วัดป่า...มหาสนุก 28

วัดป่า...มหาสนุก 28

( เล่าจากเรื่องจริง แต่ให้อ่านเป็นนิยาย...อย่าอ่านเอาเรื่อง นะครับ )

วันนี้มาฟังเรื่องของพวก...ครูบา ( หลวงพี่ ) บ้าง
เอา...ครูบาสุข ที่เล่าไปบ้างนิดหน่อยแล้ว
ท่านเป็นคนหมู่บ้านข้าง ๆ วัดนี่แหละ โตมาแบบลูกอีสานแท้ ๆ
เรียนจบมัธยมต้น แล้วไปทำงานรับจ้างสารพัด เป็นเด็กติดรถส่งสินค้า เป็นแรงงานขนของ
วิ่งขึ้นลงระหว่าง กรุงเทพ และสารพัดจังหวัด จนต่อมาก็พัฒนาเป็นโชเฟอร์พนักงานขับ
เปลี่ยนงานไปหลายอย่าง ทั้งใช้แรงงาน และใช้ฝีปากเดินขายของตามหมู่บ้านในต่างจังหวัด
และช่วงหลัง ๆ ไปทำงานโรงงานเชือดไก่ ที่เป็นทั้งฟาร์ม และโรงเชือด ชำแหละไปในตัว
 ครูบาจุก ท่านเล่าว่าการเป็นคนอีสาน มันต้อง...หาอยู่ หากิน
คือต้องทำสารพัด ทั้งทำนา ทำไร่ ปลูกผัก ตกปลา ล่าจับสัตว์ตัวเล็ก ตัวน้อย
พวกหนูนา กิ้งก่า กบเขียด กระรอก กระแต อะไรพวกนี้ยังน้อย
ต้องไปจับแม้กระทั่ง...เต่า เอามาฆ่ากิน
การเลี้ยงหมู เลี้ยงวัว ควาย เอามาเชือดก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
มันเป็นเรื่องธรรมดา ของคนอีสาน....ก้อคนมันหิว พ่อแม่ก็หิว ลูกเมียก็หิว
เกิดเป็นคน มันมีทุกข์ไม่จบไม่สิ้น ก็ไอ้เพราะ...ความหิวโหย นี่และที่เป็นโรคประจำตัวของทุกคน
ลองคิดดูสิว่า..ให้ชนชั้นไหน ร่ำรวยล้นฟ้า หล่อ สวย เลิศเลอเพอร์เฟคสารพัด ก็ต้องกิน เพราะมัน...หิว
ถ้าไม่กิน ไม่หาอะไรใส่ปาก มันพาลจะตายเอา นะ

ท่านเล่าว่า ทำบาปทำกรรมมาเยอะมาก แต่...ก็ไม่ได้ทำด้วยความสนุก ทำเพราะความจำเป็น
ผมถามว่าเคยมีมั้ย ที่ทำไปแล้วมานึกเสียใจทีหลัง
ท่านบอกมีเหมือนกัน....ครั้งหนึ่งมีงานบุญแถวบ้าน พวกผู้ใหญ่เค้าเอา ควาย ไปเชือด
ท่านไม่ได้ช่วยเค้าหรอก แต่กำลังทำงานอย่างอื่นอยู่ใกล้ ๆ ที่นั้นด้วย
พวกที่เค้าเอามันไปเชือด ก็จัดแจงผูกกับเสาต้นหนึ่งอย่างแข็งแรง 
พอคนนึงเริ่มลงมือเอามีดแทงคอ แต่มันดิ้นหลบ...หนีความตาย จากมือของมนุษย์
อีกคนก็คอยจ้องแทงซ้ำ มันยิ่งสะบัดดิ้นอย่างสุดชีวิต
เรี่ยวแรงของสัตว์ที่หนีความตายตรงหน้า มันช่างมีพลังมหาศาล...กระชากเสาออกมาจากพื้นดินเลย
แล้วทั้งวิ่ง ทั้งสะบัด ทั้งขวิด จนกลุ่มมือเชือดแตกกระเจิง โห่ร้องกันวุ่นวาย
ครูบา เล่าว่าท่านได้ยินเสียงเลยหันไปดู ก็เห็นมันวิ่งเตลิดมาทางท่านพอดี
แต่ด้วยความที่กลัวมันจะขวิดเอาท่านด้วย เลยก้มหยิบ...ฆ้อนปอนก็ ที่ใช้ทำงานอยู่ ขว้างไล่ใส่มัน
เจตนาแค่จะให้มันตกใจหนีไปทางอื่น
แต่...กำลังแรงที่มันวิ่งตะบึงมา บวกกับแรงที่ท่านขว้าง ฆ้อนปอนด์ ออกไป
มันหันหัวมาหาท่านทำให้ ฆ้อนพุ่งเข้ากลางหัว กลางหน้าผากพอดิบพอดี...เสียงดัง โป๊กกก สนั่นนน
ควายโชคร้ายตัวนั้น ทรุดฮวบลงตายทันที
ครูบาท่านบอกว่า... เจตนาขว้างใส่จริง แต่ไม่ได้ตั้งใจฆ่ามัน ท่านเองก็ตกใจและเสียใจมากเลย
ทุกวันนี้เวลาที่ ภาวนา จนนิ่งลึกถึงระดับนึง...ควายตัวนั้น มันจะมายืนผงาด จ้องมองมาที่ท่านอยู่เสมอ
บอกมันเท่าไหร่ ๆ ว่าไม่ได้ตั้งใจ มันก็ไม่ยอมฟัง....เฮ้อออออ

