16 กันยายน 2532 วงการเพลงไทยจะต้องจารึกไว้เป็นประวัติศาสตร์ชั่วนิจนิรันดร์ เมื่อฝูงชนนับพันที่ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย และอีกนับล้านที่นั่งเฝ้าหน้าจอโทรทัศน์จดจ่อเพื่อชมการแสดงมหกรรมดนตรีอันยิ่งใหญ่เป็นครั้งแรกของวงการเพลงลูกทุ่งเมืองไทย
โดยให้ชื่องานนี้ว่า "กึ่งศตวรรษเพลงลูกทุ่งไทย" ภายใต้การประสานงานทั้งความคิดและแรงกำลังจากหลายฝ่าย ทำให้เกิดงานชิ้นสำคัญเช่นนี้ขึ้นมา
ในงานนี้มีศิลปินนักร้องระดับแถวหน้ามาร่วมขับขานบนเวทีเดียวกันจนแทบจะทั่ววงการ ตลอดเวลาการแสดงยาวนานถึง 5 ชั่วโมง กับบทเพลงอันทรงคุณค่ากว่า 50 เพลงที่ได้รับการคัดเลือก โดยมี "ประยงค์ ชื่นเย็น" เป็น "วันแมนโชว์" ควบคุมการบรรเลงดนตรีสุดอลังการตลอดงาน
ถึงงานนี้จะขาดราชาลูกทุ่งร่วมสมัยอย่าง "สายัณห์ สัญญา" หรือเพลงคู่อมตะอย่าง "หนุ่มนาข้าวสาวนาเกลือ" ที่น่าจะมาปรากฏโฉมด้วย
แต่สำหรับไฮไลท์ที่เป็นที่จับจ้องเป็นพิเศษ เห็นจะเป็นการรวมตัวของศิลปินรุ่นใหญ่ที่หยุดพักจากวงการไปหลายปี และการขับขานเพลงลูกทุ่งบนเวทีคอนเสิร์ตครั้งแรกของนักร้องกิตติมศักดิ์อย่างท่านรัฐมนตรี "กร ทัพพะรังสี"
แต่ทีเด็ดที่ทำให้ผู้คนตื่นตะลึงยิ่งกว่านั้นจนกระทั่งเป็นข่าวพาดหัวบนหน้าหนังสือพิมพ์ในภายหลัง...นั่นคือการปรากฏตัวทายาทของราชาลูกทุ่งผู้ล่วงลับนาม "สุรชัย สมบัติเจริญ" ที่มาขับขานด้วยบทเพลง "16 ปีแห่งความหลัง"
พอหลังจากเพลงนี้จบลง เขาก็ได้เปิดเผยความในใจของตนเองอย่างได้อารมณ์
โดยเฉพาะคำพูดประโยคสุดท้ายก่อนที่เขาออกไปด้วยอาการฉุนเฉียวว่า "ผมไม่เคยขายเพลงพ่อผมให้กับใคร" ทำให้สังคมงงงวยว่าเกิดอะไรขึ้น จนภายหลังสืบสาวราวเรื่องมาว่าเป็นเรื่องปัญหาการถือลิขสิทธิ์บทเพลงของคุณพ่อของตน ซึ่งสรุปแล้วว่าตนเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์...
ยังมีเบื้องหลังและเบื้องลึกเกี่ยวกับงานนี้ทิ้งไว้ให้คนรุ่นหลังได้ขบคิดตั้งมากมาย อย่างดีแล้วมันก็คือบทเรียนที่หลากหลาย
แม้ว่าสภาพเพลงลูกทุ่งในปัจจุบันจะเปลี่ยนโฉมไปจากเดิม ไหนยังมีข่าวเกี่ยวกับปัญหาเรื่องลิขสิทธิ์เพลงรายตัวเรื่อยมา
แต่สำหรับ "กึ่งศตวรรษเพลงลูกทุ่งไทย" ก็ยังคงเป็นงานที่อยู่ในความประทับใจของหลาย ๆ คน จากที่เคยได้เห็นนักร้องคนแล้วคนเล่าขับขานให้ฟัง ท่ามกลางบรรยากาศที่ผิดแผกแปลกไปจากบ้านนอกคอกนา
ใครคิดถึงหรือเคยสัมผัสงานนี้มาบ้างแล้ว หรือมีเรื่องเด็ด ๆ อะไรอีกบ้างก็มาบอกกันนะ สวัสดี.
