“ลิขิตรักข้ามดวงดาว” ละครที่มาพร้อม “มรสุม”
https://www.tvdigitalwatch.com/analysis-mylovefromthe-anotherstar-22-9-62/?fbclid=IwAR3RSxkzSTAH_s5eAzyQUgKn9HEyO0PJ2zVWLF-rX21bWN4FoULPDQ0ZNkk
ในที่สุดละครฟอร์มยักษ์ “ ลิขิตรักข้ามดวงดาว หรือ My Love From Anather Star” ของช่อง 3 ก็ฝ่าฟันอุปสรรคจนได้ออกอากาศได้อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 17 ก.ย.ที่ผ่านมา พร้อมกับเรตติ้งในตอนแรก 1.785 เท่านั้น
ภาพรวมตอนแรก แม้จะติดเทรนด์ทวิตเตอร์ทั้งของโลกและของไทย ด้วยศักยภาพของ “ณเดชน์ คูกิมิยะ” นักแสดงชายเบอร์ท็อปของช่อง ที่เหมือนจะช่วยพยุงทั้งเรื่องเอาไว้ เปิดตัวได้ใกล้เคียงต้นฉบับจากเกาหลี ภาพสวย โปรดักชั่นดี นักแสดงจัดเต็ม อีกทั้ง “แมท ภีรนีย์” ก็เล่นได้โก๊ะ ฮา ในแบบฉบับของเธอเอง แต่เรตติ้งโทรทัศน์กลับสวนทางกับกระแสในโลกทวิตเตอร์
ลงลึกรายละเอียดเรตติ้งของการออกอากาศในตอนแรกพบว่า เรตติ้งแยกพื้นที่ กรุงเทพยังคงเป็นฐานหลักของละครช่อง 3 เป็นพื้นที่ที่ทำเรตติ้งสูงสุด 3.576 รองลงมาเป็นภาคกลาง 1.978 โดยมีภาคเหนือเป็นพื้นที่ ที่มีผู้ชมน้อยที่สุดเพียง 1.243 เท่านั้น
ส่วนกลุ่มอายุผู้ชม 50 ปีขึ้นไปเป็นกลุ่มที่รับชมสูงสุด 2.617 รองลงมาคือกลุ่มอายุ 40-44 ปี 2.267 และกลุ่มอายุ 45-49 ปี 1.922 ส่วนกลุ่มที่รับชมน้อยที่สุด เป็นช่วงอายุ 25-29 ปี มีเรตติ้งในกลุ่มนี้เพียง 0.499 เท่านั้น ทั้งนี้ปกติกลุ่มผู้ชมช่วงอายุคนทำงาน ส่วนใหญ่นิยมรับชมทางออนไลน์มากกว่าอยู่แล้ว
ตัวเลขเหล่านี้แสดงให้เห็นว่า กลุ่มฐานผู้ชมหลักทางทีวี ช่วงอายุ 40 ปีขึ้นไป รับชมไม่สูงมากเหมือนละครเรื่องอื่นๆ เป็น กูรูบางคนมองว่าอาจจะเป็นผลกระทบจากข่าวคราวและข่าวคาว ที่กระทบภาพลักษณ์ของนักแสดง ที่ในปัจจุบันต้องยอมรับว่ามีผลกระทบต่อละครที่ออกอากาศทุกเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องนี้ ที่ดูเหมือนมี “มรสุม” รุมเข้าเป็นระยะ
จีนเลื่อนซื้อลิขสิทธิ์ ดีที่ยังได้ไต้หวันเสียบแทน
