สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 6
คุณตามใจแม่มาก ข้อเสนอต่างๆที่คุณกล่อมให้แฟนยอมรับ
หากมองดีๆ ฝ่ายโน้นก็ยอมอ่อนข้อมาให้มากเหมือนกัน
ทั้งค่าสินสอด ยอมแต่งเข้ามาอยู่บ้านคุณ และเอาเงินตัวเองมาสร้างบ้านในที่ของฝั่งคุณอีก
เพราะหากอนาคตเกิดอะไรขึ้น เขาก็คงเอาเงินส่วนนี้กลับจากฝ่ายคุณไม่ได้เลย
คุณอ่อนแอเกรงใจแม่แบบนี้ แต่งเข้ามาเขาก็คงต้องก้มหน้ารับฟังตามที่แม่คุณสั่ง
ไม่มีชีวิตคู่ที่อิสระ
ทั้งที่จริงๆ ควรให้สามีภรรยาไปสร้างครอบครัวอยู่กันตามลำพัง
เราเคยสร้างบ้านอยู่รั้วเดียวกับครอบครัวสามี มีทั้งแม่และพี่ๆน้องๆของสามี
มันอึดอัด จะปลูกต้นไม้ แต่งสวน ทำโรงรถ หรือทำอะไร ก็ต้องขออนุญาต เพราะเป็นพื้นที่สวนกลาง
แถมวันหยุดแม่สามีก็เดินมาที่บ้านวันละ 3 เวลา มานั่งคุยด้วย จะลุกหนีก็ไม่ได้
ทำให้จะแต่งตัวอยู่บ้านตามสบายก็ลำบากใจเลย
วันไหนแม่กับลูกสาวทะเลาะกันมีมานั่งบ่นกึ่งฟ้องลูกชาย เรากลับจากทำงานดึกๆถึงบ้านก็ต้องนั่งฟังไปด้วยอีก
ถ้าเราเป็นเพื่อนแฟนคุณ จะบอกเธอว่าอย่าแต่งด้วยดีกว่าเหมือนกัน
จนกว่าคุณจะโตมีความพร้อมเป็นหัวหน้าครอบครัวมากกว่านี้
หากมองดีๆ ฝ่ายโน้นก็ยอมอ่อนข้อมาให้มากเหมือนกัน
ทั้งค่าสินสอด ยอมแต่งเข้ามาอยู่บ้านคุณ และเอาเงินตัวเองมาสร้างบ้านในที่ของฝั่งคุณอีก
เพราะหากอนาคตเกิดอะไรขึ้น เขาก็คงเอาเงินส่วนนี้กลับจากฝ่ายคุณไม่ได้เลย
คุณอ่อนแอเกรงใจแม่แบบนี้ แต่งเข้ามาเขาก็คงต้องก้มหน้ารับฟังตามที่แม่คุณสั่ง
ไม่มีชีวิตคู่ที่อิสระ
ทั้งที่จริงๆ ควรให้สามีภรรยาไปสร้างครอบครัวอยู่กันตามลำพัง
เราเคยสร้างบ้านอยู่รั้วเดียวกับครอบครัวสามี มีทั้งแม่และพี่ๆน้องๆของสามี
มันอึดอัด จะปลูกต้นไม้ แต่งสวน ทำโรงรถ หรือทำอะไร ก็ต้องขออนุญาต เพราะเป็นพื้นที่สวนกลาง
แถมวันหยุดแม่สามีก็เดินมาที่บ้านวันละ 3 เวลา มานั่งคุยด้วย จะลุกหนีก็ไม่ได้
ทำให้จะแต่งตัวอยู่บ้านตามสบายก็ลำบากใจเลย
วันไหนแม่กับลูกสาวทะเลาะกันมีมานั่งบ่นกึ่งฟ้องลูกชาย เรากลับจากทำงานดึกๆถึงบ้านก็ต้องนั่งฟังไปด้วยอีก
ถ้าเราเป็นเพื่อนแฟนคุณ จะบอกเธอว่าอย่าแต่งด้วยดีกว่าเหมือนกัน
จนกว่าคุณจะโตมีความพร้อมเป็นหัวหน้าครอบครัวมากกว่านี้
ความคิดเห็นที่ 45
บอกตรงๆว่า แบบนี้บ้านคุณมีแต่ได้เลยค่ะ
1. เรือนหอ คุณเข้าใจผิด นั่นไม่ใช่ว่าบ้านคุณลงทุนให้เจ้าสาว แต่แม่คุณสร้างบ้านให้ลูกชายอาศัย (แค่ให้อาศัยนะคะ เพราะบ้านเป็นของแม่) ในที่ของแม่
