7 ปี ความสัมพันธ์นี้ต้องเป็นยังไงครับ ผมสงสัย มีแบบคล้ายกับผมไหมครับ

เริ่มต้นเรื่องด้วยระยะเวลาของความสัมพันธ์อันยาวนาน 7ปี ซึ่งเอาจริงๆมันก็เป็นเกือบ 20 เปอร์เซ็นของชีวิตผมแล้วละนะ
แต่ความสัมพันธ์เนี่ยถ้าเราปล่อยมันไว้เฉยๆ มันก็จะอยู่กัยเราไปเรื่อยๆ จนกระทั่งวันหนึ่ง (ฉันเดินเข้าป่า อันนี้หยอก)

เกริ่นมาพอควร ผมกับแฟนเราคบกันมาอย่างราบรื่น ไม่เคยมีเรื่องนอกใจเลย แต่ตอนนี้ผมมีปัญหาในเรื่องความรู้สึกของผมอะนะ 
ผมไม่รู้จะคุยกับแฟนยังไงดี หรือกระทั่งตัดสินใจว่าเราควรคุยกันไหม ผมไม่อยากให้เขาเครียดน่ะครับ
ตอนนี้ผมย้ายมาอยู่ต่างจังหวัดหรือก็คือบ้านผมนั้นแหละ ตอนนั้นเราคุยเรื่องบั้นปลายของชีวิต ซึ่งผมก็พูดแนวทางผมไปแบบเต็มๆเลยว่าจะอยู่บ้าน
เรามีทุกอย่างที่บ้าน เราอยากให้เธอมาอยู่ด้วยกัน เด๋วเราดูแลเอง
แฟนผมก็เลยบอกว่ายังไม่ได้คิดเลย (ผมก็อึ้งหน่อยๆนะครับ แต่ด้วยความที่เราคบกันมาแต่สมัยเรียน ผมเข้าใจว่าวันนึงผมกลับวางแผนอนาคตทั้งๆที่ตอนเรียนเราไม่ได้คุยไรแบบนี้เลยก็ปล่อยเธอคิด)
จนได้คำตอบว่าเด๋วเราขอคิดก่อน 5ปี (เราจะทำตามสัญญา .... สักหน่อยแหละปล่อยผ่านไม่ได้) แล้วจะบอกอีกที ตอนนั้นแฟนเครียดมากกลัวจะเป็นแบบนั้นอีกเลยไม่อยากคุยเรื่องที่ผมจะปรึกษาให้ฟัง 

คืองี้เลยครับ (เข้าสักที) ผมอยู่บ้านมาเกือบปีละ ผมเป็นคนที่ไปหาเธอตลอด แต่พักแหละผมเริ่มสังเกตว่าต่อให้เราห่างกัน หรือใกล้กัน มันไม่ได้ต่างจากเดิมเลยแหละ (ต้องว้าวแล้วครับ) ผมเชื่อว่าเธอไม่ได้มีคนอื่นหรอก เธอแค่เป็นแบบนั้นอยู่แล้ว ผมต่างหากที่ดันมาสังเกตไรแบบนี้
เธอไม่ถามผมว่า สบายดีไหม เป็นไงบ้าง งานเป็นไง อะไรแบบนี้เลย ไม่คิดแม้แต่จะมาหาผมบ้าง (คือเข้าใจอะนะว่าผมเป็นผู้ชายต้องไปหา)
แต่มันก็ไม่มีอะไรอย่างอื่นเลยที่เธอทำให้ผม .... นั้นแหละ หรือผมเริ่มเห็นแก่ตัวแล้วนะ ผมเปลี่ยนไปแล้วหรอ
แอบมองไปถึงการที่ต้องอยู่กับเธออีกทั้งชีวิต หรือนี้มันคือจุดอิ่มตัวเด๋วเราก็เข้าใจเองแหละ
ผมเคยคุยกันถึงตอนบั้นปลายชีวิต ว่าเราอยากอยู่กัยคนที่เรารัก และคนที่รักเรา ดูแลกัน แต่แฟนผมกลับพูดเหมือนตัวเองจะไม่ทำอะไรเลยให้ผมดูแลทุกอย่าง (ถึงตอนนี้ผมอึ้งเลยแหละ นี้เราต้องซักผ้า ล้างจาน ทำทุกอย่างเลยหรอ... แต่ไม่เป็นไรหรอกเราใช้เงินแก้ปัญหาได้) ก็ไม่รู้จริงหรือเล่นอะนะ

ผมเลยคิดอยู่ว่าความใส่มันน้อยลงไปไหมน้าา หรือ ผมเองแหละที่เปลี่ยนไปเธอไม่ได้ผิดปกติหรอก
ผมควรจะคุยกับเธอแบบจริงจังไหมว่าเป็นไรหรือป่าว ควรบอกให้เธอรู้ว่าผมอยากให้เธอมาหาบ้าง สอบถามกันบ้าง หรือมันแปลได้ว่าเธอไม่ได้สนใจแต่เธอแค่ไม่รู้ตัวเฉยๆ
แต่ตอนไปหาแล้วกำลังจะกลับเธอก็ดูเสียใจอยู่นะ หรือเป็นแค่ตอนนั้น พอผมกลับเธอก็ไม่ได้รู้สึกอะไรแล้ว

