บทความนี้อาจจะยาวหน่อยนะครับ แต่เชื่อผมเถอะว่าเมื่ออ่านแล้วคุณจะเข้าใจอะไรขึ้นมาบางอย่างที่จะส่งผลทำให้คุณเทรดดีขึ้น(คนเข้ามาวงการนี้ใหม่ๆอาจไม่สนใจอ่านไถๆข้ามไปเลยเป็นเรื่องปกติ เพราะตอนเริ่มต้นกำลังไฟแรง ต้องการสิ่งที่รวบรัด แต่คนที่เทรดมาสักพักแล้วแต่ยังไม่สามารถทำกำไรได้และต้องการทำกำไรให้ได้จริงๆ กรุณาตั้งใจอ่านและทำความเข้าใจนะครับ)
สำหรับผมแล้ว จากประสบการณ์บอกให้รู้ว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดในการทำกำไรจากการเทรดได้คือเรื่องของสภาพจิตใจ แต่แน่นอนว่าไม่ใช่ว่ามีจิตใจที่แข็งแกร่งเพียงอย่างเดียวจะสามารถทำเงินได้
ในการแข่งกีฬา มีตัวแปรหลักอยู่ 3 ตัว คือ เรา อุปกรณ์กีฬา คู่แข่ง ในที่นี้ผมจะยกตัวอย่างกีฬาปิงปอง
เรา จิตใจเราเองก็ไม่นิ่ง บางช่วงตีดี บางช่วงถ้าไม่ได้รับการฝึกฝน อาจมีการหัวเสียเวลาตีไม่ได้ดั่งใจ แล้วก็พาลทำให้พังทั้งเกมส์
อุปกรณ์กีฬา ไม้ปิงปองส่วนใหญ่จะไม่ใช่ปัญหาถ้าเราคัดเลือกและทดสอบมาอย่างดีแล้ว
คู่แข่ง อันนี้ตัวร้ายสุด เขาไม่ใช่หุ่นที่อยู่นิ่งๆให้เราเดาง่ายๆ เราตบไปไม่ใช่เพียงแต่เขารับได้ เขายังหลอกเราว่าจะตบกลับ แต่ดันกลายเป็นลูกหยอด และก็ลึกไปกว่านั้นคือเขาก็รู้ว่าเราเรียนรู้ว่าเขาจะหยอด เขาก็เลยหยอดแต่ไม่หยอดตรงๆ ดันหยอดไปขอบโต๊ะที่เรารับไม่ได้แน่นอน
ในการเทรดมีตัวแปรหลักอยู่ 3 ตัว คือ
1.สภาวะตลาด ยาก ง่าย
ผมขอย้ำในสิ่งที่ผมย้ำทุกบทความเพื่อให้ทุกคนตระหนักว่าเรากำลังเล่นกับอะไร นั่นคือ ตลาดนี้เป็น zero sum game เราเล่นกับเจ้ามือ ซึ่งเจ้ามือคอยขุดหลุมดักเราตลอดเวลา และเจ้ามือนั้นหมายถึงพวกกองทุน ธนาคาร ระดับโลกที่มีเงินมากมหาศาล เขาสามารถบังคับราคาได้เป็นช่วงๆ ช่วงไหนละ ก็ช่วงที่พวกเราเห็นว่าเป็นแนวรับต้านต่างๆชัดๆ เขาจะคอยกระแทกหรือดึง ให้หลุดหรือไม่หลุดแนวทำให้ผิดรูปแบบแผนที่เรียนมา บางครั้งยอมให้เราคิดถูกและหลายครั้งก็ทำให้เราคิดผิด
นั่นแปลว่าเรากำลังแข่งกับคู่แข่งที่เก่งกว่าเรา และรู้ว่า “เรารู้อะไร และเราเรียนรู้อะไร” ซึ่งเขาจะสามารถทำให้เราเล่นง่ายบางช่วง เล่นยากบางช่วง
(คำว่ายาก ง่าย หมายถึงเมื่อเทียบกับระบบของเรานะครับ)
2.เครื่องมือ ถูก ผิด
ทุกๆindicator ทุกๆระบบ ตั้งอยู่บนพื้นฐานของความน่าจะเป็น สมมุติระบบแม่น70% แปลว่าเมื่อเทรดตามระบบเป๊ะๆ 100 ครั้ง จะถูก 70 ครั้ง ผิด 30 ครั้ง ย้ำว่าทำตามเป๊ะๆไม่ Bias ใดๆเลยในการเทรด 100 ครั้งนะครับ
