สวัสดีทุกคนค่า *ย่อไหว้*
เราได้มีโอกาสร่วมกิจกรรมรีวิว La Mer Treatment Lotion เมื่อหลายอาทิตย์ที่ผ่านมา เป็นหนึ่งใน 20 ผู้โชคดีด้วยค่าาา วี้ดดดดด พูดถึงก็ยังอายรีวิวตัวเองอยู่เลยค่ะ หลายๆท่านเขียนรีวิวดีมาก ทุ่มเททำรูปสวยงาม วิธีการใช้ครบ ดิชั้นน่ะเหรอ? เอากระเป๋าไอแพดเป็นฉากหลังบังพัดลมกันอุบาทว์ไว้แล้วถ่ายรูปขวด ถ่ายรูปผลิตภัณฑ์อื่นๆกับผ้าห่มเน่าๆของตัวเอง อย่างไรก็ตามขอขอบพระคุณทีมงาน Pantip และ La Mer เป็นอย่างสูงที่กรุณาให้ดิชั้นเป็นหนึ่งในผู้ชนะค่ะ *กราบ* รอบนี้ขอกลับมาแก้มือด้วยการรีวิว SR ของรางวัลด้วยรูปที่ปังกว่าเดิมค่ะ!! โดยเราไปรับของรางวัลที่สาขา Zen ชั้น 1 พี่ BA บริการดีมากๆให้ดื่มน้ำระหว่างรอ บรรจงผูกถุงให้ ให้คำแนะนำดี ยิ้มแย้มแจ่มใสมากค่ะ #LoveLaMer
สำหรับของรางวัลที่ได้มาก็คือ แท่น แทน แท้นนนนนน *รัวกลอง*
La Mer Treatment Lotion ขนาด 150 มล มูลค่า 5100 บาท และ Lamer Treatment Lotions Hydeating Mask มูลค่า 1000 บาท
ขอปูพื้นก่อนว่าเราก็คือพนักงานไถนาในห้องแอร์ค่ะ อายุ 30 going to 31 ใช้ชีวิตมา 29 ปีโดยที่ไม่บำรุงอะไรเลย อะไรเหนียวๆคือนับเป็นครีมหมด ยังชีพด้วยครีมซองละ 10 บาทในเซเว่นทาวันละหน จนมาปีที่ 30 คุณขา หนังหน้าแย่มากกก แห้งดั่งทุ่งกุ้งกุลาร้องไห้จนหน้าผลิตความมันออกมาไม่หยุด ยืนกลางแดดที่ลานพารากอนแล้วตอกไข่ใส่หน้าคงออกมาเป็นไข่ดาวมะตูม รูขุมขนใหญ่เหมือนสามพันโบกแกรนด์แคนยอนเมืองไทย เลยคิดว่าเราต้องลงทุนกับเบ้าหน้าบ้างละ ค่อยๆซื้อเก็บไต่ระดับขึ้นไปเรื่อยๆหลายยี่ห้อ จนกระทั่งวันหนึ่งได้ดู Live สดพี่โมเมพูดถึงผลิตภัณฑ์ La Mer ก็คิดว่าอยากลองบ้าง คอมเม้นท์เข้าไปถามนางว่าเราอยากลองซักทีพี่แนะนำตัวไหนสำหรับคนที่ยังไม่เคยลองใช้คะ พี่เค้าเลยแนะนำTreatment Lotion มา เราก็เป็นคนเชื่อคนง่าย ตำมาเลยขวดแรก 100 มล ยอมนั่งกินมาม่าไปเพื่อความสวย อุ๊ย มันเก๋ ขวดก็สวย กลิ่นหอมอ่อนๆ เติมน้ำให้ผิวมีความชุ่มชื้น รูขุมขนสามพันโบกเหลือสองพันห้าร้อยโบก พอขวดแรกหมดก็ตัดสินใจไต่ระดับไปที่ขวด 150 มิล และขนาดอื่นๆที่มากับการซื้อเซต ขวดใหญ่ไว้ที่โต๊ะแต่งตอนเช้า อีกขวดไว้ในตะกร้าใกล้เตียงสำหรับการประทินผิวตอนกลางคืน ขวดที่เอาไปใช้นอกบ้าน แบบไปนอนคืนเดียว นอนหลายคืน มีทุกขนาดค่ะ เดี๋ยวหมดรอบนี้จะไปสอยขวด 200 มลละค่ะ!!
