วันนี้ฤกษ์งามยามดี จะมาขอเล่าให้ฟังนะคะว่า ประสบการณ์เรียนต่อขนตาที่เริ่มต้นจากความชอบ สู่อาชีพ พัฒนาตัวเองจนมีรางวัลการันตี นั้นมันเป็นยังไง..
จุดเริ่มต้นมันมาจากการที่อาชีพเก่าของยุ้ยต้องใช้ใบหน้าสดๆในการทำงานเท่านั้น เวลามองหน้าเพื่อนร่วมงานก็จะชอบคิดว่า เออ ถ้าผู้หญิงเรามีคิ้ว สวยเป๊ะได้โดยไม่ต้องมานั่งเขียนก็คงดี ไม่แต่งหน้าก็ยังรู้สึกว่า เออฉันรอด พอคิดได้แบบนั้น ยุ้ยเลยเริ่มที่จะมองหาทางเลือกใหม่ๆให้กับตัวเองโดยการไปเรียนสักคิ้ว และเริ่มต้นธุรกิจด้านความสวยความงามตั้งแต่นั้นมา และแน่นอนว่าโลกเราทุกวันนี้มันมีอะไรใหม่ๆเข้ามาเสมอ บวกกับการที่เราเองก็ไม่อยากหยุดพัฒนาตัวเอง ยุ้ยจึงเริ่มมองหาอะไรใหม่ๆ ที่จะสามารถมาต่อยอดธุรกิจที่ตัวเองมีอยู่ และแน่นอนค่ะ เมื่อคิ้วเป๊ะ ตาก็ต้องสวย ประจวบเหมาะกับ 2-3ปีมานี้ ยุ้ยรู้สึกว่าการต่อขนตากำลังมาแรง และยังถือว่าเป็นเรื่องใหม่มากๆอยู่ถ้าเทียบกับการสักคิ้ว ยุ้ยถือคติว่าถ้าเราเริ่มก่อน เราก็จะก้าวเร็วกว่าคนอื่นค่ะ ยุ้ยจึงเริ่มมองหาที่เรียนต่อขนตาและดึงตัวเองกลับมาเป็นนักเรียนอีกครั้ง
ยุ้ยใช้เวลาพอสมควรในการหาข้อมูลจนมาเจอกับ LASHPERTIST สถาบันสอนต่อขนตาที่น่าเชื่อถือ ยุ้ยรู้สึกว่าเค้าใช้สื่อออนไลน์ได้อย่างเป็นประโยชน์ ทั้งรูปภาพ ทั้งวิดิโอ บรรยากาศระหว่างการเรียนการสอน ผลงานนักเรียนไปจนถึงการสัมภาษณ์ผู้เรียน มันทำให้เราเห็นภาพชัดขึ้นมากๆว่าถ้าเราได้มาเรียนที่นี่มันจะเป็นยังไง และแน่นอนค่ะว่ามันทำให้ยุ้ยตัดสินใจแทบจะในทันทีกับการสมัครลงคอร์สเรียนต่อขนตากับทาง LASHPERTIST ค่ะ
ความท้าทายไม่ได้จบแค่นั้นค่ะ ช่วงที่ยุ้ยสมัครเรียน ทางสถาบันกำลังจะมีการจัดแข่งขันการต่อขนตาเพื่อชิงรางวัลและส่งผู้ชนะไปร่วมแข่งขันต่อขนตา ณ ประเทศไต้หวัน พอดี ซึ่งยุ้ยพอได้ยินมาบ้างค่ะว่าที่ไต้หวันเค้าต่อขนตากันจริงจัง มีสมาคม มีการจัดแข่งกันกันระดับประเทศ และเป็นสากล แน่นอนอีกเหมือนกันค่ะ ยุ้ยไม่ลังเลที่จะเพิ่มประสบการณ์ให้ตัวเอง ยุ้ยตัดสินใจลงสมัครแข่งขันต่อขนตาไปด้วยเลยตั้งแต่ยังไม่ทันได้เริ่มเรียน โดยไม่คิดเหมือนกันนะคะว่าความกล้าในวันนั้นจะเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญในชีวิตของยุ้ย
