้าของกระทู้
หน้า:
หน้า
จาก
แชร์ :
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน
อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่
ยอมรับ
[CR] รีวิว"มานีมีเฟ่ต์ปี 3"ลุยบุฟเฟ่ต์สุกี้ซอสมันปูกว่า 80เมนู ที่"มานี มี หม้อ"ตลอด 2 ชม.เริ่มเพียง399฿!
บรรยากาศและ Theme ของที่ร้านมีเป็นสีเหลืองตัดด้วยสีเขียวและลายไม้ ทำให้รู้สึกเหมือนกับว่านั่งทานอยู่ในสวนสนุก โดย concept ของแต่ละสาขาก็จะไม่เหมือนกันด้วย (บางคนพูดติดตลกว่าเหมือนนั่งทานในท้องสัตว์ประหลาด) อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับความคิดของแต่ละคนนะครับ แต่ส่วนตัวแล้วรู้สึกว่าร้านนี้ค่อนข้างมีเอกลักษณ์ชัดเจนไม่เหมือนใครดี คือมองมาจากไกลๆก็รู้ว่าร้านนี้แน่นอน ลูกค้าภายในร้านตอนนี้ก็ถือว่าเยอะอยู่ (หลังจากที่ผมนั่งไปสักพักก็ยังมีคนมารอทานเยอะจนต่อคิวกันเป็นแถวยาว) แปลว่ารสชาติน่าจะไม่ธรรมดา เราเริ่มสั่งอาหารกันเลยครับ
โดยบุฟเฟ่ต์ปีนี้ถ้าสั่งราคาเริ่มต้นที่ 399 บาทจะสามารถเลือกได้ทั้งหมด 55 รายการ แต่ถ้าเพิ่มเงินอีก 100 บาทจะสามารถสั่งอาหารได้มากถึง 80 รายการ (ซีฟู้ดและเนื้อพรีเมี่ยมต่างๆก็รวมอยู่ในราคานี้ด้วย) ที่สำคัญทั้ง2 ราคารวมเครื่องดื่มแล้วอีกด้วย พูดถึงว่าต่างกันแค่ร้อยเดียว แถมปีหนึ่งจัดบุฟเฟ่ต์เพียง 1 ครั้งจัดเต็มเลยดีกว่า วันนี้พวกผม 2 คนลุยกันเป็นชุด 499 บาทครับ วิธีการสั่งอาหารคือ เขียนจำนวนที่ต้องการลงในใบเมนูที่วางไว้บนโต๊ะ ด้านล่างสุดมีเขียนเงื่อนไข/กติกา การทานบุฟเฟ่ต์มื้อนี้ไว้ด้วย อย่าลืมอ่านเงื่อนไขก่อนการทานทุกครั้งด้วยนะครับ
โดยเครื่องดื่มของที่ร้านนี้ก็ถือว่าเป็น Signature เหมือนกัน เพราะว่าใช้ชื่อที่แปลกประหลาดไม่เหมือนใคร มีให้เลือกละลานตากันทั้งหมด 10 อย่างคือ ชามะลิเตยหอม/น้ำดื่มธรรมดา/วอชิงตันแอปเปิ้ลกับลาเวนเดอร์/ทับทิมแดงเจ้าพระยา/เก๊กฮวยน้ำตาลอ้อยกับดอกคำฝอย/มะนาวน้ำหอมทูลเกล้ากับคลอโรฟิลล์สกัดจากสมุนไพรโขลก/ มะขามงานเกษตรแฟร์กับเกสรบัวหลวง/มะพร้าวบ้านแพ้วกับกลีบดอกอัญชันและน้ำอัดลมเป็นโคล่ากับมะนาว