การเลือกอะคาเดมี่เรียนภาษาอังกฤษในบังกาลอร์ อินเดีย ส่วนตัวมองว่าคนส่วนมากรวมทั้งตัวผมด้วย ตัดสินใจเลือกอะคาเดมี่จากสื่อต่างๆ ของเหล่าเอเจนซี่ต่างๆ ผ่านจาก FB ผ่านคลิปแนะนำตัวใน FB บ้างหรือหาข้อมูลเพิ่มเติมจากใน google บ้าง ซึ่งข้อมูลที่ได้ก็มีแต่ด้านดีๆ คล้ายๆกันทุกอะคาเดมี่ จนแยกไม่ออกว่าอะคาเดมี่ไหนมีการเรียนการสอนที่ดีน่าสนใจ สุดท้ายก็ต้องหันมาพึ่งองค์ประกอบอื่นๆ แทนเช่น เรื่องภาพลักษณ์ บรรยากาศ ความสะอาดสะดวกสบาย ภายในห้องเรียนของแต่ละอะคาเดมี่ ส่วนลักษณะภายนอกก็คล้ายๆ กันเป็นแบบติวเตอร์ในบ้านเราคับ คือ เป็นห้องเช่าตามตึก ตึกแถวอะไรประมาณนี้ครับ นอกนั้นก็เรื่องราคาค่าเรียนบวกเงื่อนไขในการเรียน ต่างๆ เช่น คลาสตัวต่อตัว, คลาสกลุ่มเรียนไม่เกินกี่คน เป็นต้นครับ แล้วนำมาเปรียบเทียบราคากับแต่ละเอเจนซี่ที่นำเสนอเรามาครับ ก็จะพิจารณากันประมาณนี้แหละครับ อะคาเดมี่ที่เรียนที่นี่มีค่อนข้างเยอะครับ ถ้ารวบรวมจากเอเจนซี่ต่างๆ ก่อนไปเรียนตอบตามตรงนะครับ ว่าแยกไม่ออกว่าควรเรียนที่ไหนดี ใช้เซนต์อย่างเดียวเลยครับ แต่หลังจากกลับมาแล้ว ถามว่าสถาบันไหนดีที่สุด ก็ยังตอบไม่ได้ครับ เพราะไม่ได้มีข้อมูลครบถ้วนจริงๆ หรือมากพอทุกสถาบันครับ และแต่ละที่ก็มีทั้งข้อดีข้อเสียผสมๆกันไปครับ แต่เท่าที่พูดคุยกันระหว่าง เพื่อนๆ พี่ๆ ที่นี่จากต่างสถาบันกัน ในระหว่างที่เรียนอยู่ที่นี่ โดยส่วนตัวคิดว่า สถาบัน English Master Institution (EMI) จัดว่าน่าสนใจ น่าพิจารณาเป็นตัวเลือกลำดับแรกๆ ครับ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดในการพัฒนาภาษาอังกฤษต้องไม่ลืมว่า ขึ้นอยู่ตัวคุณเองนะครับ
- English Master Institution (EMI) อยู่แถว Frazer Town
สถาบันนี้มีครูสอนอย่างน้อย 4 คนครับขึ้นกับจำนวน น.ร. และมีครูบริหารและบริการอีก 2 คนครับ ที่นี่เหมาะกับการเรียนทุกระดับครับ ถ้าเป็นหลักสูตรเฉพาะ เช่น IELTS หรืออื่นๆ เขาจะจัดครูพิเศษมาสอนให้เราครับ การเรียนการสอนภาพรวมถือว่าดีครับ แต่แกรมม่าจะสอนช้าไปหน่อย ที่นี่เรียน 4 คลาสต่อวันครับ มีหนังสือเรียนให้เรา 3 เล่มต่อ Course แยกเป็นหนังสือ Grammar, Vocabulary และ Reading &Writing ครับ
- Career College อยู่แถว Frazer Town
ที่นี่มีอะไรคล้ายๆ กันกับ English Master Institution (EMI) แต่ครูที่สอนจะเยอะกว่าครับ มีหนังสือ เรียนให้เรา 3 เล่มต่อ Course (3 เดือน) เป็นหนังสือ Grammar, Vocabulary และ Reading &Writing ครับ มีเรียน 4 คลาสต่อวัน และอาจจะมีคลาสสอนเสริมเพิ่มให้ฟรีอีก 1-2 คลาสครับ
- US English Academy
