ขึ้นชื่อว่าสงครามคงไม่หนีไม่พ้นความสูญเสียที่เกิดจากความขัดแย้งต่างๆ บางครั้งความขัดแย้งก็เกิดจากความไม่ลงรอยกันทางความคิด ความแตกต่างทางศาสนา การขัดผลประโยชน์ระหว่างประเทศหรือภายในประเทศ บางสงครามนั้นสู้กันไม่ถึงเดือนก็จบ บางสงครามก็ยือเยื้อกันเป็นปี บางครั้งก็เป็นสิบปี ยี่สิบปี หรือสามสิบปีอย่างสงครามเหล่านี้ที่เคยเกิดขึ้นเมื่อนานมาแล้ว
สงคราม 45 นาที
สงครามแองโกล – แซนซิบาร์ (Anglo – ZanZibar war)
เป็นสงครามที่เกิดขึ้นมาจากความขัดแย้งระหว่างสหราชอาณาจักรและรัฐสุลต่านแซนซิบาร์ สงครามดังกล่าวถือได้ว่าเป็นสงครามที่มีระยะเวลาสั้นที่สุดในโลก
สาเหตุของความขัดแย้งเกิดมาจากการสวรรคตอย่างกะทันหันของสุลต่านฮาเหม็ด บิน ทูวานี เจ้าผู้ครองนครแซนซิบาร์ ในวันที่ 25 สิงหาคม 1896 ทำให้หลานชายของพระองค์ สุลต่านคาลิด บิน บาร์กาซ เข้ามายึดอำนาจโดยที่ไม่ได้รับการรับรองจากสหราชอาณาจักร ดังนั้นจึงขัดต่อสนธิสัญญาที่ทำไว้ร่วมกัน สหราชอาณาจักรจึงประกาศเตือนเป็นครึ่งสุดท้ายเพื่อให้ สุลต่านคาลิด บิน บาร์กาซ ออกจากวัง แต่กลับถูกปฏิเสธ อังกฤษจึงจำเป็นต้องส่งเรือรบ 5 ลำ และทหารจำนวน 150 รายเพื่อเข้าปิดล้อมพื้นที่อ่าว
ความขัดแย้งดังกล่าวได้เริ่มต้นลุกลามจนเป็นสงครามในวันที่ 27 สิงหาคม 1896 และหลังจากนั้น 45 นาที สงครามก็ได้สิ้นสุดลง เมื่อสุลต่านฮาเหมด บิน ทูวานี ได้ขอลี้ภัยเข้าไปในสถานกงสุลเยอรมนี และขอลี้ภัยต่อไปยังแอฟริกาตะวันออก
เหตุการณ์นี้ทำให้ชาวแซนซิบาร์เสียชีวิตมากถึง 500 คน สาเหตุส่วนใหญ่มาจากถูกไฟคลอกเนื่องจากไฟที่ลุกไหม้ภายในปราสาท ขณะที่ลูกเรืออังกฤษได้รับบาดเจ็บไปเพียง 1 นายเท่านั้น สงครามดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงแสนยานุภาพของกองทัพเรืออังกฤษ และทำให้ไม่มีการก่อกบฏขึ้นภายในดินแดนอาณานิคมอังกฤษเป็นระยะเวลานานถึง 67 ปี
Cr.
https://pheungnews.com/
Six-Day War “สงครามหกวัน”
ใช้เรียกในสงครามของอิสราเอลกับชาติอาหรับ (จอร์แดน, อิยิปต์, ซีเรีย) เมื่อวันที่ 5-10 มิ.ย. ปี 1967
จุดเริ่มต้นมีมาตั้งแต่สหราชอาณาจักรที่เคยมีอำนาจในดินแดนแห่งนี้ อนุญาตให้ก่อตั้งรัฐอิสราเอลขึ้น โดยแบ่งดินแดนบางส่วนของปาเลสไตน์ อียิปต์และซีเรียให้แก่ชาวยิวในการก่อตั้งประเทศอิสราเอลในปี 1948 ตามมติของสหประชาชาติ ทำให้ไม่เป็นที่พอใจต่อชาติอาหรับที่เสียดินแดนไปเป็นอย่างมาก
จนกระทั่งในปี 1967 อียิปต์และซีเรียร่วมมือกันอาสาจะยึดอิสราเอลกลับมาคืนมาด้วยการเปิดฉากโจมตีแดนดินอิสราเอลบริเวณที่ราบสูงโกรัน (เคยเป็นของซีเรียมาก่อน) ต่อมา อียิปต์ปิดเส้นทางการเดินเรือของอิสราเอลอย่างเบ็ดเสร็จ จนเกิดความตึงเครียดระหว่างชาติอาหรับคือ อียิปต์ ซีเรีย จอร์แดน และอิรักได้ส่งทหารและกองกำลังมาล้อมอิสราเอลไว้ทุกด้าน