2. สร้างบ้านแบบเล็ก ไม่พอสำหรับครอบครัวซึ่งอาจมีลูกในอนาคต จนเจ้าสาวต้องช่วยเอาเงินมาโปะดับเบิ้ล สรุปแม่คุณได้เงินล้านเพิ่มมาสร้างบ้านของแม่ (อีกล้านไม่นับเพราะเงินสินสอดของแม่แต่แรก) ว่าง่ายๆคืออยู่ๆบ้านผู้หญิงเขาให้เงินล้านบาทเพื่อสมทบทุนสร้างบ้านของแม่คุณ แล้วฝ่ายหญิงมาเป็นผู้อาศัย
3. เงินซองก็จะเอาเป็นของบ้านคุณอีก! โอ๊ยคุณ ลูกสาวข้าราชการระดับ 10 คุณรู้ใช่ป่ะว่าได้เงินซองเท่าไหร่ เอางี้นะ งานแต่งเราพื้นฐานครอบครัวคล้ายเรื่องของคุณนี่ล่ะ เอาเป็นว่าเราจัดโรงแรม 5 ดาวกลางกรุงเทพ จัดเต็ม เงินซองนี่คืออย่างว่าหักค่าใช้จ่ายแล้วเหลือให้บ่าวสาว..เอ่อ ไม่บอกจำนวนละกัน เดี๋ยวโดนแซะอีก ซึ่งถ้ากรณีนี้บ้านคุณจะเอาเงินซองอีกนี่ ยิ่งกว่าแต่งฟรีอีก ได้เมียฟรี บ้านฟรี ค่าสมทบทุนสร้างบ้าน 1 ล้านบาท และเงินซองหักค่าใช้จ่าย (ถ้าพ่อฝ่ายหญิงที่เป็นราชการระดับ 10 และยังไม่เกษียณ เราจะบอกคุณว่าเงินซองหักค่าใช้จ่ายแล้วนี่สามารถสร้างบ้านที่ว่าได้อีกเกินหนึ่งหลังค่ะ)
สรุป คุณแต่งงานนี่คุ้มยิ่งกว่าถูกล็อตเตอรี่รางวัลที่ 1 อีกค่ะ
ฝ่ายหญิงคงรักคุณมากๆ ถึงยอมมาจนขนาดนี้
คุณมองให้ดีๆนะคะ ว่ามีอะไรที่แฟร์กับเจ้าสาวบ้าง นอกจากตามใจแม่แล้วคุณเคยมองอะไรถึงแฟนคุณและอนาคตคุณเองบ้าง ขนาดคนในกระทู้หลายคนยังมองออกเลย
สำหรับใครที่มองว่าความรักไม่เกี่ยวกับเงินก็เอาเป็นว่าคุยกันคนละเรื่องดีกว่าค่ะ เถียงกันไปก็ไม่จบ และที่ชอบเอามาคุยๆว่าบางบ้านรวยมากๆแต่ไม่เอาสินสอดน่ะ คุณๆไปดูดีๆเหอะ ส่วนมากเขาดองกันนี่ได้ยิ่งกว่าสินสอดอีกเหอะ แต่งปีเดียวหย่ายังได้อะไรมากกว่าสินสอด เอาจริงๆส่วนใหญ่ (อ่านว่าส่วนใหญ่ ไม่ใช่ทุกคน) ไม่มีใครเขามาแต่ตัวหรอกค่ะ ก็สร้างภาพให้สังคมอมยิ้มชื่นใจไปงั้น
1. เรือนหอ คุณเข้าใจผิด นั่นไม่ใช่ว่าบ้านคุณลงทุนให้เจ้าสาว แต่แม่คุณสร้างบ้านให้ลูกชายอาศัย (แค่ให้อาศัยนะคะ เพราะบ้านเป็นของแม่) ในที่ของแม่
2. สร้างบ้านแบบเล็ก ไม่พอสำหรับครอบครัวซึ่งอาจมีลูกในอนาคต จนเจ้าสาวต้องช่วยเอาเงินมาโปะดับเบิ้ล สรุปแม่คุณได้เงินล้านเพิ่มมาสร้างบ้านของแม่ (อีกล้านไม่นับเพราะเงินสินสอดของแม่แต่แรก) ว่าง่ายๆคืออยู่ๆบ้านผู้หญิงเขาให้เงินล้านบาทเพื่อสมทบทุนสร้างบ้านของแม่คุณ แล้วฝ่ายหญิงมาเป็นผู้อาศัย
3. เงินซองก็จะเอาเป็นของบ้านคุณอีก! โอ๊ยคุณ ลูกสาวข้าราชการระดับ 10 คุณรู้ใช่ป่ะว่าได้เงินซองเท่าไหร่ เอางี้นะ งานแต่งเราพื้นฐานครอบครัวคล้ายเรื่องของคุณนี่ล่ะ เอาเป็นว่าเราจัดโรงแรม 5 ดาวกลางกรุงเทพ จัดเต็ม เงินซองนี่คืออย่างว่าหักค่าใช้จ่ายแล้วเหลือให้บ่าวสาว..เอ่อ ไม่บอกจำนวนละกัน เดี๋ยวโดนแซะอีก ซึ่งถ้ากรณีนี้บ้านคุณจะเอาเงินซองอีกนี่ ยิ่งกว่าแต่งฟรีอีก ได้เมียฟรี บ้านฟรี ค่าสมทบทุนสร้างบ้าน 1 ล้านบาท และเงินซองหักค่าใช้จ่าย (ถ้าพ่อฝ่ายหญิงที่เป็นราชการระดับ 10 และยังไม่เกษียณ เราจะบอกคุณว่าเงินซองหักค่าใช้จ่ายแล้วนี่สามารถสร้างบ้านที่ว่าได้อีกเกินหนึ่งหลังค่ะ)
