อุตส่าห์มาเที่ยวชะอำในรอบสิบปี (ไม่น่าเลย)
หลังจากไปเที่ยวที่หัวหินได้ไม่ถึงวัน ผมเกิดเปลี่ยนใจอยากมาปั่นจักรยานที่ชะอำ เพราะที่หัวหินต้องขี่มอเตอร์ไซค์ ไม่เหมาะกับจักรยานเท่าไร เพราะอยากปั่นจักรยานบนถนนที่มองเห็นทะเลไปตลอดทาง
พอมาถึงชะอำเดินเล่นชายหาดเสร็จเรียบร้อย ตอนค่ำๆ ผมเลยเช่าจักรยานปั่นไปตามถนนที่ทอดยาวไปกับชายหาดชะอำ ระหว่างทางก็เห็นหมาตามข้างทางทุกระยะ ยังคิดอยู่เลยว่ามันจะวิ่งไล่มั้ยนะ
จนกระทั่งมาแวะทานข้าวผัดปูและส้มตำไทยที่ร้านๆนึง แถวชะอำใต้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ เป็นร้านที่กว้างใหญ่ เปิดโล่ง มีโต๊ะหลายสิบโต๊ะ แต่มีลูกค้าแค่โต๊ะเดียว รวมโต๊ะผม เป็นสองโต๊ะ ความผิดหวังคือ
- พนักงานไม่รู้จัก Sprite พอสั่งแล้วงงกันใหญ่ จนแม่ครัวต้องตะโกนถามมาจากในครัวว่า “น้ำสีขาวๆใช่มั้ยคะ (ผม: ไม่ครับ น้ำใสครับ) ไม่มีค่ะ” สุดท้ายเลยได้ est cola
- ส้มตำไทยเค็มมาก และข้าวผัดปู ทำไมมันไม่รสอ่อนๆ แต่ก็มีข้อดีที่เนื้อปูเป็นยวงๆนิดๆ
- พนักงานเฉื่อยชากันมาก พูดอะไร ถามอะไรก็เอ๋อๆ งงๆ
มันเหมือนจะเป็นแค่ความไม่ประทับใจหยุมหยิม ถ้าไม่มีเรื่องตอนท้ายเกิดขึ้น..
หลังจากทานเสร็จ รับเงินทอนแล้วเดินมาที่จักรยาน จังหวะที่วาดขาขวาไปคร่อมรถ พอเท้าถึงพื้นฟุตบาทเท่านั้น ก็รู้สึกว่าข้อเท้าถูกงับ และได้ยินเสียงเห่า ตอนนั้นตกใจมาก ตะโกนออกมาดังลั่นว่า “เฮ้ย!!!” ก็เห็นหมาตัวสีดำที่มางับข้อเท้าแล้ววิ่งหนีไปทางหลังร้าน พร้อมกับหมาอีกตัว ที่ไม่ใช่สีดำ (จำสีไม่ได้ครับ) พร้อมกันนั้นก็ได้ยินเสียงพนักงานตะโกนไล่หลังมาไปว่าไอ้ดำ ไป(ได้ยินไม่ชัด)ลูกค้า (เชิงๆตำหนิหมา) โดยไม่มีใครมาดูด้วยซ้ำว่าลูกค้าถูกงับเต็มๆเลยนะ
ในตอนนั้นโกรธมาก (ตอนนี้ก็เช่นกัน) ผมไม่อยากลงไปด่าคนพวกนั้นว่าดูแลหมากันยังไง ปล่อยให้มาทำร้ายคนอื่น (ช่าง)ชุ่ย (โช)ห่วย (นก)กระจอก (อารมณ์คนโกรธอะนะครับ ขออภัยท่านสุภาพชน) อย่าไปคาดหวังอะไรกับพวกเค้าจะดีกว่า ประกอบกับก้มดูข้อเท้าแล้วไม่มีรอยอะไร และอยากออกไปจากตรงนั้นให้เร็วที่สุด
และแน่นอนครับ ระหว่างปั่นกลับโรงแรมผมก็โดนหมาตัวอื่นวิ่งไล่ระหว่างทาง (เกิดตกใจพลาดพลั้งรถล้ม หรือมีรถที่ตามมาเบรกไม่ทัน ผมจะเป็นไง)
ปั่นมาได้สักพัก จอดดูข้อเท้า ถึงได้เห็นว่ามีเลือดซิบ มาถึงโรงแรมเลยล้างแผลแล้วใส่ยา
พร้อมกับความคิดที่หนักแน่นที่สุดว่า พอกันที ไม่เอาแล้ว การปั่นจักรยานตามถนนหนทาง ลามไปถึงความคิดแบบเหนื่อยๆล้าๆที่ว่า การเที่ยวเมืองไทยที่แสนสบายและราคาถูกนั้น สิ่งที่เป็นแพ็คเกจมาพร้อมกันก็คือมาตรฐานที่ต่ำในหลายๆเรื่อง (เช่น การทิ้งขยะ การจัดการควบคุมการเลี้ยงสัตว์ ที่ไม่ควรปล่อยมาเพ่นพ่าน รวมถึงการจัดการสัตว์จรจัด)