สถาบันนี่มีแต่เรียนกลุ่มครับ มีครูสอน 4 คน และมีครูบริหารและบริการอีก 2 คนครับ ที่เน้นการสนทนาเป็นพิเศษ การเรียนการสอนถือว่าดีครับ แต่หนังสือที่ใช้สอนไม่ยากครับ (หนังสือ Interchange ของ Cambridge) เรียนเข้าใจง่ายครับ เรียน 5 คลาสต่อวันครับ ข้อดีอย่างหนึ่งคือ เราสามารถแจ้งขอเรียนเพิ่มเติมในเรื่องที่เรียนไปแล้วและไม่เข้าใจได้ครับ โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มครับ ที่นี่คนไทยเรียนน้อยครับและค่าเรียนค่อยข้างสูง
- Valuepoint Academy
การเรียนการสอนที่นี่ค่อยเป็นค่อยไป ประกอบกับรายละเอียดของหนังสือเรียนที่ใช้สอน ก็ไม่ซับซ้อน เข้มข้นมากนะครับ การเรียนการสอนพอใช้ครับ ที่นี่มีแต่เรียนกลุ่มนะครับ เรียนวันละ 6 คลาส มีครูสอน 2 คน สอนต่อเนื่องกันคนละ 3 คลาส สอนหนังสือแบบเรียนก่อนครับ หลังจากนั้นอีก 3 คลาสสอนในหนังสือแบบฝึกหัดครับ คือมีหนังสือให้เรา 2 เล่มครับ คือหนังสือแบบเรียน และหนังสือแบบฝึกหัด ต่อ course ครับ ที่นี่คนไทยเรียนน้อยครับและค่าเรียนค่อยข้างสูงพอกันกับ US English Academy
- Cambridge English Academy
การเรียนการสอนถือว่าดีครับ แม้ว่าจะมีครูสอนแค่ 3 คน ที่นี่เรียนวันละ 6 คลาสครับ ให้หนังสือเรียนครบทุกคลาสเลยครับ จัดว่าดีเลิศ ข้อเสียคือครูที่สอนมักจะรับโทรศัพท์ทำงานบริการของอะคาเดมี่ระหว่างสอนเป็นประจำทุกวันครับ ทำการเรียนล่าช้าครับ อีกอย่างคือ ราคาค่าเรียนค่อนข้างสูง สูงกว่าทุกที่ก็ว่าได้ครับ ส่วนข้อดีอีกข้อของที่คือ มีคนอินเดียมาเรียนภาษาอังกฤษเยอะครับ ทำให้เราได้เรียนร่วมคลาสกับคนอินเดีย ซึ่งภาษาพูดเขาดีกันอยู่แล้วครับ เราก็จะได้เพื่อนที่เก่งภาษามาช่วยเราพัฒนาภาษาอังกฤษให้เร็วขึ้นครับ และที่นี่คนไทยไม่ค่อยมาเรียนกันครับ
- Grace English Academy
การเรียนการสอนที่นี่มีทั้งดีและต้องปรับปรุงครับ นี่ที่เขาจะเปลี่ยนตารางเรียนบ่อยแทบทุกอาทิตย์ก็ว่าได้ครับ ยกเว้นเฉพาะคนที่มาใหม่เดือนแรกตารางเรียนจะนิ่งครับ คือเอาอกเอาใจดีครับ หลังจากนั้นก็เข้าโหมดปกติ บางช่วงที่นี่ก็มีแถมลดครูที่สอนให้อีกครับ และย้ายคลาสเรียนตัวต่อตัวมาเรียนคลาสกลุ่มแทน ระหว่างรอครูคนใหม่บ้างหรือรอครูคนเดิมกลับจากลาพักบ้าง ทุกครั้งแทบจะไม่น้อยกว่า 2 อาทิตย์ ซึ่งเกิดขึ้นสม่ำเสมอเหมือนตั้งตารางเวลาไว้ครับ ที่นี่มีหนังสือให้ 2 เล่มต่อ course ครับ และที่นี่ก็ไม่เหมาะที่จะมาเรียนระดับ Advanced (ไม่เน้น ไม่พยายามจะสอนให้ดีกว่า)
- Soel (School of English Learning)
ที่นี่จะมีคลาสเรียนให้เลือกหลายแบบครับ การเรียนการสอนที่นี่ เป็นแบบสบายๆ ไม่เน้นอะไรพิเศษ เรียนสบายๆ ไม่เครียด จะสอนไปเรื่อยๆเน้นให้จบตามหลักสูตรครับ แต่ว่าที่นี่จะเปลี่ยนครูบ่อยเปลี่ยนกันทุกเดือนครับ และครูที่มาสอนที่นี่ทั้งที่ดีและไม่โอเคครับ ที่นี่มีหนังสือให้ 2 เล่มต่อ course เป็นหนังสือ Grammar ของ Cambridge และ Vocabulary ของ Oxford ครับ