สรุป คุณแต่งงานนี่คุ้มยิ่งกว่าถูกล็อตเตอรี่รางวัลที่ 1 อีกค่ะ
ฝ่ายหญิงคงรักคุณมากๆ ถึงยอมมาจนขนาดนี้
คุณมองให้ดีๆนะคะ ว่ามีอะไรที่แฟร์กับเจ้าสาวบ้าง นอกจากตามใจแม่แล้วคุณเคยมองอะไรถึงแฟนคุณและอนาคตคุณเองบ้าง ขนาดคนในกระทู้หลายคนยังมองออกเลย
สำหรับใครที่มองว่าความรักไม่เกี่ยวกับเงินก็เอาเป็นว่าคุยกันคนละเรื่องดีกว่าค่ะ เถียงกันไปก็ไม่จบ และที่ชอบเอามาคุยๆว่าบางบ้านรวยมากๆแต่ไม่เอาสินสอดน่ะ คุณๆไปดูดีๆเหอะ ส่วนมากเขาดองกันนี่ได้ยิ่งกว่าสินสอดอีกเหอะ แต่งปีเดียวหย่ายังได้อะไรมากกว่าสินสอด เอาจริงๆส่วนใหญ่ (อ่านว่าส่วนใหญ่ ไม่ใช่ทุกคน) ไม่มีใครเขามาแต่ตัวหรอกค่ะ ก็สร้างภาพให้สังคมอมยิ้มชื่นใจไปงั้น
ความคิดเห็นที่ 70
มาตอบอีกรอบเพราะอ่านคอมเมนต์แล้วอึ้ง คนที่โทษว่าฝ่ายหญิงหน้าใหญ่ เห็นแก่ได้ บ้านเล็กสามล้านอยู่ไม่ได้ ฝ่ายชายให้มากแล้วนี่ ไม่แน่ใจว่าได้อ่านข้อมูลเขาก่อนไหมคะ หรือเห็นสินสอดเงินล้านก็ปรี๊ดเลย รีบแซะเลย
1. ฝ่ายหญิงเป็นลูกสาวข้าราชการระดับสิบ (อธิบดี ผู้ว่าราชการจังหวัด และอื่นๆ) คิดว่าเขามีชีวิตแบบไหนมาคะ บ้าน 3 ล้านในกรุงเทพนี่ คิดว่าได้กี่ตารางวาคะ พอสำหรับสามี ภรรยา และลูกไหม ในวันที่คอนโดราคา 6 ล้านยังแค่ 30 กว่าตารางเมตร (ทำเลกลางกรุง)
2. หน้าใหญ่นี่เอาไว้ใช้กับคนที่หวงหน้าเกินฐานะเถอะค่ะ นี่เขาแค่ทำตัว “สมฐานะ” จะแซะอะไรนักหนา คนเรามีเท่าไหร่ก็ใช้ชีวิตตามฐานะ เลือกคู่และชีวิตคู่ที่เหมาะสม ช่วยบอกทีว่าผิดยังไง และมีเหตุผลอะไรที่ควรสมถะกว่าฐานะ เขามีหน้ามีตา เขาก็รักษาหน้าตา ไม่ใช่ว่าไม่มีแล้วสร้างภาพว่ามี
3. สินสอดล้านบาทเยอะสำหรับใครล่ะ ตัดสินยังไงว่ามาก-น้อย คนรายได้ 12,000 ซื้อรองเท้า 300 บาท ต่างอะไรกับคนรายได้แสนสอง ซื้อรองเท้า 3,000 จะไปว่าเขาก็ควรใช้มุมมองที่เหมาะสมกับเขาพิจารณาก่อนแซะไหม
4. ที่สำคัญ คุณจะคิดว่าบ้านผู้ชายให้เยอะแล้วได้ไงเหรอคะ อ่านให้ละเอียดมันก็คือไม่ได้ให้อะไรเลย แถมได้กำไรอีก
- สินสอดหนึ่งล้าน ถูกหักลบเพราะเอาไปโปะสร้างบ้านที่เป็นชื่อแม่ฝ่ายชาย 2 ล้าน (ตรงนี้ผู้หญิงเข้าเนื้อ 1 ล้าน แม่ผู้ชายได้บ้านใหญ่ขึ้นฟรี ในที่ดินตัวเอง)
- ค่าจัดงานฝ่ายชายออก ฝ่ายชายขอซองหมด เหลือแล้วถึงให้บ่าวสาว (หักเท่าไหร่ใครจะรู้) ซึ่งซองงานแต่งบ้านข้าราชการระดับสิบที่ยังไม่เกษียณ บอกเลยว่า 7-8 หลัก ผู้หญิงยอมขนาดว่า “ขอค่าซองให้บ่าวสาวเถอะ ให้เป็นชื่อผู้ชายก็ได้” นี่คือผู้หญิงยอมหนักมาก ตรงนี้ผู้ชายกำไรหนักมาก
