สวัสดีครับชาวพันทิปทุกท่าน สำหรับใครหลายๆ คนที่ชื่นชอบการเดินเล่นชิวๆเจอของที่ถูกใจเมื่อไหร่ก็พร้อมที่จะควักเงินในกระเป๋าขึ้นมาจับจ่ายใช้สอยทันทีนั้น ผมอยากจะบอกกับพวกคุณว่า เราคือเพื่อนกันครับ เพราะกระทู้นี้ผมจะพาทุกคนไปรู้จักกับ MITSUI OUTLET PARK KISARAZU เอาท์เล็ตที่มีจำนวนร้านค้ามากที่สุดในญี่ปุ่นกันนั่นเองครับ

   ต้องขอเกริ่นก่อนนะครับว่า ผมเองเนี่ยก็ไม่ได้มีเงินช้อปปิ้งอะไรมากมายสักเท่าไหร่หรอก แต่เผอิญว่าผมอยากได้รองเท้าผ้าใบสีขาวคู่ใหม่สักคู่ก่อนกลับไทย เพราะคู่เก่าที่แบกมาจากไทยเพื่อเอามาใช้ชีวิตที่ญี่ปุ่นตลอดหนึ่งปีนั้น น้องได้ลาจากโลกนี้ไปแล้ว RIP พอเกิดความคิดที่อยากจะซื้อรองเท้าคู่ใหม่ปุ๊บ คำถามต่อมาคือ ไปซื้อที่ไหนดี ปกติคือผมก็เป็นนักช้อปอยู่แล้วเลยเบื่อย่านบรรยากาศเดิมๆ ไม่ว่าจะเป็นชินจุกุ ชิบูย่า คือไปบ่อยมากจริงๆ ครั้งนี้เลยคิดว่าอยากจะไปช้อปที่ใหม่ๆ บรรยากาศดีๆ ของราคาไม่แพงบ้าง ผมเลยลองไปเสิร์ชในเน็ตดูว่ามีที่ไหนน่าสนใจบ้าง แล้วผลสรุปก็คือได้ไปที่ MITSUI OUTLET PARK KISARAZU มาครับ

   MITSUI OUTLET PARK KISARAZU นั้นเป็นเอาท์เล็ตที่ตั้งอยู่ใน จ.ชิบะ ซึ่งเป็นจังหวัดที่ติดกับกรุงโตเกียวเลย จึงทำให้การเดินทางไปช้อปปิ้งที่นี่นั้นไม่ใช่เรื่องยากลำบากอะไรเพราะมีรถบัสสายตรงจากสถานียอดฮิตอย่าง ชินจูกุ ชิบูย่า อิเคะบุคุโระ รวมถึงจากสนามบินนาริตะและฮาเนดะด้วย สำหรับ ผมเลือกเดินทางจากสถานีโตเกียวครับ ขั้นตอนแรกคือเราต้องไปขึ้นรถบัสที่สถานีโตเกียวก่อน ป้ายรถบัสจะจอดอยู่ทางฝั่ง Yaesu South Exit ของสถานีโตเกียวนะ ใครไม่เคยไปดูตามแผนที่ด้านล่างนี้ได้เลยย ปล.คนที่ไม่เคยไปสถานีโตเกียวมาก่อนอาจจะเดินหลงบ้างเป็นธรรมดานะครับ ไม่ต้องคิดมาก สถานีเค้าใหญ่และกว้างมากจริงๆ ไม่แปลกที่จะหลง แต่ถ้าดูป้ายบอกทางดีๆก็ไม่ยากเกินความสามารถเน่อ ไม่ก็ลองถามทางจากเจ้าหน้าที่สถานีดูก็ได้ครับ