5 มิถุนายน 1967 กองทัพอิสราเอลตัดสินใจเปิดฉากในการรบกับอียิปต์ก่อนด้วยการส่งเครื่องบินไปทำลายฐานทัพอากาศของอียิปต์, ซีเรีย, อิรักและจอร์แดนเป็นอันดับแรก โดยที่ไม่มีชาติใดคาดคิดมาก่อน ซึ่งสามารถตัดกำลังทางอากาศของชาติอาหรับเหล่านี้ไปได้เกือบทั้งหมด ก่อนอิสราเอลจะเริ่มส่งกำลังยึดพื้นที่และโจมตีทางอากาศบุกสวนเข้าชาติอาหรับอย่างไม่กลัวเกรง
จนกระทั่งในวันที่ 10 มิถุนายน 1967 อิสราเอลจึงประกาศหยุดยิงทั้งหมด อิสราเอลสามารถครองดินแดนชาติอาหรับต่างๆ มาเป็นของตัวเองได้มากกว่าเดิมหลายเท่าตัวและขยายที่พำนักแก่ชาวยิวไปทั่วดินแดนอาหรับที่ยึดมาได้ มาจนปัจจุบัน
หนึ่งในกลยุทธ์ที่ทำให้อิสราเอลชนะสงครามหกวันได้นั้น นักวิเคราะห์เชื่อว่ามาจากหน่วยสืบราชการลับของอิสราเอล หรือ “มอสซาด” ที่ได้แทรกซึมเข้าไปยังชาติศัตรูเพื่อล้วงความลับ และอีกปัจจัยหนึ่งคือมันสมองของ “โมเช ดายัน” ผู้บัญชาการของอิสราเอลในช่วงเวลานั้นที่วางแผนการรบอย่างเด็ดขาด นับเป็นความพ่ายแพ้ที่สูญเสียที่สุดของชาติอาหรับให้แก่อิสราเอลชาติเล็กๆ เพียงประเทศเดียว
Cr.
https://www.spokedark.tv/posts/six-day-war/
Seven Years' War "สงครามเจ็ดปี "
เกิดขึ้นระหว่างปี ค.ศ. 1756 จนถึงปี ค.ศ. 1763 โดยเกี่ยวข้องกับทุกประเทศมหาอำนาจในยุโรป เป็นสงครามระหว่างปรัสเซียและบริเตนใหญ่และกลุ่มนครรัฐเล็กในเยอรมนีที่ต่อต้านฝ่ายพันธมิตรที่ประกอบด้วยออสเตรีย, ฝรั่งเศส, รัสเซีย, สวีเดน และแซกโซนี โดยรัสเซียเปลี่ยนข้างอยู่ระยะหนึ่งในช่วงปลายของสงคราม
ต่อมาโปรตุเกส (ฝ่ายบริเตนใหญ่) และสเปน (ฝ่ายฝรั่งเศส) ถูกดึงเข้าร่วมในสงคราม และเนเธอร์แลนด์ที่เป็นกลางก็เข้าร่วมเมื่อถูกโจมตีในอินเดีย เพราะความกว้างขวางของสงครามที่กระจายไปทั่วโลกทำให้สงครามเจ็ดปีได้รับการบรรยายว่าเป็น “สงครามโลกครั้งแรก” ที่มีผลให้ผู้คนเสียชีวิตไปประมาณ 900,000 ถึง 1,400,000 คน ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงความสมดุลทางอำนาจต่อผู้เข้าร่วมหลายประเทศ
สงครามยุติความเป็นมหาอำนาจการครองครองอาณานิคมของฝรั่งเศสในทวีปอเมริกา ที่เสียดินแดนเกือบทั้งหมดในทวีปอเมริกาเหนือและหมู่เกาะเวสต์อินดีสบางส่วน ปรัสเซียยังคงเป็นมหาอำนาจและยังคงครอบครองบริเวณไซลีเซียที่เดิมเป็นของออสเตรีย บริเตนใหญ่กลายเป็นมหาอำนาจในการเป็นเจ้าของอาณานิคมในทวีปอเมริกาเหนือ และเป็นผู้มีอำนาจมากกว่าผู้ใดในการครอบครองอาณานิคม
ในสหรัฐอเมริกาสงครามส่วนที่เกิดขึ้นจะเป็นที่รู้จักกันว่า “สงครามฝรั่งเศส-อเมริกันอินเดียน” แต่นักวิชาการและนักประวัติศาสตร์หลายท่านในสหรัฐอเมริกาเช่นเฟรด แอนเดอร์สันเรียกสงครามนี้ตามที่เรียกกันในประเทศอื่นว่า “สงครามเจ็ดปี” ไม่ว่าสงครามจะเกิดขึ้นที่ใด ในควิเบคความขัดแย้งนี้บางครั้งก็เรียกว่า “La Guerre de la Conquête” ที่แปลว่า “สงครามแห่งการพิชิต” ในอินเดียก็เรียกว่า “สงครามคาร์เนติค” (Carnatic Wars) ขณะที่การต่อสู้ระหว่างปรัสเซียและออสเตรียเรียกว่า “สงครามไซลีเซียครั้งที่ 3”
Cr.