- บ้าน ที่ดิน ทุกอย่างเป็นชื่อแม่ผู้ชาย ส่วนเมียเป็นแค่ผู้อาศัย สามีก็อยู่ในโอวาทแม่ สรุปไม่ได้อะไรเลยแม้แต่ผัวก็ยังเป็นลูกชายใต้ปีกคุณแม่ดังเดิม
ลองพิจารณาก่อนแซะผู้หญิงเถอะค่ะ
1. ฝ่ายหญิงเป็นลูกสาวข้าราชการระดับสิบ (อธิบดี ผู้ว่าราชการจังหวัด และอื่นๆ) คิดว่าเขามีชีวิตแบบไหนมาคะ บ้าน 3 ล้านในกรุงเทพนี่ คิดว่าได้กี่ตารางวาคะ พอสำหรับสามี ภรรยา และลูกไหม ในวันที่คอนโดราคา 6 ล้านยังแค่ 30 กว่าตารางเมตร (ทำเลกลางกรุง)
2. หน้าใหญ่นี่เอาไว้ใช้กับคนที่หวงหน้าเกินฐานะเถอะค่ะ นี่เขาแค่ทำตัว “สมฐานะ” จะแซะอะไรนักหนา คนเรามีเท่าไหร่ก็ใช้ชีวิตตามฐานะ เลือกคู่และชีวิตคู่ที่เหมาะสม ช่วยบอกทีว่าผิดยังไง และมีเหตุผลอะไรที่ควรสมถะกว่าฐานะ เขามีหน้ามีตา เขาก็รักษาหน้าตา ไม่ใช่ว่าไม่มีแล้วสร้างภาพว่ามี
3. สินสอดล้านบาทเยอะสำหรับใครล่ะ ตัดสินยังไงว่ามาก-น้อย คนรายได้ 12,000 ซื้อรองเท้า 300 บาท ต่างอะไรกับคนรายได้แสนสอง ซื้อรองเท้า 3,000 จะไปว่าเขาก็ควรใช้มุมมองที่เหมาะสมกับเขาพิจารณาก่อนแซะไหม
4. ที่สำคัญ คุณจะคิดว่าบ้านผู้ชายให้เยอะแล้วได้ไงเหรอคะ อ่านให้ละเอียดมันก็คือไม่ได้ให้อะไรเลย แถมได้กำไรอีก
- สินสอดหนึ่งล้าน ถูกหักลบเพราะเอาไปโปะสร้างบ้านที่เป็นชื่อแม่ฝ่ายชาย 2 ล้าน (ตรงนี้ผู้หญิงเข้าเนื้อ 1 ล้าน แม่ผู้ชายได้บ้านใหญ่ขึ้นฟรี ในที่ดินตัวเอง)
- ค่าจัดงานฝ่ายชายออก ฝ่ายชายขอซองหมด เหลือแล้วถึงให้บ่าวสาว (หักเท่าไหร่ใครจะรู้) ซึ่งซองงานแต่งบ้านข้าราชการระดับสิบที่ยังไม่เกษียณ บอกเลยว่า 7-8 หลัก ผู้หญิงยอมขนาดว่า “ขอค่าซองให้บ่าวสาวเถอะ ให้เป็นชื่อผู้ชายก็ได้” นี่คือผู้หญิงยอมหนักมาก ตรงนี้ผู้ชายกำไรหนักมาก
- บ้าน ที่ดิน ทุกอย่างเป็นชื่อแม่ผู้ชาย ส่วนเมียเป็นแค่ผู้อาศัย สามีก็อยู่ในโอวาทแม่ สรุปไม่ได้อะไรเลยแม้แต่ผัวก็ยังเป็นลูกชายใต้ปีกคุณแม่ดังเดิม
ลองพิจารณาก่อนแซะผู้หญิงเถอะค่ะ
ความคิดเห็นที่ 24
เรามองว่าฝ่ายหญิงเค้าก็ยอมมากแล้วนะคะ ที่ย้ายเข้าบ้านคุณ เป็นการยอมที่มีผลทั้งชีวิตเค้าเลยด้วย อย่างเราก่อนแต่งงานตั้งใจเลยว่าจะไม่ยอมย้ายเข้าบ้านฝ่ายชายเด็ดขาด ต่อให้ได้สินสอดเป็นสิบล้านเราก็ไม่ยอมแลกกับตรงนี้ค่ะ ถ้าต้องย้ายเข้าเราเลือกที่จะเลิกเลยค่ะ
เพราะต่อให้รักกันดีกับครอบครัวสามี แต่คนที่ไม่ได้เลี้ยงกันมาวันนึงมันต้องมีเรื่องกระทบกระทั่งกันแน่นอน ขนาดพ่อแม่ลูกกันแท้ๆยังมีปัญหากันได้เลย ยังไงเราก็คนนอก ขนาดเราแยกบ้านนานๆเจอกันที พ่อแม่สามีก็ดีกะเรามาก แต่ก็ยังมีเรื่องบางอย่างกระทบใจกันโดยไม่ได้ตั้งใจได้เลย