- EMI Academy (อันนี่คนละที่กับ English Master Institution นะครับ)
ที่นี้ไม่แนะนำถึงตอนนี้อาจจะกำลังปิดตัวไปแล้ว และก็อาจจะกำลังรอจะเปิดสอนในชื่อใหม่ก็ได้ครับ
- ส่วนสถาบันอื่นๆ นอกเหนือที่พูดถึงไปแล้ว ผมมีข้อมูลน้อยเกินไป บางที่ก็ไม่รู้เลยครับ เช่น See Academy (Speaking Effective English), Focus English Institute, และอื่นๆ อีกหลายที่ครับ
อยากให้ลองหาข้อมูลเพิ่มเติมเรื่องหนังสือ รายละเอียดเนื้อหาที่แต่ละอะคาเดมี่ใช้สอนดูนะครับ ซึ่งนั้นจะทำให้คุณตัดสินใจได้ตรงกับความต้องการของคุณได้ดีที่สุดครับ อะคาเดมี่ทุกที่ใช้หนังสือจาก Cambridge และ/หรือ Oxford ในการสอนนะครับ ซึ่งมีหลากหลายแบบมากครับ แต่ละที่ก็เลือกใช้หนังสือทั้งที่ต่างกันและเหมือนกันครับ อีกอย่างหนึ่งคือหนังสือเรียนจะมีการแบ่งหลักๆ 2 แบบ แบบแรกจะแบ่งเป็น 6 ระดับ คือ Elementary, Pre-Intermediate, Intermediate, Upper-Intermediate, Pre-advanced และ Advanced ซึ่งจะเรียนระดับละเดือนครึ่งครับ ส่วนแบบที่สองแบ่งเป็น 3 ระดับคือ Basic, Intermediate และ Advanced เรียนระดับละ 3 เดือนครับ ซึ่งหลายๆ อะคาเดมี่เขาจะไม่สอนระดับ Pre-advanced และ Advanced ส่วนอะคาเดมี่บางที่ลงประกาศว่าสอน แต่จริงๆไม่พร้อมที่จะสอนเลยก็มีครับ อันนี้ต้องตรวจสอบกันดีๆ นะครับ
ถามว่าควรจะไปเรียนนนานแค่ไหนอันนี้ก็แล้วแต่พื้นฐานของแต่ละคนครับ แล้วเรียนภาษาต่อเนื่อง 6 เดือนนี่ดีไหม ซึ่งมันก็น่าจะดีกว่าการเรียนแค่ 3 เดือนนะ มันก็ใช่ครับ แต่ความจริงๆ ก็ไม่ได้เป็นแบบนั้นทั้งหมดเสมอไปครับ ส่วนมากแล้วจะเวิร์คสุดช่วง 3 เดือนครับ ถ้าตั้งใจจะเรียน 6 เดือนก็ควรกลับมาพักสมองที่บ้านเราสักระยะครับ 1 เดือนอะไรประมาณนี้ และกลับไปเรียนต่อครับ จะมีประสิทธิภาพมากกว่าครับ แต่ส่วนมากเกือบ 100 % เลือกเรียนต่อเนื่อง 6 เดือนครับ คือพอมาแล้วต่อให้มีคนเตือนคนแนะนำยังไงก็มั่นใจว่าตัวเองไหวครับ แล้วสุดท้ายก็บ่นเสียดายกันแทบทุกคนครับ เสียดายเวลา เสียเงินที่จ่ายไปแล้วได้ผลลัพธ์กลับมาไม่ถึงครึ่งหนึ่งของช่วง 3 เดือนแรกที่ตัวเองได้รับกันทั้งนั้นครับ เพราะที่นี่ไม่ใช่บ้านเราไงครับ ปัญหากวนใจส่วนตัวมีเยอะครับ เช่น เน็ตกาก, เรื่องอาหารการกินมีให้เลือกกินเยอะก็จริง แต่ก็ไม่ใช่อาหารไทยไง รสชาติก็ไม่ได้ไง อาจจะทำกินเองได้บ้างก็พอช่วยได้บ้างไง แต่ก็ไม่หลากหลายเหมือนไปร้านที่เคยกินที่บ้านเราไง ไหนจะปัญหากับความเป็นอินเดียอีก อะไรประมาณนี้แหละครับ
