เนื่องจากเพิ่งผ่านประสบการณ์ผ่าซีสต์รังไข่ชนิด Dermoid Cyst ระหว่างตั้งครรภ์มาได้ 3 สัปดาห์ จึงอยากมาแชร์ประสบการณ์ให้แม่ๆที่อาจจะประสบสถานการณ์เดียวกันไว้เป็นความรู้และกำลังใจค่ะ
ย้อนไปเมื่อปีที่แล้ว (2561) ได้ตรวจสุขภาพประจำปีที่ทำงาน อัลตร้าซาวด์ท้องล่าง เจอถุงน้ำรังไข่ซ้ายขนาด 2-3 cm คุณหมอให้ลองไปตรวจอีกครั้ง 3 เดือนต่อจากนั้นเพื่อดูว่าถุงน้ำยุบหรือไม่ เพราะอาจจะเกิดจากฮอร์โมนส์ได้ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ไป
จนกระทั่งต้นปีนี้ (2562) รู้สึกมีอาการแน่นท้องล่างด้านขวา โดยเฉพาะช่วงเป็นประจำเดือนและตอนมีเพศสัมพันธ์กับแฟน (บางครั้ง) จึงกังวลว่าอาจเป็นเพราะซีสต์ที่ตรวจเจอก่อนหน้านั้นเกิดโตขึ้นแล้วเบียดดันมาฝั่งขวา จึงไปพบคุณหมอสูติฯ ที่รพ.เอกชนแห่งหนึ่งใกล้บ้าน ทำการอัลตร้าซาวด์ทั้งภายนอกภายในไม่พบถุงน้ำใดๆ แต่คุณหมอบอกว่า "จากการกดท้องดูมีลักษณะแน่นจริง อีกทั้งผนังมดลูกด้านขวาก็ดูหนากว่าปกติ" คุณหมอจึงแนะนำว่าให้กลับไปพบคุณหมอที่เคยผ่าไส้เลื่อนให้ (เคยผ่าไส้เลื่อนเมื่อประมาณปี 2559) เพื่อตรวจดูว่าไส้เลื่อนมีอาการแทรกซ้อนหรือไม่
เมื่อพบคุณหมอศัลย์ (ไส้เลื่อน) คุณหมอจับท้องไม่พบอาการผิดปกติ แต่ตัวเราแสดงอาการกังวล คุณหมอจึงส่ง ct scan และได้ ct scan วันที่ 31 พ.ค. 62 (ก่อน ct scan 2 วันได้ตรวจการตั้งครรภ์ด้วยที่ตรวจทั่วไปซึ่งไม่พบการตั้งครรภ์)
วันที่ 7 มิ.ย. 62 ฟังผล ct scan ซึ่งไม่พบความผิดปกติเกี่ยวกับไส้เลื่อน แต่พบซีสต์หลังมดลูกที่รังไข่ขวา ขนาด 6 cm+ ลักษณะเป็น Dermoid Cyst ซึ่งด้านในบรรจุพวกไขมัน เส้นผม ฟัน เล็บ คุณหมอศัลย์จึงส่งต่อแผนกนรีเวช
วันที่ 11 มิ.ย. 62 พบคุณหมอนรีเวช ได้คิวผ่าตัดซีสต์วันที่ 14 พ.ย. 62 จึงคิดว่าต่อจากนี้คงปล่อยให้มีลูกไม่ได้ไปอีก 5 เดือน แต่เนื่องจากที่คอนโดเหลือที่ตรวจครรภ์อีก 1 อันจึงเอามาตรวจเล่นๆ (วันที่ 12 มิ.ย. 62) เพราะทิ้งไว้เฉยๆก็กลัวเสีย สรุปว่าขึ้น 2 ขีดจางๆ กลางวันวันที่ 13 มิ.ย. 62 จึงตรวจอีกครั้ง สรุปขึ้น 2 ขีดชัด ช่วงเย็นของวันนั้นจึงไปตรวจเลือดที่ รพ. เอกชนเดิมใกล้บ้าน ผลเลือดคือท้อง ตอนนั้นกังวลมากเพราะได้ทำ ct scan ไปแล้ว จึงถามคุณหมอไปว่า "ควรเก็บน้องไว้ไหม" คุณหมอแนะนำว่า "ให้เก็บไว้ เพราะไม่มีข้อบ่งชี้ว่าต้องยุติการตั้งครรภ์"