โชคดีที่สามีเราเค้าเข้าใจ ยอมย้ายออกมาอยู่กันเอง ทั้งๆที่เป็นลูกชายคนโตของของครอบครัวจีนแท้ โชคดีอีกที่พ่อแม่สามีเค้ามีลูกชายเยอะ และหัวสมัยใหม่เลยยอม
แล้วเรื่องบ้านที่แม่คุณสร้าง ยังไงก็ชื่อแม่คุณทั้งหมด มันไม่มีอะไรการันตีหรอกค่ะว่าจะยกให้คุณและภรรยา ไม่รู้คุณมีพี่น้องกี่คน ใจคนเปลี่ยนกันได้ ไม่มีอะไรแน่นอนค่ะ อย่างแม่เราก็ไม่อยากให้เราย้ายไปอยู่บ้านใคร เลยลงทุนสร้างบ้านให้เรากะสามีบนที่แม่เหมือนบ้านคุณเลย แฟนเข้ามาแต่ตัวเค้าจะรู้สึกเองว่านี่ไม่ใช่บ้านของเค้า ดังนั้นถ้าเลิกกันเค้าก็ออกไปแต่ตัวค่ะ แม่เราก็คงไม่ยกให้เค้าหรอก ยังดีที่แม่เราไม่มาก้าวก่ายบ้านเรา อยู่คนละที่ สามีเลยไม่ต้องอึดอัดอะไร
นี่ภรรยาคุณยอมออกเงินเอง 2 ล้านนี่เยอะมากๆ แถมเป็นเงินที่เหมือนกับเสียเปล่าเลยด้วย ถ้าอนาคตเกิดเลิกกับคุณขึ้นมาคือภรรยาคุณไปแต่ตัวเลย บ้านคุณ แม่คุณจะยอมยกบ้านแบ่งให้ภรรยาคุณหรอคะ หรือจะคืนเงิน 2 ล้านให้เธอไม๊ เรามั่นใจว่าไม่ค่ะ
สินสอดล้านนึงอาจดูเยอะ แต่ถ้าต้องควักจ่ายค่าบ้านเพิ่มเอง ก็เหมือนเธอจ่ายซื้อสินสอดให้ตัวเองล้านนึงเลยนั่นแหล่ะ ต้องจ่ายเงิน แถมต้องย้ายมาอยู่ใต้ครอบครัวอื่น ต้องมาเป็นเสมือนผู้อาศัย
เราเห็นครอบครัวเพื่อนสนิทคล้ายๆคุณเลย ครอบครัวมีฐานะดี พี่ชายเพื่อนเราแต่งสะใภ้เข้าบ้านกี่คนต่อกี่คนต้องเลิกหมด สะใภ้อยู่ไม่ได้ ทั้งๆที่ครอบครัวเพื่อนก็ไม่ได้รังแกอะไรสะใภ้นะ แต่ไม่มีใครอยากเข้าไปอาศัยคนอื่นหรอก มันอึดอัด อยู่บ้านตัวเองยังสะดวกใจกว่า สะใภ้คนล่าสุดเลิกกันก็เอาลูกคนเดียวไปด้วย พี่ชายเป็นซึมเศร้ารับไม่ได้ไปเลย คุณอยากลงเอยแบบนี้หรอ
ถ้าเราเป็นเพื่อนภรรยาคุณจะแนะนำว่าให้เก็บสินสอดไว้ไม่ต้องช่วยออกค่าบ้าน สามีทำบ้านมาแค่ไหนก็อยู่แค่นั้นพอ แล้วเก็บเงินตัวเองไว้ซื้อบ้านอีกหลังเป็นชื่อเรา เผื่อวันนึงเลิกกันก็ยังมีที่ไป ไม่ต้องจดทะเบียนด้วย ลูกก็เป็นสิทธิ์เราคนเดียว
แต่ถ้าเราเป็นเพื่อนคุณจะแนะนำว่าให้เป็นผู้นำบ้าง ยอมขัดใจที่บ้าน พาภรรยาย้ายมาอยู่กันเองออกเงินสร้างกันเองดีกว่า เพราะถ้าเป็นคุณต้องย้ายเข้าบ้านไปอยู่กับพ่อแม่ภรรยาบ้างคุณจะเอาไม๊ ต่อให้เค้าดีกะเราแค่ไหนแต่มันก็อึดอัดใจอยู่ดี โตแล้วสร้างครอบครัวตัวเองดีกว่าค่ะ
เพราะต่อให้รักกันดีกับครอบครัวสามี แต่คนที่ไม่ได้เลี้ยงกันมาวันนึงมันต้องมีเรื่องกระทบกระทั่งกันแน่นอน ขนาดพ่อแม่ลูกกันแท้ๆยังมีปัญหากันได้เลย ยังไงเราก็คนนอก ขนาดเราแยกบ้านนานๆเจอกันที พ่อแม่สามีก็ดีกะเรามาก แต่ก็ยังมีเรื่องบางอย่างกระทบใจกันโดยไม่ได้ตั้งใจได้เลย