ส่วนเรื่องหอพัก ส่วนมากเอเจนซี่ แทบทุกเจ้าเขาจะพยายามจัดหาหอพักที่ดีที่สุด อยู่ใกล้ที่เรียน หาของกินง่าย เดินทางสะดวกไม่เกิน 1 กม.จากที่เรียนให้เราก่อนนะครับ บางเอเจนซี่เขาอาจจะมีหอพักที่เขาเช่าไว้รายปี เขาก็มักจะนำ น.ร.ใหม่มาอยู่ให้เต็มก่อนครับ ซึ่งแน่นนอนครับว่าไม่มากพอกับ น.ร. ทุกคนที่มาเรียนครับ ส่วนที่เหลือก็จะส่งไปพักที่อื่นๆ ซึ่งส่วนมากก็เป็นแหล่งที่ น.ร. ไทยพักกันแหละครับ ซึ่งบางที่หอพักเดียวกัน อาจจะมี น.ร.ไทยจากหลายเอเจนซี่มาพักอยู่ร่วมกันครับ คือใครมาก่อนห้องว่างก็ได้ก่อนครับ อะไรประมาณนั้น หอพักที่นี่มีเยอะครับ อยู่ติดๆกันก็มีครับ แต่หอพักดีๆ ประเภทห้องเดี่ยวหรือแชร์ 2 คน ที่มีห้องน้ำในตัว บางที่อาจจะมีระเบียงในห้องให้ จะหายากครับ ส่วนอย่างอื่นที่หอพักจะต้องมีส่วนกลางให้ก็พวกเครื่องซักผ้า, เครื่องกรองน้ำดื่ม, ห้องครัวกลาง ซึ่งบางที่แทบไม่มีอุปกรณ์ทำครัวอะไรให้เลยครับ ต้องจัดหาเองครับ, ตู้เย็น อันนี้ก็เช่นกันครับบางที่ไม่มีให้แล้วจะซื้อของมาเก็บไว้ทำกับข้าวกินยังไง ซึ่งหอพักดีๆ ก็ขึ้นอยู่กับโซนที่เราเลือกอะคาเดมี่เรียนด้วยครับ บางโซนหอพักดีๆ อยู่ใกล้ที่เรียนมีน้อยครับ ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายที่เอเจนซี่จะหาหอพักดีๆ ให้กับเราได้ทุกคนครับ ซึ่งบางคนอาจจะโดนยัดหอพักแย่ๆ ให้โดยจำยอมบ้าง ไม่รู้ตัวบ้างอันนี้เยอะมากครับ หรือไม่ก็ต้องแลกกับการจ่ายค่าเดินทางที่เพิ่มขึ้นเพื่อให้ได้หอพักดีๆ ครับ เพราะฉะนั้นทางที่ดีควรสอบถามเลือกช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่ควรเดินทางกับเอเจนซี่จะดีกว่าครับ ในกรณีที่คุณสามารถเลื่อนแผนการเดินทางออกไปได้นะครับ และถ้าหอพักที่คุณพักมีคนอินเดียพักร่วมอยู่ด้วยก็ถือว่าคุณมีโอกาสดีที่จะได้พัฒนาภาษามากตามไปด้วยนะครับ แต่คนอินเดียกว่าครึ่งไม่ค่อยจะโอเคนะครับ สรุปคือเรื่องหอพักนี่ก็สำคัญนะครับ พิจารณาตรวจสอบกันดีๆ นะครับ
แนะนำ เอเจนซี่บางส่วนตามใน FB นะครับ
1. FB: เรียนอินเดีย เรียนต่ออินเดีย เรียนต่อต่างประเทศนิวซีแลนด์ (JIE Center)
2. FB: เรียนอินเดีย-เรียนภาษาอังกฤษที่อินเดีย ทุนเรียนต่างประเทศ (โกทูบังกาลอร์)
3. FB: เรียนต่ออินเดีย-India (studycenterth.com)
4. FB: เรียนอินเดีย/ฟิลิปปินส์/โปแลนด์/มาเลเซีย by WES
5. FB: SEA - Study English Adviser เรียนภาษาอังกฤษที่เมืองบังกาลอร์ ประเทศอินเดีย
6. FB: เรียนอินเดีย เรียนต่ออินเดีย เรียนภาษาที่อินเดีย by Intoindia
7. FB: เรียนอินเดียและแคนาดา By L2i x YES
8. FB: ฉัน อยู่ อินเดีย
9. FB: Studywise เรียนภาษาอังกฤษที่อินเดีย
เอเจนซี่แต่ละเอเจนซี่นำเสนอ สถาบันที่เรียนให้มากน้อยต่างกันไปครับ บางเอเจนซี่ที่เดียว, บางเอเจนซี่ 2-3 ที่บ้างหรือมากสุดก็ 5-6 ที่ก็มีครับ แต่โดยปกติ ถ้าเราสนใจเรียนที่อะคาเดมี่อื่นๆ ที่อยู่นอกเหนือจากที่เอเจนซี่นำเสนอมาเรา บางเอเจนซี่เขาก็ยินดีบริการจัดการให้เราครับ สามารถสอบถามข้อมูล รายละเอียดได้ครับ ถ้าถามว่าเราควรจะเดินทางไปกับเอเจนซี่ไหนดี อันนี้แล้วแต่พิจารณากันเลยครับ ถูกใจใคร ชอบใจกันก็แล้วแต่สะดวกนะครับ
