สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 2
ขอชมคนเขียนบท เรื่องนี้ถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกของคู่รักที่คบกันนาน 15 ปีได้ดีมาก จริงจริง มีความโกรธหมอเป้งมาก แต่ชอบซีนที่ทั้งสองคุยกันตอนต้น คือ จริงมาก คบกันมานานเวลาคุยกันตอนที่มีปัญหาก็จะประมาณนี้ละ
ดูพฤติกรรมทานตะวันแล้ว ความสุขของทานตะวันไปแขวนกับหมอเป้งมากเกินไป เพราะปมในวัยเด็ก และเพราะคำพูดการกระทำของหมอเป้งมันดูละเลยคนข้างตัวเกินไป จะรักกันมากี่ปี แต่ทำแบบนี้พูดแบบนี้บ่อยบ่อยมันก็บั่นทอนความรักความสัมพันธ์ที่ร่วมกันสร้างมา 15 ปีไม่รู้ตัว แถมทิ้งรอยแผลและคำถามความไม่มั่นใจ ความลังเลใจไว้ให้อีกฝ่ายทุกครั้งจนเป็น trauma ทางจิตใจของทานตะวัน ที่ถูกละเลย แล้วคิดว่าโดนซ้ำๆ ซ้ำๆ หลายปี เจ็บแล้วเจ็บอีกกับคำพูดและการกระทำคงหนักหนาพอดู
ผู้หญิงอ่ะนะ เมื่อสิ่งที่เคยได้รับมันเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิม ก็จะยิ่งพยายามเรียกร้องมองหาความเหมือนเดิม พยายามแก้ไขและรักษาให้ดีเหมือนเดิมเลยดูยิ่งเกาะติดกว่าเดิม ทั้งที่ความจริงมันควรต้องเป็นหน้าที่อีกฝ่ายที่สร้างความมั่นใจให้คู่ตัวเอง
คิดว่าถ้าทั้งสองคน ต่างละเลยซึ่งกันและกัน หรืองานยุ่งทั้งคู่ หรือนิสัยห้วนห้วนแข็งแข็งแบบหมอเป้งทั้งคู่ คงไม่ได้มาไกล 15 ปีแน่นอนเห็นทานตะวันโดนคนดูไล่ให้ไปหางานทำบ่อยบ่อย อยากจะตะโกนบอกว่าต่อให้นางทำงานความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็เป็นแบบนี้ค่ะ เผลอเผลอแย่กว่านี้อีกจ้า ปัจจุบันมันยังไปต่อได้ส่วนหนึ่งก็เพราะทานตะวันว่างงานนี่ละ เลยพร้อมจะไปดักเจอ พร้อมจะทำกับข้าวไปส่งพร้อมจะเติมความหวาน พร้อมคอย พร้อมไปหา พร้อมจะถมช่องว่างที่ไม่ได้เจอกัน พร้อมสแตนบายรอวันว่างของหมอเป้งได้ตลอด ลองนางเอกทำงานสิช่องเวลาเหล่านี้ก็จะหายไปไอที่ไกลกันแทบไม่ได้เจอกันใส่ใจกัน มันคงยิ่งห่างกว่าเดิม
ปัญหาคู่นี้ไม่ใช่เรื่องของเวลา ที่อีกฝ่ายยุ่งจัดทุ่มเทเพื่อคนไข้ ในขณะที่อีกฝ่ายว่างเกิน
แต่ปัญหาอยู่ที่ อีกฝ่ายก็ให้และใส่ใจแบบเต็มที่จนมองข้ามตัวเอง ในขณะที่อีกฝ่ายละเลย ไม่ใส่ใจมองเห็นกันเลยต่างหาก เวลาที่เจอกันน้อยจะไม่เป็นปัญหาเลย ถ้าตอนที่เจอกัน1 วันต่ออาทิตย์ หมอเป้งแสดงออกว่ายังรัก ยังแคร์ ยังใส่ใจ สนใจอยู่