โดยทางร้านจะให้แก้วกระดาษที่มีรูปการ์ตูนและคำปริศนามาให้ทายด้วย (เอาจริงๆนะนั่งทานไปคิดไป 2 คนยังนึกไม่ออกเลยว่าคำที่อยู่ข้างแก้วคืออะไรกันแน่) โดยจากการชิม 10 น้ำทั้งหมด (กดชิมหน้าตู้อย่างละนืดหน่อย) ผมขอแนะนำน้ำมะพร้าวบ้านแพ้วกับกลีบดอกอัญชัน อันนี้หอมอร่อยเหมือนดื่มน้ำมะพร้าวจริงๆแต่มีความเป็นสีม่วงของอัญชันเล็กน้อย ทานแล้วสดชื่นดีครับ ใครที่เคยทานมานีมีหม้อมาก่อนก็จะรู้ว่าน้ำจิ้มที่นี่เป็นแบบ 2 ชนิด นำมาผสมกัน เป็นน้ำจิ้มสูตรหวาน/เค็มคล้ายกับซอสฮอยซินของเวียดนาม นำมาผสมกับน้ำจิ้มพริกตำรสเปรี้ยว/เผ็ด ผสมกันเองจนกว่าจะลงตัว เพิ่มความแซ่บด้วยพริกสดและกระเทียมสับ (แต่รู้สึกว่าตอนนี้ซอสสูตรต้นตำรับนั้นค่อนข้างหวานไปหน่อยสำหรับผม) แต่ตอนนี้เขามีซอสใหม่มาเพิ่มเป็นซอสสุกี้ยากี้ที่สีดูหม่นๆ แต่รสชาติดีคล้ายน้ำจิ้มสุกี้ MK ใส่แค่พริกกระเทียมเพิ่มอีกเล็กน้อยก็อร่อยแซ่บแล้วครับ (ชอบน้ำจิ้มตัวใหม่มากกว่า หอมซอสพริก/หวานกำลังดี)
น้ำซุปที่ร้านก็มีให้เลือกเยอะถึง 9 แบบ(ที่สำคัญชื่อแปลกๆทั้งนั้น) เริ่มต้นจากต้มจืดสาหร่ายใส่หมูสับ / ซุปใสใส่ไข่"อาสาเรน" / หาดใหญ่บะกุ๊ดเต๋ / ต้มยำน้ำข้นมันกุ้งหก / แจ่วฮ้อนสารคาม / ซุปมะหล่าสีสันแห่งสิบสองปันนา / ตุ๋นไก่รุ่นกับกระดูกหมู / แกงเห็ดกับสมุนไพรเผาและซุปที่อยู่ในราคาบุฟเฟ่ต์ที่แพงที่สุดมีอย่างเดียวคือ ซุปน้ำแดงบรั่นดีต้นตำรับหูฉลามเยาวราช วันนี้ผมเลือกมา 2 ซุปคือ ซุปซุปมะหล่าสีสันแห่งสิบสองปันนากับหาดใหญ่บะกุ๊ดเต๋ โดยรสชาติน้ำซุปทั้ง 2 แบบขอบอกเลยว่ารสชาติเหมือนจะไม่ค่อยสุดทางสักเท่าไร มันอยู่แบบก้ำกึ่ง จะบักกุ๊ดเต๋ก็ไม่ใช่ (กลิ่นสมุนไพรบางๆ) หมาล่าก็ไม่เชิง (มีแต่กลิ่นพริก ไม่ค่อยรู้สึกเผ็ดชา) ถ้าทางร้านปรับปรุงให้รสชาติเข้มข้นชัดเจนกว่านี้อีกนิดน่าจะดีเลยครับ และของทั้งหมดที่เราสั่งไปก็มาเสิร์ฟที่โต๊ะแล้ว มีอะไรให้ทานบ้างมาดูกันเลย