แต่ไม่ว่าผมจะเดือดร้อน เจ็บตัว หรือโกรธแค้นแค่ไหน ชะอำก็คงมีคนมาเที่ยวกันมากมายต่อไปอยู่ดี แต่สำหรับผมคนนี้ คงไม่กลับมาอีกแล้วครับ
ประสบการณ์เลวร้าย ปั่นจักรยานเที่ยวชะอำ แต่ได้ของฝากเป็นแผลหมากัด
หลังจากไปเที่ยวที่หัวหินได้ไม่ถึงวัน ผมเกิดเปลี่ยนใจอยากมาปั่นจักรยานที่ชะอำ เพราะที่หัวหินต้องขี่มอเตอร์ไซค์ ไม่เหมาะกับจักรยานเท่าไร เพราะอยากปั่นจักรยานบนถนนที่มองเห็นทะเลไปตลอดทาง
พอมาถึงชะอำเดินเล่นชายหาดเสร็จเรียบร้อย ตอนค่ำๆ ผมเลยเช่าจักรยานปั่นไปตามถนนที่ทอดยาวไปกับชายหาดชะอำ ระหว่างทางก็เห็นหมาตามข้างทางทุกระยะ ยังคิดอยู่เลยว่ามันจะวิ่งไล่มั้ยนะ
จนกระทั่งมาแวะทานข้าวผัดปูและส้มตำไทยที่ร้านๆนึง แถวชะอำใต้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
หลังจากทานเสร็จ รับเงินทอนแล้วเดินมาที่จักรยาน จังหวะที่วาดขาขวาไปคร่อมรถ พอเท้าถึงพื้นฟุตบาทเท่านั้น ก็รู้สึกว่าข้อเท้าถูกงับ และได้ยินเสียงเห่า ตอนนั้นตกใจมาก ตะโกนออกมาดังลั่นว่า “เฮ้ย!!!” ก็เห็นหมาตัวสีดำที่มางับข้อเท้าแล้ววิ่งหนีไปทางหลังร้าน พร้อมกับหมาอีกตัว ที่ไม่ใช่สีดำ (จำสีไม่ได้ครับ) พร้อมกันนั้นก็ได้ยินเสียงพนักงานตะโกนไล่หลังมาไปว่าไอ้ดำ ไป(ได้ยินไม่ชัด)ลูกค้า (เชิงๆตำหนิหมา) โดยไม่มีใครมาดูด้วยซ้ำว่าลูกค้าถูกงับเต็มๆเลยนะ
ในตอนนั้นโกรธมาก (ตอนนี้ก็เช่นกัน) ผมไม่อยากลงไปด่าคนพวกนั้นว่าดูแลหมากันยังไง ปล่อยให้มาทำร้ายคนอื่น (ช่าง)ชุ่ย (โช)ห่วย (นก)กระจอก (อารมณ์คนโกรธอะนะครับ ขออภัยท่านสุภาพชน) อย่าไปคาดหวังอะไรกับพวกเค้าจะดีกว่า ประกอบกับก้มดูข้อเท้าแล้วไม่มีรอยอะไร และอยากออกไปจากตรงนั้นให้เร็วที่สุด
และแน่นอนครับ ระหว่างปั่นกลับโรงแรมผมก็โดนหมาตัวอื่นวิ่งไล่ระหว่างทาง (เกิดตกใจพลาดพลั้งรถล้ม หรือมีรถที่ตามมาเบรกไม่ทัน ผมจะเป็นไง)
ปั่นมาได้สักพัก จอดดูข้อเท้า ถึงได้เห็นว่ามีเลือดซิบ มาถึงโรงแรมเลยล้างแผลแล้วใส่ยา
พร้อมกับความคิดที่หนักแน่นที่สุดว่า พอกันที ไม่เอาแล้ว การปั่นจักรยานตามถนนหนทาง ลามไปถึงความคิดแบบเหนื่อยๆล้าๆที่ว่า การเที่ยวเมืองไทยที่แสนสบายและราคาถูกนั้น สิ่งที่เป็นแพ็คเกจมาพร้อมกันก็คือมาตรฐานที่ต่ำในหลายๆเรื่อง (เช่น การทิ้งขยะ การจัดการควบคุมการเลี้ยงสัตว์ ที่ไม่ควรปล่อยมาเพ่นพ่าน รวมถึงการจัดการสัตว์จรจัด)
แต่ไม่ว่าผมจะเดือดร้อน เจ็บตัว หรือโกรธแค้นแค่ไหน ชะอำก็คงมีคนมาเที่ยวกันมากมายต่อไปอยู่ดี แต่สำหรับผมคนนี้ คงไม่กลับมาอีกแล้วครับ