ก่อนหน้าการออกอากาศไม่นาน ช่อง 3 ปูพรมประกาศว่า ละครเรื่องนี้จะออกอากาศคู่ขนานไปพร้อมกับประเทศจีน ที่ได้ตกลงซื้อลิขสิทธิ์ ที่ผ่านการเซ็นเซอร์จากทางจีนแล้ว ซึ่งใช้เหตุผลนี้ เป็นส่วนหนึ่งในการเลื่อนการออกอากาศมาตั้งแต่กลางปีนี้แต่พอถึงเวลาใกล้ออกอากาศปรากฏว่า มีปัญหาที่ทางการจีนต้องการให้มีการเซ็นเซอร์ใหม่อีกครั้ง จนทำให้ดีลยังไม่จบ แต่เมื่อช่อง 3 กำหนดเวลาออกอากาศในไทยไปแล้ว จึงไม่สามารถรอการเซ็นเซอร์อีกรอบได้อีก
ที่ผ่านมาช่อง 3 ได้พยายามหารายได้ใหม่ๆ จากการขายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ต่างๆ ไปยังต่างประเทศ ซึ่งมีทั้งขายเอง โดยทีมช่อง 3 และขายผ่าน JKN ซึ่ง JKN มีผลงานอย่างเด่นชัดล่าสุดในการขายลิขสิทธิ์ละครดังๆของช่อง 3 ไปยังเกาหลีใต้ ที่มีกำหนดจะเริ่มออนแอร์ในปลายปีนี้
ในขณะที่ทีมขายในประเทศจีนนั้น เป็นส่วนของทีมขายของช่อง 3 เอง ที่ได้ติดต่อประสานงานกับตัวแทนจีน ในปีที่แล้วช่อง 3 ประสบความสำเร็จจากการเริ่มการขายลิขสิทธิ์แบบออกอากาศคู่ขนานกับประเทศจีน กับละครเรื่อง “ ลิขิตรัก The Crown Princess” ที่มี “ณเดชน์ ญาญ่า” นักแสดงเบอร์ท็อปของช่องนำแสดง เป็นแม่เหล็กสำคัญที่ทางจีนให้ความสนใจ สร้างรายได้ให้กับช่องกว่า 50 ล้านบาท จึงเป็นต้นแบบที่มีการเจรจาต่อมายังเรื่อง “ลิขิตรักข้ามดวงดาว My Love From Another Star” ในครั้งนี้ ซึ่งคาดการณ์เบื้องต้นว่าจะสร้างรายได้จากการขายลิขสิทธิ์ไปออกอากาศแบบคู่ขนานพร้อมประเทศไทยมากกว่า 60 ล้านบาท
แต่เมื่อถึงวันออกอากาศ ทีมช่อง 3 ก็ปรับแผน สามารถดีลกับ “We TV” ไต้หวัน เข้ามาเสียบแทน เป็นการออกอากาศที่ไต้หวันเวลาประมาณเที่ยงคืนของไทย หลังจากที่ทางไทยออกอากาศตอนแรกจบลง
ย้อนรอยอุปสรรค “ลิขิตรัก ข้ามดวงดาว” ตั้งแต่เริ่มต้นถ่ายทำ
เมื่อมาย้อนรอยละครฟอร์มยักษ์แห่งปีของช่อง 3 เรื่องนี้ เริ่มจากการวางตัว “ณเดชน์” และ ”แมท ภีรนีย์” โดยเฉพาะ “แมท” ถึงขนาดเคลียร์คิวยาวล่วงหน้า ไม่รับละครเรื่องอื่น เพื่อรอคิวทองของ “ณเดชน์” และวางแผนเต็มที่สำหรับละครเรื่องนี้โดยเฉพาะ เพราะเป็นละครฟอร์มใหญ่ที่สุดเท่าที่ “แมท” เคยเล่นมาก่อนในชีวิต
เมื่อได้คิวนักแสดง มีการวางตัว “ปุ๊ก –พันธุ์ธัมม์ ทองสังข์” เป็นผู้กำกับ และได้ทีมงานเรียบร้อย ละครเรื่องนี้มีการบวงสรวงครั้งแรกเมื่อกลางเดือนพฤศจิกายน 2560 โดยมี ทั้งนี้ “ปุ๊ก เคยมีผลงานการกำกับละคร “ซ่อนรักกามเทพ”ให้กับค่ายบรอดคาซท์มาแล้ว ผลงานสร้างชื่อของปุ๊ก คือ ภาพยนตร์ “ไอ้ฟัก”