สังเกตุว่า ทานตะวัน ทุกครั้งที่รู้ตัวว่าผิดว่าไปรบกวนหมอเป้งจะกล่าวคำวว่า ขอโทษตลอด แต่หมอเป้งตั้งแต่ดูมายังไม่ค่อยหลุดคำนี้ออกมาเลย เวลาที่ตัวเองลืมนัด เวลาที่ละเลย เวลาที่ใช้คำพูดแรงแรง ทำร้ายใจกัน ไม่เห็นมีขอโทษ มันสะสมจนนับวันยิ่งบั่นทอนกัน
บางคู่ไม่เจอกันเลยทำไมเค้าอยู่กันได้ เพราะช่วงเวลาที่ผ่านมา, ช่วงเวลาที่เจอกัน หรือช่วงเวลาที่ไม่เจอกัน เค้ามั่นใจว่ายังมีกันและกัน และยังรักกันอยู่เสมอ แต่หมอเป้งนอกจากไม่มีเวลาแล้ว ยังละเลยอีกเลยทำให้ทานตะวันเลยยิ่งไม่มั่นใจ
ถึงแม้หมอเป้งไม่ค่อยมีเวลาและทุ่มให้งาน และนางเอกว่างจัด ถึงแม้ทานตะวันพยายามถมช่องว่างนี้โดนการหมุนตามโลกของหมอเป้งแล้วแต่ที่มีปัญหา อาจจะเกิดจากความไม่พอดีกันในเรื่องความใส่ใจ คือ ถ้าใส่ใจกันทั้งคู่หรือไม่ใส่ใจกันทั้งคู่ ก็จะพอดีกัน แต่นี่คนนึงใส่ใจอีกคนไม่ใส่ใจ มันเลยไม่พอดีกันเลย เหมือนฉลามเป็นประเภทใส่ใจเลยไปกันได้กับทานตะวัน และไปไม่ค่อยได้กับหมอเป้ง
อยากจะบอกว่าปัจจุบันเทคโนโลยีมันมาแก้ไขปัญหาด้านเวลาที่ไม่เท่ากันของทั้งคู่แล้วดังนั้น
" เวลาไม่ใช่ข้ออ้างสำหรับคำว่าละเลย มันอยู่ที่ว่านึกถึงใจกันและกันบ้างหรือเปล่า"
คำพูดและการกระทำเวลาที่เจอกัน มันสามารถทดแทนเวลาที่ไม่เจอกันเวลาที่หมอเป้งไปทุ่มเทกับคนไข้ได้หรือเปล่า แต่ที่เป็นอยู่คือนอกจากจะทุ่มเทให้คนไข้ซึ่งก็เข้าใจได้ว่าเป็นผลจากปมในอดีตแล้วเวลาเจอกันก็มีแต่บั่นทอนความรู้สึกกันเข้าไปอีก
จริงจริงแล้วหมอเป้งควรจะใช้เวลาที่เจอกันอันน้อยนิดให้เป็นพลังบวก คือใส่ใจให้มาก เพื่อทดแทนเวลาที่ไม่มีให้ แบบนานนานมาทีแต่บวกใส่เต็ม แต่นี่นานนานมาที แถมเวลาที่เจอกันดันมีแต่ถ้อยคำละเลย ไม่ใส่ใจ บาดใจบาดหูอีก ประเภท ร้องไห้อีกละ,ไม่ได้ขอให้ทำนี่, อย่าวุ่นวายได้ไหม, อนาคตข้างหน้าไม่รู้ตอนนี้ก็ดีอยู่แล้ว, ถ้ามันหนักหนาก็เลิกกันเถอะ
คำพูดการกระทำแบบนี้ต่อให้แกร่งแค่ไหนรักแค่ไหน คบกันมานานแค่ไหน ได้ยินแบบนี้บ่อยบ่อยก็ล้าทั้งนั้น
ทุ่มเทให้คนไข้ ไม่มีเวลาให้ ก็ใส่ใจนึกถึงกันได้นะ เช่น
- e-learning อยู่คนละที่ ก็video call ไปสิ เปิดทิ้งไว้ต่างคนต่างทำอะไรของตัวเองไป หันขึ้นมามองกันชั่วโมงละครั้งก็ได้ ก่อนนอนก็ good night แค่นั้น
- วันครบรอบไม่ว่าง ไปหาไม่ได้ ก็ส่ง line คำพูดดีดีไปสิ
-หัดพูดขอโทษเวลาที่พูดจาทำร้ายกันเวลาที่ทะเลาะกัน และแสดงความดีใจเวลาได้รับบ้าง
- ตอนเช้าระหว่างเดินจากหอไปโรงพยาบาลก็โทรไปสิหรือ ส่ง line ไปสิว่าคิดถึง นึกถึงเธอ