คลาสวันแรกครึ่งเช้าก็จะเป็นเกี่ยวกับทฤษฎีต่างๆค่ะ สอนตั้งแต่พื้นฐาน การใช้อุปกรณ์ การวิเคราะห์รูปตา ชนิดของขนตา ตลอดไปจนถึงการแนะนำว่าต้นทุนคิดยังไง กำไรเกิดจากอะไร เรียกได้ว่าอะไรที่ต้องรู้หรือแม้แต่ไม่เคยรู้มาก่อน ยุ้ยก็ได้รู้วันนั้นเลยล่ะค่ะ 555555555 พอช่วงบ่ายก็จะเริ่มการฝึกต่อกันแล้ว แต่การฝึกต่อวันนี้ จะเป็นการเน้นให้เรารู้จัก และสนิทกับอุปกรณ์มากกว่าค่ะ เพราะมันจะต้องเป็นอาวุธคู่กายเราตลอดไปนี่คะ 555555555 ฝึกกันจนจบวัน ก็ได้เวลาอันสมควรที่จะกลับไปพักผ่อน เพื่อที่จะมาเจอกับศึกหนักในวันต่อไป เพราะเราจะได้ต่อกับคนจริงๆแล้ว
เช้าวันที่สองยุ้ยมาเรียนด้วยความรู้สึกตื่นเต้นมากๆ เพราะอย่างที่บอกไปว่าเราจะได้ทดลองต่อกับขนตาของคนจริงๆกันแล้ว คุณครูจะสาธิตให้เราดูก่อนอย่างละเอียดทุกขั้นตอนเลยค่ะ ตั้งแต่การเช็ดมือ ทำความสะอาดอุปกรณ์ไปจนถึงการต่อลงไปบนขนตาคนจริงๆให้เราดู ยอมรับนะคะว่าในใจก็แอบคิดว่าเวลาแค่วันครึ่งเราจะทำมันได้แล้วจริงๆหรอ นั่นตาคนเชียวนะ แต่พอได้ลองทำจริงๆ ทุกอย่างผ่านไปด้วยดีค่ะ เห็นผลงานตัวเองแล้วก็อดชื่นใจไม่ได้ ว่าเห้ย เราทำได้ เราทำได้แล้วจริงๆ ยิ่งเห็นน้องๆที่มาเป็นแบบชอบอกชอบใจในผลงานเรายิ่งรู้สึกดีใจค่ะ จริงๆต้องขอบคุณน้องแบบด้วยซ้ำค่ะที่เชื่อใจให้ยุ้ยได้ทำ แต่ถ้าถามว่ามันสวยมากพอรึยังก็ต้องยอมรับตรงๆแหละค่ะว่ามันยังไม่ได้น่าพอใจขนาดนั้น แต่เข้าใจได้นะคะว่าของแบบนี้ ที่เหลือก็คงจะต้องอยู่ที่การฝึกฝนล้วนๆ แต่ยุ้ยการันตีได้เลยนะคะสำหรับคนที่ยังลังเลว่า 2 วันมันจะพอหรอ ยุ้ยบอกเลยค่ะว่าพอ เราสามารถต่อขนตาคนได้จริงๆแม้จะไม่เคยมีประสบการณ์ใดๆมาก่อนเลยค่ะ
และอย่างที่บอกไปในตอนแรกว่ายุ้ยลงสมัครแข่งขันต่อขนตากับทางสถาบันด้วย และยุ้ยมีเวลาหลังจากการเรียนแค่ประมาณหนึ่งสัปดาห์เท่านั้น ยุ้ยมุ่งมั่น ตั้งใจฝึกถึงขนาดที่ก่อนวันแข่งจริงๆเกือบไม่ได้นอนเลยค่ะ พอถึงวันแข่งจริงๆ ตื่นเต้นมาก หนึ่งในกรรมการผู้ตัดสินคือเทรนเนอร์ชาวไต้หวันที่เป็นเจ้าของเทคนิคในอีกหลักสูตรของสถาบันค่ะ ท่านเป็นกรรมการในการแข่งขันระดับสากลด้วย ในใจก็ได้แต่คิดนะคะว่าต่อให้ไม่ได้รางวัล ก็น่าจะได้ไกด์ดีๆจากท่าน ซึ่งคิดว่าน่าจะคุ้มแล้วแหละค่ะ ส่วนเวลาการแข่งขันนี่บอกเลยว่าไม่นานค่ะ มีเวลาแค่ 50 นาทีเท่านั้นในการต่อขนตา 150 เส้น โหดใช่มั้ยล่ะคะ แต่บอกเลยค่ะว่าไม่หวั่น มีสติและตั้งใจทำให้ดีที่สุดก็พอ พอถึงวินาทีประกาศผล ในใจคิดว่าไม่น่าจะได้แล้วแหละ เพราะที่สามก็ไม่ใช่เราแล้ว อันดับสูงกว่านั้นนี่เลิกหวัง แต่สุดท้ายไม่มีอะไรเกินความสามารถและความพยายามของเราค่ะ ยุ้ยได้ที่ 1 มาครองทั้งๆที่เพิ่งเรียนและมีเวลาเตรียมตัวน้อยมากๆถ้าเทียบกับคนอื่น ยุ้ยดีใจและภูมิใจในตัวเองสุดๆ นอกเหนือจากนั้นที่ตื่นเต้นที่สุดก็คือในหัวกำลังคิดว่ายุ้ยจะได้ไปไต้หวัน ฉันจะได้ไปต่างประเทศ !!!! เพราะนี่จะเป็นการเดินทางไปต่างประเทศครั้งแรกของยุ้ยค่ะ เห็นรึยังคะว่าจุดเปลี่ยนสำคัญมันกำลังเริ่มต้นขึ้นแล้ว
ระยะเวลา 1 เดือนนับตั้งแต่วันที่ยุ้ยรู้ตัวว่าจะต้องไปไต้หวัน บอกตรงๆว่ามันคือการรอคอยอย่างตื่นเต้นค่ะ แต่แน่นอนว่าจุดประสงค์หลักของเราคือการไปแข่งขันต่อขนตา และเราก็ถือว่าเป็นตัวแทนประเทศไทยไปลงแข่งขันเลยก็ว่าได้ เพราะยุ้ยได้ยินมาว่าเราเป็นคนไทยคนแรกๆที่ไปแข่งค่ะ และในเมื่อมีเวลาเตรียมตัวน้อยมากแค่เพียง 1 เดือน แต่ละวันของยุ้ยจึงหมดไปกับการฝึกฝนค่ะ ฝึกแล้วฝึกเล่า ยุ้ยต้องเข้าไปเทรนเพิ่มเติมที่สถาบันทุกอาทิตย์ อาทิตย์ละ 2 วันด้วยนะคะ โดยมีคุณครูคนไทยคอยเทรนให้ เพราะสุดท้ายแล้ว ยุ้ยต้องส่งงานให้เทรนเนอร์ชาวไต้หวันตรวจตลอด อย่างน้อยๆอาทิตย์ละ 4 คู่โดยประมาณ ซึ่งช่วงที่ยุ้ยตั้งใจฝึกนี่ยุ้ยถึงขั้นไม่รับลูกค้าเลยนะคะ ยอมขาดรายได้เพื่อหวังว่าสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นมันจะให้อะไรเราได้มากกว่านั้น และมันจะตอบแทนเราได้อย่างมากมายในภายหลังแน่นอน มานึกย้อนดูอีกที ยุ้ยฝึกแม้กระทั่งวันสุดท้ายก่อนจะเดินทางเลยค่ะ
พอถึงวันที่เดินทางจะบอกว่าไม่ตื่นเต้นก็คงไม่ได้ แอบบอกว่าทางแลชเพอทิสดูแลยุ้ยอย่างดีเลยนะคะ เดินทางด้วยสายการบินไทย ฟูลเซอร์วิส พักโรงแรมอย่างดีด้วยค่ะ บรรยากาศรอบตัว ทุกสิ่งที่ผ่านมา มันทำให้ยุ้ยอดคิดไม่ได้ค่ะว่าทุกคนตั้งใจและเหนื่อยไปพร้อมกันกับเราขนาดนี้แล้ว พอไปถึงจุดจุดนั้นบอกเลยว่าพร้อมมากค่ะ ขนาดวันที่เดินทางถึงไต้หวันวันแรก ก่อนจะนอนก็เลยฝึกต่ออีกสักหน่อยเรียกความมั่นใจก่อนจะลงสนามแข่งจริงในวัดถัดไป