เปลี่ยนตัวผู้กำกับกลางคัน
ละครเปิดกล้องในปลายเดือนพฤศจิกายน 2560 มีการถ่ายฉากสำคัญ ฉากใหญ่นอกสถานที่ไปหลายฉาก เพื่อรอการสร้างฉากในสถานที่ ที่เป็นฉากคอนโดหรู ที่โรงถ่ายหนองแขม ที่มีการทุ่มทุนก้อนใหญ่มาก เพื่อความสมจริงเหมือนต้นฉบับซีรีส์เกาหลี
การถ่ายทำในช่วงแรก เป็นไปอย่างเคร่งเครียด ผิดวิสัยละครแนวโรแมนติค คอมเมดี้ เดินหน้ากันไปได้ประมาณ 10% ก็มีข่าวหยุดถ่ายทำ พร้อมกับข่าวการลาออกของผู้กำกับ โดย ปุ๊ก-พันธุ์ธัมม์ ที่ออกไปรับตำแหน่งผู้ดูแลคอนเทนต์ละคร ของช่อง GMM 25 แทน
“ใหม่-ภวัต พนังคศิริ” ผู้กำกับมือทอง ที่เพิ่งประสบความสำเร็จจากละคร “บุพเพสันนิวาส” ในปี 2561 มารับหน้าที่แทน ทีมละครต้องเริ่มใหม่ พร้อมกับการตีความใหม่ ของผู้กำกับคนใหม่ มีการปรับเปลี่ยนตัวนักแสดง มีการบวงสรวงกันใหม่ เป็นรอบที่ 2 เมื่อกลางเดือนพ.ค. 2561
ช่วงนั้น “ใหม่-ภวัต” กำลังกำกับละครเรื่อง “เพลิงรัก เพลิงแค้น” ที่เปิดกล้องมาตั้งแต่ ก.ค. 2560 ทำให้การถ่ายทำล่าช้าทั้ง 2 เรื่อง เนื่องจากผู้กำกับต้องทำงาน 2 เรื่องในเวลาเดียวกัน กลายเป็นว่า ละครทั้ง 2 เรื่องของ “ใหม่ ภวัต” ได้มาออนแอร์พร้อมๆกันในปี 2562 ทั้ง 2 เรื่อง
อุปสรรคการถ่ายทำมีมาเป็นระยะ ตามประสาละครฟอร์มยักษ์ แม้นักแสดงหลัก เทคิวลงเรื่องเดียว แต่ทุกอย่างก็ดูเหมือนจะไม่หนักหนาสาหัสเท่ากับ กรณีมรสุมข่าว “แมท” ที่โหมกระหน่ำในช่วงปีที่แล้ว ยาวต่อเนื่องข้ามปีมาถึงช่วงต้นปีนี้
มรสุมชีวิตรัก “แมท ภีรนีย์” กระทบเลื่อนออกอากาศจากกลางปี
ละครเรื่องนี้ถ่ายทำมาจนจบ ปิดกล้องในราวเดือนมี.ค.ปีนี้ มีแผนเบื้องต้นว่าจะออกอากาศในราวเดือนพ.ค.หรือกลางปีที่ผ่านมา ตามกำหนดที่ดีลกับทางจีน เพื่อออกอากาศคู่ขนานพร้อมๆกัน อีกทั้งยังออกอากาศในช่วงที่ “ณเดชน์” มีคิวเล่นคอนเสิร์ตเดี่ยว “The Real Nadech” เป็นครั้งแรกด้วย เพื่อโปรโมทละครไปควบคู่กันทีเดียว
แต่ในช่วงต้นปี ข่าวคราวความรักครั้งใหม่ของ “แมท-สงกรานต์” ที่โยงใยถึงการเลิกราของ “สงกรานต์ และ แอฟ ทักษอร” ยังร้อนแรงมาก เกิดกระแสแอนตี้ “แมท” มาแรงมาก กระทบถึงละคร “บ่วงนฤมิต” ที่ “แมท” แสดง ออกอากาศในช่วงเดือนม.ค.ที่ผ่านมา กลายเป็นละครที่มีเรตติ้งเฉลี่ยต่ำที่สุดของช่อง 3 ในปีนี้ โดยได้เรตติ้งเฉลี่ยทั้งเรื่องไปแค่ 1.767 เท่านั้น