โชคดีที่สามีเราเค้าเข้าใจ ยอมย้ายออกมาอยู่กันเอง ทั้งๆที่เป็นลูกชายคนโตของของครอบครัวจีนแท้ โชคดีอีกที่พ่อแม่สามีเค้ามีลูกชายเยอะ และหัวสมัยใหม่เลยยอม
แล้วเรื่องบ้านที่แม่คุณสร้าง ยังไงก็ชื่อแม่คุณทั้งหมด มันไม่มีอะไรการันตีหรอกค่ะว่าจะยกให้คุณและภรรยา ไม่รู้คุณมีพี่น้องกี่คน ใจคนเปลี่ยนกันได้ ไม่มีอะไรแน่นอนค่ะ อย่างแม่เราก็ไม่อยากให้เราย้ายไปอยู่บ้านใคร เลยลงทุนสร้างบ้านให้เรากะสามีบนที่แม่เหมือนบ้านคุณเลย แฟนเข้ามาแต่ตัวเค้าจะรู้สึกเองว่านี่ไม่ใช่บ้านของเค้า ดังนั้นถ้าเลิกกันเค้าก็ออกไปแต่ตัวค่ะ แม่เราก็คงไม่ยกให้เค้าหรอก ยังดีที่แม่เราไม่มาก้าวก่ายบ้านเรา อยู่คนละที่ สามีเลยไม่ต้องอึดอัดอะไร
นี่ภรรยาคุณยอมออกเงินเอง 2 ล้านนี่เยอะมากๆ แถมเป็นเงินที่เหมือนกับเสียเปล่าเลยด้วย ถ้าอนาคตเกิดเลิกกับคุณขึ้นมาคือภรรยาคุณไปแต่ตัวเลย บ้านคุณ แม่คุณจะยอมยกบ้านแบ่งให้ภรรยาคุณหรอคะ หรือจะคืนเงิน 2 ล้านให้เธอไม๊ เรามั่นใจว่าไม่ค่ะ
สินสอดล้านนึงอาจดูเยอะ แต่ถ้าต้องควักจ่ายค่าบ้านเพิ่มเอง ก็เหมือนเธอจ่ายซื้อสินสอดให้ตัวเองล้านนึงเลยนั่นแหล่ะ ต้องจ่ายเงิน แถมต้องย้ายมาอยู่ใต้ครอบครัวอื่น ต้องมาเป็นเสมือนผู้อาศัย
เราเห็นครอบครัวเพื่อนสนิทคล้ายๆคุณเลย ครอบครัวมีฐานะดี พี่ชายเพื่อนเราแต่งสะใภ้เข้าบ้านกี่คนต่อกี่คนต้องเลิกหมด สะใภ้อยู่ไม่ได้ ทั้งๆที่ครอบครัวเพื่อนก็ไม่ได้รังแกอะไรสะใภ้นะ แต่ไม่มีใครอยากเข้าไปอาศัยคนอื่นหรอก มันอึดอัด อยู่บ้านตัวเองยังสะดวกใจกว่า สะใภ้คนล่าสุดเลิกกันก็เอาลูกคนเดียวไปด้วย พี่ชายเป็นซึมเศร้ารับไม่ได้ไปเลย คุณอยากลงเอยแบบนี้หรอ
ถ้าเราเป็นเพื่อนภรรยาคุณจะแนะนำว่าให้เก็บสินสอดไว้ไม่ต้องช่วยออกค่าบ้าน สามีทำบ้านมาแค่ไหนก็อยู่แค่นั้นพอ แล้วเก็บเงินตัวเองไว้ซื้อบ้านอีกหลังเป็นชื่อเรา เผื่อวันนึงเลิกกันก็ยังมีที่ไป ไม่ต้องจดทะเบียนด้วย ลูกก็เป็นสิทธิ์เราคนเดียว
แต่ถ้าเราเป็นเพื่อนคุณจะแนะนำว่าให้เป็นผู้นำบ้าง ยอมขัดใจที่บ้าน พาภรรยาย้ายมาอยู่กันเองออกเงินสร้างกันเองดีกว่า เพราะถ้าเป็นคุณต้องย้ายเข้าบ้านไปอยู่กับพ่อแม่ภรรยาบ้างคุณจะเอาไม๊ ต่อให้เค้าดีกะเราแค่ไหนแต่มันก็อึดอัดใจอยู่ดี โตแล้วสร้างครอบครัวตัวเองดีกว่าค่ะ
ความคิดเห็นที่ 2
มันแล้วแต่มุมมองนะเรื่องนี้
ตัดเรื่องสินสอดมากหรือน้อยไปนะ อันนี้คุณตกลงกันไว้โอเคทั้งสองฝ่าย
เรื่องพ่อแม่เป็นข้าราชการระดับอะไรนั่นก็เรื่องเล็ก บางบ้านใหญ่โตกว่านี้
เค้าไม่เอาสินสอดเลยก็มี
แต่เจ้าสาวพูดถูก เรื่องที่คุณเหมือนลูกแหง่อะไร ๆ ก็แล้วแต่แม่