http://humanhistoryintheearth.weebly.com
Thirty Years' War "สงครามสามสิบปี "
เป็นสงครามระหว่างฝ่ายที่นิยมจักรพรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ซึ่งนับถือ ศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกกับฝ่ายที่นับถือศาสนาคริสต์นิกายโปรเตสแตนท์ ซึ่งสงครามครั้งนี้แบ่งเป็น 4 ช่วงและแต่ละช่วงมีความหมายของสงครามต่างกันออกไป กล่าวคือ ในช่วงแรกของสงคราม เป็นเรื่องความขัดแย้งทางศาสนาระหว่างรัฐต่างๆในเยอรมันอย่างชัดเจน แต่ทว่าช่วงที่ 2 3 และ 4 ของสงครามกลายเป็นเรื่องระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่ 4 ฝรั่งเศสที่เป็นนับถือนิกายโรมันคาทอลิกเข้าร่วมสงครามในฐานะผู้สนับสนุนฝ่ายโปรเตสแตนท์ จึงจะเห็นได้ว่าสงครามสามสิบปีไม่ได้มีแค่เรื่องความขัดแย้งทางศาสนาแต่ยังโยงใยไปถึงเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศด้วย
สงครามครั้งนี้ มีประชาชนเสียชีวิตไปมากกว่า 8 ล้านคน มีการยอมรับสิทธิในการนับถือศาสนาของประชาชนในยุโรปโดยเฉพาะอย่างยิ่งในจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์และยังเป็นสงครามศาสนาครั้งสุดท้ายในยุโรป ,
สวีเดนได้กลายเป็นมหาอำนาจทางภาคเหนือแทนที่เดนมาร์ก,
ระบบศักดินาสวามิภักดิ์สิ้นสุดลงอย่างเป็นทางการ กษัตริย์ขึ้นมาปกครองในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ อย่างแท้จริง,
และยังเป็นสัญญาณของการล่มสลายของจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ด้วย
เนื่องจากต่อจากนี้ไปจักรพรรดิจะไม่สามารถหาสิทธิใดเข้าไปควบคุมเจ้านายรัฐต่างๆในเยอรมันได้ ทำให้ขั้วอำนาจทางภาคกลางของยุโรปเปลี่ยนไป นอกจากนี้สเปนที่เข้าร่วมสงครามยังต้องสูญเสียเงินทองมหาศาลในการรบกับฝรั่งเศสและการปราบกบฏ รวมทั้งยังต้องให้เอกราชแก่เนเธอร์แลนด์ ส่งผลให้ฝรั่งเศสก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในยุโรปแทนที่ จักรวรรดิโรมันอันศักดิ์และสเปนทันที
Cr.
http://worldcivil14.blogspot.com/
Eighty Years’ War " สงครามแปดสิบปี "
สงครามแปดสิบปี (ค.ศ.1568-1648) เป็นสงครามระหว่างจักรวรรดิสเปนกับสาธารณรัฐดัตช์และอังกฤษเนื่องจากสาธารณรัฐดัตช์ไม่พอใจในนโยบายการปกครองของพระเจ้าฟิลิปที่ 2 แห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์และสเปนที่เรียกเก็บภาษีในอัตราที่สูงและกวาดล้างชาวคริสต์นิกายโปรแตสแตนท์เป็นจำนวนมากจึงมีการเรียกร้องเอกราช ไม่ขึ้นตรงต่อจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์อีกต่อไป
สงครามเริ่มต้นอย่างเป็นทางการในวันที่ 23 พฤษภาคม ค.ศ. 1568 ในฮอลแลนด์ และ เซแลนด์ สุดท้ายสเปนเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ เกิดสนธิสัญญามุนส์เตอร์และสนธิสัญญาสันติภาพเวสต์ฟาเลียซึ่งรับรองเอกราชของดัตช์ ประกอบด้วย 7 มณฑลเนเธอร์แลนด์ของฮับส์บูร์ก ดังนี้ ฮอลแลนด์ โกรนิงเงิน ยูเทรกต์ เกลเดอร์แลนด์ โอเวอร์ไรส์เซิล ฟรีสแลนด์ และซีแลนด์ สเปนมีความเสียหายทั้งด้านกองทัพและทรัพย์สินอย่างหนัก
สงครามในครั้งนี้ถือเป็นสงครามที่เริ่มต้นจากความขัดแย้งทางศาสนาเดียวกันแต่ต่างนิกายทำให้เกิดความขัดแย้งและไม่มีฝ่ายใดยอมฝ่ายใด ทำให้เกิดสงครามที่ยาวนานและสร้างความเสียหายกับทั้งสองฝ่ายอย่างใหญ่หลวงและสร้างบาดแผลที่ยากจะลืมเลือน
Cr.