ตัว Treatment Lotion เป็นผลิตภัณฑ์ watery lotion เป็นเหมือนน้ำใสกึ่งเจล มีกลิ่นหอมอ่อนๆพอให้รู้สึกสดชื่น ช่วยเติมน้ำให้ผิว รูขุมขนกระชับ หน้านุ่มขึ้น เป็นผลิตภัณฑ์ prep ผิวที่ใช้หลังจากโทนเนอร์ ปลอบประโลมผิว ช่วยให้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่เราใช้หลังจากนั้นซึมเข้าผิวได้ดีขึ้น วันไหนที่เราตื่นมาเสาร์อาทิตย์ไม่ได้ไปไหนขี้เกียจมากๆก็จะลงแค่ treatment lotion และมอยซ์เจอร์ไรเซอร์อื่นตัวนึงแค่นั้นเลยค่ะสำหรับส่วนผสมหลักๆของ treatment lotion ก็คือ the revitalizing ferment ซึ่งเป็นสาหร่ายที่พบในทะเลทรายซาเฮลของแอฟริกาที่นำมาผ่านกระบวนการของลาแมร์มอบความชุ่มชื้นให้กับผิว และ miracle broth ส่วนผสมลับเฉพาะของลาแมร์ที่ผสมอยู่ในผลิตภัณฑ์หลายๆตัวคุณภาพล้นขวดมากแม่
วิธีใช้ก็คือเทใส่ฝ่ามือแล้วแท็บเบาๆที่ใบหน้าให้ทั่ว รอแห้งแล้วทำขั้นตอนอื่นๆต่อไปเลยค่ะ แล้วด้วยความที่เนื้อเค้าเป็นน้ำกึ่งเจลทำให้ไม่มีความมันตกค้างค่ะ ลองเทียบรูปข้างล่างได้ เราหยอด treatment lotion ทางซ้าย และน้ำมันขวามือ สังเกตได้ว่าทางซ้ายทิ้งไว้เพียงคราบน้ำ ทางขวาที่เป็นน้ำมันทำให้ฟิล์มซับมันทะลุไปเลยค่ะ
ส่วน Lamer Treatment Lotions Hydeating Mask เราไม่เคยลองมาก่อนเลยค่ะเพราะยังเอื้อมไม่ถึง ได้รับของฟรีมานี่ต้องรีบลองวันนี้สดๆร้อนๆเลย บรรจุกล่องสวยงาม ห่อสีเขียวสวยหรูดูดีสไตล์ลาแมร์มากๆค่ะ
แกะถุงดูมีมาส์ค 1 ชิ้น โลชั่นแน่นๆ
เห่อมากรีบใช้รีบรีวิวเลยค่ะของดีต้องรีบบอกต่อ แต่ขอเซ็นเซอร์หน้าตัวเองแพ่พเดี๋ยวคนจะหลงความสวยดิชั้น วิธีใช้ก็คือแปะลงบนใบหน้าซื่อๆเลยค่ะ พยายามไล่ฟองอากาศออกเพื่อแผ่นมาส์คจะได้ประกบติดหน้าเราทุกอณู แม้หลังกล่องเขียนไว้ว่าให้แปะไว้แค่ 8 นาที (ทำไมต้อง 8 นาทีมีใครทราบไหมคะ) แต่ด้วยความโลภแปะยาวไป 15-20 นาทีแล้วดึงออก นวดวนๆให้ส่วนที่เหลือเข้าผิว ส่วนที่เหลือในซองน่ะหรือ ดิชั้นบรรจงปาดทุกหมดลงขวดtreatment lotion 5 มล ที่เปล่าๆ เก็บไว้ทาทีหลัง ยัง! ยังไม่สาแก่ใจอิช้อยค่ะ เอากรรไกรตัดถุงแบะออกแล้วเอาไปปาดแขนปาดขา ของดีขนาดนี้ไม่ให้เหลือค่ะ!!