จนทำให้ทีมผู้บริหารฝ่ายละครช่อง 3 ตัดสินใจเลื่อนแผนการออกอากาศละครเรื่องนี้ออกไปเป็นครึ่งปีหลังทันที
อย่างไรก็ตาม feed back จากตอนแรก ด้วยเรตติ้งเพียง 1.785 เป็นละครเปิดตัวตอนแรกที่มีเรตติ้งต่ำที่สุด ของละครครึ่งปีหลังของช่อง 3 เลยทีเดียว
เรตติ้งจะกระเทือนยาวต่อเนื่องไปจนกว่าละครจะจบเลยหรือไม่ หรือจะมีการตีตื้นด้วยงานคุณภาพที่ทุ่มเท ช่วยสร้างกระแส ฟื้นความนิยมขึ้นมาได้
สถานการณ์ละครหลังข่าว ในช่วงเวลาไพรม์ไทม์ของช่อง 3 น่ากังวลเอาเรื่อง เพราะเรตติ้ง “เพลิงรักเพลิงแค้น” ก็ไม่สูง ยังมาเจอ “ลิขิตรักข้ามดวงดาว” เรตติ้งเปิดตัวต่ำกว่าอีก ผู้จัดคนเก่งอย่าง “หน่อง อรุโณชา” คงคิ้วขมวด ทางช่อง 3 เอง ก็คงยิ่งผิดหวัง เพราะโหมโปรโมทอย่างหนักหวังสร้างกระแส ทั้งออนไลน์ ออฟไลน์ รวมทั้งอีเวนท์หรู กลางลำน้ำเจ้าพระยา
ละครที่มากู้หน้าให้ช่อง 3 ในช่วงนี้ กลับเป็นละครนอกสายตา “ลิขิตแห่งจันทร์” ของค่ายอาหลอง จูเนียร์ ผู้สร้าง ที่ย้ายมาจากช่อง 7 สร้างชื่อเมื่อปีก่อนด้วย “อังกอร์”ละครที่ถูกปรามาสว่ารุ่นลูกจะทำผลงานสู้ของเก่าไม่ได้ ในครั้งนี้ “ลิขิตแห่งจันทร์” ของค่ายอาหลอง จูเนียร์ ก็ถูกหลายคนปรามาสอีกครั้ง แต่กลับทำผลงานเรตติ้งได้ดีตั้งแต่สัปดาห์แรก จนสัปดาห์ที่สาม แต่กว่าทางช่อง 3 จะเริ่มให้มีการจัดกิจกรรมเสริมละคร ก็เข้าสู่ในสัปดาห์ที่ 4 ที่ละครเข้าสู่ปลายทางใกล้จบแล้ว
ละครคืองานที่ลงทุนสูง ผู้สร้าง ผู้ผลิตทำงานหนัก เหนื่อย เครียด กว่าจะออกสู่สายตาประชาชน งานศิลปะที่ผสมผสานด้วยธุรกิจ ผลลัพธ์ที่ต้องการคือเรตติ้ง แต่ก็ยากเกินคาดเดาเพราะละครฟอร์มยักษ์ของทุกช่อง ต่างก็เคยแป้ก เพราะผู้ชมปฏิเสธมาแล้ว
งานศิลปะอย่างละครโทรทัศน์ ที่ตัดสินด้วยอารมณ์ด้วยความรู้สึกชอบ ไม่ชอบของผู้ชม คงเป็นเรื่องยากที่จะหาสูตรสำเร็จแบบ 100 %
แต่คนสร้างงานศิลปะ รวมทั้งช่องเอง ก็ต้องพยายามกันต่อไป เพราะปลายทางนอกจากอันดับความนิยมของช่องแล้ว คือเงินก้อนใหญ่ที่สุด ที่ช่องต้องการนำมาจุนเจือธุรกิจ
