บทความน่าสนใจ เบน เดวิส "ความฝันสำคัญกว่า"... จากเพจ วิเคราะห์บอลจริงจัง...ยาวหน่อยนะครับ




การที่ทีมชาติไทยแย่งชิงตัวเบน เดวิส ดาวเตะจากสโมสรฟูแล่ม มาครองได้สำเร็จ ถือเป็นเรื่องน่าตกใจทีเดียว

อะไรที่ทำให้นักเตะตัดสินใจสละสัญชาติสิงคโปร์ ทั้งๆที่ติดทีมชาติ ชุด U-16 และ U-19 มาแล้ว อยู่ๆก็พลิกเกมมาเลือก "ไทย" แทน

จุดที่น่าสนใจคือ สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย เดินเกมอย่างไร ถึงเอาชนะในสงครามครั้งนี้

วิเคราะห์บอลจริงจัง จะอธิบายประเด็นทั้งหมดให้ฟังแบบครบจบในโพสต์เดียว

-----------------------------------

เบน เดวิส เป็นลูกครึ่ง คุณแม่เป็นคนไทย คุณพ่อเป็นคนอังกฤษ เขาเกิดที่จังหวัดภูเก็ต ในปี ค.ศ.2000

เดวิส มี 2 สัญชาติตั้งแต่เด็ก เขาถือพาสปอร์ต 2 เล่ม คือไทย และสหราชอาณาจักร

พออายุ 5 ขวบเดวิส ย้ายมาอยู่สิงคโปร์ทั้งครอบครัว เนื่องจากคุณพ่อฮาร์วีย์ เปิดโรงเรียนสอนฟุตบอลชื่อ JSSL Singapore (ซึ่งตัวเบน เดวิส ก็เข้าเรียนคลาสฟุตบอลกับคุณพ่อของตัวเองด้วย)

หลังจากอยู่สิงคโปร์ 4 ปี เบน เดวิส จึงได้รับสัญชาติสิงคโปร์ตามกฎหมาย เท่ากับว่าในวัย 9 ขวบ เขาสามารถเลือกได้ ว่าจะเล่นฟุตบอลให้กับประเทศไหนกันแน่ ระหว่าง อังกฤษ ไทย หรือ สิงคโปร์

หลังจากเล่นได้ดีมากกับ JSSL Singapore เบน เดวิส ย้ายไปอยู่กับ ศูนย์ฝึกแห่งใหม่ชื่อ JCOE (Junior Centre of Excellence) ซึ่งเป็นอะคาเดมี่ของสมาคมฟุตบอลสิงคโปร์ โดยที่อะคาเดมี่แห่งนี้จะรับเฉพาะนักเตะเยาวชน ฝีเท้าระดับหัวกะทิของประเทศเท่านั้น

เดวิส ยิ่งเล่นยิ่งฉายแวว ทำให้ทีมชาติสิงคโปร์ ชุด U-16 เรียกเขาไปติดทีม และอีกไม่นานชุด U-19 ก็เรียกตัวตามไปติดๆ

เมื่อฝีเท้าได้รับการยอมรับระดับหนึ่ง พอเบน เดวิส มีอายุ 16 ปี คุณพ่อฮาร์วีย์ตัดสินใจส่งลูกชายไปทดสอบฝีเท้ากับสโมสรฟูแล่ม ทีมในแชมเปี้ยนชิพ อังกฤษ

โดยฟูแล่มประกาศว่า จากผู้สมัครหลายร้อย จะรับนักเตะใหม่มาเข้าอะคาเดมี่ เพียงแค่ 10 คนเท่านั้น

ปรากฏว่า เบน เดวิส ผ่านการทดสอบ เขาได้รับสัญญาเยาวชน 2 ปี โดยมีการเซ็นสัญญากันในเดือนกรกฎาคม 2017

ผลงานของเบน เดวิสในทีมอะคาเดมี่โดดเด่นมากๆ จนไปเข้าตาเฮดโค้ชสกอตต์ พาร์กเกอร์ สุดท้ายเมื่อเข้าสู่ปี 2018  ฟูแล่มจึงยื่นสัญญาอาชีพ ระยะเวลา 2 ปี ให้เดวิสในที่สุด

เขาจึงกลายเป็นผู้เล่นสิงคโปร์คนที่ 2 ในประวัติศาสตร์ที่ได้เล่นในฟุตบอลอังกฤษ ต่อจากแดเนียล เบนเนตต์ ที่เคยเล่นอยู่กับสโมสรเร็กซ์แฮม ในลีกทูช่วงสั้นๆ