เปรียบเทียบหน้าก่อนและหลังใช้มาส์ค (เห็นรูขุมขนดิชั้นไม๊คะ สามพันโบกยังต้องเปิดกรวยบายศรีคารวะ) สิ่งที่เรารู้สึกได้คือผิวชุ่มชื้นขึ้นมาทันตา รอยแดงจางลง หน้าใสขึ้น เนื้อโลชั่นหนืดมากกว่าแบบขวดหลายเท่าตัว เนื้อแผ่นมาส์คดีมากกกกเข้ารูปผิวหน้าเนื้อหนาอุ้มน้ำโลชั่นได้ดี เหมาะสำหรับคนที่แบบเมื่อคืนชั้นไถนาดึกแล้วเช้านี้มีเดทอยากเสียเงินขึ้นทางด่วนดาวคะนองสวยปังดังใจ หรือแบบพกไปนอกบ้าน เวลาไปต่างประเทศนอนบนเครื่องก็โปะนอนสวยๆคุณจะไม่ผิดหวัง ตอนนี้บัตรเครดิตในกระเป๋าตังสั่นระริกๆๆอยากซื้อเพิ่มแล้วค่า
นอกจาก treatment lotion เราก็ส่องรีวิวของชาวบ้านไปพลาง มือลั่นบ้างตั้งใจบ้าง บัตรเครดิตก็ยังจาายไม่หมด ถ้ามีเวลาจะมาทำรีวิวให้ทีละตัวเลยค่ะ
ผลิตภัณฑ์ของลาแมร์มีราคาสูงค่ะ แต่ถ้าเราพอจะมีเงินไม่เดือดร้อนและอยากลงทุนก็แนะนำให้ลองดู เดี๋ยวนี้ผลิตภัณฑ์สกินแคร์มีมากมายหลายแบรนด์ให้เลือกช้อปตามความชอบ ทุกแบรนด์ดีหมดค่ะแต่มันก็ดีเท่ากับราคาของมันเองซึ่งพอเราแก่ตัวจะไปใช้ของถูกๆก็งัดหน้าไม่ไหวแล้ว ของที่ทำให้หน้าเราดีแบบปุบปับใช้วันนี้สวยวันพรุ่งนี้ก็ไม่มีจริงนะคะไม่แนะนำให้ใช้ครีมกวนเอง ผิวต้องการของดีๆเข้าไปบำรุงและใช้เวลากับเค้าค่ะ สำคัญที่สุดคือซื้อของดีมาต้องใช้ทุกวันนะคะห้ามขี้เกียจ ท่องไว้ว่าต้องใช้หน้าหาผัวๆๆๆๆ แล้วจะมีกำลังใจขึ้นเยอะค่ะ สำหรับคนที่อยากลองลาแมร์แนะนำให้ไปซื้อแบบเล็กๆมาก่อนเผื่อแพ้จะได้ไม่เจ็บตัวมาก สังเกตของที่เราซื้อส่วนใหญ่ก็ไซส์เล็กค่ะ ดูก่อนว่าคุ้มที่จะลงทุนไหม ถ้าคุ้มก็กำบัตรเครดิตไปที่เคาน์เตอร์หรือซื้อออนไลน์จาก official website หรือตัวแทนจำหน่ายเลยค่ะ (กระซิบว่าเราชอบซื้อเว็บไซต์ลาแมร์ บางช่วงสมาชิกใหม่ได้ของไซส์จิ๋วเพิ่มหนึ่งชิ้นด้วยนะคะ)
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกระทู้ของเราและขอบคุณ Pantip x Lamer อีกครั้งสำหรับกิจกรรมดีๆค่ะ *ย่อไหว้ยิ้มอ่อนโบกมือนางงาม*
[SR] รีวิว La Mer The Treatment Lotion & Hydrating Mask ตำด้วยกันสวยด้วยกัน