แผนที่เดินทางไป Yaesu South Exit ของสถานีโตเกียว


ทางออก Yaesu South Side

   โอเค ทีนี้พอเราเดินมาถึงป้ายทางออก Yaesu South Side แล้วนั้น ให้เราเดินไปขึ้นรถบัสที่ป้ายรถบัสหมายเลข2 ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับทางออกเลย หาง่ายมากๆ ไม่หลงไม่งงแน่นอน (ตำแหน่งป้ายรถบัสหมายเลข2 >>https://goo.gl/maps/TZbRJCYJUGm4aCHF6 ) พอขึ้นรถบัสได้แล้วทีนี้ก็สบายเลย เพราะสามารถนั่งหลับยาวๆไปจนถึง MITSUI OUTLET PARK KISARAZU ได้เลย ใช้เวลาประมาณ 45 นาทีในการเดินทาง โดยก่อนลงจากรถเค้าก็จะให้เราจ่ายเงินกับคนขับรถ ซึ่งเราสามารถจ่ายด้วยเงินสดหรือ บัตรรถไฟ PASMO (พูดง่ายๆคือบัตร BTS หรือ MRT บ้านเรานั่นเอง) ก็ได้ ราคาผู้ใหญ่จะอยู่ที่ 1,250¥/คน/เที่ยว ส่วนราคาสำหรับเด็กนั้นจะอยู่ที่ 630¥/คน/เที่ยว เน่อ นอกจากนี้ยังมีเวลาออกรถเป็นรอบๆ บอกให้เรารู้อีกด้วย สะดวกสุดๆไปเลย (หรือสามารถเช็ครอบรถได้ที่ลิ้งก์นี้เลยครับ https://mitsui-shopping-park.com/mop/kisarazu/english/access/)


รายละเอียดราคาและตารางเวลาออกรถ

   ในที่สุด เราก็มาถึง MITSUI OUTLET PARK KISARAZU กันแล้วครับทุกคน พอมาถึงปุ๊บ สิ่งที่คิดตอนนั้นเลยคือ โอ้โห ทำไมมันใหญ่และกว้างกว่าที่คิดไว้อีกเนี่ย วันนี้จะเดินครบมั้ย (ไปถึงก็ปาเข้าไปเที่ยงกว่าๆแล้ว เพราะผมตื่นสายครับ ถถถ)


ทางเข้า MITSUI OUTLET PARK KISARAZU

   พอเข้ามาข้างในเราก็จะพบว่า มันใหญ่และกว้างมากจริงๆด้วย แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือร้อนมาก! 555  เพราะว่าที่ MITSUI OUTLET PARK KISARAZU นี้เป็นเหมือนห้างสรรพสินค้า outdoor ก็คือเป็นสถานที่เปิดโล่ง ใครมาช่วงปลายสิงหาคมเหมือนผม เตรียมร่มมารัวๆ แต่ด้วยความที่เป็น outdoor เนี่ยแหละเลยให้ความรู้สึกและบรรยากาศเหมือนมาเดินเล่นชิวๆ ตามท้องถนนในเมืองมากกว่า ไม่ได้ให้ความรู้สึกเหมือนเดินห้างสักเท่าไหร่ ผมเลยรู้สึกชอบที่นี่เป็นพิเศษ  อีกอย่างคือบรรยากาศดีมาก เหมือนเดินอยู่ยุโรปอ่ะเอาจริงๆ ไม่เหมือนอยู่ในญี่ปุ่น 555 และด้วยความที่การจัดตกแต่งสถานที่และบรรยากาศที่สวยงามนั้น ทำให้คนที่เดินเที่ยวที่นี่สามารถหาพื้นหลังสวยๆ ในการถ่ายรูปลง SNS เกร๋ๆ ได้อีกด้วย


เวลาเดินช้อปเหนื่อยๆก็สามารถแวะหาที่นั่งพักได้นะครับ ตรงโซนนี้เรียกว่า GARDEN TERRACE เค้าจัดไว้ให้พักผ่อนโดยเฉพาะเลย ร่มรื่นมากๆ

    

   เป็นไงกันบ้างครับ บรรยากาศดี วิวสวยมากๆเลยใช่มั้ยล่ะ คราวนี้ก็มาถึงไฮไลท์สำคัญที่ผมคิดว่าทุกคนน่าจะกำลังรออยู่ซึ่งนั่นก็คือร้านค้าแบรนด์ต่างๆ ที่มีอยู่ใน  MITSUI OUTLET PARK KISARAZU แห่งนี้นั่นเอง ต้องขอบอกก่อนเลยว่า เนื่องจากเอาท์เล็ทที่นี่มีพื้นที่ที่กว้างและใหญ่มาก จึงทำให้ร้านค้าแบรนด์ต่างๆก็มีให้เลือกช้อปกันมากขึ้นเช่นเดียวกัน มีตั้งแต่แบรนด์ที่พวกเราคุ้นชินกันเป็นอย่างดีและราคาจับต้องได้ เช่น adidas, Nike, NEW BALANCE ไปจนกระทั่งแบรนด์ hi-end อย่างเช่น GUCCI , COACH และอีกมากมายให้จับจ่ายใช้สอยกันเลยทีเดียว สิ่งที่อยากจะบอกคือมาที่นี่ที่เดียวก็สามารถช้อปปิ้งได้อย่างหลากหลาย ไม่ได้จำกัดอยู่แค่สินค้าประเภทใดประเภทหนึ่งแน่นอน ครอบคลุมทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นกระเป๋า รองเท้า เสื้อผ้า น้ำหอม และอีกแปดพันล้านอย่าง 555