ครูบาสุข ท่านใช้ชีวิตตามประสา เฮฮา สำมะเลเทเมาบ้างจนมีเมีย และมีลูกสาว
ชีวิตลุ่ม ๆ ดอน ๆ ทำมาหากินสารพัด ดี ชั่ว บาป บุญ ไม่ค่อยได้ใส่ใจ ไม่ค่อยได้อยู่ติดบ้าน กับลูกเมียเท่าที่ควร
จนกระทั่งลูกโตเป็นสาว มีผัว และมีลูกเล็ก ๆ เป็นเด็กผู้หญิง เอามาให้เลี้ยง
ท่านรัก หลานสาวคนนี้มาก เลี้ยงดูใกล้ชิดยิ่งกว่าตอนเลี้ยงลูกซะอีก ทั้งรัก ทั้งห่วงใย
ช่วงนั้นท่านไปทำงานที่ฟาร์มแห่งหนึ่ง ที่ทั้งเลี้ยงและเป็นโรงเชือดไก่ด้วย
วิธีการเชือด เค้าไม่ได้ใช้มีดหรอกนะ...
เค้าขึงเส้นลวดคม ๆ ตึง ๆ เอาไว้...แล้วจับรวบขา 2 ข้างของมัน ฟาดตวัดให้คอผ่านลวด เส้นนั้น
แล้วก็โยนซากไก่ที่มือ ไปกอง ๆ กันไว้
บางตัวที่ ไม่มีหัวแล้วก็ยังดิ้น ปั๊บ ๆ ได้อีก เลือดนองไปทั่ว....
แต่คนพวกนั้นเค้าไม่รู้สึกสยดสยอง น่าเกรงกลัวอะไรทั้งนั้น 
จิตใจหยาบกระด้าง ห่างไกลจากศีลธรรม ชาชินกับการ...ฆ่าสัตว์ ตัดหัว

พ่อตา หรือพ่อของเมีย เป็นชาวบ้านที่ชอบออกหาจับปลา ตามแม่น้ำ ลำคลอง หนองบึงไปทั่ว
เป็นคนที่ชอบเรื่องการจับปลา และสนุกกับมันมาก...จับได้ก็ต้องทุบหัวปลา ทุกครั้ง ทุบโป๊ก ๆๆ แล้วปล่อยให้มันดิ้นจนตาย
จนกระทั่งอายุมาก ออกจับปลาไม่ค่อยไหว แถมมีอาการทางสมองเสื่อม เลอะเลือน บางอย่าง
วันหนึ่งนอนอยู่ชั้นบนของบ้าน วันนั้นตัวท่านก็อยู่ที่บ้านด้วย...พ่อตา จู่ ๆ ก็ลุกจากที่นอน ไปยืนที่หน้าต่าง
มองออกไปข้างนอกบ้าน พร้อมกับชี้มือ ชี้ไม้ บอกคนที่บ้านว่า...เฮ้ย เฮ้ยย มาช่วยกันจับปลาเร็ว ๆ ปลายุ่บยั่บเลย
แล้วปีนขึ้นไปบนวงกบหน้าต่าง ยืนทำท่าเหมือนกับ...กำลังทอดแห หาปลา 
แกยืนท่าเดียวกับที่ยืนที่หัวเรือ ทำมือเหมือนกับกำลังจัดระเบียบ รวบแห ....แล้วเหวี่ยงออกไปเต็มแรง
ครูบาท่านบอกว่า เห็นตั้งแต่แกปีนขึ้นไปบนหน้าต่างแล้ว แต่วิ่งไปคว้าไว้ไม่ทัน
ตัวแกร่วงลงไปข้างล่าง เอาหัวทิ่มลง...เจ้ากรรมเอ๊ยย มีตอไม้อยู่ตรงนั้นพอดี เหมาะเหม็ง
หัวแกฟาดเข้ากับตอไม้ เสียงดัง...โพล๊ะ  เสียงเดียวกับที่แกทุบหัวปลา แต่ดังกว่าหลายเท่า
กว่าจะวิ่งลงไปจากชั้นบน แกก็ชักกระตุก พั่บ...พั่บ...ๆๆๆๆ ดิ้น ๆๆๆ เหมือนกับปลาพวกนั้นไม่มีผิด