การเห็นพัฒนาการของเด็กหนุ่มคนหนึ่ง ค่อยๆก้าวหน้าไปทีละขั้น จนได้เซ็นสัญญาอาชีพกับทีมฟุตบอลอังกฤษ ถือเป็นความภูมิใจของคนสิงคโปร์ ซึ่งพวกเขาก็หวังว่า ในอนาคต เดวิส จะเอาประสบการณ์ที่มี มาช่วยทีมชาติชุดใหญ่ของสิงคโปร์ในอนาคต

มีนาคม 2018 ทีมชาติสิงคโปร์ เรียกเบน เดวิส ที่ตอนนั้นอายุ 17 ปี มาติดทีมชาติชุดใหญ่ เพื่อลงเล่นเกมกับมัลดีฟส์ และไต้หวัน แต่ว่าเป็นการเรียกมาเพื่อสร้างความคุ้นเคยกับทีมชุดใหญ่เท่านั้น เขายังไม่ได้โอกาสสวมเสื้อสิงคโปร์ลงสนามแม้แต่นาทีเดียว

อย่างไรก็ตาม ทุกคนรู้ว่ามันอยู่ที่เวลาเท่านั้น อีกไม่นานเดวิส ก็จะได้ติดทีมชาติชุดใหญ่แน่นอน

แต่เรื่องราวทั้งหมดนี้ ไม่ได้ลงเอยแบบแฮปปี้เอ็นดิ้ง มันมีการหักมุมครั้งสำคัญ

เพราะเดือนพฤศจิกายน 2018 เบน เดวิส จะมีอายุ 18 ปีบริบูรณ์ และเขาต้องกลับมารับใช้ชาติ เป็นทหารเกณฑ์ ตามกฎหมายของสิงคโปร์

------------------------------------

กฎหมายของสิงคโปร์ระบุว่า ผู้ชายทุกคนที่ถือสัญชาติสิงคโปร์ เมื่ออายุอยู่ในช่วงระหว่าง 16.5 ปี ถึง 18 ปี ต้องเข้าฝึกทหารแบบ Full-Time เป็นเวลา 2 ปีเต็ม

Range อายุนี้ เป็นช่วงเวลาที่รัฐมองว่าเหมาะสม เพราะเด็กๆเรียนจบจากมัธยมพอดี เขารับใช้ชาติสองปี แล้วค่อยไปเรียนต่อมหาวิทยาลัย หรือไปทำงานอื่นใดก็ตามที่ตัวเองชอบ

การเกณฑ์ทหารของสิงคโปร์ มีชื่อว่า National Service (NS) หรือที่แปลตรงๆก็คือ ไปรับใช้ชาตินั่นเอง

สำหรับเบน เดวิส ก็เช่นกัน ในเมื่อเขาถือพาสปอร์ตสิงคโปร์ ก็ต้องกลับมาทำหน้าที่ของพลเมือง

แต่นั่นล่ะปัญหาเลย เพราะเขากำลังเล่นฟุตบอลอาชีพอยู่ คุณไม่สามารถบอกกับฟูแล่มได้หรอกนะ ว่าผมขอไปเป็นทหารก่อน 2 ปี พอครบ 2 ปี แล้วผมจะกลับมาเล่นกับคุณใหม่

ลีกอาชีพที่ไหนจะไปยอม และถ้าเดวิสทำแบบนั้นก็เลิกหวังเล่นในฟุตบอลอังกฤษได้เลย

เดดไลน์ของเขากับสิงคโปร์คือ 24 พฤศจิกายน 2018 ที่เขาจะมีอายุครบ 18 ปีพอดี ถ้าหากเขาไม่ยอมมารายงานตัว เดวิสจะโดนโทษปรับเงิน 10,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ และ/หรือ จำคุกเป็นเวลา 3 ปี โทษฐานหนีทหาร

------------------------------------

เรื่องของเดวิส กลายเป็นประเด็นดีเบทใหญ่ที่ประเทศสิงคโปร์

ฝั่งหนึ่งวิจารณ์กฎหมายการเกณฑ์ทหารว่า ไร้ประโยชน์ เพราะเป็นการบังคับให้หยุดทำอาชีพอะไรทุกอย่าง เพื่อมาเป็นทหาร