นั่นแปลว่า เวลาเราทำตามระบบแล้วผิด เราจะอธิบายไม่ได้และไม่ต้องพยายามหาคำอธิบายว่าผิดเพราะอะไร ตอบได้อย่างเดียวว่า ผิดเพราะความน่าจะเป็นของระบบมันต้องผิด เวลาถูกก็เช่นกัน เราก็จะไม่สามารถไบแอสได้ว่า เทรดครั้งนี้ต้องถูกแน่ๆเลย งั้นเพิ่มลอตดีกว่า อันนี้คือเรียกว่าไม่ทำตามระบบนะครับ ทำตามระบบต้องไม่คิด ไม่ไบแอสในการเทรดทุกครั้ง
3.จิตคนเทรด ปกติ ไม่ปกติ
ทุกๆคนก็รู้ว่าการเทรดที่ดีนั้นต้องทำตัวเหมือนโรบอต คือไร้ใจ มีหน้าที่กดออเดอร์เข้าออกตามระบบที่วางไว้แค่นั้น แต่ในความเป็นจริง คนก็ยังเป็นคน มีจิตใจ มีความรู้สึก โลภ กลัว หรือแม้กระทั่งเรื่องส่วนตัว ทุกเรื่องที่มีผลต่อสภาพจิตใจ จะส่งผลต่อการเทรดแน่นอน
(ขอตัดเข้าตัวอย่างตรงนี้ก่อนจะได้เห็นภาพ
สิ่งที่ทำให้การเทรดแตกต่างและยากกว่ากีฬาคือ อุปกรณ์ เพราะ ไม้ปิงปองถ้าตีด้วยความสามารถของนักแข่งขันคือจะตีโดนลูกและข้ามไปฝั่งตรงข้ามแทบจะ 100% และแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่ตีแล้วไม้จะหัก หรือไม้เป็นรูทำให้ตีไม่โดน แต่ การเทรด ระบบเป็นเรื่องของความน่าจะเป็น ตีไปครั้งนึงไม่รู้จะโดนหรือไม่โดน รู้แต่ว่าตีแล้วรวมๆ100ครั้ง จะโดน 70 ครั้ง
ถ้าใครไม่เข้าใจตรงนี้ พอเทรดไปตามระบบแล้วเสียสัก 2-3 ครั้ง ก็จะบอกว่าระบบไม่ดี “ส่งผลต่อจิตใจ ให้รู้สึกไม่ปกติ” ก็จะเปลี่ยนพยายามหาระบบใหม่วนไปเรื่อยๆอยู่แบบนี้ ทั้งๆที่ยังไม่ครบ 100 ครั้ง ยังไม่เห็นความเป็นสถิติร้อยละเลย)
เรากลับมาเรื่องการทำความเข้าใจตัวแปรในการเทรด
เมื่อมี 3 ตัวแปร แต่ละตัวแปรมี 2 สภาวะ เท่ากับว่ามีทั้งหมด 2 ยกกำลัง 3 เท่ากับ 8 สถานการณ์
สถานการณ์ที่ 1 สภาวะตลาด ยาก + เครื่องมือ ถูก + จิต ปกติ ==>> จะได้ๆเสียๆ รวมๆแล้วบวกลบนิดหน่อย
สถานการณ์ที่ 2 สภาวะตลาด ยาก + เครื่องมือ ถูก + จิต ไม่ปกติ ==>> จะได้ๆเสียๆ แต่รวมแล้วจะเสียเพราะจิตไม่รู้ทันว่าที่ได้คือโชคแล้วมั่นใจอัดต่อ
สถานการณ์ที่ 3 สภาวะตลาด ยาก + เครื่องมือ ผิด + จิต ปกติ ==>> ต้องเรียกว่าเป็นโชคดี ทำให้ไม่เสียรัวๆถ้ามีสติรู้ว่าตลอดมันไม่เอื้อก็หยุด
สถานการณ์ที่ 4 สภาวะตลาด ยาก + เครื่องมือ ผิด + จิต ไม่ปกติ ==>> เลวร้ายที่สุด เป็นจุดวัดใจว่าใครจะอยู่ในตลาดนี้ได้หรือไม่