http://worldcivil14.blogspot.com/
Hundred Years' War " สงครามร้อยปี "
เป็นสงครามที่เกิดขึ้นในยุคกลางของฝั่งยุโรป เป็นความขัดแย้งระหว่างสองราชตระกูลที่เกิดขึ้นระหว่างปี ค.ศ. 1337 ถึงปี ค.ศ. 1453คือราชวงศ์วาลวส์ และราชวงศ์อองชู ( ราชวงศ์แพลนทาเจเน็ท )
เพื่อต้องการชิงราชบัลลังก์ฝรั่งเศสที่ว่างลงเพราะผู้สืบเชื้อสายของราชวงศ์กาเปเตียงคือพระเจ้าฟิลลิปที่ 4 ไม่มีทายาท มีแต่หลานที่ไปสมรสกับพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 2 แห่งอังกฤษ ต่อมามีโอรสคือพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 3 ซึ่งได้ปกครองอังกฤษต่อ ราชวงศ์แพลนทาเจเน็ทโดยพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 3 อ้างสิทธิในราชบัลลังก์ฝรั่งเศสและอังกฤษ แต่ขุนนางฝรั่งเศสไม่ยอมรับจึงสนับสนุนพระเจ้าฟิลลิปที่ 6 ซึ่งเป็นหลานของพระเจ้าฟิลลิปที่ 4 ที่มาจากราชวงศ์วาลัวส์ขึ้นอ้างสิทธิในราชบัลลังก์ฝรั่งเศส
สงครามระหว่าง 2 ราชวงศ์นี้ ครั้งแรกอังกฤษเป็นฝ่ายชนะในสมรภูมิ เมืองเครซี พอยเทียร์ และ อะจินคอร์ท โดยนักธนูชาวอังกฤษได้ใช้ธนูอันมีประสิทธิภาพสูง ธนูนี้สามารถแทงเจาะเกราะที่ห่างออกไปกว่า 200 หลา ( 183 เมตร ) แต่สุดท้ายชัยชนะกลับตกเป็นของฝรั่งเศส ซึ่งชนะได้โดยการปลุกใจจาก โจน ออฟ อาร์ค ( Joan of Arc) สงครามครั้งนี้กินเวลายาวนานถึง 116 ปี
จากการสู้รบในครั้งนี้ อังกฤษต้องสูญเสียดินแดนในการปกครองไปเป็นจำนวนมาก และกษัตริย์ของอังกฤษได้ถูกจำกัดอำนาจโดยรัฐสภาซึ่งต่อมาได้เป็นรากฐานแนวทางการพัฒนาระบอบสภาของอังกฤษ ส่วนทางด้านฝรั่งเศสนั้นหลังจากชนะสงคราม ยิ่งส่งผลให้กษัตริย์ยิ่งมีอำนาจสูงขึ้นเรื่อยๆ จนเกินกว่าที่ประชาชนจะทนไหว จึงเป็นจุดเริ่มต้นให้เกิดการต่อต้านและปฏิวัติฝรั่งเศสในเวลาต่อมา
Cr.
http://worldcivil14.blogspot.com/
สงคราม 335 ปี
สงครามนี้เป็นหนึ่งในสงครามที่ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์โลกและเป็นสงครามที่ไม่มีการเสียเลือดเนื้อเลยแม้แต่หยดเดียว
”สงคราม 335 ปี” เริ่มขึ้นในวันที่ 30 มีนาคม 1651 และสิ้นสุดลงในปี 1986 ระหว่างประเทศเนเธอร์แลนด์ และ Isles of Scilly ซึ่งเป็นเกาะเล็กๆ ทางตะวันตกเฉียงใต้ของอังกฤษ ซึ่งกองทัพเรือเนเธอร์แลนด์รบชนะ แต่ก็กลับไปโดยลืมที่จะประกาศยุติสงคราม ต่อมาในปี 1985 Roy Duncan ซึ่งเป็นนักประวัติศาตร์ และ ประธานสภาของ Isles of Scilly เขียนจดหมายถึงสถานฑูตเนเธอร์แลนด์ในลอนดอนเพื่อที่จะประกาศยุติสงครามอย่างเป็นทางการทำให้เอกอัครราชฑูตเนเธอร์แลนด์ Rein Huydecoper เซ็นสัญญาสันติภาพในวันที่ 17 เมษายน ปี1986
Cr.