วันที่ 17 มิ.ย. 62 กลับไปพบคุณหมอนรีเวชอีกครั้ง คุณหมออัลตร้าซาวด์พบถุงตั้งครรภ์ขนาดเท่าหัวแม่มือ (ประมาณ 5-6 w) คุณหมอจึงเลื่อนผ่าตัดให้เป็นวันที่ 29 ส.ค. 62 ซึ่งจะเป็นช่วงประมาณ 15-16 w (เป็นเวลาเหมาะสมที่ควรผ่า เนื่องจาก น้องจะสามารถแข็งแรงพอต่อการผ่าตัดของแม่ และขนาดน้องยังไม่ใหญ่เกินไปจนไปเบียดซีสต์ให้แตกซึ่งจะทำให้เกิดการติดเชื้อในช่องท้องได้)
น้องอดทน แข็งแรงไม่แท้งไปก่อนจนครบกำหนดผ่าซีสต์ คุณหมอให้เข้านอน รพ. 2 วันก่อนผ่า (27 ส.ค. 62)
29 ส.ค. 62 เข้าห้องผ่าตัด 09.00 น. ผ่าแบบเปิดหน้าท้อง ผ่าแนวดิ่ง จากใต้สะดือลงไป ใช้วิธีบล๊อคหลัง ผ่าตัดเสร็จเวลา 11.00 น. แม่และน้องปลอดภัยดี นอนรพ. ต่ออีก 3 คืน
คืนแรกยังไม่ได้ลุกเดิน เริ่มลุกเช้าที่ 30 ส.ค. 62 หมอจะเข้ามาตรวจความดันและตรวจเสียหัวใจน้องตลอด หลังจากนั้นกลับบ้านในวันที่ 1 ก.ย. 62 และคุณหมอให้พัก 1 เดือน ตอนนี้พักได้ 3 สัปดาห์แล้ว มีอาการเจ็บท้องล่างฝั่งซีสต์บ้าง แต่ไม่รุนแรง ใช้วิธีการอยู่นิ่งๆให้หายปวดเอาค่ะ
ตอนนี้ก็ไม่ค่อยน่าห่วง แต่ก็ยังเป็นกังวลเรื่อง ct scan ตั้งใจว่าสิ้นเดือนนี้จะไปทำ MFM ให้สบายใจกว่านี้ค่ะ
เป็นกำลังใจให้แม่ๆที่กำลังประสบเหตุการณ์เดียวกันนะคะ มีอะไรต้องการทราบเพิ่มเติม สอบถามมาหลังไมค์ได้ค่ะ ยินดีมากค่ะ ^^
แชร์ประสบการณ์ผ่าซีสต์รังไข่ชนิด Dermoid Cyst ระหว่างตั้งครรภ์
ย้อนไปเมื่อปีที่แล้ว (2561) ได้ตรวจสุขภาพประจำปีที่ทำงาน อัลตร้าซาวด์ท้องล่าง เจอถุงน้ำรังไข่ซ้ายขนาด 2-3 cm คุณหมอให้ลองไปตรวจอีกครั้ง 3 เดือนต่อจากนั้นเพื่อดูว่าถุงน้ำยุบหรือไม่ เพราะอาจจะเกิดจากฮอร์โมนส์ได้ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ไป
จนกระทั่งต้นปีนี้ (2562) รู้สึกมีอาการแน่นท้องล่างด้านขวา โดยเฉพาะช่วงเป็นประจำเดือนและตอนมีเพศสัมพันธ์กับแฟน (บางครั้ง) จึงกังวลว่าอาจเป็นเพราะซีสต์ที่ตรวจเจอก่อนหน้านั้นเกิดโตขึ้นแล้วเบียดดันมาฝั่งขวา จึงไปพบคุณหมอสูติฯ ที่รพ.เอกชนแห่งหนึ่งใกล้บ้าน ทำการอัลตร้าซาวด์ทั้งภายนอกภายในไม่พบถุงน้ำใดๆ แต่คุณหมอบอกว่า "จากการกดท้องดูมีลักษณะแน่นจริง อีกทั้งผนังมดลูกด้านขวาก็ดูหนากว่าปกติ" คุณหมอจึงแนะนำว่าให้กลับไปพบคุณหมอที่เคยผ่าไส้เลื่อนให้ (เคยผ่าไส้เลื่อนเมื่อประมาณปี 2559) เพื่อตรวจดูว่าไส้เลื่อนมีอาการแทรกซ้อนหรือไม่