เค้าอยากแยกไปอยู่เป็นส่วนตัวบ้านคุณบอกไม่ให้ คุณก็ไม่มีปากมีเสียง
ที่บ้านคุณลงทุนสร้างบ้านให้ 3 ล้านเหมือนจะใจดีแต่ที่มันของแม่
คุณเป็นลูกไม่รู้สึก แต่เมียคุณเหมือนไปอาศัยเค้าอยู่
ทำอะไรก็ต้องเกรงใจเจ้าของบ้านอยู่ดี แถมคุมลูกอยู่ขนาดนี้
ก็น่าจะตามมาคุมลูกสะใภ้ด้วย แลดูน่าอึดอัด
แต่มันคิดได้อีกแบบคือของฟรีจะเอาอะไรนักหนา
บางคนดีใจแทบตายไม่ต้องไปดิ้นรนซื้อ
ปัญหาตามมาคือว่าที่เจ้าสาวคุณไม่พอใจบ้านราคา 3 ล้าน
พอจะเอา 5 ล้านก็เลยต้องออกเพิ่มเอง ทีนี้พอต้องควักเนื้อ
เอาสินสอดมาจ่ายก็เลยคิดว่าเหมือนอัฐิยายซื้อขนมยาย
เหมือนเอาเงินสินสอดที่ควรจะได้มาคืนแม่คุณ
เพราะเจ้าของที่และเจ้าของบ้านคือแม่คุณ
อ่านดูแล้วก็น่าเห็นใจคนกลางคือคุณ แม่ก็อย่างนั้นเมียก็อย่างนี้
เรื่องมากทั้งคู่ ปัญหาคือคุณมีแม่มีตังค์เค้าก็ถือว่าชั้นเสียงดังกว่า
ตังค์อยู่ที่ชั้นใครไม่เชื่อก็อด ส่วนเจ้าสาวก็เล่นตัวเพราะถือว่าคุณง้อ
ถ้าเราเป็นเพื่อนแฟนคุณเราจะแนะแฟนคุณว่าให้เก็บเงินสองล้านไว้เป็นทุนซื้อ
บ้านที่เป็นชื่อตัวเอง เป็นบ้านหลังที่ 2 ก็ได้ เผื่อวันไหนมีปัญหาอะไรจะได้มีบ้านของตัวเอง
(แน่นอนเราคงแนะนำแบบไม่ให้คุณได้ยิน อิ ๆ)
แต่ถ้าเราเป็นเพื่อนคุณเราก็คงเอือมเจ้าสาวแทน จะอะไรนักหนาปล่อยวางบ้างเถอะเรื่องเงิน
บ้านผู้ชายเค้าก็ออกค่าจัดงานให้แล้วแม่คุณ ยังจะเอาซองอีก รู้ว่าอยากได้สินสอดเยอะ ๆ
แต่เรื่องละเอียดอ่อนแบบนี้ ไปงอแงมาก ๆ แม่ผัวจะเกลียดขี้หน้าเอา เริ่มต้นไม่ดีมันจะรวนไปหมด
ตัดเรื่องสินสอดมากหรือน้อยไปนะ อันนี้คุณตกลงกันไว้โอเคทั้งสองฝ่าย
เรื่องพ่อแม่เป็นข้าราชการระดับอะไรนั่นก็เรื่องเล็ก บางบ้านใหญ่โตกว่านี้
เค้าไม่เอาสินสอดเลยก็มี
แต่เจ้าสาวพูดถูก เรื่องที่คุณเหมือนลูกแหง่อะไร ๆ ก็แล้วแต่แม่
เค้าอยากแยกไปอยู่เป็นส่วนตัวบ้านคุณบอกไม่ให้ คุณก็ไม่มีปากมีเสียง
ที่บ้านคุณลงทุนสร้างบ้านให้ 3 ล้านเหมือนจะใจดีแต่ที่มันของแม่
คุณเป็นลูกไม่รู้สึก แต่เมียคุณเหมือนไปอาศัยเค้าอยู่
ทำอะไรก็ต้องเกรงใจเจ้าของบ้านอยู่ดี แถมคุมลูกอยู่ขนาดนี้
ก็น่าจะตามมาคุมลูกสะใภ้ด้วย แลดูน่าอึดอัด
แต่มันคิดได้อีกแบบคือของฟรีจะเอาอะไรนักหนา
บางคนดีใจแทบตายไม่ต้องไปดิ้นรนซื้อ
ปัญหาตามมาคือว่าที่เจ้าสาวคุณไม่พอใจบ้านราคา 3 ล้าน
พอจะเอา 5 ล้านก็เลยต้องออกเพิ่มเอง ทีนี้พอต้องควักเนื้อ
เอาสินสอดมาจ่ายก็เลยคิดว่าเหมือนอัฐิยายซื้อขนมยาย
เหมือนเอาเงินสินสอดที่ควรจะได้มาคืนแม่คุณ
เพราะเจ้าของที่และเจ้าของบ้านคือแม่คุณ
อ่านดูแล้วก็น่าเห็นใจคนกลางคือคุณ แม่ก็อย่างนั้นเมียก็อย่างนี้