ป.ล. หากยังไม่ค่อยถูกใจจะเรียนที่อินเดีย ก็ลองหาข้อมูลที่อื่นดูนะ อย่างที่มาเลเชียหรือฟิลิปปินส์ก็น่าสนใจนะครับ ราคาไม่แพงครับ อาจจะถูกใจก็ได้ครับ อย่างเช่น ที่ฟิลิปปินส์ ซึ่งแลดูมีความเป็นสถาบันให้เห็นกันอยู่หลายที่ครับ จะเรียน จ-ศ เรียนวันละ 6 คลาส เรียนคลาสตัวต่อตัว 4 คลาสและเรียนคลาสกลุ่มใหญ่ 2 คลาส อันนี้น่าจะถูกสุด ราคาค่าเรียน 3 เดือน ประมาณ 120,000 บาท และเรียน 6 เดือน ประมาณ 200,000 บาท ราคานี้รวมค่าที่พัก, อาหาร 3 มื้อ, ตั๋วเครื่องบิน ไป-กลับ, รถรับ-ส่งสนามบิน, หนังสือเรียน, ซักผ้า เป็นต้นครับ ส่วนรายละเอียดเพิ่มเติมอื่นๆ ต้องติดต่อเอเจนซี่เองครับ ลองค้นหาเอเจนซี่ ใน FB ดูครับ มีไม่น้อยกว่า 15 เอเจนซี่ให้สอบถามนะครับ
แชร์ประสบการณ์เรียนภาษาอังกฤษ ที่อินเดีย บังกาลอร์ ควรเลือกเรียนอะคาเดมี่ไหนดี
- English Master Institution (EMI) อยู่แถว Frazer Town
สถาบันนี้มีครูสอนอย่างน้อย 4 คนครับขึ้นกับจำนวน น.ร. และมีครูบริหารและบริการอีก 2 คนครับ ที่นี่เหมาะกับการเรียนทุกระดับครับ ถ้าเป็นหลักสูตรเฉพาะ เช่น IELTS หรืออื่นๆ เขาจะจัดครูพิเศษมาสอนให้เราครับ การเรียนการสอนภาพรวมถือว่าดีครับ แต่แกรมม่าจะสอนช้าไปหน่อย ที่นี่เรียน 4 คลาสต่อวันครับ มีหนังสือเรียนให้เรา 3 เล่มต่อ Course แยกเป็นหนังสือ Grammar, Vocabulary และ Reading &Writing ครับ
- Career College อยู่แถว Frazer Town
ที่นี่มีอะไรคล้ายๆ กันกับ English Master Institution (EMI) แต่ครูที่สอนจะเยอะกว่าครับ มีหนังสือ เรียนให้เรา 3 เล่มต่อ Course (3 เดือน) เป็นหนังสือ Grammar, Vocabulary และ Reading &Writing ครับ มีเรียน 4 คลาสต่อวัน และอาจจะมีคลาสสอนเสริมเพิ่มให้ฟรีอีก 1-2 คลาสครับ
- US English Academy
สถาบันนี่มีแต่เรียนกลุ่มครับ มีครูสอน 4 คน และมีครูบริหารและบริการอีก 2 คนครับ ที่เน้นการสนทนาเป็นพิเศษ การเรียนการสอนถือว่าดีครับ แต่หนังสือที่ใช้สอนไม่ยากครับ (หนังสือ Interchange ของ Cambridge) เรียนเข้าใจง่ายครับ เรียน 5 คลาสต่อวันครับ ข้อดีอย่างหนึ่งคือ เราสามารถแจ้งขอเรียนเพิ่มเติมในเรื่องที่เรียนไปแล้วและไม่เข้าใจได้ครับ โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มครับ ที่นี่คนไทยเรียนน้อยครับและค่าเรียนค่อยข้างสูง
- Valuepoint Academy
การเรียนการสอนที่นี่ค่อยเป็นค่อยไป ประกอบกับรายละเอียดของหนังสือเรียนที่ใช้สอน ก็ไม่ซับซ้อน เข้มข้นมากนะครับ การเรียนการสอนพอใช้ครับ ที่นี่มีแต่เรียนกลุ่มนะครับ เรียนวันละ 6 คลาส มีครูสอน 2 คน สอนต่อเนื่องกันคนละ 3 คลาส สอนหนังสือแบบเรียนก่อนครับ หลังจากนั้นอีก 3 คลาสสอนในหนังสือแบบฝึกหัดครับ คือมีหนังสือให้เรา 2 เล่มครับ คือหนังสือแบบเรียน และหนังสือแบบฝึกหัด ต่อ course ครับ ที่นี่คนไทยเรียนน้อยครับและค่าเรียนค่อยข้างสูงพอกันกับ US English Academy