https://board.postjung.com/
ประวัติศาสตร์สงครามเวลาในอดีต
สงคราม 45 นาที
สงครามแองโกล – แซนซิบาร์ (Anglo – ZanZibar war)
เป็นสงครามที่เกิดขึ้นมาจากความขัดแย้งระหว่างสหราชอาณาจักรและรัฐสุลต่านแซนซิบาร์ สงครามดังกล่าวถือได้ว่าเป็นสงครามที่มีระยะเวลาสั้นที่สุดในโลก
สาเหตุของความขัดแย้งเกิดมาจากการสวรรคตอย่างกะทันหันของสุลต่านฮาเหม็ด บิน ทูวานี เจ้าผู้ครองนครแซนซิบาร์ ในวันที่ 25 สิงหาคม 1896 ทำให้หลานชายของพระองค์ สุลต่านคาลิด บิน บาร์กาซ เข้ามายึดอำนาจโดยที่ไม่ได้รับการรับรองจากสหราชอาณาจักร ดังนั้นจึงขัดต่อสนธิสัญญาที่ทำไว้ร่วมกัน สหราชอาณาจักรจึงประกาศเตือนเป็นครึ่งสุดท้ายเพื่อให้ สุลต่านคาลิด บิน บาร์กาซ ออกจากวัง แต่กลับถูกปฏิเสธ อังกฤษจึงจำเป็นต้องส่งเรือรบ 5 ลำ และทหารจำนวน 150 รายเพื่อเข้าปิดล้อมพื้นที่อ่าว
ความขัดแย้งดังกล่าวได้เริ่มต้นลุกลามจนเป็นสงครามในวันที่ 27 สิงหาคม 1896 และหลังจากนั้น 45 นาที สงครามก็ได้สิ้นสุดลง เมื่อสุลต่านฮาเหมด บิน ทูวานี ได้ขอลี้ภัยเข้าไปในสถานกงสุลเยอรมนี และขอลี้ภัยต่อไปยังแอฟริกาตะวันออก
เหตุการณ์นี้ทำให้ชาวแซนซิบาร์เสียชีวิตมากถึง 500 คน สาเหตุส่วนใหญ่มาจากถูกไฟคลอกเนื่องจากไฟที่ลุกไหม้ภายในปราสาท ขณะที่ลูกเรืออังกฤษได้รับบาดเจ็บไปเพียง 1 นายเท่านั้น สงครามดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงแสนยานุภาพของกองทัพเรืออังกฤษ และทำให้ไม่มีการก่อกบฏขึ้นภายในดินแดนอาณานิคมอังกฤษเป็นระยะเวลานานถึง 67 ปี
Cr.https://pheungnews.com/
Six-Day War “สงครามหกวัน”
ใช้เรียกในสงครามของอิสราเอลกับชาติอาหรับ (จอร์แดน, อิยิปต์, ซีเรีย) เมื่อวันที่ 5-10 มิ.ย. ปี 1967
จุดเริ่มต้นมีมาตั้งแต่สหราชอาณาจักรที่เคยมีอำนาจในดินแดนแห่งนี้ อนุญาตให้ก่อตั้งรัฐอิสราเอลขึ้น โดยแบ่งดินแดนบางส่วนของปาเลสไตน์ อียิปต์และซีเรียให้แก่ชาวยิวในการก่อตั้งประเทศอิสราเอลในปี 1948 ตามมติของสหประชาชาติ ทำให้ไม่เป็นที่พอใจต่อชาติอาหรับที่เสียดินแดนไปเป็นอย่างมาก
จนกระทั่งในปี 1967 อียิปต์และซีเรียร่วมมือกันอาสาจะยึดอิสราเอลกลับมาคืนมาด้วยการเปิดฉากโจมตีแดนดินอิสราเอลบริเวณที่ราบสูงโกรัน (เคยเป็นของซีเรียมาก่อน) ต่อมา อียิปต์ปิดเส้นทางการเดินเรือของอิสราเอลอย่างเบ็ดเสร็จ จนเกิดความตึงเครียดระหว่างชาติอาหรับคือ อียิปต์ ซีเรีย จอร์แดน และอิรักได้ส่งทหารและกองกำลังมาล้อมอิสราเอลไว้ทุกด้าน
5 มิถุนายน 1967 กองทัพอิสราเอลตัดสินใจเปิดฉากในการรบกับอียิปต์ก่อนด้วยการส่งเครื่องบินไปทำลายฐานทัพอากาศของอียิปต์, ซีเรีย, อิรักและจอร์แดนเป็นอันดับแรก โดยที่ไม่มีชาติใดคาดคิดมาก่อน ซึ่งสามารถตัดกำลังทางอากาศของชาติอาหรับเหล่านี้ไปได้เกือบทั้งหมด ก่อนอิสราเอลจะเริ่มส่งกำลังยึดพื้นที่และโจมตีทางอากาศบุกสวนเข้าชาติอาหรับอย่างไม่กลัวเกรง