ความเห็นรายหนึ่งของชาวสิงคโปร์ในอินเตอร์เน็ตเผยว่า "ลองนึกภาพคีลียัน เอ็มบัปเป้ ถ้าเกิดเป็นคนสิงคโปร์ดูสิ ในวัย 19 แทนที่จะได้แชมป์โลก เขาคงอยู่ในกรมทหาร"

ในมุมของแฟนฟุตบอล ก็รู้สึกว่า เดวิสนั้นเป็นกองกลางพรสวรรค์ ยิ่งเด็กคนนี้โตขึ้นเมื่อไหร่ ก็จะทำให้ทีมชาติสิงคโปร์แข็งแกร่งขึ้นแน่นอน ดังนั้นก็ควรมีข้อยกเว้นให้บางประการ หรือถ้ายกเว้นไม่ได้ ให้ผ่อนผันไปก่อน ให้อายุผ่านสัก 30 ค่อยไปเกณฑ์ทหารก็ยังไม่สาย

อย่างไรก็ตาม ในมุมของฝั่งรัฐ พวกเขายอมไม่ได้ นั่นเพราะมันเป็นกฎหมายที่ระบุไว้ชัดเจน และเป็นหน้าที่ของพลเมืองชายทุกคน

มีข้อยกเว้นบางประการ ถึงนักกีฬาที่สร้างชื่อเสียงให้ชาติ ด้วยการคว้าเหรียญโอลิมปิก แบบนี้จะได้รับการผ่อนผันเล็กน้อย คล้ายๆเคสของโจเซฟ สคูลลิ่ง นักว่ายน้ำเหรียญทองโอลิมปิก จะยังคงต้องเกณฑ์ทหาร แต่จะได้ผ่อนผันไปถึงปี 2020 หลังจบโอลิมปิกที่โตเกียว ซึ่งตอนนั้นสคูลลิ่งจะมีอายุ 25 ปี

สำหรับเดวิส เขาทำเรื่องขอผ่อนผันเช่นกัน แต่สิงคโปร์ไม่ยอม โดยให้เหตุผลว่า สิ่งที่เดวิสพยายามทำ เป็นการสร้างชื่อเสียงให้กับตัวเองต่างหาก ไปเล่นอาชีพที่อังกฤษ มันเป็นการทำเพื่อชาติอย่างไร?

เทียบกับเคสของโจเซฟ สคูลลิ่ง ที่ว่ายน้ำเพื่อติดทีมชาติสิงคโปร์ไปแข่งโอลิมปิกโดยตรง มันก็มีความแตกต่างกันอยู่

ฝั่งรัฐมองว่า คนทุกคนก็มีความจำเป็นของตัวเองทั้งนั้น แต่เขาก็ยังมารับใช้ราชการทหารตามกฎหมาย แล้วฝันของเบน เดวิส จะใหญ่กว่าคนอื่นได้ไง ยังไงเขาก็ต้องรับใช้ชาติ

------------------------------------

ถึงตรงนี้ เบน เดวิส ก็จำเป็นต้องตัดสินใจ

เขาพยายามให้กระแสสังคมช่วยกดดันรัฐบาล เพื่อให้พิจารณาในความจำเป็นของเขา

แต่รัฐไม่ยอมอ่อนข้อเลย นั่นทำให้เบน เดวิสต้องเลือก

จริงๆเดวิสอยู่ที่สิงคโปร์มาตลอด และติดทีมชาติเยาวชนมาทุกชุด มันก็ต้องมีความผูกพัน

แต่ฝันของเขาใหญ่กว่านั้น เขาอยากไปให้ถึงพรีเมียร์ลีกให้ได้ และถ้าต้องเกณฑ์ทหาร ฝันของเขาก็โอเวอร์แน่นอน

ดังนั้นจึงตัดสินใจ "ไม่ไปเกณฑ์ทหาร" ตามช่วงเวลาที่กฎหมายกำหนด

การเลือกแบบนี้ ส่งผลให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของสิงคโปร์ต้องออกมาประณามว่า "มร.เบนจามิน เดวิส ตัดสินใจหนีทหาร เขาไม่ยอมมารับใช้ชาติ มร.เดวิส ทำความผิดกฎหมายทหารของประเทศ และเขาจะมีโทษปรับ 10,000 ดอลลาร์ และจำคุก 3 ปี"