สถานการณ์ที่ 5 สภาวะตลาด ง่าย + เครื่องมือ ถูก + จิต ปกติ ==>> ดีที่สุด ทำกำไรตามระบบที่วางไว้
สถานการณ์ที่ 6 สภาวะตลาด ง่าย + เครื่องมือ ถูก + จิต ไม่ปกติ ==>> จะเกิดการ overtrade หรือไม่ก็กำไรนิดเดียวปิด ไม่รันเทรนด์
สถานการณ์ที่ 7 สภาวะตลาด ง่าย + เครื่องมือ ผิด + จิต ปกติ ==>> ดีที่สุด ขาดทุนตามระบบที่วางไว้
สถานการณ์ที่ 8 สภาวะตลาด ง่าย + เครื่องมือ ผิด + จิต ไม่ปกติ ==>> คิดจะปรับปรุงหรือหาระบบใหม่ตลอดเวลา ย่ำอยู่กับที่
ที่แตกรายละเอียดออกมาให้ดูชัดๆเพราะ ผมต้องการให้เทรดเดอร์ทุกคน เรียนรู้ที่จะมี สติ วิเคราะห์ว่า การเทรดครั้งหนึ่งๆของเราที่ได้กำไรหรือขาดทุนนั้น เกิดจากสถานการณ์ไหน
ปล.ผมชอบใช้คำศัพท์ว่าเจ้ามือ เพราะผมเชื่อแบบนั้นจริงๆว่ามันต้องมีคนกลุ่มนึงที่จำนวนคนไม่เยอะแต่เงินเยอะมหาศาล และเห็นออเดอร์ขแงเราทั้งหมด คอยคุมตลาดอยู่ ไม่ว่าจะเป็นความคิดที่ถูกหรือไม่ หรือใครจะแย้งว่าไม่จริง ผมไม่เถียงครับ แต่เอาเป็นว่าผมเชื่อแบบนี้แล้วผมสามารถทำเงินได้จากตลาดนี้ก็พอครับ
สนใจติดตามบทความอื่นๆได้ที่
https://www.facebook.com/groups/285303532334272/
ทำไมการเทรด Forex ให้ได้กำไรถึงยาก
บทความนี้อาจจะยาวหน่อยนะครับ แต่เชื่อผมเถอะว่าเมื่ออ่านแล้วคุณจะเข้าใจอะไรขึ้นมาบางอย่างที่จะส่งผลทำให้คุณเทรดดีขึ้น(คนเข้ามาวงการนี้ใหม่ๆอาจไม่สนใจอ่านไถๆข้ามไปเลยเป็นเรื่องปกติ เพราะตอนเริ่มต้นกำลังไฟแรง ต้องการสิ่งที่รวบรัด แต่คนที่เทรดมาสักพักแล้วแต่ยังไม่สามารถทำกำไรได้และต้องการทำกำไรให้ได้จริงๆ กรุณาตั้งใจอ่านและทำความเข้าใจนะครับ)
สำหรับผมแล้ว จากประสบการณ์บอกให้รู้ว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดในการทำกำไรจากการเทรดได้คือเรื่องของสภาพจิตใจ แต่แน่นอนว่าไม่ใช่ว่ามีจิตใจที่แข็งแกร่งเพียงอย่างเดียวจะสามารถทำเงินได้
ในการแข่งกีฬา มีตัวแปรหลักอยู่ 3 ตัว คือ เรา อุปกรณ์กีฬา คู่แข่ง ในที่นี้ผมจะยกตัวอย่างกีฬาปิงปอง
เรา จิตใจเราเองก็ไม่นิ่ง บางช่วงตีดี บางช่วงถ้าไม่ได้รับการฝึกฝน อาจมีการหัวเสียเวลาตีไม่ได้ดั่งใจ แล้วก็พาลทำให้พังทั้งเกมส์
อุปกรณ์กีฬา ไม้ปิงปองส่วนใหญ่จะไม่ใช่ปัญหาถ้าเราคัดเลือกและทดสอบมาอย่างดีแล้ว