ท่านบอกว่า...เห็นภาพนั้นแล้ว ขนหัวลุก รู้โดยไม่ต้องมีใครบอก...นี่มัน กรรมสนอง ชัด ๆ เลย
แล้วท่านก็พลันคิดถึง ไก่ เต่า ปลา อึ่ง กบเขียด นก หนู ที่ท่านเคยฆ่า และควาย ตัวนั้นด้วย
ภาพของพ่อตา และควายตัวนั้น มาคอยหลอกหลอน...จนต้องหาวิธีลืมมันด้วย เหล้า และความเมามาย
เวลาที่มีสติ ก็อยากชดใช้เวรกรรม ให้กับพวกนั้น แต่ไม่รู้จะทำยังไง ทำแบบไหน
จนกระทั่งเมียของท่าน บอกว่า...บวช ดีมั้ย
พอได้ยินก็ตัดสินใจที่จะ บวช แน่นอน แต่ติดที่ความรัก ความห่วงใย...หลานสาว เจ้าตัวน้อย
ความรู้สึกมันช่างดึงดันกันอยู่ในใจ บอกใครก็ไม่ได้
เวลาผ่านไปอีกเป็นเดือน ด้วยแรงกดดันจากภาพหลอนที่ติดตาอยู่ทุกคืน...

จนถึง วันสงกรานต์ ที่หมู่บ้านมีงานฉลองเล่นกันสนุกสุดเหวี่ยง ท่านก็ไปเล่นกับเค้า
เมามายหัวทิ่ม หัวตำแบบ สุด ๆๆๆ
จนตกเย็นวันนั้น การละเล่นเริ่มเลิกลา แต่ความเมามาย กลับมากขึ้นตามลำดับ
แล้วก็เดิน สะเปะสะปะ ตุปัดตุเป๋ เข้ามาที่ วัดป่า....แห่งนี้ ตรงไปหาหลวงพ่อ.... 
ก้มลงกราบ แล้วบอกกับท่านว่า...หลวงพ่อครับ ช่วยผมด้วย ผมอยากบวชชดใช้เวรกรรม.....
พูดได้แค่นั้น แล้วก็หลับไปแทบเท้าท่านเลย
หลังจากอยู่ดูความศรัทธา และกำลังใจที่วัด ในฐานะ...ผ้าขาว อีกเกือบสองเดือน
หลวงพ่อ...ก็จัดการบวช โดยออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด 
ทั้ง ๆ ที่ก็ไม่เคยนึกว่าจะอยู่ในผ้าเหลืองได้นานสักแค่ไหน คิดแต่ว่า...ได้แค่ไหน เอาแค่นั้น
โยมสีกา ( เมีย ) ไม่ใช่ปัญหา แต่หลานสาวตัวน้อย ๆ นี่แหละคือ...ดวงใจ ความอาลัยมันแสนสาหัสนัก

ครูบาสุข ท่านมาบวชเอาเมื่ออายุเกือบ 50 ปี ตอนที่มาทั้งดำ ทั้งเมา ทรุดโทรมไปหมด
สีกาเลยไม่สนใจกับท่านเท่าไหร่ หลาย ๆ เดือนจึงมาเยี่ยมเยือนสักครั้ง
อย่างที่เล่าไปแล้วในตอนก่อน ๆ ว่า...คืนแรกของการบวช ท่านก็ถูก ผี อัทธพาลที่มีฤทธิ์เดชมาก 
มาแสดงอำนาจ ขึ้นมาบนกุฏิ ยืนประจันจ้องหน้าถทึง....
แถมเจ้ากรรมมาเจอ พระรุ่นพี่ที่ออกแนวอันธพาล กดขี่ข่มเหงรังแก ท่านก็ทนนิ่งไม่โต้ตอบ
ท่านเรียนมาน้อย ไม่ค่อยฉลาดเฉลียวมากนัก แต่ก็ตั้งหน้าขยัน ปฏิบัติฯ ภาวนา
หลวงพ่อ...ท่านเข้มงวดเรื่องวินัย เรื่องการปฏิบัติฯ ก็อดทนทำตามคำสั่งสอนทุกอย่าง