เราได้มีโอกาสร่วมกิจกรรมรีวิว La Mer Treatment Lotion เมื่อหลายอาทิตย์ที่ผ่านมา เป็นหนึ่งใน 20 ผู้โชคดีด้วยค่าาา วี้ดดดดด พูดถึงก็ยังอายรีวิวตัวเองอยู่เลยค่ะ หลายๆท่านเขียนรีวิวดีมาก ทุ่มเททำรูปสวยงาม วิธีการใช้ครบ ดิชั้นน่ะเหรอ? เอากระเป๋าไอแพดเป็นฉากหลังบังพัดลมกันอุบาทว์ไว้แล้วถ่ายรูปขวด ถ่ายรูปผลิตภัณฑ์อื่นๆกับผ้าห่มเน่าๆของตัวเอง อย่างไรก็ตามขอขอบพระคุณทีมงาน Pantip และ La Mer เป็นอย่างสูงที่กรุณาให้ดิชั้นเป็นหนึ่งในผู้ชนะค่ะ *กราบ* รอบนี้ขอกลับมาแก้มือด้วยการรีวิว SR ของรางวัลด้วยรูปที่ปังกว่าเดิมค่ะ!! โดยเราไปรับของรางวัลที่สาขา Zen ชั้น 1 พี่ BA บริการดีมากๆให้ดื่มน้ำระหว่างรอ บรรจงผูกถุงให้ ให้คำแนะนำดี ยิ้มแย้มแจ่มใสมากค่ะ #LoveLaMer
สำหรับของรางวัลที่ได้มาก็คือ แท่น แทน แท้นนนนนน *รัวกลอง*
La Mer Treatment Lotion ขนาด 150 มล มูลค่า 5100 บาท และ Lamer Treatment Lotions Hydeating Mask มูลค่า 1000 บาท
ขอปูพื้นก่อนว่าเราก็คือพนักงานไถนาในห้องแอร์ค่ะ อายุ 30 going to 31 ใช้ชีวิตมา 29 ปีโดยที่ไม่บำรุงอะไรเลย อะไรเหนียวๆคือนับเป็นครีมหมด ยังชีพด้วยครีมซองละ 10 บาทในเซเว่นทาวันละหน จนมาปีที่ 30 คุณขา หนังหน้าแย่มากกก แห้งดั่งทุ่งกุ้งกุลาร้องไห้จนหน้าผลิตความมันออกมาไม่หยุด ยืนกลางแดดที่ลานพารากอนแล้วตอกไข่ใส่หน้าคงออกมาเป็นไข่ดาวมะตูม รูขุมขนใหญ่เหมือนสามพันโบกแกรนด์แคนยอนเมืองไทย เลยคิดว่าเราต้องลงทุนกับเบ้าหน้าบ้างละ ค่อยๆซื้อเก็บไต่ระดับขึ้นไปเรื่อยๆหลายยี่ห้อ จนกระทั่งวันหนึ่งได้ดู Live สดพี่โมเมพูดถึงผลิตภัณฑ์ La Mer ก็คิดว่าอยากลองบ้าง คอมเม้นท์เข้าไปถามนางว่าเราอยากลองซักทีพี่แนะนำตัวไหนสำหรับคนที่ยังไม่เคยลองใช้คะ พี่เค้าเลยแนะนำTreatment Lotion มา เราก็เป็นคนเชื่อคนง่าย ตำมาเลยขวดแรก 100 มล ยอมนั่งกินมาม่าไปเพื่อความสวย อุ๊ย มันเก๋ ขวดก็สวย กลิ่นหอมอ่อนๆ เติมน้ำให้ผิวมีความชุ่มชื้น รูขุมขนสามพันโบกเหลือสองพันห้าร้อยโบก พอขวดแรกหมดก็ตัดสินใจไต่ระดับไปที่ขวด 150 มิล และขนาดอื่นๆที่มากับการซื้อเซต ขวดใหญ่ไว้ที่โต๊ะแต่งตอนเช้า อีกขวดไว้ในตะกร้าใกล้เตียงสำหรับการประทินผิวตอนกลางคืน ขวดที่เอาไปใช้นอกบ้าน แบบไปนอนคืนเดียว นอนหลายคืน มีทุกขนาดค่ะ เดี๋ยวหมดรอบนี้จะไปสอยขวด 200 มลละค่ะ!!