- เวลาทานตะวันมาหาตอนเช้าก็จับมือกันเดินคุยกันไปถึงหน้าประตูโรงพยาบาลก็แยกกันก็ได้
-บอกรักบ้างเวลาที่อีกฝ่ายร้องขอหรือไม่ร้องขอก็ตาม
-ที่สำคัญเลิกแก้ปัญหาด้วยคำว่า เลิกกันเถอะ เพราะขณะที่อีกฝ่ายพยายามรักษาความสัมพันธ์อย่างหนักอดทน อย่างมาก แต่อีกฝ่ายกลับคิดที่จะปล่อยไม่พยายามอะไรเลย ได้ยินแบบนี้ท้อใจจริงจริง
มาถึงตัวอย่าง ep 6. ที่ทานตะวันบอกจะให้โอกาสครั้งสุดท้ายระหว่างตัวเองกับหมอเป้ง เพราะที่ผ่านมามันมาได้ไกลขนาดนี้ เพราะทานตะวันพยายาม hold พยายามกอบกู้ความสัมพันธ์นี้ฝ่ายเดียว มันเลยเหนื่อยและล้า และคงคิดว่าต้องปล่อยมันแล้วละเพราะไม่ไหวแล้ว
ป.ล. เราความรัก 14 ปี เข้าใจอารมณ์นางเอกเลย ทั้งทั้งที่คู่เรา ไม่ได้มีปัญหา เข้าใจใส่ใจกัน พร้อมปรับทั้งคู่ และดูแลรักษาคำพูดการกระทำมากกว่าคู่หมอเป้งมาก ยังมีอารมณ์แบบนี้ แต่อาจเป็นเพราะความรักที่ไม่เหมือนเดิมตามกาลเวลาที่มากขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องปกติ พออะไรที่เคยได้รับมันเปลี่ยน มันเลยทำให้ยิ่งนาน ก็ยิ่งต้องการความมั่นใจ ยิ่งต้องแสดงให้เห็นว่ายังใส่ใจกันมากขึ้น ยังรักกันเหมือนเดิมนะ
เห็นมีซีนที่ทั้งคู่นั่งจับมือจ้องหน้ากันที่ไตเติ้ลละคร แบบนี้แค่นี้ก็ดีต่อความสัมพันธ์ของทั้งคู่แล้วก็แค่โมเม้นนิดนิดหน่อยหน่อยแบบนี้ละที่ทานตะวันต้องการ
ดูพฤติกรรมทานตะวันแล้ว ความสุขของทานตะวันไปแขวนกับหมอเป้งมากเกินไป เพราะปมในวัยเด็ก และเพราะคำพูดการกระทำของหมอเป้งมันดูละเลยคนข้างตัวเกินไป จะรักกันมากี่ปี แต่ทำแบบนี้พูดแบบนี้บ่อยบ่อยมันก็บั่นทอนความรักความสัมพันธ์ที่ร่วมกันสร้างมา 15 ปีไม่รู้ตัว แถมทิ้งรอยแผลและคำถามความไม่มั่นใจ ความลังเลใจไว้ให้อีกฝ่ายทุกครั้งจนเป็น trauma ทางจิตใจของทานตะวัน ที่ถูกละเลย แล้วคิดว่าโดนซ้ำๆ ซ้ำๆ หลายปี เจ็บแล้วเจ็บอีกกับคำพูดและการกระทำคงหนักหนาพอดู
ผู้หญิงอ่ะนะ เมื่อสิ่งที่เคยได้รับมันเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิม ก็จะยิ่งพยายามเรียกร้องมองหาความเหมือนเดิม พยายามแก้ไขและรักษาให้ดีเหมือนเดิมเลยดูยิ่งเกาะติดกว่าเดิม ทั้งที่ความจริงมันควรต้องเป็นหน้าที่อีกฝ่ายที่สร้างความมั่นใจให้คู่ตัวเอง