ภาพและข่าวจาก นสพ.ไทยรัฐ, ก.ย. 2532
บทความจาก บุญเลิศ ช้างใหญ่ ใน นสพ.มติชน, 23 ก.ย. 2532
บันทึกการแสดงสด (ฉบับเต็ม)
3 ทศวรรษ คอนเสิร์ต "กึ่งศตวรรษเพลงลูกทุ่งไทย" กับวาทะเด็ด "ผมไม่เคยขายเพลงพ่อให้ใคร"
โดยให้ชื่องานนี้ว่า "กึ่งศตวรรษเพลงลูกทุ่งไทย" ภายใต้การประสานงานทั้งความคิดและแรงกำลังจากหลายฝ่าย ทำให้เกิดงานชิ้นสำคัญเช่นนี้ขึ้นมา
ในงานนี้มีศิลปินนักร้องระดับแถวหน้ามาร่วมขับขานบนเวทีเดียวกันจนแทบจะทั่ววงการ ตลอดเวลาการแสดงยาวนานถึง 5 ชั่วโมง กับบทเพลงอันทรงคุณค่ากว่า 50 เพลงที่ได้รับการคัดเลือก โดยมี "ประยงค์ ชื่นเย็น" เป็น "วันแมนโชว์" ควบคุมการบรรเลงดนตรีสุดอลังการตลอดงาน
ถึงงานนี้จะขาดราชาลูกทุ่งร่วมสมัยอย่าง "สายัณห์ สัญญา" หรือเพลงคู่อมตะอย่าง "หนุ่มนาข้าวสาวนาเกลือ" ที่น่าจะมาปรากฏโฉมด้วย
แต่สำหรับไฮไลท์ที่เป็นที่จับจ้องเป็นพิเศษ เห็นจะเป็นการรวมตัวของศิลปินรุ่นใหญ่ที่หยุดพักจากวงการไปหลายปี และการขับขานเพลงลูกทุ่งบนเวทีคอนเสิร์ตครั้งแรกของนักร้องกิตติมศักดิ์อย่างท่านรัฐมนตรี "กร ทัพพะรังสี"
แต่ทีเด็ดที่ทำให้ผู้คนตื่นตะลึงยิ่งกว่านั้นจนกระทั่งเป็นข่าวพาดหัวบนหน้าหนังสือพิมพ์ในภายหลัง...นั่นคือการปรากฏตัวทายาทของราชาลูกทุ่งผู้ล่วงลับนาม "สุรชัย สมบัติเจริญ" ที่มาขับขานด้วยบทเพลง "16 ปีแห่งความหลัง"
พอหลังจากเพลงนี้จบลง เขาก็ได้เปิดเผยความในใจของตนเองอย่างได้อารมณ์
โดยเฉพาะคำพูดประโยคสุดท้ายก่อนที่เขาออกไปด้วยอาการฉุนเฉียวว่า "ผมไม่เคยขายเพลงพ่อผมให้กับใคร" ทำให้สังคมงงงวยว่าเกิดอะไรขึ้น จนภายหลังสืบสาวราวเรื่องมาว่าเป็นเรื่องปัญหาการถือลิขสิทธิ์บทเพลงของคุณพ่อของตน ซึ่งสรุปแล้วว่าตนเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์...
ยังมีเบื้องหลังและเบื้องลึกเกี่ยวกับงานนี้ทิ้งไว้ให้คนรุ่นหลังได้ขบคิดตั้งมากมาย อย่างดีแล้วมันก็คือบทเรียนที่หลากหลาย
แม้ว่าสภาพเพลงลูกทุ่งในปัจจุบันจะเปลี่ยนโฉมไปจากเดิม ไหนยังมีข่าวเกี่ยวกับปัญหาเรื่องลิขสิทธิ์เพลงรายตัวเรื่อยมา
แต่สำหรับ "กึ่งศตวรรษเพลงลูกทุ่งไทย" ก็ยังคงเป็นงานที่อยู่ในความประทับใจของหลาย ๆ คน จากที่เคยได้เห็นนักร้องคนแล้วคนเล่าขับขานให้ฟัง ท่ามกลางบรรยากาศที่ผิดแผกแปลกไปจากบ้านนอกคอกนา
ใครคิดถึงหรือเคยสัมผัสงานนี้มาบ้างแล้ว หรือมีเรื่องเด็ด ๆ อะไรอีกบ้างก็มาบอกกันนะ สวัสดี.