เดวิส ตัดสินใจอยู่อังกฤษไปในระยะยาว เขาไม่กลับมาสิงคโปร์อีกเลยตลอด 1 ปี เพื่อหลบเลี่ยงปัญหา ขณะที่กับอาชีพนักฟุตบอล ชีวิตของเขารุ่งโรจน์ขึ้นเรื่อยๆ 28 สิงหาคม 2019 เดวิส ได้ลงเล่นในฟุตบอลอังกฤษครั้งแรก ในเกมคาราบาวคัพ แมตช์ที่ฟูแล่ม แพ้ เซาธ์แฮมป์ตัน 0-1 ที่คราเวน ค็อตเทจ

แค่อายุ 18 ปี ก็ได้ประเดิมสนามในฟุตบอลอังกฤษแล้ว และก็คาดเดาได้เลยว่า เขาน่าจะมีอนาคตที่สดใสรออยู่ด้วย

แต่ก็นั่นล่ะ แม้ชีวิตจะดี แต่ปัญหาคือเขากลายเป็นนักโทษไปแล้วตอนนี้ ถ้ากลับไปเหยียบแผ่นดินสิงคโปร์เมื่อไหร่ ก็มีสิทธิโดนจำคุกได้ทันทีเหมือนกัน

มีวิธีเดียวที่เขาจะรอดไปจากตรงนี้ได้ คือการ "สละสัญชาติ"

ก็คิดง่ายๆ ถ้าไม่ใช่คนสิงคโปร์ ก็ไม่ต้องเกณฑ์ทหารตามกฎหมาย เวลาเขาเดินทางเข้าสิงคโปร์ ก็ใช้พาสปอร์ตไทย หรือ UK ก็ได้

ตามกฎหมายของสิงคโปร์ คุณจะสละสัญชาติได้ตอนอายุ 21 ปีขึ้นไป ซึ่งในช่วง 2 ปีต่อจากนี้ เดวิส ก็หลีกเลี่ยงในการเดินทางเข้าสิงคโปร์ไปก่อน และพอทำกระบวนการทุกอย่างเรียบร้อย ถึงตรงนั้น จะเข้าออกสิงคโปร์ก็ไม่เจอปัญหาอะไรอีกแล้ว

---------------------------------

จริงๆแล้ว สิทธิการเป็นพลเมืองของสิงคโปร์ ถือว่ามีสวัสดิการที่ดีเยี่ยมจนน่าอิจฉามากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก

พาสปอร์ตสิงคโปร์ นั้นทรงพลังที่สุดอันดับ 2 ของโลก สามารถเข้าออกได้ โดยไม่ต้องขอวีซ่า ถึง 189 ประเทศ เป็นรองแค่ญี่ปุ่นชาติเดียวเท่านั้น (190 ประเทศ)

ขณะที่สิทธิประโยชน์ของคนถือสัญชาติสิงคโปร์ ก็ถือว่าทรงพลังมากๆ อย่างเช่น ถ้าคุณเข้าโรงพยาบาล รัฐจะช่วยจ่ายค่ารักษาให้สูงสุดถึง 80%

หรือถ้าคุณจะเรียนต่อมหาวิทยาลัยค่าเล่าเรียนก็จะถูกมากๆ นอกจากนั้นคุณยังมีสิทธิ์ซื้ออสังหาริมทรัพย์ในสิงคโปร์ได้อีกด้วย ซึ่งแน่นอน ถ้าเป็นคนต่างชาติก็หมดสิทธิ์จุดนี้

อย่างไรก็ตาม เบน เดวิส ก็จำเป็นต้องตัดสินใจ ถ้าเลือกสัญชาติสิงคโปร์ เขาก็ต้องกลับมาเกณฑ์ทหาร แต่ถ้าอยากเล่นฟุตบอลที่อังกฤษต่อ เขาก็ต้องยอมสละสัญชาติทิ้ง

สัจธรรมของโลกนี้ คือคุณไม่มีทางได้ทุกอย่างที่ต้องการ

------------------------------------

เมื่อเบน เดวิส ตัดสินใจแล้วว่าจะไม่เล่นให้สิงคโปร์  ทำให้เขามีอ็อปชั่น ว่าจะเล่นให้กับทีมชาติอะไรดี

ตัวเลือกมี ไทย อังกฤษ และเวลส์ ซึ่งตัวเดวิสมีเชื้อสายอยู่จากฝั่งพ่อ

อังกฤษนั้นว่ากันตรงๆก็คือยาก แต่เวลส์ก็ยังพอมีความเป็นไปได้ ดูอย่างเบน วู้ดเบิร์น เล่นอยู่กับอ็อกซ์ฟอร์ด ในลีกวัน หรือ โจ โมเรลล์ เล่นอยู่กับลินคอล์น ซิตี้ ในลีกวันเช่นกัน ก็ยังติดทีมชาติเวลส์ชุดใหญ่ได้