พรรษาที่ 1 ผ่านไปจนถึง พรรษาที่ 5 ผมถามท่านว่าอะไรทำที่ให้อยู่ในผ้าเหลืองได้นานขนาดนี้
ท่านบอกว่า...เห็นหลวงพ่อ...แล้ว อยากเป็นเหมือนอย่างท่าน 
อยากก้าวข้ามพ้น สังสารวัฏ เวียนตายเวียนเกิดไปให้ได้
อีกประการคือ เมื่อภาวนา จิตของท่านจะโลดโผนโจนทะยาน พุ่งขึ้นบน ดำดิ่งลงข้างล่าง ไปในสถานที่ต่าง ๆ
ท่านอยากรู้ว่า ...ที่สุดของมันจะอยู่ที่ไหน จะปราบ จิต ที่เหมือนม้าพยศได้ยังไง

จากคนที่ เมามาย ดำหมอง ทรุดโทรม แต่พอห่มจีวร อันเป็นธงชัยของ พระพุทธเจ้า
อยู่ในพระวินัยเคร่งครัด...ความสว่างผ่องใส ก็ปรากฏฉายชัดขึ้นมา
โยมสีกา มองไปมองมาชักเสียดาย เริ่มมาทำบุญที่วัดบ่อยขึ้น ถี่ขึ้นเรื่อย ๆ พร้อมกับหลานสาวตัวน้อย
หลวงพ่อ...เคยบอกกับผมว่า....พญามาร มาผจญครูบาจุก
แล้วต่อมาไม่กี่เดือน สีกาก็ได้สามีใหม่
ครูบาท่าน หมดห่วง หลุดจากความรู้สืกที่เหมือนกับท่านทิ้งครอบครัว หนีมาเสพสุขแต่ผู้เดียว
พอจิตใจปลอดโปร่ง การปฏิบัติภาวนา ก็ยิ่งก้าวหน้ารวดเร็ว เหมือนม้าหลุดออกจากคอก

ตลอดเวลาหลายปี ครูบาท่านมีความใฝ่ฝันที่จะไป...ผจญภัย ออกธุดงค์ตามป่าเขาลึกลับ
ในที่สุด หลวงพ่อ...ท่านก็ยอมอนุญาต เพราะเห็นว่ามี ธรรม แก่กล้าพอตัวแล้ว
เมื่อครูบา ตัดความอาลัย สู้กับความอาวรณ์ด้วยการหันหน้าหนีไปธุดงค์
ดั้นด้นจนไปเจอสถานที่แห่งหนึ่ง.....
เป็นเพียงเพิงพักที่ชาวบ้านสร้างให้พอประทังไปก่อน ข้าง ๆ ศาลปู่ตา เซ่นไหว้ผีของหมู่บ้าน
แล้วก็เจอกับ...ผี อันธพาลเจ้าถิ่น ออกมาขับไล่ท่านสารพัดวิธี
แผ่เมตตาก็แล้ว อุทิศส่วนกุศลก็แล้ว สวดมนต์ก็แล้ว ยังไม่ยอมลดราวาศอกให้ท่านเลย
จนต้องกลับมาขอคำแนะนำจาก หลวงพ่อ....
ซึ่งท่านให้สวด...พระสูตรสำคัญ ทั้ง 3 บท....ทุกวัน เช้า - เย็น ได้ยิ่งดี
ผมพบกับท่านเมื่อหลายเดือนก่อน ท่านบอกว่า...เดี๋ยวนี้สนิทกันแล้ว มานั่งฟังพระสูตร .....ทู้กกก วันนน

ผมจึงได้มองสำรวจดูท่านอย่างเต็มตา ...
ท่านนิ่งสงบ ผ่องใส และทรงพลัง กว่าที่เคยเห็น เคยอยู่ด้วยกันมากเลย
จนต้องก้มลงกราบ ด้วยความปิติ ยินดีในสิ่งที่เห็นจริง ๆ
ขอให้ท่าน ก้าวข้ามสังสารวัฏ ในชาติภพนี้ได้ ด้วย...เถิดดด
ครูบาของผม......

อนณ นิศารัตน์
โทร. - ไลน์
093-149-9564
วัดป่า...มหาสนุก 29
https://ppantip.com/topic/39251054
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่