พอถึงวันแข่ง วินาทีที่เดินเข้าไปในสถานที่จัดการแข่งขันทำเอายุ้ยขนลุกเลยค่ะ ไม่คิดว่าจะมีคนเยอะขนาดนี้ ละไม่คิดว่าเขาจะจริงจังกันขนาดนี้จริงๆ ทุกคนดูมืออาชีพ ดูโปรกันมากๆ วันแข่งนี้เทรนเนอร์ชาวไต้หวันยังสละเวลามาช่วยเทรนยุ้ยจนนาทีสุดท้ายอีกด้วยนะคะ ทางสถาบันและเทรนเนอร์ใส่ใจและลงแรงกับการแข่งขันครั้งนี้มากจริงๆค่ะ ยุ้ยจึงรู้สึกว่าที่เราตั้งใจมามันต้องไม่สูญเปล่า แล้วเทรนเนอร์ก็น่ารักมาก เข้าไปส่งยุ้ยจนวินาทีสุดท้ายที่จะเดินเข้าห้องแข่งขัน และหลังจากนั้นก็เหมือนภาพตัดค่ะ ทุกอย่างผ่านไปไวมาก มีเวลาในการแข่งขันแค่ 40 นาทีเท่านั้น แต่หลังจากออกมาก็รู้สึกโล่งนะคะ และคิดว่าเราทำดีที่สุดแล้ว ลึกๆก็แอบหวังรางวัล แต่การได้มายืนตรงนี้ก็เป็นอะไรที่เหนือความคาดหมายมากๆแล้วสำหรับยุ้ย
ยุ้ยมีเวลาหลังจากแข่งขันเสร็จประมาณ 3 ชั่วโมงเพื่อจะรอฟังผลการแข่งขัน เชื่อมั้ยคะว่าเป็น 3 ชั่วโมงที่รู้สึกว่านานกว่าตอนฝึกเมื่อ 1 เดือนก่อนอีกค่ะ บรรยากาศการประกาศผลแน่นอนว่าฟังไม่รู้เรื่อง 555555 เค้าพูดแต่ภาษาจีนล้วนๆ โชคดีที่เรายังพอมีล่ามไว้คอยแปลให้ฟังบ้าง ผ่านไปรางวัลแล้ว รางวัลเล่าก็ได้แต่คิดว่าเมื่อไหร่จะถึงประเภทการแข่งขันของเราน้า ยิ่งฟังไม่ออกยิ่งกดดันค่ะ เพราะไม่รู้เลยว่าเค้ากำลังพูดถึงอะไรอยู่ จริงๆก็แอบถอดใจแล้วนะคะ แต่เชื่อมั้ยคะว่าไม่กี่วินาทีถัดมาที่ได้ยินคำว่า Lashpertist Wannipha คือมันเหมือนเราได้นางงามนึกออกมั้ยคะ ยุ้ยเข้าใจความรู้สึกของคนที่ช็อคจริงๆแล้วค่ะว่าเป็นยังไง วินาทีนั้นมันเหมือนโลกหยุดหมุนจริงๆ ล่ามมาบอกยุ้ยว่า ยุ้ยได้ที่ 3 ค่ะ ... ใช่ค่ะ จากผู้แข่งขันหลายประเทศ หลายสิบหลายร้อยคน ยุ้ยได้ที่ 3 มาครอบครองค่ะ ยุ้ยทำได้แล้วค่ะทุกคน มันบอกไม่ถูกว่าดีใจมากแค่ไหน รู้แค่น้ำตาจะไหลอยู่แล้ว ส่วนเรื่องความภูมิใจ ไม่ต้องพูดถึง มันคือที่สุดในชีวิต มานึกย้อนมองว่าเราใช้เวลาเท่าไหร่กันที่เริ่มจากศูนย์ มาถึงวันนี้ และถ้าจะให้ตอบจริงๆ ยุ้ยคิดว่าไม่น่าจะถึงสองเดือนด้วยซ้ำ แต่ยุ้ยสามารถพาตัวเองมาได้ไกลขนาดนี้ ยุ้ยเลยอยากจะบอกกับทุกคนนะคะ ว่ามันไม่มีอะไรที่เราทำไม่ได้ ถ้าเราตั้งใจและพยายามกับมันอย่างถึงที่สุด มันไม่มีความพยายามไหนที่มันจะสูญเปล่า มันไม่มีคำว่าทำไม่ได้สำหรับคนที่ลงมือทำ ขอแค่ตั้งใจและรู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่เท่านั้นเอง ยุ้ยขอเป็นกำลังใจให้กับทุกๆคนที่กำลังตั้งคำถามกับตัวเองนะคะ และขอให้ทุกคนพบคำตอบของตัวเองในเร็ววันค่ะ
ส่วนใครที่ชอบหรือสนใจอยากได้ข้อมูลเพิ่มเติมลองเข้าไปดูได้ใน Facebook Page : Lashpertist ได้เลยค่ะ
[CR] รีวิวประสบการณ์ "เรียนต่อขนตา" ที่ Lashpertist เริ่มต้นจากความชอบ สู่อาชีพ พัฒนาตัวเองจนมีรางวัลการันตี
จุดเริ่มต้นมันมาจากการที่อาชีพเก่าของยุ้ยต้องใช้ใบหน้าสดๆในการทำงานเท่านั้น เวลามองหน้าเพื่อนร่วมงานก็จะชอบคิดว่า เออ ถ้าผู้หญิงเรามีคิ้ว สวยเป๊ะได้โดยไม่ต้องมานั่งเขียนก็คงดี ไม่แต่งหน้าก็ยังรู้สึกว่า เออฉันรอด พอคิดได้แบบนั้น ยุ้ยเลยเริ่มที่จะมองหาทางเลือกใหม่ๆให้กับตัวเองโดยการไปเรียนสักคิ้ว และเริ่มต้นธุรกิจด้านความสวยความงามตั้งแต่นั้นมา และแน่นอนว่าโลกเราทุกวันนี้มันมีอะไรใหม่ๆเข้ามาเสมอ บวกกับการที่เราเองก็ไม่อยากหยุดพัฒนาตัวเอง ยุ้ยจึงเริ่มมองหาอะไรใหม่ๆ ที่จะสามารถมาต่อยอดธุรกิจที่ตัวเองมีอยู่ และแน่นอนค่ะ เมื่อคิ้วเป๊ะ ตาก็ต้องสวย ประจวบเหมาะกับ 2-3ปีมานี้ ยุ้ยรู้สึกว่าการต่อขนตากำลังมาแรง และยังถือว่าเป็นเรื่องใหม่มากๆอยู่ถ้าเทียบกับการสักคิ้ว ยุ้ยถือคติว่าถ้าเราเริ่มก่อน เราก็จะก้าวเร็วกว่าคนอื่นค่ะ ยุ้ยจึงเริ่มมองหาที่เรียนต่อขนตาและดึงตัวเองกลับมาเป็นนักเรียนอีกครั้ง
ยุ้ยใช้เวลาพอสมควรในการหาข้อมูลจนมาเจอกับ LASHPERTIST สถาบันสอนต่อขนตาที่น่าเชื่อถือ ยุ้ยรู้สึกว่าเค้าใช้สื่อออนไลน์ได้อย่างเป็นประโยชน์ ทั้งรูปภาพ ทั้งวิดิโอ บรรยากาศระหว่างการเรียนการสอน ผลงานนักเรียนไปจนถึงการสัมภาษณ์ผู้เรียน มันทำให้เราเห็นภาพชัดขึ้นมากๆว่าถ้าเราได้มาเรียนที่นี่มันจะเป็นยังไง และแน่นอนค่ะว่ามันทำให้ยุ้ยตัดสินใจแทบจะในทันทีกับการสมัครลงคอร์สเรียนต่อขนตากับทาง LASHPERTIST ค่ะ
ความท้าทายไม่ได้จบแค่นั้นค่ะ ช่วงที่ยุ้ยสมัครเรียน ทางสถาบันกำลังจะมีการจัดแข่งขันการต่อขนตาเพื่อชิงรางวัลและส่งผู้ชนะไปร่วมแข่งขันต่อขนตา ณ ประเทศไต้หวัน พอดี ซึ่งยุ้ยพอได้ยินมาบ้างค่ะว่าที่ไต้หวันเค้าต่อขนตากันจริงจัง มีสมาคม มีการจัดแข่งกันกันระดับประเทศ และเป็นสากล แน่นอนอีกเหมือนกันค่ะ ยุ้ยไม่ลังเลที่จะเพิ่มประสบการณ์ให้ตัวเอง ยุ้ยตัดสินใจลงสมัครแข่งขันต่อขนตาไปด้วยเลยตั้งแต่ยังไม่ทันได้เริ่มเรียน โดยไม่คิดเหมือนกันนะคะว่าความกล้าในวันนั้นจะเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญในชีวิตของยุ้ย
ส่วนใครที่ชอบหรือสนใจอยากได้ข้อมูลเพิ่มเติมลองเข้าไปดูได้ใน Facebook Page : Lashpertist ได้เลยค่ะ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้