  ภารกิจของเราในครั้งนี้ก็คือการตามหารองเท้าผ้าใบสีขาว ดังนั้นร้านที่ผมเดินเข้าก็คงจะหนีไม่พ้น adidas, Nike, NEW BALANCE, VANS, Dr.Martens แน่นอนครับ แต่คิดหรอว่ามันจะจบลงแค่รองเท้าผ้าใบ คุณคิดถูกแล้วครับ มันไม่ได้จบลงแค่นั้น แต่ได้ของอย่างอื่นมาด้วย ทั้งเสื้อผ้าแฟชั่น (สายแต่งตัวอย่างเราจะเหลือหรอ 555) และชุดออกกำลังกาย (จะได้ใส่ป่าวไม่รู้ แต่ที่รู้ ๆ คืออยากได้เลยซื้อไว้ก่อน) ถ้าถามว่าทำไมถึงโดนตกน่ะหรอ ก็เพราะว่าของมันดีและถูกมากจริงๆ ยังไงล่ะ โอ้โห Nike คู่ละ 3,000¥ VANS คู่ละ 2,000¥ ใครมันจะไปอดใจไหวถามจริง ลดบ้าบออะไรเยอะขนาดนั้นอ่ะ ลดเหมือนจะปิดกิจการ ถ้าแจกฟรีได้แจกไปแล้ว 555 อยากจะบอกว่าตอนที่ไปคือลดราคาแทบทุกร้านนะครับ มีตั้งแต่ลด 30% ไปจนถึง 80% ก็มี ไม่ให้ตาลุกวาวได้เยี่ยงไร ยังไม่หมด บางร้านมีแบบ ถ้าซื้อครบ~เยน จะได้ลดอีก 5-10% ด้วยนะ

   

   สำหรับใครที่ชื่นชอบรองเท้าหรือเป็นสายแฟชั่นรองเท้า ผมก็ขอแนะนำ adidas, Nike, VANS, NEW BALANCE ที่นี่เลย เพราะนอกจากจะถูกและคุณภาพดีแล้วยังมีรองเท้าบางรุ่นที่เป็น Japan Limited Edition ซึ่งไม่สามารถหาซื้อได้ในประเทศอื่นอีกด้วยนะ คนรักรองเท้าต้องห้ามพลาดเลย แนะนำมากๆครับ

   นอกจากนี้ ร้านเสื้อผ้าอย่าง GLOBAL WORK ที่ผมไปสอยมาครั้งนี้ก็ลดเยอะไม่แพ้ร้านอื่นๆเช่นกัน โดยลดสูงสุดถึง80% ภายในร้านมีทั้งเสื้อผ้าผู้หญิงและผู้ชาย จะแนวสตรีทหรือเรียบง่ายใส่สบายก็มีทั้งนั้น ดีไซน์สวย อย่างเช่นชุดที่ผมซื้อมา ลดจากตัวละ 6,000¥ เหลือแค่ 3,000¥ กว่าๆ อีกร้านคือ Under Armour ซึ่งชุดกีฬาออกกำลังกายต่างๆบางตัวซื้อที่ไทยตกตัวละเป็นพันบาทเลยนะครับ แต่ถ้าซื้อที่เอาท์เล็ทนี้คือชุดเหมือนกันแต่ซื้อได้ในราคาแค่พันสองพันกว่าเยน (ประมาณ 300-600 บาทเท่านั้น) นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ว่าไม่ซื้อไม่ได้แล้ว 555

   ส่วนเรื่องช่วงเวลาที่แนะนำให้มานั้น จริงๆไม่แนะนำให้มาหน้าร้อนนะครับ ส่วนตัวผมคิดว่าถ้ามาเดินช่วงที่อากาศเย็นๆ อย่างเช่น ฤดูใบไม้ผลิหรือใบไม้ร่วงน่าจะกำลังดีครับ เดินเล่นชิวๆ ช้อปเพลินๆ ไปกับอากาศเย็นๆ คงฟินหน้าดู