จนกระทั่งในวันที่ 10 มิถุนายน 1967 อิสราเอลจึงประกาศหยุดยิงทั้งหมด อิสราเอลสามารถครองดินแดนชาติอาหรับต่างๆ มาเป็นของตัวเองได้มากกว่าเดิมหลายเท่าตัวและขยายที่พำนักแก่ชาวยิวไปทั่วดินแดนอาหรับที่ยึดมาได้ มาจนปัจจุบัน
หนึ่งในกลยุทธ์ที่ทำให้อิสราเอลชนะสงครามหกวันได้นั้น นักวิเคราะห์เชื่อว่ามาจากหน่วยสืบราชการลับของอิสราเอล หรือ “มอสซาด” ที่ได้แทรกซึมเข้าไปยังชาติศัตรูเพื่อล้วงความลับ และอีกปัจจัยหนึ่งคือมันสมองของ “โมเช ดายัน” ผู้บัญชาการของอิสราเอลในช่วงเวลานั้นที่วางแผนการรบอย่างเด็ดขาด นับเป็นความพ่ายแพ้ที่สูญเสียที่สุดของชาติอาหรับให้แก่อิสราเอลชาติเล็กๆ เพียงประเทศเดียว
Cr.https://www.spokedark.tv/posts/six-day-war/
Seven Years' War "สงครามเจ็ดปี "
เกิดขึ้นระหว่างปี ค.ศ. 1756 จนถึงปี ค.ศ. 1763 โดยเกี่ยวข้องกับทุกประเทศมหาอำนาจในยุโรป เป็นสงครามระหว่างปรัสเซียและบริเตนใหญ่และกลุ่มนครรัฐเล็กในเยอรมนีที่ต่อต้านฝ่ายพันธมิตรที่ประกอบด้วยออสเตรีย, ฝรั่งเศส, รัสเซีย, สวีเดน และแซกโซนี โดยรัสเซียเปลี่ยนข้างอยู่ระยะหนึ่งในช่วงปลายของสงคราม
ต่อมาโปรตุเกส (ฝ่ายบริเตนใหญ่) และสเปน (ฝ่ายฝรั่งเศส) ถูกดึงเข้าร่วมในสงคราม และเนเธอร์แลนด์ที่เป็นกลางก็เข้าร่วมเมื่อถูกโจมตีในอินเดีย เพราะความกว้างขวางของสงครามที่กระจายไปทั่วโลกทำให้สงครามเจ็ดปีได้รับการบรรยายว่าเป็น “สงครามโลกครั้งแรก” ที่มีผลให้ผู้คนเสียชีวิตไปประมาณ 900,000 ถึง 1,400,000 คน ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงความสมดุลทางอำนาจต่อผู้เข้าร่วมหลายประเทศ
สงครามยุติความเป็นมหาอำนาจการครองครองอาณานิคมของฝรั่งเศสในทวีปอเมริกา ที่เสียดินแดนเกือบทั้งหมดในทวีปอเมริกาเหนือและหมู่เกาะเวสต์อินดีสบางส่วน ปรัสเซียยังคงเป็นมหาอำนาจและยังคงครอบครองบริเวณไซลีเซียที่เดิมเป็นของออสเตรีย บริเตนใหญ่กลายเป็นมหาอำนาจในการเป็นเจ้าของอาณานิคมในทวีปอเมริกาเหนือ และเป็นผู้มีอำนาจมากกว่าผู้ใดในการครอบครองอาณานิคม
ในสหรัฐอเมริกาสงครามส่วนที่เกิดขึ้นจะเป็นที่รู้จักกันว่า “สงครามฝรั่งเศส-อเมริกันอินเดียน” แต่นักวิชาการและนักประวัติศาสตร์หลายท่านในสหรัฐอเมริกาเช่นเฟรด แอนเดอร์สันเรียกสงครามนี้ตามที่เรียกกันในประเทศอื่นว่า “สงครามเจ็ดปี” ไม่ว่าสงครามจะเกิดขึ้นที่ใด ในควิเบคความขัดแย้งนี้บางครั้งก็เรียกว่า “La Guerre de la Conquête” ที่แปลว่า “สงครามแห่งการพิชิต” ในอินเดียก็เรียกว่า “สงครามคาร์เนติค” (Carnatic Wars) ขณะที่การต่อสู้ระหว่างปรัสเซียและออสเตรียเรียกว่า “สงครามไซลีเซียครั้งที่ 3”
Cr.http://humanhistoryintheearth.weebly.com
Thirty Years' War "สงครามสามสิบปี "