- Cambridge English Academy
การเรียนการสอนถือว่าดีครับ แม้ว่าจะมีครูสอนแค่ 3 คน ที่นี่เรียนวันละ 6 คลาสครับ ให้หนังสือเรียนครบทุกคลาสเลยครับ จัดว่าดีเลิศ ข้อเสียคือครูที่สอนมักจะรับโทรศัพท์ทำงานบริการของอะคาเดมี่ระหว่างสอนเป็นประจำทุกวันครับ ทำการเรียนล่าช้าครับ อีกอย่างคือ ราคาค่าเรียนค่อนข้างสูง สูงกว่าทุกที่ก็ว่าได้ครับ ส่วนข้อดีอีกข้อของที่คือ มีคนอินเดียมาเรียนภาษาอังกฤษเยอะครับ ทำให้เราได้เรียนร่วมคลาสกับคนอินเดีย ซึ่งภาษาพูดเขาดีกันอยู่แล้วครับ เราก็จะได้เพื่อนที่เก่งภาษามาช่วยเราพัฒนาภาษาอังกฤษให้เร็วขึ้นครับ และที่นี่คนไทยไม่ค่อยมาเรียนกันครับ
- Grace English Academy
การเรียนการสอนที่นี่มีทั้งดีและต้องปรับปรุงครับ นี่ที่เขาจะเปลี่ยนตารางเรียนบ่อยแทบทุกอาทิตย์ก็ว่าได้ครับ ยกเว้นเฉพาะคนที่มาใหม่เดือนแรกตารางเรียนจะนิ่งครับ คือเอาอกเอาใจดีครับ หลังจากนั้นก็เข้าโหมดปกติ บางช่วงที่นี่ก็มีแถมลดครูที่สอนให้อีกครับ และย้ายคลาสเรียนตัวต่อตัวมาเรียนคลาสกลุ่มแทน ระหว่างรอครูคนใหม่บ้างหรือรอครูคนเดิมกลับจากลาพักบ้าง ทุกครั้งแทบจะไม่น้อยกว่า 2 อาทิตย์ ซึ่งเกิดขึ้นสม่ำเสมอเหมือนตั้งตารางเวลาไว้ครับ ที่นี่มีหนังสือให้ 2 เล่มต่อ course ครับ และที่นี่ก็ไม่เหมาะที่จะมาเรียนระดับ Advanced (ไม่เน้น ไม่พยายามจะสอนให้ดีกว่า)
- Soel (School of English Learning)
ที่นี่จะมีคลาสเรียนให้เลือกหลายแบบครับ การเรียนการสอนที่นี่ เป็นแบบสบายๆ ไม่เน้นอะไรพิเศษ เรียนสบายๆ ไม่เครียด จะสอนไปเรื่อยๆเน้นให้จบตามหลักสูตรครับ แต่ว่าที่นี่จะเปลี่ยนครูบ่อยเปลี่ยนกันทุกเดือนครับ และครูที่มาสอนที่นี่ทั้งที่ดีและไม่โอเคครับ ที่นี่มีหนังสือให้ 2 เล่มต่อ course เป็นหนังสือ Grammar ของ Cambridge และ Vocabulary ของ Oxford ครับ
- EMI Academy (อันนี่คนละที่กับ English Master Institution นะครับ)
ที่นี้ไม่แนะนำถึงตอนนี้อาจจะกำลังปิดตัวไปแล้ว และก็อาจจะกำลังรอจะเปิดสอนในชื่อใหม่ก็ได้ครับ
- ส่วนสถาบันอื่นๆ นอกเหนือที่พูดถึงไปแล้ว ผมมีข้อมูลน้อยเกินไป บางที่ก็ไม่รู้เลยครับ เช่น See Academy (Speaking Effective English), Focus English Institute, และอื่นๆ อีกหลายที่ครับ
