ของสะสมสุดแปลกที่น่ากลัว

หัวชนเผ่าเมารี 35 หัว



Horatio Gordon Robley (นายพลโฮราติโอ กอร์ดอน ร็อบเลย์) 28 มิถุนายน 1840 – 29 ตุลาคม 1930 อายุ 90 ปี ผู้เป็นทั้งทหารฝีมือดีและศิลปินที่ชอบสะสมของแปลก เรื่องราวการสะสมหัวของชนเผ่าเมารีเริ่มขึ้นเมื่อปี 1860 ในตอนนั้นนายพลที่ประจำอยู่ที่อังกฤษต้องย้ายไปประจำการที่ประเทศนิวซีแลนด์ ซึ่งภารกิจที่ได้รับก็คือการล่าอาณานิคมโดยเฉพาะ…
ด้วยความที่ตัวนายพลมีความหลงใหลในศิลปะและมีฝีมือด้านการรบที่ดีเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จึงทำให้การล่าอาณานิคมของเขาสำเร็จลุล่วงไปได้อย่างง่ายดาย
โดยศรีษะที่นายพลเลือกที่จะเก็บนั้นจะต้องมีลายสักเท่านั้น ส่วนหัวของชาวเมารีคนอื่นๆก็จะถูกปล่อยทิ้งไว้ไม่ถูกเก็บมา จนกระทั่งปี พ.ศ. 1896 นายพลก็ได้เดินทางกลับอังกฤษพร้อมกับคอลเลคชั่นสุดสยอง ที่มีชื่อว่า “35 mokomokai”





พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติในนครนิวยอร์ก ได้ติดต่อขอซื้อในราคา 1,250 ปอนด์ แต่ทางด้านนายพลกลับขาย 25 หัว เพราะอยากเก็บไว้เอง 10 หัว ปัจจุบันคอลเลคชั่นศรีษะสุดสยองนี้ก็ยังตั้งโชว์อยู่ในพิพิฒพันธ์ ส่วนนายพลก็ได้ทำหน้าที่ทหารต่อไป จนเสียชีวิตที่ลอนดอนในวันที่ 29 ตุลาคม ปี 1930

สำหรับชนเผ่าเมารีสักลายนี้ ตามประเพณีท้องถิ่นนั้น หากมีการเสียชีวิต ทางครอบครัวจะตัดส่วนหัวเก็บไว้ โดยวิธีการควักส่วนสมองและดวงตาจะทิ้งแล้วปิดผนึก จากนั้นก็นำไปต้มและตากแดดจนแห้ง สุดท้ายเคลือบด้วยนำมันปลาฉลาม ก่อนจะนำไปเก็บไว้ในกล่องแกะสลักสวยงาม ซึ่งจะนำออกมาใช้เมื่อมีพิธีศักดิ์สิทธิ์
Cr.https://www.flagfrog.com/gorgon-general-35-head/



สะสมซากสัตว์เพื่อเปลี่ยนเป็นงานศิลปะ




Damien Hirst ชายผู้หลงใหลในซากสิ่งมีชีวิตและใช้เวลาสะสมร่างหลังความตายของสัตว์จำนวนมากเป็นเวลากว่า 30 ปี แถมยังเคยนำมันมาจัดเป็นนิทรรศการศิลปะส่วนตัวที่ชื่อว่า Vivisection

ผลงานของศิลปินคนนี้กลับต้องถูกยกเลิกหลังจากเปิดให้ผู้คนเข้าชมได้เพียงไม่กี่วัน เพราะถึงจะมีคนประทับใจ แต่หลังจากมีตรวจสอบที่มาของซากเหล่านี้ พบว่า Hirst รับซื้อซากสัตว์บางสัตว์ที่ไม่ได้ตายตามธรรมชาติ อย่างเช่นลูกแกะที่ถูกทำให้ตายเพื่อนำมาใช้เพื่อนำมาแสดงในงานนี้