เรื่องมากทั้งคู่ ปัญหาคือคุณมีแม่มีตังค์เค้าก็ถือว่าชั้นเสียงดังกว่า
ตังค์อยู่ที่ชั้นใครไม่เชื่อก็อด ส่วนเจ้าสาวก็เล่นตัวเพราะถือว่าคุณง้อ
ถ้าเราเป็นเพื่อนแฟนคุณเราจะแนะแฟนคุณว่าให้เก็บเงินสองล้านไว้เป็นทุนซื้อ
บ้านที่เป็นชื่อตัวเอง เป็นบ้านหลังที่ 2 ก็ได้ เผื่อวันไหนมีปัญหาอะไรจะได้มีบ้านของตัวเอง
(แน่นอนเราคงแนะนำแบบไม่ให้คุณได้ยิน อิ ๆ)
แต่ถ้าเราเป็นเพื่อนคุณเราก็คงเอือมเจ้าสาวแทน จะอะไรนักหนาปล่อยวางบ้างเถอะเรื่องเงิน
บ้านผู้ชายเค้าก็ออกค่าจัดงานให้แล้วแม่คุณ ยังจะเอาซองอีก รู้ว่าอยากได้สินสอดเยอะ ๆ
แต่เรื่องละเอียดอ่อนแบบนี้ ไปงอแงมาก ๆ แม่ผัวจะเกลียดขี้หน้าเอา เริ่มต้นไม่ดีมันจะรวนไปหมด
แสดงความคิดเห็น
มีปัญหาเยอะเรื่องแต่งงานอยากฟังความเห็นของทุกคนหน่อยครับ
ทีนี้แฟนอยากสร้างบ้านมูลค่า 5 ล้าน ถึงจะยอมมาอยู่ แฟนเลยคิดว่าจะยอมหาเงินเองมาให้อีก 2 ล้านบาทเพื่อสมทบ แล้วก็ชอบบ่นว่า เราไม่ได้อะไรเลย บ้านก็สร้างบนที่ดินแม่ผม เงินค่าสินสอดก็เหมือนเอามาจ่ายค่าบ้านเพิ่ม ทั้ง ๆ ที่ไม่อยากมาอยู่ด้วยเลย เท่ากับตัวเองได้แค่แหวนเป็นสินสอดแค่นั้น
ทีนี้มาบ่นอีกว่าค่าซองงานแต่งทั้งหมดขอให้ฝ่ายบ่าวสาวเก็บไว้นะ ไม่งั้นเหมือนไม่มีเงินตั้งต้นชีวิตเลยต้องเกาะพ่อแม่ทุกอย่างเลยหรอบ้านก็ยอมมาอยู่ด้วยแล้ว เงินเก็บก็ไม่มีอีก ปัญหา คือ ทางฝ่ายบ้านผมก็อยากจะเอาค่าซองที่จะได้มาช่วยงานแต่งก่อน แล้วถ้าเหลือถึงจะให้บ่าวสาว (ซึ่งคิดว่าน่าจะเอาไปจ่ายหมด ไม่น่าเหลือ) แฟนผมก็มาโวยวาหาว่าบ้านผมเค็มไม่ให้อะไรบ่าวสาวมั่งเลย ผมก็บอกว่าฝ่ายผมที่จัดงานแต่งให้นี่ก็ทุ่มให้ที่สุดแล้ว ให้พ่อแม่เขาแบ่งเบาภาระมั่งเถอะ แฟนก็ไม่เชื่อหาว่าก็มีเงินพร้อมจ่ายแล้วนี่ เงินค่าซองก็น่าจะให้ลูกบ้าง (แฟนผมบอกไม่ต้องให้เป็นชื่อเค้าก็ได้ แต่เป็นชื่อผมก็ยังดี) แล้วก็ว่าผมเป็นลูกแหง่ติดบ้านไม่ยอมให้ออกไปไหนหรือตั้งต้นชีวิตกันเองเลย ยอมขนาดนี้แล้วขอค่าซองเก็บไว้บ้าง ผมก็เถียงก็เงินสินสอด 1 ล้านไงที่เอาไปสร้างบ้านตามใจแล้วนี่ แต่แฟนก็บอกไม่ใช่มันเหมือนสร้างให้ที่ดินแม่ เพราะไม่ใช่ชื่อของผม เราไม่มีอะไรมาสร้างชีวิตเลย
ซึ่งจริง ๆ ผมก็อยากออกจากบ้านแม่นะแต่ทางบ้านยังไงก็ไม่ยอมฟัง ต้องแต่งเข้าเท่านั้น
เหตุผลที่ยกมาของแฟนเหมือนจะดูดีอยู่หรอก แต่ไม่ยอมรับเข้าใจฝ่ายผมบ้างเลย ผมก็ปวดหัวมากทั้งกับที่บ้านกับแฟน น่าจะไม่ยอมกันง่าย ๆ ในฐานะคนกลางมันลำบากใจจริง ๆ ครับ รักก็รักแฟนอยู่หรอก แต่มันเริ่มจะไม่ไหวแล้ว แย่ขึ้นมาทุกที ๆ
ทุกคนว่าควรทำยังไงดีครับ ออกความเห็นหรือวิจารย์กันได้เต็มที่เลย พร้อมรับฟังหมดครับ