“ลิขิตรักข้ามดวงดาว” ละครที่มาพร้อม “มรสุม”
https://www.tvdigitalwatch.com/analysis-mylovefromthe-anotherstar-22-9-62/?fbclid=IwAR3RSxkzSTAH_s5eAzyQUgKn9HEyO0PJ2zVWLF-rX21bWN4FoULPDQ0ZNkk
ในที่สุดละครฟอร์มยักษ์ “ ลิขิตรักข้ามดวงดาว หรือ My Love From Anather Star” ของช่อง 3 ก็ฝ่าฟันอุปสรรคจนได้ออกอากาศได้อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 17 ก.ย.ที่ผ่านมา พร้อมกับเรตติ้งในตอนแรก 1.785 เท่านั้น
ภาพรวมตอนแรก แม้จะติดเทรนด์ทวิตเตอร์ทั้งของโลกและของไทย ด้วยศักยภาพของ “ณเดชน์ คูกิมิยะ” นักแสดงชายเบอร์ท็อปของช่อง ที่เหมือนจะช่วยพยุงทั้งเรื่องเอาไว้ เปิดตัวได้ใกล้เคียงต้นฉบับจากเกาหลี ภาพสวย โปรดักชั่นดี นักแสดงจัดเต็ม อีกทั้ง “แมท ภีรนีย์” ก็เล่นได้โก๊ะ ฮา ในแบบฉบับของเธอเอง แต่เรตติ้งโทรทัศน์กลับสวนทางกับกระแสในโลกทวิตเตอร์
ลงลึกรายละเอียดเรตติ้งของการออกอากาศในตอนแรกพบว่า เรตติ้งแยกพื้นที่ กรุงเทพยังคงเป็นฐานหลักของละครช่อง 3 เป็นพื้นที่ที่ทำเรตติ้งสูงสุด 3.576 รองลงมาเป็นภาคกลาง 1.978 โดยมีภาคเหนือเป็นพื้นที่ ที่มีผู้ชมน้อยที่สุดเพียง 1.243 เท่านั้น
ส่วนกลุ่มอายุผู้ชม 50 ปีขึ้นไปเป็นกลุ่มที่รับชมสูงสุด 2.617 รองลงมาคือกลุ่มอายุ 40-44 ปี 2.267 และกลุ่มอายุ 45-49 ปี 1.922 ส่วนกลุ่มที่รับชมน้อยที่สุด เป็นช่วงอายุ 25-29 ปี มีเรตติ้งในกลุ่มนี้เพียง 0.499 เท่านั้น ทั้งนี้ปกติกลุ่มผู้ชมช่วงอายุคนทำงาน ส่วนใหญ่นิยมรับชมทางออนไลน์มากกว่าอยู่แล้ว
ตัวเลขเหล่านี้แสดงให้เห็นว่า กลุ่มฐานผู้ชมหลักทางทีวี ช่วงอายุ 40 ปีขึ้นไป รับชมไม่สูงมากเหมือนละครเรื่องอื่นๆ เป็น กูรูบางคนมองว่าอาจจะเป็นผลกระทบจากข่าวคราวและข่าวคาว ที่กระทบภาพลักษณ์ของนักแสดง ที่ในปัจจุบันต้องยอมรับว่ามีผลกระทบต่อละครที่ออกอากาศทุกเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องนี้ ที่ดูเหมือนมี “มรสุม” รุมเข้าเป็นระยะ
จีนเลื่อนซื้อลิขสิทธิ์ ดีที่ยังได้ไต้หวันเสียบแทน