ตัว Treatment Lotion เป็นผลิตภัณฑ์ watery lotion เป็นเหมือนน้ำใสกึ่งเจล มีกลิ่นหอมอ่อนๆพอให้รู้สึกสดชื่น ช่วยเติมน้ำให้ผิว รูขุมขนกระชับ หน้านุ่มขึ้น เป็นผลิตภัณฑ์ prep ผิวที่ใช้หลังจากโทนเนอร์ ปลอบประโลมผิว ช่วยให้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่เราใช้หลังจากนั้นซึมเข้าผิวได้ดีขึ้น วันไหนที่เราตื่นมาเสาร์อาทิตย์ไม่ได้ไปไหนขี้เกียจมากๆก็จะลงแค่ treatment lotion และมอยซ์เจอร์ไรเซอร์อื่นตัวนึงแค่นั้นเลยค่ะสำหรับส่วนผสมหลักๆของ treatment lotion ก็คือ the revitalizing ferment ซึ่งเป็นสาหร่ายที่พบในทะเลทรายซาเฮลของแอฟริกาที่นำมาผ่านกระบวนการของลาแมร์มอบความชุ่มชื้นให้กับผิว และ miracle broth ส่วนผสมลับเฉพาะของลาแมร์ที่ผสมอยู่ในผลิตภัณฑ์หลายๆตัวคุณภาพล้นขวดมากแม่
วิธีใช้ก็คือเทใส่ฝ่ามือแล้วแท็บเบาๆที่ใบหน้าให้ทั่ว รอแห้งแล้วทำขั้นตอนอื่นๆต่อไปเลยค่ะ แล้วด้วยความที่เนื้อเค้าเป็นน้ำกึ่งเจลทำให้ไม่มีความมันตกค้างค่ะ ลองเทียบรูปข้างล่างได้ เราหยอด treatment lotion ทางซ้าย และน้ำมันขวามือ สังเกตได้ว่าทางซ้ายทิ้งไว้เพียงคราบน้ำ ทางขวาที่เป็นน้ำมันทำให้ฟิล์มซับมันทะลุไปเลยค่ะ
ส่วน Lamer Treatment Lotions Hydeating Mask เราไม่เคยลองมาก่อนเลยค่ะเพราะยังเอื้อมไม่ถึง ได้รับของฟรีมานี่ต้องรีบลองวันนี้สดๆร้อนๆเลย บรรจุกล่องสวยงาม ห่อสีเขียวสวยหรูดูดีสไตล์ลาแมร์มากๆค่ะ
แกะถุงดูมีมาส์ค 1 ชิ้น โลชั่นแน่นๆ
เห่อมากรีบใช้รีบรีวิวเลยค่ะของดีต้องรีบบอกต่อ แต่ขอเซ็นเซอร์หน้าตัวเองแพ่พเดี๋ยวคนจะหลงความสวยดิชั้น วิธีใช้ก็คือแปะลงบนใบหน้าซื่อๆเลยค่ะ พยายามไล่ฟองอากาศออกเพื่อแผ่นมาส์คจะได้ประกบติดหน้าเราทุกอณู แม้หลังกล่องเขียนไว้ว่าให้แปะไว้แค่ 8 นาที (ทำไมต้อง 8 นาทีมีใครทราบไหมคะ) แต่ด้วยความโลภแปะยาวไป 15-20 นาทีแล้วดึงออก นวดวนๆให้ส่วนที่เหลือเข้าผิว ส่วนที่เหลือในซองน่ะหรือ ดิชั้นบรรจงปาดทุกหมดลงขวดtreatment lotion 5 มล ที่เปล่าๆ เก็บไว้ทาทีหลัง ยัง! ยังไม่สาแก่ใจอิช้อยค่ะ เอากรรไกรตัดถุงแบะออกแล้วเอาไปปาดแขนปาดขา ของดีขนาดนี้ไม่ให้เหลือค่ะ!!