คิดว่าถ้าทั้งสองคน ต่างละเลยซึ่งกันและกัน หรืองานยุ่งทั้งคู่ หรือนิสัยห้วนห้วนแข็งแข็งแบบหมอเป้งทั้งคู่ คงไม่ได้มาไกล 15 ปีแน่นอนเห็นทานตะวันโดนคนดูไล่ให้ไปหางานทำบ่อยบ่อย อยากจะตะโกนบอกว่าต่อให้นางทำงานความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็เป็นแบบนี้ค่ะ เผลอเผลอแย่กว่านี้อีกจ้า ปัจจุบันมันยังไปต่อได้ส่วนหนึ่งก็เพราะทานตะวันว่างงานนี่ละ เลยพร้อมจะไปดักเจอ พร้อมจะทำกับข้าวไปส่งพร้อมจะเติมความหวาน พร้อมคอย พร้อมไปหา พร้อมจะถมช่องว่างที่ไม่ได้เจอกัน พร้อมสแตนบายรอวันว่างของหมอเป้งได้ตลอด ลองนางเอกทำงานสิช่องเวลาเหล่านี้ก็จะหายไปไอที่ไกลกันแทบไม่ได้เจอกันใส่ใจกัน มันคงยิ่งห่างกว่าเดิม
ปัญหาคู่นี้ไม่ใช่เรื่องของเวลา ที่อีกฝ่ายยุ่งจัดทุ่มเทเพื่อคนไข้ ในขณะที่อีกฝ่ายว่างเกิน
แต่ปัญหาอยู่ที่ อีกฝ่ายก็ให้และใส่ใจแบบเต็มที่จนมองข้ามตัวเอง ในขณะที่อีกฝ่ายละเลย ไม่ใส่ใจมองเห็นกันเลยต่างหาก เวลาที่เจอกันน้อยจะไม่เป็นปัญหาเลย ถ้าตอนที่เจอกัน1 วันต่ออาทิตย์ หมอเป้งแสดงออกว่ายังรัก ยังแคร์ ยังใส่ใจ สนใจอยู่
สังเกตุว่า ทานตะวัน ทุกครั้งที่รู้ตัวว่าผิดว่าไปรบกวนหมอเป้งจะกล่าวคำวว่า ขอโทษตลอด แต่หมอเป้งตั้งแต่ดูมายังไม่ค่อยหลุดคำนี้ออกมาเลย เวลาที่ตัวเองลืมนัด เวลาที่ละเลย เวลาที่ใช้คำพูดแรงแรง ทำร้ายใจกัน ไม่เห็นมีขอโทษ มันสะสมจนนับวันยิ่งบั่นทอนกัน
บางคู่ไม่เจอกันเลยทำไมเค้าอยู่กันได้ เพราะช่วงเวลาที่ผ่านมา, ช่วงเวลาที่เจอกัน หรือช่วงเวลาที่ไม่เจอกัน เค้ามั่นใจว่ายังมีกันและกัน และยังรักกันอยู่เสมอ แต่หมอเป้งนอกจากไม่มีเวลาแล้ว ยังละเลยอีกเลยทำให้ทานตะวันเลยยิ่งไม่มั่นใจ
ถึงแม้หมอเป้งไม่ค่อยมีเวลาและทุ่มให้งาน และนางเอกว่างจัด ถึงแม้ทานตะวันพยายามถมช่องว่างนี้โดนการหมุนตามโลกของหมอเป้งแล้วแต่ที่มีปัญหา อาจจะเกิดจากความไม่พอดีกันในเรื่องความใส่ใจ คือ ถ้าใส่ใจกันทั้งคู่หรือไม่ใส่ใจกันทั้งคู่ ก็จะพอดีกัน แต่นี่คนนึงใส่ใจอีกคนไม่ใส่ใจ มันเลยไม่พอดีกันเลย เหมือนฉลามเป็นประเภทใส่ใจเลยไปกันได้กับทานตะวัน และไปไม่ค่อยได้กับหมอเป้ง
อยากจะบอกว่าปัจจุบันเทคโนโลยีมันมาแก้ไขปัญหาด้านเวลาที่ไม่เท่ากันของทั้งคู่แล้วดังนั้น
" เวลาไม่ใช่ข้ออ้างสำหรับคำว่าละเลย มันอยู่ที่ว่านึกถึงใจกันและกันบ้างหรือเปล่า"
คำพูดและการกระทำเวลาที่เจอกัน มันสามารถทดแทนเวลาที่ไม่เจอกันเวลาที่หมอเป้งไปทุ่มเทกับคนไข้ได้หรือเปล่า แต่ที่เป็นอยู่คือนอกจากจะทุ่มเทให้คนไข้ซึ่งก็เข้าใจได้ว่าเป็นผลจากปมในอดีตแล้วเวลาเจอกันก็มีแต่บั่นทอนความรู้สึกกันเข้าไปอีก