ก่อนหน้าการออกอากาศไม่นาน ช่อง 3 ปูพรมประกาศว่า ละครเรื่องนี้จะออกอากาศคู่ขนานไปพร้อมกับประเทศจีน ที่ได้ตกลงซื้อลิขสิทธิ์ ที่ผ่านการเซ็นเซอร์จากทางจีนแล้ว ซึ่งใช้เหตุผลนี้ เป็นส่วนหนึ่งในการเลื่อนการออกอากาศมาตั้งแต่กลางปีนี้แต่พอถึงเวลาใกล้ออกอากาศปรากฏว่า มีปัญหาที่ทางการจีนต้องการให้มีการเซ็นเซอร์ใหม่อีกครั้ง จนทำให้ดีลยังไม่จบ แต่เมื่อช่อง 3 กำหนดเวลาออกอากาศในไทยไปแล้ว จึงไม่สามารถรอการเซ็นเซอร์อีกรอบได้อีก
ที่ผ่านมาช่อง 3 ได้พยายามหารายได้ใหม่ๆ จากการขายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ต่างๆ ไปยังต่างประเทศ ซึ่งมีทั้งขายเอง โดยทีมช่อง 3 และขายผ่าน JKN ซึ่ง JKN มีผลงานอย่างเด่นชัดล่าสุดในการขายลิขสิทธิ์ละครดังๆของช่อง 3 ไปยังเกาหลีใต้ ที่มีกำหนดจะเริ่มออนแอร์ในปลายปีนี้
ในขณะที่ทีมขายในประเทศจีนนั้น เป็นส่วนของทีมขายของช่อง 3 เอง ที่ได้ติดต่อประสานงานกับตัวแทนจีน ในปีที่แล้วช่อง 3 ประสบความสำเร็จจากการเริ่มการขายลิขสิทธิ์แบบออกอากาศคู่ขนานกับประเทศจีน กับละครเรื่อง “ ลิขิตรัก The Crown Princess” ที่มี “ณเดชน์ ญาญ่า” นักแสดงเบอร์ท็อปของช่องนำแสดง เป็นแม่เหล็กสำคัญที่ทางจีนให้ความสนใจ สร้างรายได้ให้กับช่องกว่า 50 ล้านบาท จึงเป็นต้นแบบที่มีการเจรจาต่อมายังเรื่อง “ลิขิตรักข้ามดวงดาว My Love From Another Star” ในครั้งนี้ ซึ่งคาดการณ์เบื้องต้นว่าจะสร้างรายได้จากการขายลิขสิทธิ์ไปออกอากาศแบบคู่ขนานพร้อมประเทศไทยมากกว่า 60 ล้านบาท
แต่เมื่อถึงวันออกอากาศ ทีมช่อง 3 ก็ปรับแผน สามารถดีลกับ “We TV” ไต้หวัน เข้ามาเสียบแทน เป็นการออกอากาศที่ไต้หวันเวลาประมาณเที่ยงคืนของไทย หลังจากที่ทางไทยออกอากาศตอนแรกจบลง
ย้อนรอยอุปสรรค “ลิขิตรัก ข้ามดวงดาว” ตั้งแต่เริ่มต้นถ่ายทำ
เมื่อมาย้อนรอยละครฟอร์มยักษ์แห่งปีของช่อง 3 เรื่องนี้ เริ่มจากการวางตัว “ณเดชน์” และ ”แมท ภีรนีย์” โดยเฉพาะ “แมท” ถึงขนาดเคลียร์คิวยาวล่วงหน้า ไม่รับละครเรื่องอื่น เพื่อรอคิวทองของ “ณเดชน์” และวางแผนเต็มที่สำหรับละครเรื่องนี้โดยเฉพาะ เพราะเป็นละครฟอร์มใหญ่ที่สุดเท่าที่ “แมท” เคยเล่นมาก่อนในชีวิต
เมื่อได้คิวนักแสดง มีการวางตัว “ปุ๊ก –พันธุ์ธัมม์ ทองสังข์” เป็นผู้กำกับ และได้ทีมงานเรียบร้อย ละครเรื่องนี้มีการบวงสรวงครั้งแรกเมื่อกลางเดือนพฤศจิกายน 2560 โดยมี ทั้งนี้ “ปุ๊ก เคยมีผลงานการกำกับละคร “ซ่อนรักกามเทพ”ให้กับค่ายบรอดคาซท์มาแล้ว ผลงานสร้างชื่อของปุ๊ก คือ ภาพยนตร์ “ไอ้ฟัก”