อยากให้ลองหาข้อมูลเพิ่มเติมเรื่องหนังสือ รายละเอียดเนื้อหาที่แต่ละอะคาเดมี่ใช้สอนดูนะครับ ซึ่งนั้นจะทำให้คุณตัดสินใจได้ตรงกับความต้องการของคุณได้ดีที่สุดครับ อะคาเดมี่ทุกที่ใช้หนังสือจาก Cambridge และ/หรือ Oxford ในการสอนนะครับ ซึ่งมีหลากหลายแบบมากครับ แต่ละที่ก็เลือกใช้หนังสือทั้งที่ต่างกันและเหมือนกันครับ อีกอย่างหนึ่งคือหนังสือเรียนจะมีการแบ่งหลักๆ 2 แบบ แบบแรกจะแบ่งเป็น 6 ระดับ คือ Elementary, Pre-Intermediate, Intermediate, Upper-Intermediate, Pre-advanced และ Advanced ซึ่งจะเรียนระดับละเดือนครึ่งครับ ส่วนแบบที่สองแบ่งเป็น 3 ระดับคือ Basic, Intermediate และ Advanced เรียนระดับละ 3 เดือนครับ ซึ่งหลายๆ อะคาเดมี่เขาจะไม่สอนระดับ Pre-advanced และ Advanced ส่วนอะคาเดมี่บางที่ลงประกาศว่าสอน แต่จริงๆไม่พร้อมที่จะสอนเลยก็มีครับ อันนี้ต้องตรวจสอบกันดีๆ นะครับ
ถามว่าควรจะไปเรียนนนานแค่ไหนอันนี้ก็แล้วแต่พื้นฐานของแต่ละคนครับ แล้วเรียนภาษาต่อเนื่อง 6 เดือนนี่ดีไหม ซึ่งมันก็น่าจะดีกว่าการเรียนแค่ 3 เดือนนะ มันก็ใช่ครับ แต่ความจริงๆ ก็ไม่ได้เป็นแบบนั้นทั้งหมดเสมอไปครับ ส่วนมากแล้วจะเวิร์คสุดช่วง 3 เดือนครับ ถ้าตั้งใจจะเรียน 6 เดือนก็ควรกลับมาพักสมองที่บ้านเราสักระยะครับ 1 เดือนอะไรประมาณนี้ และกลับไปเรียนต่อครับ จะมีประสิทธิภาพมากกว่าครับ แต่ส่วนมากเกือบ 100 % เลือกเรียนต่อเนื่อง 6 เดือนครับ คือพอมาแล้วต่อให้มีคนเตือนคนแนะนำยังไงก็มั่นใจว่าตัวเองไหวครับ แล้วสุดท้ายก็บ่นเสียดายกันแทบทุกคนครับ เสียดายเวลา เสียเงินที่จ่ายไปแล้วได้ผลลัพธ์กลับมาไม่ถึงครึ่งหนึ่งของช่วง 3 เดือนแรกที่ตัวเองได้รับกันทั้งนั้นครับ เพราะที่นี่ไม่ใช่บ้านเราไงครับ ปัญหากวนใจส่วนตัวมีเยอะครับ เช่น เน็ตกาก, เรื่องอาหารการกินมีให้เลือกกินเยอะก็จริง แต่ก็ไม่ใช่อาหารไทยไง รสชาติก็ไม่ได้ไง อาจจะทำกินเองได้บ้างก็พอช่วยได้บ้างไง แต่ก็ไม่หลากหลายเหมือนไปร้านที่เคยกินที่บ้านเราไง ไหนจะปัญหากับความเป็นอินเดียอีก อะไรประมาณนี้แหละครับ
ส่วนเรื่องหอพัก ส่วนมากเอเจนซี่ แทบทุกเจ้าเขาจะพยายามจัดหาหอพักที่ดีที่สุด อยู่ใกล้ที่เรียน หาของกินง่าย เดินทางสะดวกไม่เกิน 1 กม.จากที่เรียนให้เราก่อนนะครับ บางเอเจนซี่เขาอาจจะมีหอพักที่เขาเช่าไว้รายปี เขาก็มักจะนำ น.ร.ใหม่มาอยู่ให้เต็มก่อนครับ ซึ่งแน่นนอนครับว่าไม่มากพอกับ น.ร. ทุกคนที่มาเรียนครับ ส่วนที่เหลือก็จะส่งไปพักที่อื่นๆ ซึ่งส่วนมากก็เป็นแหล่งที่ น.ร. ไทยพักกันแหละครับ ซึ่งบางที่หอพักเดียวกัน อาจจะมี น.ร.ไทยจากหลายเอเจนซี่มาพักอยู่ร่วมกันครับ คือใครมาก่อนห้องว่างก็ได้ก่อนครับ อะไรประมาณนั้น หอพักที่นี่มีเยอะครับ อยู่ติดๆกันก็มีครับ แต่หอพักดีๆ ประเภทห้องเดี่ยวหรือแชร์ 2 คน ที่มีห้องน้ำในตัว บางที่อาจจะมีระเบียงในห้องให้ จะหายากครับ ส่วนอย่างอื่นที่หอพักจะต้องมีส่วนกลางให้ก็พวกเครื่องซักผ้า, เครื่องกรองน้ำดื่ม, ห้องครัวกลาง ซึ่งบางที่แทบไม่มีอุปกรณ์ทำครัวอะไรให้เลยครับ ต้องจัดหาเองครับ, ตู้เย็น อันนี้ก็เช่นกันครับบางที่ไม่มีให้แล้วจะซื้อของมาเก็บไว้ทำกับข้าวกินยังไง ซึ่งหอพักดีๆ ก็ขึ้นอยู่กับโซนที่เราเลือกอะคาเดมี่เรียนด้วยครับ บางโซนหอพักดีๆ อยู่ใกล้ที่เรียนมีน้อยครับ ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายที่เอเจนซี่จะหาหอพักดีๆ ให้กับเราได้ทุกคนครับ ซึ่งบางคนอาจจะโดนยัดหอพักแย่ๆ ให้โดยจำยอมบ้าง ไม่รู้ตัวบ้างอันนี้เยอะมากครับ หรือไม่ก็ต้องแลกกับการจ่ายค่าเดินทางที่เพิ่มขึ้นเพื่อให้ได้หอพักดีๆ ครับ เพราะฉะนั้นทางที่ดีควรสอบถามเลือกช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่ควรเดินทางกับเอเจนซี่จะดีกว่าครับ ในกรณีที่คุณสามารถเลื่อนแผนการเดินทางออกไปได้นะครับ และถ้าหอพักที่คุณพักมีคนอินเดียพักร่วมอยู่ด้วยก็ถือว่าคุณมีโอกาสดีที่จะได้พัฒนาภาษามากตามไปด้วยนะครับ แต่คนอินเดียกว่าครึ่งไม่ค่อยจะโอเคนะครับ สรุปคือเรื่องหอพักนี่ก็สำคัญนะครับ พิจารณาตรวจสอบกันดีๆ นะครับ
แนะนำ เอเจนซี่บางส่วนตามใน FB นะครับ
1. FB: เรียนอินเดีย เรียนต่ออินเดีย เรียนต่อต่างประเทศนิวซีแลนด์ (JIE Center)
2. FB: เรียนอินเดีย-เรียนภาษาอังกฤษที่อินเดีย ทุนเรียนต่างประเทศ (โกทูบังกาลอร์)
3. FB: เรียนต่ออินเดีย-India (studycenterth.com)
4. FB: เรียนอินเดีย/ฟิลิปปินส์/โปแลนด์/มาเลเซีย by WES
5. FB: SEA - Study English Adviser เรียนภาษาอังกฤษที่เมืองบังกาลอร์ ประเทศอินเดีย
6. FB: เรียนอินเดีย เรียนต่ออินเดีย เรียนภาษาที่อินเดีย by Intoindia
7. FB: เรียนอินเดียและแคนาดา By L2i x YES
8. FB: ฉัน อยู่ อินเดีย
9. FB: Studywise เรียนภาษาอังกฤษที่อินเดีย
เอเจนซี่แต่ละเอเจนซี่นำเสนอ สถาบันที่เรียนให้มากน้อยต่างกันไปครับ บางเอเจนซี่ที่เดียว, บางเอเจนซี่ 2-3 ที่บ้างหรือมากสุดก็ 5-6 ที่ก็มีครับ แต่โดยปกติ ถ้าเราสนใจเรียนที่อะคาเดมี่อื่นๆ ที่อยู่นอกเหนือจากที่เอเจนซี่นำเสนอมาเรา บางเอเจนซี่เขาก็ยินดีบริการจัดการให้เราครับ สามารถสอบถามข้อมูล รายละเอียดได้ครับ ถ้าถามว่าเราควรจะเดินทางไปกับเอเจนซี่ไหนดี อันนี้แล้วแต่พิจารณากันเลยครับ ถูกใจใคร ชอบใจกันก็แล้วแต่สะดวกนะครับ
ป.ล. หากยังไม่ค่อยถูกใจจะเรียนที่อินเดีย ก็ลองหาข้อมูลที่อื่นดูนะ อย่างที่มาเลเชียหรือฟิลิปปินส์ก็น่าสนใจนะครับ ราคาไม่แพงครับ อาจจะถูกใจก็ได้ครับ อย่างเช่น ที่ฟิลิปปินส์ ซึ่งแลดูมีความเป็นสถาบันให้เห็นกันอยู่หลายที่ครับ จะเรียน จ-ศ เรียนวันละ 6 คลาส เรียนคลาสตัวต่อตัว 4 คลาสและเรียนคลาสกลุ่มใหญ่ 2 คลาส อันนี้น่าจะถูกสุด ราคาค่าเรียน 3 เดือน ประมาณ 120,000 บาท และเรียน 6 เดือน ประมาณ 200,000 บาท ราคานี้รวมค่าที่พัก, อาหาร 3 มื้อ, ตั๋วเครื่องบิน ไป-กลับ, รถรับ-ส่งสนามบิน, หนังสือเรียน, ซักผ้า เป็นต้นครับ ส่วนรายละเอียดเพิ่มเติมอื่นๆ ต้องติดต่อเอเจนซี่เองครับ ลองค้นหาเอเจนซี่ ใน FB ดูครับ มีไม่น้อยกว่า 15 เอเจนซี่ให้สอบถามนะครับ