เป็นสงครามระหว่างฝ่ายที่นิยมจักรพรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ซึ่งนับถือ ศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกกับฝ่ายที่นับถือศาสนาคริสต์นิกายโปรเตสแตนท์ ซึ่งสงครามครั้งนี้แบ่งเป็น 4 ช่วงและแต่ละช่วงมีความหมายของสงครามต่างกันออกไป กล่าวคือ ในช่วงแรกของสงคราม เป็นเรื่องความขัดแย้งทางศาสนาระหว่างรัฐต่างๆในเยอรมันอย่างชัดเจน แต่ทว่าช่วงที่ 2 3 และ 4 ของสงครามกลายเป็นเรื่องระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่ 4 ฝรั่งเศสที่เป็นนับถือนิกายโรมันคาทอลิกเข้าร่วมสงครามในฐานะผู้สนับสนุนฝ่ายโปรเตสแตนท์ จึงจะเห็นได้ว่าสงครามสามสิบปีไม่ได้มีแค่เรื่องความขัดแย้งทางศาสนาแต่ยังโยงใยไปถึงเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศด้วย
สงครามครั้งนี้ มีประชาชนเสียชีวิตไปมากกว่า 8 ล้านคน มีการยอมรับสิทธิในการนับถือศาสนาของประชาชนในยุโรปโดยเฉพาะอย่างยิ่งในจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์และยังเป็นสงครามศาสนาครั้งสุดท้ายในยุโรป ,
สวีเดนได้กลายเป็นมหาอำนาจทางภาคเหนือแทนที่เดนมาร์ก,
ระบบศักดินาสวามิภักดิ์สิ้นสุดลงอย่างเป็นทางการ กษัตริย์ขึ้นมาปกครองในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ อย่างแท้จริง,
และยังเป็นสัญญาณของการล่มสลายของจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ด้วย
เนื่องจากต่อจากนี้ไปจักรพรรดิจะไม่สามารถหาสิทธิใดเข้าไปควบคุมเจ้านายรัฐต่างๆในเยอรมันได้ ทำให้ขั้วอำนาจทางภาคกลางของยุโรปเปลี่ยนไป นอกจากนี้สเปนที่เข้าร่วมสงครามยังต้องสูญเสียเงินทองมหาศาลในการรบกับฝรั่งเศสและการปราบกบฏ รวมทั้งยังต้องให้เอกราชแก่เนเธอร์แลนด์ ส่งผลให้ฝรั่งเศสก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในยุโรปแทนที่ จักรวรรดิโรมันอันศักดิ์และสเปนทันที
Cr. http://worldcivil14.blogspot.com/
Eighty Years’ War " สงครามแปดสิบปี "
สงครามแปดสิบปี (ค.ศ.1568-1648) เป็นสงครามระหว่างจักรวรรดิสเปนกับสาธารณรัฐดัตช์และอังกฤษเนื่องจากสาธารณรัฐดัตช์ไม่พอใจในนโยบายการปกครองของพระเจ้าฟิลิปที่ 2 แห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์และสเปนที่เรียกเก็บภาษีในอัตราที่สูงและกวาดล้างชาวคริสต์นิกายโปรแตสแตนท์เป็นจำนวนมากจึงมีการเรียกร้องเอกราช ไม่ขึ้นตรงต่อจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์อีกต่อไป
สงครามเริ่มต้นอย่างเป็นทางการในวันที่ 23 พฤษภาคม ค.ศ. 1568 ในฮอลแลนด์ และ เซแลนด์ สุดท้ายสเปนเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ เกิดสนธิสัญญามุนส์เตอร์และสนธิสัญญาสันติภาพเวสต์ฟาเลียซึ่งรับรองเอกราชของดัตช์ ประกอบด้วย 7 มณฑลเนเธอร์แลนด์ของฮับส์บูร์ก ดังนี้ ฮอลแลนด์ โกรนิงเงิน ยูเทรกต์ เกลเดอร์แลนด์ โอเวอร์ไรส์เซิล ฟรีสแลนด์ และซีแลนด์ สเปนมีความเสียหายทั้งด้านกองทัพและทรัพย์สินอย่างหนัก