เปลี่ยนตัวผู้กำกับกลางคัน
ละครเปิดกล้องในปลายเดือนพฤศจิกายน 2560 มีการถ่ายฉากสำคัญ ฉากใหญ่นอกสถานที่ไปหลายฉาก เพื่อรอการสร้างฉากในสถานที่ ที่เป็นฉากคอนโดหรู ที่โรงถ่ายหนองแขม ที่มีการทุ่มทุนก้อนใหญ่มาก เพื่อความสมจริงเหมือนต้นฉบับซีรีส์เกาหลี
การถ่ายทำในช่วงแรก เป็นไปอย่างเคร่งเครียด ผิดวิสัยละครแนวโรแมนติค คอมเมดี้ เดินหน้ากันไปได้ประมาณ 10% ก็มีข่าวหยุดถ่ายทำ พร้อมกับข่าวการลาออกของผู้กำกับ โดย ปุ๊ก-พันธุ์ธัมม์ ที่ออกไปรับตำแหน่งผู้ดูแลคอนเทนต์ละคร ของช่อง GMM 25 แทน
“ใหม่-ภวัต พนังคศิริ” ผู้กำกับมือทอง ที่เพิ่งประสบความสำเร็จจากละคร “บุพเพสันนิวาส” ในปี 2561 มารับหน้าที่แทน ทีมละครต้องเริ่มใหม่ พร้อมกับการตีความใหม่ ของผู้กำกับคนใหม่ มีการปรับเปลี่ยนตัวนักแสดง มีการบวงสรวงกันใหม่ เป็นรอบที่ 2 เมื่อกลางเดือนพ.ค. 2561
ช่วงนั้น “ใหม่-ภวัต” กำลังกำกับละครเรื่อง “เพลิงรัก เพลิงแค้น” ที่เปิดกล้องมาตั้งแต่ ก.ค. 2560 ทำให้การถ่ายทำล่าช้าทั้ง 2 เรื่อง เนื่องจากผู้กำกับต้องทำงาน 2 เรื่องในเวลาเดียวกัน กลายเป็นว่า ละครทั้ง 2 เรื่องของ “ใหม่ ภวัต” ได้มาออนแอร์พร้อมๆกันในปี 2562 ทั้ง 2 เรื่อง
อุปสรรคการถ่ายทำมีมาเป็นระยะ ตามประสาละครฟอร์มยักษ์ แม้นักแสดงหลัก เทคิวลงเรื่องเดียว แต่ทุกอย่างก็ดูเหมือนจะไม่หนักหนาสาหัสเท่ากับ กรณีมรสุมข่าว “แมท” ที่โหมกระหน่ำในช่วงปีที่แล้ว ยาวต่อเนื่องข้ามปีมาถึงช่วงต้นปีนี้
มรสุมชีวิตรัก “แมท ภีรนีย์” กระทบเลื่อนออกอากาศจากกลางปี
ละครเรื่องนี้ถ่ายทำมาจนจบ ปิดกล้องในราวเดือนมี.ค.ปีนี้ มีแผนเบื้องต้นว่าจะออกอากาศในราวเดือนพ.ค.หรือกลางปีที่ผ่านมา ตามกำหนดที่ดีลกับทางจีน เพื่อออกอากาศคู่ขนานพร้อมๆกัน อีกทั้งยังออกอากาศในช่วงที่ “ณเดชน์” มีคิวเล่นคอนเสิร์ตเดี่ยว “The Real Nadech” เป็นครั้งแรกด้วย เพื่อโปรโมทละครไปควบคู่กันทีเดียว
แต่ในช่วงต้นปี ข่าวคราวความรักครั้งใหม่ของ “แมท-สงกรานต์” ที่โยงใยถึงการเลิกราของ “สงกรานต์ และ แอฟ ทักษอร” ยังร้อนแรงมาก เกิดกระแสแอนตี้ “แมท” มาแรงมาก กระทบถึงละคร “บ่วงนฤมิต” ที่ “แมท” แสดง ออกอากาศในช่วงเดือนม.ค.ที่ผ่านมา กลายเป็นละครที่มีเรตติ้งเฉลี่ยต่ำที่สุดของช่อง 3 ในปีนี้ โดยได้เรตติ้งเฉลี่ยทั้งเรื่องไปแค่ 1.767 เท่านั้น