คู่แข่ง อันนี้ตัวร้ายสุด เขาไม่ใช่หุ่นที่อยู่นิ่งๆให้เราเดาง่ายๆ เราตบไปไม่ใช่เพียงแต่เขารับได้ เขายังหลอกเราว่าจะตบกลับ แต่ดันกลายเป็นลูกหยอด และก็ลึกไปกว่านั้นคือเขาก็รู้ว่าเราเรียนรู้ว่าเขาจะหยอด เขาก็เลยหยอดแต่ไม่หยอดตรงๆ ดันหยอดไปขอบโต๊ะที่เรารับไม่ได้แน่นอน
ในการเทรดมีตัวแปรหลักอยู่ 3 ตัว คือ
1.สภาวะตลาด ยาก ง่าย
ผมขอย้ำในสิ่งที่ผมย้ำทุกบทความเพื่อให้ทุกคนตระหนักว่าเรากำลังเล่นกับอะไร นั่นคือ ตลาดนี้เป็น zero sum game เราเล่นกับเจ้ามือ ซึ่งเจ้ามือคอยขุดหลุมดักเราตลอดเวลา และเจ้ามือนั้นหมายถึงพวกกองทุน ธนาคาร ระดับโลกที่มีเงินมากมหาศาล เขาสามารถบังคับราคาได้เป็นช่วงๆ ช่วงไหนละ ก็ช่วงที่พวกเราเห็นว่าเป็นแนวรับต้านต่างๆชัดๆ เขาจะคอยกระแทกหรือดึง ให้หลุดหรือไม่หลุดแนวทำให้ผิดรูปแบบแผนที่เรียนมา บางครั้งยอมให้เราคิดถูกและหลายครั้งก็ทำให้เราคิดผิด
นั่นแปลว่าเรากำลังแข่งกับคู่แข่งที่เก่งกว่าเรา และรู้ว่า “เรารู้อะไร และเราเรียนรู้อะไร” ซึ่งเขาจะสามารถทำให้เราเล่นง่ายบางช่วง เล่นยากบางช่วง
(คำว่ายาก ง่าย หมายถึงเมื่อเทียบกับระบบของเรานะครับ)
2.เครื่องมือ ถูก ผิด
ทุกๆindicator ทุกๆระบบ ตั้งอยู่บนพื้นฐานของความน่าจะเป็น สมมุติระบบแม่น70% แปลว่าเมื่อเทรดตามระบบเป๊ะๆ 100 ครั้ง จะถูก 70 ครั้ง ผิด 30 ครั้ง ย้ำว่าทำตามเป๊ะๆไม่ Bias ใดๆเลยในการเทรด 100 ครั้งนะครับ
นั่นแปลว่า เวลาเราทำตามระบบแล้วผิด เราจะอธิบายไม่ได้และไม่ต้องพยายามหาคำอธิบายว่าผิดเพราะอะไร ตอบได้อย่างเดียวว่า ผิดเพราะความน่าจะเป็นของระบบมันต้องผิด เวลาถูกก็เช่นกัน เราก็จะไม่สามารถไบแอสได้ว่า เทรดครั้งนี้ต้องถูกแน่ๆเลย งั้นเพิ่มลอตดีกว่า อันนี้คือเรียกว่าไม่ทำตามระบบนะครับ ทำตามระบบต้องไม่คิด ไม่ไบแอสในการเทรดทุกครั้ง
3.จิตคนเทรด ปกติ ไม่ปกติ
ทุกๆคนก็รู้ว่าการเทรดที่ดีนั้นต้องทำตัวเหมือนโรบอต คือไร้ใจ มีหน้าที่กดออเดอร์เข้าออกตามระบบที่วางไว้แค่นั้น แต่ในความเป็นจริง คนก็ยังเป็นคน มีจิตใจ มีความรู้สึก โลภ กลัว หรือแม้กระทั่งเรื่องส่วนตัว ทุกเรื่องที่มีผลต่อสภาพจิตใจ จะส่งผลต่อการเทรดแน่นอน
(ขอตัดเข้าตัวอย่างตรงนี้ก่อนจะได้เห็นภาพ
สิ่งที่ทำให้การเทรดแตกต่างและยากกว่ากีฬาคือ อุปกรณ์ เพราะ ไม้ปิงปองถ้าตีด้วยความสามารถของนักแข่งขันคือจะตีโดนลูกและข้ามไปฝั่งตรงข้ามแทบจะ 100% และแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่ตีแล้วไม้จะหัก หรือไม้เป็นรูทำให้ตีไม่โดน แต่ การเทรด ระบบเป็นเรื่องของความน่าจะเป็น ตีไปครั้งนึงไม่รู้จะโดนหรือไม่โดน รู้แต่ว่าตีแล้วรวมๆ100ครั้ง จะโดน 70 ครั้ง