ดังนั้นถ้าเดวิส เล่นดีกับฟูแล่มโอกาสติดทีมชาติเวลส์ ก็ไม่ใช่จะเป็นไปไม่ได้

ในเรื่องนี้ ถ้าทีมชาติไทยอยากจะเก็บผลประโยชน์จากเรื่องนี้ เราจำเป็นต้องดำเนินการให้ฉับไวที่สุด

เพราะใครจะไปรู้ วันดีคืนดีเกิดเวลส์เรียกเดวิสติดธงขึ้นมา หรือ สิงคโปร์อยู่ๆออกกฎหมายอนุโลมให้เดวิสเป็นกรณีพิเศษ เราก็จะชวดได้ตัวเดวิสไปเลย

จริงๆเบน เดวิส อยู่ในสายตาของสมาคมฟุตบอลมานานมากแล้ว เบนจามิน ตัน ผู้บริหารไทยลีก เคยให้สัมภาษณ์ว่า "ถ้าครอบครัวของเบน อยากให้ความฝันในการเป็นนักฟุตบอลไม่ต้องสะดุด ทีมชาติไทยก็พร้อมอย่างเต็มที่ ที่จะเรียกเขามาติดทีมชาติไทย"

31 สิงหาคม 2019 เบน เดวิส ตัดสินใจเด็ดขาด โดยใน IG จากเดิมตรงโพรไฟล์เขาจะมี 3 ธงชาติ คือ ไทย สิงคโปร์ และ UK  ตัวเดวิสตัดสินใจเอาธงของสิงคโปร์ออกไป ก็เป็นอันรู้กันว่า เขาตัดชอยส์สิงคโปร์ออกไปแล้ว

เบนจามิน ตัน เดินหน้าถามอากิระ นิชิโนะทันที ว่าสนใจจะลองใช้งานเบน เดวิส นักเตะดีกรี เดอะ แชมเปี้ยนชิพดูหรือไม่ ซึ่งพอนิชิโนะบอกว่า "สนใจ" อยากให้เดวิสลองมาเข้าแคมป์กับทีมชาติดู ทางเบนจามิน ตัน ก็ติดต่อหาตั๋วเครื่องบินให้นักเตะทันที

และทีมชาติไทย ก็ประกาศเขาเป็น 1 ใน 28 ขุนพลช้างศึกชุด U-23 ชุดเตรียมสู้ศึกซีเกมส์ทันที คือจุดนี้เป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับตัวเดวิสไว้ก่อน

อย่าลืมว่านิชิโนะเป็นโค้ชทีมชาติทั้ง 2 ชุด ดังนั้นการได้ร่วมงานกันในทีม U-23 อาจทำให้พอพิจารณาได้ว่า เดวิส ดีพอจะติดทีมชาติชุดใหญ่ได้เลยหรือไม่

เบน เดวิส เร็วไปหรือเปล่ากับทีมชาติชุดใหญ่?

ส่วนตัวคิดว่า ไม่ คือเด็กคนนี้อาจจะอายุเพิ่ง 18 ย่าง 19 แต่เมื่อคุณได้ไปเล่นที่อังกฤษแล้ว ก็ไม่น่าเกลียดเลย ถ้าจะได้รับโอกาสจากทีมชาติชุดใหญ่

เราอาจจะส่งเขาลงเล่นท้ายเกมก็ได้ เพื่อเป็นการล็อกตัวนักเตะเอาไว้ ไม่ให้ชาติอื่นแย่งไปในอนาคต ซึ่งตรงนี้ก็ค่อยๆว่ากันไปทีละสเต็ป

เอาเป็นว่า การที่เขาตัดสิงคโปร์ แล้วให้โอกาสไทย ก็ถือเป็นสิ่งที่ดีแล้ว นับว่าเป็นโชคดีสำหรับเรา

ขณะที่การสื่อสาร รายงานเผยว่า ตัวเบน เดวิส พูดไทยได้ด้วย ดังนั้นการคุยกับเพื่อนร่วมทีมชาติ ก็ไม่น่าจะติดขัดอะไรนัก

------------------------------------
ต่อในความเห็นนะครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่