   อ่านมาจนถึงตรงนี้ อาจมีบางคนสงสัยว่า อ้าว แล้วถ้าเราหิวขึ้นมาทำไง แถวนั้นมีอะไรกินมั้ย ผมอยากจะบอกเลยว่า ไม่ต้องกังวลเลยครับ ข้างใน MITSUI OUTLET PARK KISARAZU นั้นมีโซน food court บริการให้อยู่แล้วครับ เพราะนอกจากคนญี่ปุ่นเอง นักท่องเที่ยวที่มาจับจ่ายใช้สอยนั้นก็มีจำนวนเยอะไม่แพ้กัน เค้าจึงต้องจัดบริการไว้ให้ครอบคลุมที่สุดเพื่อทำให้ลูกค้าประทับใจ ซึ่งผมประทับใจมาก เพราะว่า ถึงแม้ว่าคนจะเยอะแค่ไหนแต่ก็มีที่นั่งกินข้าวแน่นอนครับ เพราะเค้ามีระบบบัตรคิว ก็คือก่อนที่เราจะไปซื้อข้าวนั้นเราต้องไปต่อแถวรับบัตรคิวจองโต๊ะเพื่อที่จะการันตีว่าเรามีที่นั่งแล้วแน่ ๆ ค่อยไปซื้อข้าวมากินครับ โดยแต่ละโต๊ะในช่วง rush hour นั้นจะมีเวลานั่งกินแค่ 30 นาทีเท่านั้น ทำให้ทุกคนจะได้นั่งกินข้าวอย่างทั่วถึงแน่นอน ซึ่ง จขกท. เองชอบบริการนี้มากๆ ส่วนราคาอาหารนั้นก็ปกติเลยครับ มีตั้งแต่ 500-1,000up¥ ครับ มีให้เลือกหลายอย่างด้วย ทั้งอาหารญี่ปุ่น อาหารจีน อาหารเกาหลี อาหารฝรั่งก็มี พูดง่ายๆ คือครบครับ



   โดยครั้งนี้ร้านที่ผมเลือกกินมีชื่อว่า 鶏三和 (torisanwa) ซึ่งเป็นร้านที่มีชื่อเสียงมาจากนาโกย่า ขึ้นชื่อเรื่องเมนูไก่มาก ๆ ผมเลยซื้อข้าวไก่ราดซอสนัมบะมากิน อร่อยมาก สมคำร่ำลือจริงๆ ถ้าใครได้ไปก็อยากให้ลองกินเมนูนี้ดูนะครับ ไม่แพงด้วย

   ขอบคุณทุกคนที่อ่านมาจนถึงช่วงสุดท้ายนี้นะครับ ผมอยากจะมาแบ่งปันแหล่งช้อปปิ้งราคาถูกและดีให้เหล่านักช้อปด้วยกัน เผื่อใครที่มีโอกาสได้ไปเที่ยวญี่ปุ่น ก็อยากให้ลองแวะไปเดินเล่นดูนะครับ อีกอย่างคือ ถ้าใครกำลังกังวลว่าอยากไปนะ แต่พูดภาษาญี่ปุ่นไม่ได้จะทำยังไงดี เพราะหลายๆคนคงเคยได้ยินมาว่าคนญี่ปุ่นไม่พูดภาษาอื่นเลยนอกจากภาษาตัวเอง แต่ผมอยากจะบอกไว้ตรงนี้เลยว่า สบายใจได้เลยครับ พนักงานที่นี่ได้รับการเทรนด์และผ่านการคัดกรองมาเป็นอย่างดี ทุกคนพูดภาษาอังกฤษได้ นอกจากนี้ยังมีจุดบริการขอคืนภาษี เพราะที่ Tax-free counter สามารถขอคืนภาษีได้ครบจบที่เดียว ประหยัดเวลาและคุ้มสุดๆไปเลย ทั้งหมดทั้งมวลที่ผมได้เล่ามานั้นก็แค่อยากจะแชร์ความประทับใจในการช้อปปิ้งเอาท์เล็ทที่ญี่ปุ่นให้คนอื่นได้ฟังบ้าง หวังว่าทุกคนคงจะชอบและสนุกไปกับการรีวิว MITSUI OUTLET PARK KISARAZU ในครั้งนี้นะครับ ถ้ามีความคิดเห็นยังไง เข้ามาพูดคุยด้วยกันได้เลยนะครับ สำหรับวันนี้ขอจบการรีวิวไว้แต่เพียงเท่านี้ ขอบคุณครับ ^O^

#เที่ยวญี่ปุ่น #Japan #Outlet #MitsuiOutlet #Shopping