กว่าจะรู้ว่าซึมเศร้า...เราก็เกือบจากโลกนี้ไป
ในช่วงท้ายๆ ของการเป็นนักข่าวอาชญากรรมที่ต้องแทรกการเมืองเป็นระยะ
ทุกวันเราต้องเจอกับความเป็น ความตาย ความสูญเสีย ความขัดแย้ง และอีกหลายๆ เรื่องที่ไม่น่ายินดี
...เราทุกข์กับมันโดยไม่รู้ตัว รู้แค่ว่าทุกเช้าที่ตื่นขึ้นมา
ชีวิตมันสิ้นหวังเหลือเกิน ออกจากบ้านไปเพื่อเจอมุมมืดของสังคม
เจอคนเลวๆ คนที่กระทำความผิด คนที่โกงบ้านเมือง คนโรคจิต
และอีกสารพัดคนที่ไม่น่าจะเรียกว่าคน
...โลกของเราเป็นสีเทา และมันเข้มขึ้นทุกวัน
ไม่มีใครรู้ แม้กระทั่งตัวเราเอง เพราะเรายังทำงาน ไปเที่ยว ไปเจอเพื่อน
ทุกอย่างเป็นปกติ จนวันหนึ่ง...
เราเริ่มรู้สึกว่า "จะอยู่ไปทำไม"
โลกของเราได้กลายเป็นสีดำไปแล้ว
เกิดคำถามว่าทำไมเราต้องอยู่ในโลกใบนี้ แค่ก้าวเท้าออกจากบ้าน เราต้องเจอแต่ความมืดมนของสังคม
...เราไม่รู้หรอกว่ามันคืออาการซึมเศร้า เรารู้แต่ว่า "เราเศร้าเหลือเกิน"
เหตุไม่ได้เกิดจากภาระหน้าที่หรือคนรอบข้าง
แต่ในชั่วขณะหนึ่ง เราไม่สามารถจัดการกับความรู้สึกของตัวเองได้
แม้กระทั่งจะบอกใครสักคนให้เข้าใจ
... ทำไมถึงรอดมาได้ ไว้จะเล่าให้ฟัง...
ขอไปเลี้ยงลูกก่อนนะคะ
กว่าจะรู้ว่าซึมเศร้า...เราก็เกือบจากโลกนี้ไป
ในช่วงท้ายๆ ของการเป็นนักข่าวอาชญากรรมที่ต้องแทรกการเมืองเป็นระยะ
ทุกวันเราต้องเจอกับความเป็น ความตาย ความสูญเสีย ความขัดแย้ง และอีกหลายๆ เรื่องที่ไม่น่ายินดี
...เราทุกข์กับมันโดยไม่รู้ตัว รู้แค่ว่าทุกเช้าที่ตื่นขึ้นมา
ชีวิตมันสิ้นหวังเหลือเกิน ออกจากบ้านไปเพื่อเจอมุมมืดของสังคม
เจอคนเลวๆ คนที่กระทำความผิด คนที่โกงบ้านเมือง คนโรคจิต
และอีกสารพัดคนที่ไม่น่าจะเรียกว่าคน
...โลกของเราเป็นสีเทา และมันเข้มขึ้นทุกวัน
ไม่มีใครรู้ แม้กระทั่งตัวเราเอง เพราะเรายังทำงาน ไปเที่ยว ไปเจอเพื่อน
ทุกอย่างเป็นปกติ จนวันหนึ่ง...
เราเริ่มรู้สึกว่า "จะอยู่ไปทำไม"
โลกของเราได้กลายเป็นสีดำไปแล้ว
เกิดคำถามว่าทำไมเราต้องอยู่ในโลกใบนี้ แค่ก้าวเท้าออกจากบ้าน เราต้องเจอแต่ความมืดมนของสังคม
...เราไม่รู้หรอกว่ามันคืออาการซึมเศร้า เรารู้แต่ว่า "เราเศร้าเหลือเกิน"
เหตุไม่ได้เกิดจากภาระหน้าที่หรือคนรอบข้าง
แต่ในชั่วขณะหนึ่ง เราไม่สามารถจัดการกับความรู้สึกของตัวเองได้
แม้กระทั่งจะบอกใครสักคนให้เข้าใจ
... ทำไมถึงรอดมาได้ ไว้จะเล่าให้ฟัง...
ขอไปเลี้ยงลูกก่อนนะคะ