จริงจริงแล้วหมอเป้งควรจะใช้เวลาที่เจอกันอันน้อยนิดให้เป็นพลังบวก คือใส่ใจให้มาก เพื่อทดแทนเวลาที่ไม่มีให้ แบบนานนานมาทีแต่บวกใส่เต็ม แต่นี่นานนานมาที แถมเวลาที่เจอกันดันมีแต่ถ้อยคำละเลย ไม่ใส่ใจ บาดใจบาดหูอีก ประเภท ร้องไห้อีกละ,ไม่ได้ขอให้ทำนี่, อย่าวุ่นวายได้ไหม, อนาคตข้างหน้าไม่รู้ตอนนี้ก็ดีอยู่แล้ว, ถ้ามันหนักหนาก็เลิกกันเถอะ
คำพูดการกระทำแบบนี้ต่อให้แกร่งแค่ไหนรักแค่ไหน คบกันมานานแค่ไหน ได้ยินแบบนี้บ่อยบ่อยก็ล้าทั้งนั้น
ทุ่มเทให้คนไข้ ไม่มีเวลาให้ ก็ใส่ใจนึกถึงกันได้นะ เช่น
- e-learning อยู่คนละที่ ก็video call ไปสิ เปิดทิ้งไว้ต่างคนต่างทำอะไรของตัวเองไป หันขึ้นมามองกันชั่วโมงละครั้งก็ได้ ก่อนนอนก็ good night แค่นั้น
- วันครบรอบไม่ว่าง ไปหาไม่ได้ ก็ส่ง line คำพูดดีดีไปสิ
-หัดพูดขอโทษเวลาที่พูดจาทำร้ายกันเวลาที่ทะเลาะกัน และแสดงความดีใจเวลาได้รับบ้าง
- ตอนเช้าระหว่างเดินจากหอไปโรงพยาบาลก็โทรไปสิหรือ ส่ง line ไปสิว่าคิดถึง นึกถึงเธอ
- เวลาทานตะวันมาหาตอนเช้าก็จับมือกันเดินคุยกันไปถึงหน้าประตูโรงพยาบาลก็แยกกันก็ได้
-บอกรักบ้างเวลาที่อีกฝ่ายร้องขอหรือไม่ร้องขอก็ตาม
-ที่สำคัญเลิกแก้ปัญหาด้วยคำว่า เลิกกันเถอะ เพราะขณะที่อีกฝ่ายพยายามรักษาความสัมพันธ์อย่างหนักอดทน อย่างมาก แต่อีกฝ่ายกลับคิดที่จะปล่อยไม่พยายามอะไรเลย ได้ยินแบบนี้ท้อใจจริงจริง
มาถึงตัวอย่าง ep 6. ที่ทานตะวันบอกจะให้โอกาสครั้งสุดท้ายระหว่างตัวเองกับหมอเป้ง เพราะที่ผ่านมามันมาได้ไกลขนาดนี้ เพราะทานตะวันพยายาม hold พยายามกอบกู้ความสัมพันธ์นี้ฝ่ายเดียว มันเลยเหนื่อยและล้า และคงคิดว่าต้องปล่อยมันแล้วละเพราะไม่ไหวแล้ว
ป.ล. เราความรัก 14 ปี เข้าใจอารมณ์นางเอกเลย ทั้งทั้งที่คู่เรา ไม่ได้มีปัญหา เข้าใจใส่ใจกัน พร้อมปรับทั้งคู่ และดูแลรักษาคำพูดการกระทำมากกว่าคู่หมอเป้งมาก ยังมีอารมณ์แบบนี้ แต่อาจเป็นเพราะความรักที่ไม่เหมือนเดิมตามกาลเวลาที่มากขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องปกติ พออะไรที่เคยได้รับมันเปลี่ยน มันเลยทำให้ยิ่งนาน ก็ยิ่งต้องการความมั่นใจ ยิ่งต้องแสดงให้เห็นว่ายังใส่ใจกันมากขึ้น ยังรักกันเหมือนเดิมนะ
เห็นมีซีนที่ทั้งคู่นั่งจับมือจ้องหน้ากันที่ไตเติ้ลละคร แบบนี้แค่นี้ก็ดีต่อความสัมพันธ์ของทั้งคู่แล้วก็แค่โมเม้นนิดนิดหน่อยหน่อยแบบนี้ละที่ทานตะวันต้องการ
แสดงความคิดเห็น
รักฉุดใจนายฉุกเฉิน หมอเป้งEP.5 เย็นชามาก
มาคุยกันได้นะ 5555 ติดหนักมาก