จนทำให้ทีมผู้บริหารฝ่ายละครช่อง 3 ตัดสินใจเลื่อนแผนการออกอากาศละครเรื่องนี้ออกไปเป็นครึ่งปีหลังทันที
อย่างไรก็ตาม feed back จากตอนแรก ด้วยเรตติ้งเพียง 1.785 เป็นละครเปิดตัวตอนแรกที่มีเรตติ้งต่ำที่สุด ของละครครึ่งปีหลังของช่อง 3 เลยทีเดียว
เรตติ้งจะกระเทือนยาวต่อเนื่องไปจนกว่าละครจะจบเลยหรือไม่ หรือจะมีการตีตื้นด้วยงานคุณภาพที่ทุ่มเท ช่วยสร้างกระแส ฟื้นความนิยมขึ้นมาได้
สถานการณ์ละครหลังข่าว ในช่วงเวลาไพรม์ไทม์ของช่อง 3 น่ากังวลเอาเรื่อง เพราะเรตติ้ง “เพลิงรักเพลิงแค้น” ก็ไม่สูง ยังมาเจอ “ลิขิตรักข้ามดวงดาว” เรตติ้งเปิดตัวต่ำกว่าอีก ผู้จัดคนเก่งอย่าง “หน่อง อรุโณชา” คงคิ้วขมวด ทางช่อง 3 เอง ก็คงยิ่งผิดหวัง เพราะโหมโปรโมทอย่างหนักหวังสร้างกระแส ทั้งออนไลน์ ออฟไลน์ รวมทั้งอีเวนท์หรู กลางลำน้ำเจ้าพระยา
ละครที่มากู้หน้าให้ช่อง 3 ในช่วงนี้ กลับเป็นละครนอกสายตา “ลิขิตแห่งจันทร์” ของค่ายอาหลอง จูเนียร์ ผู้สร้าง ที่ย้ายมาจากช่อง 7 สร้างชื่อเมื่อปีก่อนด้วย “อังกอร์”ละครที่ถูกปรามาสว่ารุ่นลูกจะทำผลงานสู้ของเก่าไม่ได้ ในครั้งนี้ “ลิขิตแห่งจันทร์” ของค่ายอาหลอง จูเนียร์ ก็ถูกหลายคนปรามาสอีกครั้ง แต่กลับทำผลงานเรตติ้งได้ดีตั้งแต่สัปดาห์แรก จนสัปดาห์ที่สาม แต่กว่าทางช่อง 3 จะเริ่มให้มีการจัดกิจกรรมเสริมละคร ก็เข้าสู่ในสัปดาห์ที่ 4 ที่ละครเข้าสู่ปลายทางใกล้จบแล้ว
ละครคืองานที่ลงทุนสูง ผู้สร้าง ผู้ผลิตทำงานหนัก เหนื่อย เครียด กว่าจะออกสู่สายตาประชาชน งานศิลปะที่ผสมผสานด้วยธุรกิจ ผลลัพธ์ที่ต้องการคือเรตติ้ง แต่ก็ยากเกินคาดเดาเพราะละครฟอร์มยักษ์ของทุกช่อง ต่างก็เคยแป้ก เพราะผู้ชมปฏิเสธมาแล้ว
งานศิลปะอย่างละครโทรทัศน์ ที่ตัดสินด้วยอารมณ์ด้วยความรู้สึกชอบ ไม่ชอบของผู้ชม คงเป็นเรื่องยากที่จะหาสูตรสำเร็จแบบ 100 %
แต่คนสร้างงานศิลปะ รวมทั้งช่องเอง ก็ต้องพยายามกันต่อไป เพราะปลายทางนอกจากอันดับความนิยมของช่องแล้ว คือเงินก้อนใหญ่ที่สุด ที่ช่องต้องการนำมาจุนเจือธุรกิจ