แต่ถึงจะมีกระแสต่อต้านอย่างมาก ก็ไม่อาจหยุดยั้งการสะสมซากสัตว์ของศิลปินคนนี้ได้ แถมผลงานของเขายังมีคนรอประมูลซื้ออยู่ตลอดด้วย อย่างซากฉลามขนาดใหญ่ที่แช่อยู่นตู้กระจกที่เต็มไปด้วยฟอร์มาลีน ซึ่งเข้าตั้งชื่อว่า The Physical Impossibility of Death in the Mind of Someone Living (ความตายที่คนเป็นไม่แยแส) ได้ถูกประมูลซื้อไปโดย Steve Cohen ในราคาที่สูงกว่า 8 ล้านดอลล่าร์เลยทีเดียว
Cr.https://www.amarintv.com/lifestyle-update/articles-49/34947/




คอลเลคชั่นศิลปะผิวหนังมนุษย์



“ฟุคุชิ มาซาอิชิ” (Fukushi Masaichi) นายแพทย์ชาวญี่ปุ่นผู้ถูกขนานนามว่า Dr. Tattoo จากการศึกษาเพื่อความรู้ทางการแพทย์สู่ความหลงใหลในศิลปะแห่งรอยสัก ยื่นข้อเสนอช่วยเหลือให้เก็บงานสักจนสมบูรณ์ แลกขอเนื้อหนังร่างกายเมื่อตายลง

ฟุคุชิที่หลงใหลในรอยสักได้ศึกษาศาสตร์แห่งรอยสักทั้งบนผิวหนังคนเป็นและคนตายไปพร้อมๆ กัน เขาศึกษาวิธีการดูแลและเก็บรักษาผิวหนังที่ถูกถลกออกมาจากร่าง นำแผ่ขึงให้ได้รูปร่าง และเก็บรักษาใส่กรอบไว้ เพื่อใช้เป็นตัวอย่างศึกษาเพื่อประโยชน์ด้านการแพทย์เป็นหลัก

ตลอดช่วงเวลานับตั้งแต่ปี 1926 ด็อกเตอร์ฟุคุชิเก็บสะสมรอยสักได้จำนวนมาก หลายแผ่นยังเป็นรอยสักแบบเต็มร่างกินพื้นที่ตั้งแต่อกลงมาจนถึงขา และยังมีภาพถ่ายกว่า 3,000 ใบพร้อมข้อมูลของเจ้าของร่างสักลายเหล่านั้น ทว่าน่าเสียดายที่มันถูกทำลายไปในช่วงกรุงโตเกียวถูกลูกระเบิดถล่มตอนสงครามโลกครั้งที่ 2 ยังไม่นับรวมอีกส่วนหนึ่งที่ถูกขโมยไประหว่างการเดินทางไปให้ความรู้เรื่องการสักและศิลปะรอยสักแบบญี่ปุ่น ที่นครชิคาโก ในระหว่างปี1927-1928

ทว่ายังพอโชคดีอยู่บ้างที่ด็อกเตอร์ฟุคุชิได้แบ่งเก็บแผ่นหนังมนุษย์ที่วิจิตรด้วยรอยสักบางส่วนไว้ในที่หลบภัยทางอากาศ และเป็นผลงานส่วนนี้เองที่เหลือรอดมาจนได้รับการดูแลเก็บรักษาไว้ที่วิทยาลัยการแพทย์นิปปอนจนถึงปัจจุบัน (มีแสดงไว้ 105 ชิ้นด้วยกัน ส่วนหนึ่งเป็นของด็อกเตอร์ฟุคุชิ และมีอีกจำนวนหนึ่งเป็นของ คาสึนาริ ฟุคุชิ ลูกชายของเขา) อย่างไรก็ตามที่นี่ไม่ได้เปิดให้คนทั่วไปเข้าชม เว้นเสียแต่นัดเข้าเยี่ยมชมเป็นพิเศษเพื่อการศึกษาไม่ว่าจะเพื่อความรู้ด้านการแพทย์หรือด้านประวัติศาสตร์แห่งศิลปะลายสักของญี่ปุ่นเท่านั้น
Cr.https://sapparot.co/2018/05/31/fukushi-masaichi-human-tattoo-collection/