จานแรกเป็นเมนูชื่อแปลกลูกชิ้นเห็ดโคนป่าของหมออินเทวดากับลูกชิ้นกุ้งมหาชัย ลูกชิ้นของที่ร้านนี้เนื้อค่อนข้างแน่น รสชาติเข้มข้นแต่ที่แปลกใจคือลูกชิ้นเห็ดโคนถ้าปิดตาแล้วให้ชิมก็นึกว่าเป็นลูกชิ้นไก่ธรรมดา ไม่บอกไม่รู้เหมือนกัน เกี๊ยวปลาระยองลุงล้องห่อฮิอันนี้มีกลิ่นคล้ายกับเกี๊ยวปลาร้านอื่นอยู่แต่มีความเนื้อแน่นเคี้ยวเต็มปากเต็มคำมากกว่า ไข่ปลาหมึกถือว่าเป็นเมนูขึ้นชื่อของที่นี่มาอย่างยาวนานนำไปต้มจนสุกแล้วเคี้ยว นุ่มหนึบหนับในปาก ต่อกันด้วยเมนูอาหารทานเล่นอย่างขนมปังหน้าหมูไข่กุ้ง เป็นขนมปังที่โปะด้านบนมาด้วยเนื้อหมูผสมกับไข่กุ้งปรุงรส (จากที่ชิมน่าจะผสมเนื้อกุ้งเอาไปด้วยเพราะมีความเด้ง) ใส่ไข่กุ้งให้ค่อนข้างน้อยกว่าเดิม(เคยทานเมื่อหลายปีก่อน) มีความอมน้ำมันเล็กน้อย แต่ก็ไม่ค่อยรู้สึกเลี่ยนเท่าไหร่นัก น่าจะเป็นการเลือกใช้น้ำมันที่ดีกว่าน้ำมันปาล์มปกติ ทานกับอาจาดรสเปรี้ยวหวานและพริกชี้ฟ้าเขียวกรอบๆ ขนมปังร้อนๆกับซอสเย็นๆ ถือว่ารสชาติยังอยู่ในระดับใช้ได้ครับ
ต่อกันด้วย 4 เมนูในบุฟเฟ่ต์ราคาสูงที่สุดของทางร้าน 499 บาท เริ่มจากเนื้อน่องลายโคขุน ปกติเนื้อน่องลายถ้าไม่ตุ๋นมาจะค่อนข้างเหนียว แต่ที่นี่เอ็นของเนื้อวัวเคี้ยวหนึบกำลังอร่อยไปซะงั้น ไม่รู้ว่าเอาไปหมักอะไรทำไมถึงนุ่ม ไม่ได้เคี้ยวยากอย่างที่ตอนแรกพะวงไว้ ต่อกันด้วยเนื้อสันสายพันธุ์ออสซี่ถึงแม้ว่าจะมีไขมันแทรกน้อย แต่ก็ถือว่าค่อนข้างนุ่ม และมีกลิ่นหอมตามแบบฉบับเนื้อออสซี่อยู่เหมือนกัน ต่อไปด้วยเนื้อสันคอที่แทบจะเป็นเนื้อแดง 100% ตอนแรกคิดว่าต้องเหนียวแน่ๆ แต่พอได้ชิมจริงๆก็ไม่ได้เหนียวอย่างที่คิด ถือว่าพอทานได้ แต่ส่วนตัวแล้วชอบเนื้อวัวติดมันมากกว่าครับ เมนูทานเล่นที่อยู่ในชุดนี้เป็นยำกะพรุนแก้วน้ำมันพริก ที่ต้องขอบอกเลยว่า เหมือนตอนเอาแมงกะพรุนไปลวกแล้วสะบัดน้ำยังไม่หมด ทำให้น้ำยำที่คลุกลงไปกลายเป็นว่าจืดเกินไป ไม่ประทับใจเท่าไหร่ครับ
หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ตัวใหญ่เนื้อเยอะตามมาตรฐานร้านชาบูปกติ ชาชูจัมโบ้จิ๊กโก๋พร้อมพงษ์ เป็นหมูชาชูต้มสไตล์ญี่ปุ่น รสชาติหวานเค็ม เนื้อนุ่ม หอมกลิ่นคล้ายโชยุและขิง อันนี้อร่อยมากครับสั่งมาทานหลายถาด กุ้งเกี่ยวอวนเป็นกุ้งขาวคุณภาพกลางๆตัวใสขนาดไม่ใหญ่มาก ทานได้เพลินๆ หมึกกรอบแช่น้ำด่างฉบับภูมิปัญญาบ้านไร่ อันนี้ชื่อแปลก แต่มันก็คือหมึกกรอบธรรมดา ที่เสิร์ฟมาชิ้นใหญ่กว่าปกติ เรียงมาเต็มถาด เคี้ยวเต็มปากเต็มคำดีครับ