เอ้าสรุปอีกสักรอบ (เพราะผมพิมตามอารมณ์มากๆกลัวงง)

ความสัมพันธ์ระยะยาวเป็นแบบนี้หมดเลยหรอครับแบบไม่ได้เจอกันนานๆแล้วไม่คิดจะถามเรื่องสุขภาพ สบายดีไหม งานเป็นไงงี้หรอครับ ผมกะถามปกติตลอดนะครับ ฟังเธอเล่าตลอด แต่แค่สงสัยว่าเธอไม่อยากฟังจากผมบ้างหรอ เธอเคยโทรมาหา ผมกะฟังเรื่องเธอเล่า และก็แอบคิดในใจว่าจะถามไหมน้าว่าเราเป็นไงมั้ง สบายดีไหม ไรแบบนี้น่ะครับ

ผมควรบอกแฟนไหมครับว่าผมต้องการความใส่ใจมากกว่านี้ อยากมีคนถามว่าเหนื่อยไหม ที่ทำงานเป็นไงมั้ง อยากให้มาหาจังง ไรแบบนี้อะครับ

ผมกลัวนะครับเธอเป็นคนไม่คิดอะไร จนผมกลัวว่าเธอไม่รู้ตัวว่าเธอไม่ได้รักผมแล้ว (เศร้าจัง) กลัวว่าเธอจะคิดแค่ว่าไม่อยากหาใหม่ จนไม่ได้ใส่ใจผมไปแล้วแต่รักกันก็พอแหละ เราอยู่แบบนี้ไปเรื่อยๆแหละ

ผมกังวลใจจังครับ หรือมันเป็นแบบนี้อยู่แล้ว แบบนี้ก็ทีนะ เด๋วอะไรๆมันก็ดีขึ้น เอาจริงๆปีนี้ผมคิดเรื่องนี้มา 3-4 รอบละ อยู่ดีๆผมก็มาคิดอีกที
อยากได้ความเห็นหลายๆแบบนะครับเพราะปกติผมคิดอยู่คนเดียวไม่กล้าบอกเพื่อนหรือพี่ เพราะเพื่อนๆพี่ๆผมรู้จักกับแฟนผมหมด
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 11
เท่าที่อ่าน ในมุมมองของเรานะ  เธอไม่อยากไปอยู่บ้านคุณ อยากให้ชีวิตที่เป็นอยู่วันนี้ของเธอ เป็นแบบนี้ต่อไป สาเหตุเพราะรู้สึกไม่มั่นคงหากต้องเปลี่ยนแปลงชีวิตไปอยู่กับคุณ เพราะคุณไปอยู่ในที่ๆคุณอยากไป แต่เธอต้องเปลี่ยนแปลงเข้าหาคุณหากต้องไปอยู่บ้านคุณ ซึ่งแปลกที่สำหรับเธอ  เธอจึงบอกให้คุณทำทุกอย่าง และจะไม่ทำอะไรทั้งนั้น

เราเข้าใจฝ่ายหญิงนะ บางทีความรู้สึกไม่ปลอดภัย ทำให้เลือกสตาฟชีวิตไว้ตรงจุดนึง ต่อเมื่อแน่ใจที่สุดถึงจะขยับ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 14
เป็นผู้หญิง ยิ่งมีงานทำอยู่แล้ว แล้วอยู่ๆต้องไปอยู่บ้านผู้ชายที่อยู่ต่างจังหวัดอีก  ต้องปรับตัวเอง ปรับงาน ปรับสิ่งแวดล้อม เปลี่ยนสังคมตัวเองอีก โห เป็นเราก็กังวลใจนะ อาจจะไม่แต่งด้วย ไม่ใช่ไม่รักนะ แต่คือ มันรู้สึกไม่ปลอดภัยอย่างมากเลยล่ะ กับคนที่พึ่งพาตัวเองได้มาตลอด

คุณควรจะเข้าใจเธอแทนนะ ไม่ใช่เธอไม่รักคุณ แต่เธอก็เป็นห่วงตัวเองเหมือนกัน คุณน่าจะหันหน้าคุยกับแฟนคุณ แล้วเปิดใจกว้างๆรับฟัง ไม่เอาความคิดตัวเองเป็นตัวตัดสินใจ  แล้วค่อยๆแก้ปัญหาร่วมกัน แบบที่ win-win ทั้งสองฝั่ง น่าจะเป็นทางออกที่ดี บางที ผลลัพธ์มันอาจจะไม่เหมือนกับคู่อื่นๆ แต่มันก็มีความสุขในแบบคู่ของคุณ

เลข 7 นี่อาถรรพ์จริง เราก็เจอมาก่อนเกือบแตกหัก แต่การหันหน้าคุยกัน ยอมรับและปรับตัวซึ่งกันและกัน มันเป็นสิ่งพิสูจน์ว่าอีก 30-50 ปีต่อจากนี้ คุณจะแก้ปัญหาทุกอย่างร่วมกันได้เช่นกัน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่