เมื่อพบคุณหมอศัลย์ (ไส้เลื่อน) คุณหมอจับท้องไม่พบอาการผิดปกติ แต่ตัวเราแสดงอาการกังวล คุณหมอจึงส่ง ct scan และได้ ct scan วันที่ 31 พ.ค. 62 (ก่อน ct scan 2 วันได้ตรวจการตั้งครรภ์ด้วยที่ตรวจทั่วไปซึ่งไม่พบการตั้งครรภ์)
วันที่ 7 มิ.ย. 62 ฟังผล ct scan ซึ่งไม่พบความผิดปกติเกี่ยวกับไส้เลื่อน แต่พบซีสต์หลังมดลูกที่รังไข่ขวา ขนาด 6 cm+ ลักษณะเป็น Dermoid Cyst ซึ่งด้านในบรรจุพวกไขมัน เส้นผม ฟัน เล็บ คุณหมอศัลย์จึงส่งต่อแผนกนรีเวช
วันที่ 11 มิ.ย. 62 พบคุณหมอนรีเวช ได้คิวผ่าตัดซีสต์วันที่ 14 พ.ย. 62 จึงคิดว่าต่อจากนี้คงปล่อยให้มีลูกไม่ได้ไปอีก 5 เดือน แต่เนื่องจากที่คอนโดเหลือที่ตรวจครรภ์อีก 1 อันจึงเอามาตรวจเล่นๆ (วันที่ 12 มิ.ย. 62) เพราะทิ้งไว้เฉยๆก็กลัวเสีย สรุปว่าขึ้น 2 ขีดจางๆ กลางวันวันที่ 13 มิ.ย. 62 จึงตรวจอีกครั้ง สรุปขึ้น 2 ขีดชัด ช่วงเย็นของวันนั้นจึงไปตรวจเลือดที่ รพ. เอกชนเดิมใกล้บ้าน ผลเลือดคือท้อง ตอนนั้นกังวลมากเพราะได้ทำ ct scan ไปแล้ว จึงถามคุณหมอไปว่า "ควรเก็บน้องไว้ไหม" คุณหมอแนะนำว่า "ให้เก็บไว้ เพราะไม่มีข้อบ่งชี้ว่าต้องยุติการตั้งครรภ์"
วันที่ 17 มิ.ย. 62 กลับไปพบคุณหมอนรีเวชอีกครั้ง คุณหมออัลตร้าซาวด์พบถุงตั้งครรภ์ขนาดเท่าหัวแม่มือ (ประมาณ 5-6 w) คุณหมอจึงเลื่อนผ่าตัดให้เป็นวันที่ 29 ส.ค. 62 ซึ่งจะเป็นช่วงประมาณ 15-16 w (เป็นเวลาเหมาะสมที่ควรผ่า เนื่องจาก น้องจะสามารถแข็งแรงพอต่อการผ่าตัดของแม่ และขนาดน้องยังไม่ใหญ่เกินไปจนไปเบียดซีสต์ให้แตกซึ่งจะทำให้เกิดการติดเชื้อในช่องท้องได้)
น้องอดทน แข็งแรงไม่แท้งไปก่อนจนครบกำหนดผ่าซีสต์ คุณหมอให้เข้านอน รพ. 2 วันก่อนผ่า (27 ส.ค. 62)
29 ส.ค. 62 เข้าห้องผ่าตัด 09.00 น. ผ่าแบบเปิดหน้าท้อง ผ่าแนวดิ่ง จากใต้สะดือลงไป ใช้วิธีบล๊อคหลัง ผ่าตัดเสร็จเวลา 11.00 น. แม่และน้องปลอดภัยดี นอนรพ. ต่ออีก 3 คืน
คืนแรกยังไม่ได้ลุกเดิน เริ่มลุกเช้าที่ 30 ส.ค. 62 หมอจะเข้ามาตรวจความดันและตรวจเสียหัวใจน้องตลอด หลังจากนั้นกลับบ้านในวันที่ 1 ก.ย. 62 และคุณหมอให้พัก 1 เดือน ตอนนี้พักได้ 3 สัปดาห์แล้ว มีอาการเจ็บท้องล่างฝั่งซีสต์บ้าง แต่ไม่รุนแรง ใช้วิธีการอยู่นิ่งๆให้หายปวดเอาค่ะ
ตอนนี้ก็ไม่ค่อยน่าห่วง แต่ก็ยังเป็นกังวลเรื่อง ct scan ตั้งใจว่าสิ้นเดือนนี้จะไปทำ MFM ให้สบายใจกว่านี้ค่ะ
เป็นกำลังใจให้แม่ๆที่กำลังประสบเหตุการณ์เดียวกันนะคะ มีอะไรต้องการทราบเพิ่มเติม สอบถามมาหลังไมค์ได้ค่ะ ยินดีมากค่ะ ^^