หมูยอโฮมเมด หมูยอเนื้อนุ่มมันน้อยหอมกลิ่นพริกไทยดำ ฟองเต้าหู้ห่อกุ้งแชงกรีลา อันนี้ตามชื่อเลยเป็นฟองเต้าหู้ห่อด้วยกุ้งปรุงรสกับมันแกวสับ อัดไส้แน่นอยู่ด้านในทานแล้วกุ้งเนื้อเด้งกรอบมันแกวผมน้ำมันงาอร่อยดี หมูส่วนสันคอเนื้อนุ่มแทรกไขมันคุณภาพดี เป็ดนาอบควันอ้อย เป็นส่วนอกเป็ดติดหนัง นำไปรมควันทานคล้ายอกเป็ดที่เสิร์ฟในโรงแรม แต่เอามาทานแบบชาบูเป็นเมนูที่ไม่เหมือนร้านไหนอีกแล้ว อร่อยแต่ทานได้ไม่เยอะ(เพราะเป็นเก๊าท์)
เนื้อหมูติดมันที่ค่อนข้างจะติดมันเยอะเกินไปหน่อย(แต่สำหรับเราไม่ซีเรียสอยู่แล้วยิ่งมันเยอะ ยิ่งนุ่ม) เต้าหู้ออแกนิคเนื้อเหนียวนุ่มหอมกลิ่นน้ำเต้าหู้เวลาเคี้ยว หมูเทวดาเป็นหมูสับ ผสมกับน้ำมันหมูกากหมูและกระเทียมเจียว เวลาใส่ลงไปในหม้อจะกระจายตัวเหมือนกับหมูสับในก๋วยเตี๋ยว เวลาซดซุปแล้วเจอเนื้อหมูชิ้นเล็กๆ ซดไปด้วยเคี้ยวไปด้วยอร่อยดีครับ และ Signature อย่างมันกุ้งก็ไม่ได้หายไปไหน สามารถสั่งเพิ่ม เติมได้เรื่อยๆเช่นเดียวกันครับ
เมนูต่อไปเป็นปลาหมึกสด ที่ค่อนข้างจะจกตาไปหน่อยเพราะดูก็รู้ว่ามันคือหมึกแช่แข็งนำมาละลายน้ำแข็งให้ทาน เมนูต่อไปหน้าตาเหมือนเนื้อไก่แต่ไม่ใช่ มันคือเห็ดปุยฝ้ายตากหลายแดง สัมผัสเคี้ยวก็เหมือนเนื้อไก่จริงๆ แต่ไม่มีกลิ่นของความเป็นไก่อร่อยดีครับคนที่ทานเจน่าจะชอบเลย ต่อกันด้วยลูกชิ้นมันกุ้งหนึ่งเดียวในใจมานี อันนี้รสชาติธรรมดาไม่ได้รู้สึกพิเศษในชามเดียวกันสีชมพูเป็นลูกชิ้นซากุระสอดไส้ชีสนมสด อันนี้ค่อนข้างผิดหวังกับมาตรฐานที่ลดลงเล็กน้อย เพราะจำได้ว่าก่อนหน้านี้ใช้เป็นลูกชิ้นชีสฮอกไกโด หอมมันกว่านี้เยอะมาก และหมูมะหล่า เป็นหมูหมักเนื้อนุ่มใส่สมุนไพรหมาล่าแต่ไม่ค่อยเผ็ดเท่าไหร่มีแต่กลิ่นกับรู้สึกชาที่ลิ้นนิดๆ ค่อนข้างผิดหวังครับ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น