สงครามในครั้งนี้ถือเป็นสงครามที่เริ่มต้นจากความขัดแย้งทางศาสนาเดียวกันแต่ต่างนิกายทำให้เกิดความขัดแย้งและไม่มีฝ่ายใดยอมฝ่ายใด ทำให้เกิดสงครามที่ยาวนานและสร้างความเสียหายกับทั้งสองฝ่ายอย่างใหญ่หลวงและสร้างบาดแผลที่ยากจะลืมเลือน
Cr.http://worldcivil14.blogspot.com/
Hundred Years' War " สงครามร้อยปี "
เป็นสงครามที่เกิดขึ้นในยุคกลางของฝั่งยุโรป เป็นความขัดแย้งระหว่างสองราชตระกูลที่เกิดขึ้นระหว่างปี ค.ศ. 1337 ถึงปี ค.ศ. 1453คือราชวงศ์วาลวส์ และราชวงศ์อองชู ( ราชวงศ์แพลนทาเจเน็ท )
เพื่อต้องการชิงราชบัลลังก์ฝรั่งเศสที่ว่างลงเพราะผู้สืบเชื้อสายของราชวงศ์กาเปเตียงคือพระเจ้าฟิลลิปที่ 4 ไม่มีทายาท มีแต่หลานที่ไปสมรสกับพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 2 แห่งอังกฤษ ต่อมามีโอรสคือพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 3 ซึ่งได้ปกครองอังกฤษต่อ ราชวงศ์แพลนทาเจเน็ทโดยพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 3 อ้างสิทธิในราชบัลลังก์ฝรั่งเศสและอังกฤษ แต่ขุนนางฝรั่งเศสไม่ยอมรับจึงสนับสนุนพระเจ้าฟิลลิปที่ 6 ซึ่งเป็นหลานของพระเจ้าฟิลลิปที่ 4 ที่มาจากราชวงศ์วาลัวส์ขึ้นอ้างสิทธิในราชบัลลังก์ฝรั่งเศส
สงครามระหว่าง 2 ราชวงศ์นี้ ครั้งแรกอังกฤษเป็นฝ่ายชนะในสมรภูมิ เมืองเครซี พอยเทียร์ และ อะจินคอร์ท โดยนักธนูชาวอังกฤษได้ใช้ธนูอันมีประสิทธิภาพสูง ธนูนี้สามารถแทงเจาะเกราะที่ห่างออกไปกว่า 200 หลา ( 183 เมตร ) แต่สุดท้ายชัยชนะกลับตกเป็นของฝรั่งเศส ซึ่งชนะได้โดยการปลุกใจจาก โจน ออฟ อาร์ค ( Joan of Arc) สงครามครั้งนี้กินเวลายาวนานถึง 116 ปี
จากการสู้รบในครั้งนี้ อังกฤษต้องสูญเสียดินแดนในการปกครองไปเป็นจำนวนมาก และกษัตริย์ของอังกฤษได้ถูกจำกัดอำนาจโดยรัฐสภาซึ่งต่อมาได้เป็นรากฐานแนวทางการพัฒนาระบอบสภาของอังกฤษ ส่วนทางด้านฝรั่งเศสนั้นหลังจากชนะสงคราม ยิ่งส่งผลให้กษัตริย์ยิ่งมีอำนาจสูงขึ้นเรื่อยๆ จนเกินกว่าที่ประชาชนจะทนไหว จึงเป็นจุดเริ่มต้นให้เกิดการต่อต้านและปฏิวัติฝรั่งเศสในเวลาต่อมา
Cr.http://worldcivil14.blogspot.com/
สงคราม 335 ปี
สงครามนี้เป็นหนึ่งในสงครามที่ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์โลกและเป็นสงครามที่ไม่มีการเสียเลือดเนื้อเลยแม้แต่หยดเดียว
”สงคราม 335 ปี” เริ่มขึ้นในวันที่ 30 มีนาคม 1651 และสิ้นสุดลงในปี 1986 ระหว่างประเทศเนเธอร์แลนด์ และ Isles of Scilly ซึ่งเป็นเกาะเล็กๆ ทางตะวันตกเฉียงใต้ของอังกฤษ ซึ่งกองทัพเรือเนเธอร์แลนด์รบชนะ แต่ก็กลับไปโดยลืมที่จะประกาศยุติสงคราม ต่อมาในปี 1985 Roy Duncan ซึ่งเป็นนักประวัติศาตร์ และ ประธานสภาของ Isles of Scilly เขียนจดหมายถึงสถานฑูตเนเธอร์แลนด์ในลอนดอนเพื่อที่จะประกาศยุติสงครามอย่างเป็นทางการทำให้เอกอัครราชฑูตเนเธอร์แลนด์ Rein Huydecoper เซ็นสัญญาสันติภาพในวันที่ 17 เมษายน ปี1986
Cr. https://board.postjung.com/