ถ้าใครไม่เข้าใจตรงนี้ พอเทรดไปตามระบบแล้วเสียสัก 2-3 ครั้ง ก็จะบอกว่าระบบไม่ดี “ส่งผลต่อจิตใจ ให้รู้สึกไม่ปกติ” ก็จะเปลี่ยนพยายามหาระบบใหม่วนไปเรื่อยๆอยู่แบบนี้ ทั้งๆที่ยังไม่ครบ 100 ครั้ง ยังไม่เห็นความเป็นสถิติร้อยละเลย)
เรากลับมาเรื่องการทำความเข้าใจตัวแปรในการเทรด
เมื่อมี 3 ตัวแปร แต่ละตัวแปรมี 2 สภาวะ เท่ากับว่ามีทั้งหมด 2 ยกกำลัง 3 เท่ากับ 8 สถานการณ์
สถานการณ์ที่ 1 สภาวะตลาด ยาก + เครื่องมือ ถูก + จิต ปกติ ==>> จะได้ๆเสียๆ รวมๆแล้วบวกลบนิดหน่อย
สถานการณ์ที่ 2 สภาวะตลาด ยาก + เครื่องมือ ถูก + จิต ไม่ปกติ ==>> จะได้ๆเสียๆ แต่รวมแล้วจะเสียเพราะจิตไม่รู้ทันว่าที่ได้คือโชคแล้วมั่นใจอัดต่อ
สถานการณ์ที่ 3 สภาวะตลาด ยาก + เครื่องมือ ผิด + จิต ปกติ ==>> ต้องเรียกว่าเป็นโชคดี ทำให้ไม่เสียรัวๆถ้ามีสติรู้ว่าตลอดมันไม่เอื้อก็หยุด
สถานการณ์ที่ 4 สภาวะตลาด ยาก + เครื่องมือ ผิด + จิต ไม่ปกติ ==>> เลวร้ายที่สุด เป็นจุดวัดใจว่าใครจะอยู่ในตลาดนี้ได้หรือไม่
สถานการณ์ที่ 5 สภาวะตลาด ง่าย + เครื่องมือ ถูก + จิต ปกติ ==>> ดีที่สุด ทำกำไรตามระบบที่วางไว้
สถานการณ์ที่ 6 สภาวะตลาด ง่าย + เครื่องมือ ถูก + จิต ไม่ปกติ ==>> จะเกิดการ overtrade หรือไม่ก็กำไรนิดเดียวปิด ไม่รันเทรนด์
สถานการณ์ที่ 7 สภาวะตลาด ง่าย + เครื่องมือ ผิด + จิต ปกติ ==>> ดีที่สุด ขาดทุนตามระบบที่วางไว้
สถานการณ์ที่ 8 สภาวะตลาด ง่าย + เครื่องมือ ผิด + จิต ไม่ปกติ ==>> คิดจะปรับปรุงหรือหาระบบใหม่ตลอดเวลา ย่ำอยู่กับที่
ที่แตกรายละเอียดออกมาให้ดูชัดๆเพราะ ผมต้องการให้เทรดเดอร์ทุกคน เรียนรู้ที่จะมี สติ วิเคราะห์ว่า การเทรดครั้งหนึ่งๆของเราที่ได้กำไรหรือขาดทุนนั้น เกิดจากสถานการณ์ไหน
ปล.ผมชอบใช้คำศัพท์ว่าเจ้ามือ เพราะผมเชื่อแบบนั้นจริงๆว่ามันต้องมีคนกลุ่มนึงที่จำนวนคนไม่เยอะแต่เงินเยอะมหาศาล และเห็นออเดอร์ขแงเราทั้งหมด คอยคุมตลาดอยู่ ไม่ว่าจะเป็นความคิดที่ถูกหรือไม่ หรือใครจะแย้งว่าไม่จริง ผมไม่เถียงครับ แต่เอาเป็นว่าผมเชื่อแบบนี้แล้วผมสามารถทำเงินได้จากตลาดนี้ก็พอครับ
สนใจติดตามบทความอื่นๆได้ที่
https://www.facebook.com/groups/285303532334272/