ผมทำงานอยู่บริษัทชื่อดังแห่งหนึ่ง ในแผนกผมจะมีพนักงานอยู่ไม่มาก เราถ้อยทีถ้อยอาศัยกันมาตลอดหลายปี สนิทกันในระดับหนึ่ง .. แต่ล่าสุดนี้ มีพนักงานท่านนึงตั้งท้อง ซึ่งตามปกติพวกเราเข้างานเป็นกะ เราจึงตกลงกันว่าให้นางไม่ต้องเข้ากะ แต่ให้เข้าแบบ office hour เพื่อสุขภาพของนางและลูก โดยหัวหน้าก็ยินยอมตามระเบียบ ... เราอดทนทำงานกันมาจนนางคลอด นางจึงลาคลอดไป ... ซึ่งแน่นอน ในแผนก คนขาดครับ ในบางกะ จึงจำเป็นต้องทำงานคนเดียว ซึ่งเหนื่อยมาก แต่ก็เพื่อเพื่อนร่วมงาน เราก็พร้อมใจกันทำงานมาโดยตลอด
... จนตอนนี้ นางกลับมาทำงาน ทุกคนก็ยินดีต้อนรับ แต่ยังไม่จบแค่นี้ ..
ด้วยความที่ในแผนกผม มีพนักงานไม่มาก หัวหน้าจึงไว้ใจ ให้จัดตารางงานเอง อยากเข้าวันไหน อยากหยุดวันไหน อยากพักร้อนวันไหน สามารถจัดได้เอง ขอเพียงแค่มีจำนวนพนักงานเพียงพอต่อวัน .. นางจึงใช้โอกาสนี้ ระบุวันหยุด และเวลาเข้ากะตามใจนางทั้งเดือน ! โดยให้เหตุผลว่าต้องดูแลลูก เพราะไม่อยากฝากลูกไว้กับแม่หรือสามีของนาง ประมาณว่าอยากเลี้ยงเองมั้งครับ .. ซึ่งการระบุวันหยุดและกะการทำงานไว้ล่วงหน้าจำนวนมากแบบนี้ มันมีผลต่อเพื่อนร่วมงานท่านอื่น เช่น ใน1เดือน นางระบุขอเข้ากะเช้าเกือบทุกวัน จึงทำให้พนักงานท่านอื่นมีกะที่เลิกดึกมากกว่า .. พอนึกออกไหมครับ .. ซึ่งไม่แฟร์เลย .. บางทีระบุ เป็นเข้าเช้า แล้วเว้นไว้เหมือนจะเกรงใจ แต่เอาจริงๆ ก่อนหน้ากะเช้า จะให้นางเลิกดึกก็ไม่ได้อีก ส่วนวันไหนที่มันไม่ลงตัวจริงๆ นางก็จะพูดประมาณว่า เห้อ ต้องเอาลูกไปฝากแม่ยายอีกละ ต้องนู้นต้องนี่.. ทุกคนในแผนกก็เอือม กลืนไม่เข้า คายไม่ออก เพราะเห็นว่าร่วมงานกันมานาน เลยไม่มีใครกล้าพูดตรงๆ
เคยแอบลองถามนาง อยากลาออกหรือเปล่า นางบอกว่าต้องใช้เงินเยอะ ยังไงก็ไม่ออก .. พยายามทำใจ ปรับความคิดให้เข้าใจคนเป็นแม่ แต่ยังไงก็ไม่เข้าใจอยู่ดี ว่าทำไมต้องติดลูกขนาดนี้ เคยคิดจะคุยหัวหน้า แต่อีกใจหนึ่งก็กลัวหัวหน้าจะไม่ให้สิทธิ์ในการจัดตารางงานเองอีกต่อไป เลยอยากจัดการปัญหานี้ด้วยเอง
คิดว่านางขอมากเกินไปไหมครับ?
หรือนี่คือเรื่องปกติของคนเป็นแม่ ที่เกิดขึ้นได้ในทุกๆบริษัท ..
แล้วเมื่อไหร่จะกลับสู่สภาวะปกติ ต้องรอลูกโตเลยไหมครับ?
คนเป็นแม่ มีนิสัยเอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง แบบนี้ทุกคนป่ะครับ?
... จนตอนนี้ นางกลับมาทำงาน ทุกคนก็ยินดีต้อนรับ แต่ยังไม่จบแค่นี้ ..
ด้วยความที่ในแผนกผม มีพนักงานไม่มาก หัวหน้าจึงไว้ใจ ให้จัดตารางงานเอง อยากเข้าวันไหน อยากหยุดวันไหน อยากพักร้อนวันไหน สามารถจัดได้เอง ขอเพียงแค่มีจำนวนพนักงานเพียงพอต่อวัน .. นางจึงใช้โอกาสนี้ ระบุวันหยุด และเวลาเข้ากะตามใจนางทั้งเดือน ! โดยให้เหตุผลว่าต้องดูแลลูก เพราะไม่อยากฝากลูกไว้กับแม่หรือสามีของนาง ประมาณว่าอยากเลี้ยงเองมั้งครับ .. ซึ่งการระบุวันหยุดและกะการทำงานไว้ล่วงหน้าจำนวนมากแบบนี้ มันมีผลต่อเพื่อนร่วมงานท่านอื่น เช่น ใน1เดือน นางระบุขอเข้ากะเช้าเกือบทุกวัน จึงทำให้พนักงานท่านอื่นมีกะที่เลิกดึกมากกว่า .. พอนึกออกไหมครับ .. ซึ่งไม่แฟร์เลย .. บางทีระบุ เป็นเข้าเช้า แล้วเว้นไว้เหมือนจะเกรงใจ แต่เอาจริงๆ ก่อนหน้ากะเช้า จะให้นางเลิกดึกก็ไม่ได้อีก ส่วนวันไหนที่มันไม่ลงตัวจริงๆ นางก็จะพูดประมาณว่า เห้อ ต้องเอาลูกไปฝากแม่ยายอีกละ ต้องนู้นต้องนี่.. ทุกคนในแผนกก็เอือม กลืนไม่เข้า คายไม่ออก เพราะเห็นว่าร่วมงานกันมานาน เลยไม่มีใครกล้าพูดตรงๆ
เคยแอบลองถามนาง อยากลาออกหรือเปล่า นางบอกว่าต้องใช้เงินเยอะ ยังไงก็ไม่ออก .. พยายามทำใจ ปรับความคิดให้เข้าใจคนเป็นแม่ แต่ยังไงก็ไม่เข้าใจอยู่ดี ว่าทำไมต้องติดลูกขนาดนี้ เคยคิดจะคุยหัวหน้า แต่อีกใจหนึ่งก็กลัวหัวหน้าจะไม่ให้สิทธิ์ในการจัดตารางงานเองอีกต่อไป เลยอยากจัดการปัญหานี้ด้วยเอง
คิดว่านางขอมากเกินไปไหมครับ?
หรือนี่คือเรื่องปกติของคนเป็นแม่ ที่เกิดขึ้นได้ในทุกๆบริษัท ..
แล้วเมื่อไหร่จะกลับสู่สภาวะปกติ ต้องรอลูกโตเลยไหมครับ?