เปรียบเทียบหน้าก่อนและหลังใช้มาส์ค (เห็นรูขุมขนดิชั้นไม๊คะ สามพันโบกยังต้องเปิดกรวยบายศรีคารวะ) สิ่งที่เรารู้สึกได้คือผิวชุ่มชื้นขึ้นมาทันตา รอยแดงจางลง หน้าใสขึ้น เนื้อโลชั่นหนืดมากกว่าแบบขวดหลายเท่าตัว เนื้อแผ่นมาส์คดีมากกกกเข้ารูปผิวหน้าเนื้อหนาอุ้มน้ำโลชั่นได้ดี เหมาะสำหรับคนที่แบบเมื่อคืนชั้นไถนาดึกแล้วเช้านี้มีเดทอยากเสียเงินขึ้นทางด่วนดาวคะนองสวยปังดังใจ หรือแบบพกไปนอกบ้าน เวลาไปต่างประเทศนอนบนเครื่องก็โปะนอนสวยๆคุณจะไม่ผิดหวัง ตอนนี้บัตรเครดิตในกระเป๋าตังสั่นระริกๆๆอยากซื้อเพิ่มแล้วค่า
นอกจาก treatment lotion เราก็ส่องรีวิวของชาวบ้านไปพลาง มือลั่นบ้างตั้งใจบ้าง บัตรเครดิตก็ยังจาายไม่หมด ถ้ามีเวลาจะมาทำรีวิวให้ทีละตัวเลยค่ะ
ผลิตภัณฑ์ของลาแมร์มีราคาสูงค่ะ แต่ถ้าเราพอจะมีเงินไม่เดือดร้อนและอยากลงทุนก็แนะนำให้ลองดู เดี๋ยวนี้ผลิตภัณฑ์สกินแคร์มีมากมายหลายแบรนด์ให้เลือกช้อปตามความชอบ ทุกแบรนด์ดีหมดค่ะแต่มันก็ดีเท่ากับราคาของมันเองซึ่งพอเราแก่ตัวจะไปใช้ของถูกๆก็งัดหน้าไม่ไหวแล้ว ของที่ทำให้หน้าเราดีแบบปุบปับใช้วันนี้สวยวันพรุ่งนี้ก็ไม่มีจริงนะคะไม่แนะนำให้ใช้ครีมกวนเอง ผิวต้องการของดีๆเข้าไปบำรุงและใช้เวลากับเค้าค่ะ สำคัญที่สุดคือซื้อของดีมาต้องใช้ทุกวันนะคะห้ามขี้เกียจ ท่องไว้ว่าต้องใช้หน้าหาผัวๆๆๆๆ แล้วจะมีกำลังใจขึ้นเยอะค่ะ สำหรับคนที่อยากลองลาแมร์แนะนำให้ไปซื้อแบบเล็กๆมาก่อนเผื่อแพ้จะได้ไม่เจ็บตัวมาก สังเกตของที่เราซื้อส่วนใหญ่ก็ไซส์เล็กค่ะ ดูก่อนว่าคุ้มที่จะลงทุนไหม ถ้าคุ้มก็กำบัตรเครดิตไปที่เคาน์เตอร์หรือซื้อออนไลน์จาก official website หรือตัวแทนจำหน่ายเลยค่ะ (กระซิบว่าเราชอบซื้อเว็บไซต์ลาแมร์ บางช่วงสมาชิกใหม่ได้ของไซส์จิ๋วเพิ่มหนึ่งชิ้นด้วยนะคะ)
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกระทู้ของเราและขอบคุณ Pantip x Lamer อีกครั้งสำหรับกิจกรรมดีๆค่ะ *ย่อไหว้ยิ้มอ่อนโบกมือนางงาม*
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้