ศิลปะจากฆาตกรต่อเนื่อง (Murderabilia)



Murderabilia " หมายถึงงานศิลปะที่ผลิตจากฆาตกรต่อเนื่องที่ผลิตออกมา โดยมีคอนเซ็นต์ออกมาว่ารูปนี้เป็นแรงบันดาลใจที่เกี่ยวของกับเหยื่อที่ฆาตกร ฆ่า
โดยศิลปะจากฆาตกรที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งคือ Wayne Gacy เป็น ฆาตกรต่อเนื่องที่สังหารเด็กหนุ่มมากกว่า 20 คน เขามีนิทรรศการศิลปะซึ่งจัดโดยบริษัท ซึ่งภาพส่วนใหญ่เขาจะเน้นรูปตัวตลกที่ทำให้น่ากลัว(ตัวตลกนั้นคือเขา) ส่วนรูปขวาคือหัวกะโหลกที่ทำมาจาก dongs และก็ยังมีรูปที่มีเหยื่อของเขาต่อตัวเป็นรูปหัวกะโหลก

อีกคนหนึ่งก็คือ Charles Manson ผู้ชื่นชอบซาตานและเครื่องหมายสวัสดิกะ ภาพของเขานั้นเป็นภาพที่วาดอย่างหวัดๆ และบางภาพเป็นภาพสีที่ดูแล้วยากจะเข้าใจว่าเขาจะสื่ออะไร และมีรูปลายเส้นที่วาดเล่นๆ เป็นรูปแมงมุมและเส้นด้ายจำนวนมาก ซึ่งเขาบอกว่าแมงมุมเป็นสัตว์กระหายเลือดและเลือดเย็นดี

แน่นอนภาพเหล่านี้มีค่ามาก ส่วนมากถ้าเป็นไปได้ผู้จัดก็ไม่อยากมีการขายเท่าไหร่(กะจะเอาเป็นของตนเอง) แต่สำหรับฆาตกรแล้วเขาต้องการเงินมากเพื่อใช้ชีวิตในคุกอย่างสงบสุข กับอาหารเช้าที่แสนอร่อยในชีวิตประจำวัน และCourtTV จึงต้องตอบสนองความต้องการของฆาตกรเหล่านั้น  โดยมีการจัดนิทรรศการศิลปะแรกของผู้ฆ่าที่มีชื่อเสียงเพื่อนำผลงานมาขายในโลกศิลปะ แม้จะมีกฎหมายจากผู้พิพากษาว่าห้ามผู้กระทำความผิดอาญาร้ายแรงหาผลประโยชน์จากอาชญากรรมนั้นเป็นเครื่องมือหาเงินก็ตาม แต่การป้องกันนี้ไม่ได้ช่วยให้ฆาตกรโรคจิตทั้งหลายขายสินค้าเอาเงินได้เลย
Cr.https://www.clipmass.com/story/9292




ตัวอย่างมนุษย์ประหลาดดอง (Pickled Punks)



Pickled Punks เป็นภาษาตลาดที่หมายถึงทารกระยะฟีตัสที่ผิดปกติที่ไม่ทันลืมตาบนโลกก็ตายจาก นั้นก็นำศพมาดองใส่กระปุก ซึ่งบางครั้งก็เกิดจากการทำแท้ง
แน่นอนมันไม่น่าเชื่อใช่เปล่าละ แต่มันเป็นไปแล้วมีคนสะสมของที่แสนเขย่าขวัญคนนี้จริงๆ โดยสะสมโชว์อย่างเดียวไม่ได้วิจัยแต่อย่างใด

แน่นอนการสะสมศพดองกฎหมายไม่ชอบแน่นอน  แต่ในปี 1977 มีการนำทารกประหลาดดองออกมาวางโชว์แล้วขายมาแล้วที่อเมริกาในชื่อร้าน C.M. Christ ผลก็คือโดนตำรวจจู่โจม คนขายโดนตำรวจจับในข้อหาครอบครองของเหลือของมนุษย์ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย

แม้ จะมีกฎหมายในการเลิกล้มในการขายของสะสมนี้ก็ตาม แต่ปัจจุบันก็ยังมีการแอบซื้อขายของแบบลับๆ อยู่ ในเว็บแถวๆ นี้แหละ โดยมีทั้งของจริง หรือแบบจำลองทำจากยาง โดยราคาก็มีหลายแบบ คือ$ 65 ถึง $200 
Cr.Cr.https://www.clipmass.com/story/9292




หนังสือปกหนังมนุษย์ 



หนังสือปกหนังมนุษย์ จากร่างของฆาตกรอำมหิต ของสะสมสุดคลั่งไคล้ของชาวอังกฤษ
วิลเลี่ยม คอร์เดอร์ (William Corder) เกิดในปี 1803 ที่ประเทศอังกฤษ ชื่อของเขานั้นถูกชาวอังกฤษจดจำในชื่อของ “ฆาตกรโรงนาสีแดง” จากเหตุฆาตกรรมนางสาวมาเรีย มาร์เต็น (Maria Marten) คนรักของตนเองและซ่อนศพไว้ภายในโรงนา

หลังจากที่พบศพแล้ว วิลเลี่ยมก็ถูกจับกุมและถูกตัดสินให้ประหารชีวิตด้วยการแขวนคอในอีกไม่กี่สัปดาห์ต่อมา เรื่องราวของวิลเลี่ยมไม่ได้จบเพียงเท่านั้น ร่างของเขานั้นถูกยึดให้เป็นทรัพย์สินของทางการโดยไม่ได้มีการมอบกลับไปให้ครอบครัวเพื่อทำพิธีตามศาสนา หากแต่ถูกส่งเข้าไปยังคณะแพทยศาสตร์เพื่อนำไปศึกษาและที่สำคัญคือนำไปเป็นของที่ระลึก!!

หลังจากวิลเลี่ยมถูกประหารไปแล้ว โรงนาสีแดงที่เป็นที่เกิดเหตุได้ถูกรื้อออกเป็นชิ้นๆ เพื่อนำมาแปรรูปเป็น “ของที่ระลึก” ขายให้กับชาวอังกฤษ 
มันน่าทึ่งตรงที่ทำออกมาเท่าไหร่ก็ขายหมดทุกชิ้นแถมยังมีของที่อ้างว่าเป็นชิ้นส่วนของโรงนาแดงอีกด้วย และเชือกที่ใช้แขวนคอก็ถูกแบ่งออกมาขายให้เก็บไปสะสมด้วยเช่นกัน

ของที่ระลึกชิ้นที่มีค่าที่สุดในเรื่องนี้ก็คือ “ร่างของวิลเลีย่ม” หลังจากที่ถูกส่งไปที่คณะแพทยศาสตร์แล้ว ร่างของวิลเลี่ยมก็ถูกนำเข้ากระบวนการ “ถลกหนัง” ออกมา เพื่อนำไปฟอกให้สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ และจากนั้นก็นำมาหุ้มปกสำนวนคดีของเขาเองเพื่อเตือนใจว่าหนังที่หุ้มปกหนังสืออยู่นี้คือหนังของฆาตกรในคดีนี้เอง

ส่วนโครงกระดูกนั้นถูกนำไปตั้งไว้ในโรงพยาบาลเวสต์ ซัฟฟอล์ค (West Suffolk) ซึ่งพิเศษตรงที่โครงกระดูกของวิลเลี่ยมนั้นถูกติดตั้งกลไกที่สามารถขยับเองได้เมื่อมีคนเดินเข้าไปใกล้ ปัจจุบันทั้งหนังสือที่หุ้มปกด้วยผิวหนังและโครงกระดูกของ วิลเลี่ยมนั้นยังถูกเก็บรักษาไว้อยู่ในพิพิธภัณฑ์ของเมือง ซัฟฟอล์ค ในประเทศอังกฤษ
Cr.https://ghost-in-manman.blogspot.com/2017/11/blog-post_76.html

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่