การเดินทางไปเบอร์ลินกับสายการบิน Qatar Airways ก่อนหน้านี้หาอ่านรีวิวเส้นทางนี้ไม่เจอเลยค่ะ บวกกับความประทับใจหลังจากได้ทดลองนั่ง Qatar Airways เป็นครั้งแรก พอกลับมาเลยตัดสินใจว่ายังไงต้องเขียนรีวิวแล้วล่ะ! รูปในกระทู้นี้มาจากกล้องมือถือเพราะระหว่างเดินทางไม่สะดวกเอากล้องถ่ายรูปออกมาใช้ ดังนั้นรูปที่ได้อาจจะไม่สวยงามมากนะคะ

รีวิวสายการบิน Qatar Airways ชั้นประหยัด
กรุงเทพ -> โดฮา -> เบอร์ลิน
เบอร์ลิน -> โดฮา -> กรุงเทพ
ไฟล์ทบินของเรา รายละเอียดตามนี้เลยค่ะ...






Bangkok - > Doha

เริ่มต้นการเดินทางที่สนามบินสุวรรณภูมิ ไปต่อแถวเช็คอิน มีผู้โดยสารคนอื่นๆ เข้าแถวอยู่ก่อนหน้าประมาณหนึ่งแต่ว่าแถวก็ไหลไปเรื่อยๆ ไม่ได้รู้สึกว่ารอนานมาก เช็คอินแล้วได้บอร์ดดิ้งพาส 2 ใบ กทม-โดฮา + โดฮา-เบอร์ลิน โหลดกระเป๋าฟรี 30 kg + Carry on 7 kg / กระเป๋าที่โหลดใต้เครื่อง Check thru รับที่สนามบินปลายทางได้เลย

*Update ช่วงที่เราเดินทาง Economy class โหลดกระเป๋าฟรี 30 kg. แต่ปัจจุบันอาจไม่ได้เหมือนกันทุกคนแล้ว ให้ดูจากรายละเอียดใบจองนะ เพราะ Economy class ก็แบ่งคลาสแยกย่อยไปอีก แต่ละคลาสก็อาจไม่ได้น้ำหนักเหมือนกัน มีตั้งแต่ 20-25-30-35 kg ค่ะ https://www.qatarairways.com/en/baggage/allowance.html

จากเช็คอินโหลดกระเป๋าเสร็จ ผ่านตม. เข้าไปรออยู่หน้าเกต Qatar Airways เรียก Boarding ตามโซนนะคะ ใน Boarding pass มีระบุโซนที่นั่งอยู่ เราได้ Zone 3



บนเครื่องจัดที่นั่งแบบ 3-4-3 อาจจะมีบางแถวที่จัดเป็น 3-3-3 เราเช็กอินออนไลน์เลือกที่นั่งริมทางเดินเอาไว้ แต่พอเอาเข้าจริงคือว่างไปสามเบาะรวด ทางสายการบินจัดเตรียมผ้าห่มและหมอนไว้ให้เรียบร้อย เบาะนั่งสบาย ระยะห่างระหว่างแถวที่นั่งก็กว้าง ขาสั้นๆ แบบเรานี่ถึงกับรู้สึกวังเวงเลยทีเดียว

 

    

สักพักแอร์เริ่มแจกเมนูอาหาร อาหารหลักมีให้เลือก 3 แบบด้วยกัน ส่วนเครื่องเคียงก็แล้วแต่ว่าวันนั้นจะมีอะไร เครื่องดื่มมีทั้งเหล้า ไวน์ เบียร์ ชา กาแฟ น้ำผลไม้ เช้าๆ แบบนี้ขออะไรที่ย่อยง่ายๆ หน่อยละกัน เลยเลือกเป็นโจ๊กกุ้งค่ะ มื้อนี้เป็นอาหารจากครัวการบินไทยรู้สึกว่าอร่อยสุดละ เสียดายที่ให้น้อยไปหน่อย ไม่อิ่ม 555

ไฟล์ทนี้มีแอร์โฮสเตสที่เป็นคนไทยและพี่เค้ายังรับหน้าที่ดูแลโซนที่เรานั่งอยู่ด้วย เวลาสั่งอาหารเครื่องดื่มก็เลยได้พูดไทยตลอด รู้สึกสบายใจที่จะสื่อสาร อีกอย่างที่ชอบคือแอร์เสิร์ฟน้ำบ่อยมากกก ปกติเราเป็นคนที่เวลาอยู่บนเครื่องบินจะรู้สึกแห้งไปทั้งตัวจนต้องจิบน้ำบ่อยๆ แต่ไฟล์ทนี้คือหลังจากดื่มไปแล้วรอบหนึ่ง ยังไม่ทันคอแห้งแอร์ก็เดินมาเสริ์ฟน้ำอีกแล้ว ยอมใจจริงๆ ค่ะ (ผลคือดื่มน้ำบ่อยและเข้าห้องน้ำบ่อยมากเช่นกัน T_T)



ระบบ Entertainment ต่างๆ มีหนังซีรีส์และรายการทีวีให้ดูพอสมควร มีซับภาษาอังกฤษ แต่ไม่มีซับไทยหรือหนังไทย นี่ไม่รู้จะดูอะไรก็เลยเปิด Map ดูเพลินๆ ไปค่ะ

 


ก่อนลงจากเครื่องแจกเป็น Snack ค่ะ





Transfer @ Hamad International Airport

ลงจากเครื่องมาแล้วเดินตามป้าย Transfer ไปเรื่อยๆ จะถึงจุดสแกนสัมภาระ ที่นี่ค่อนข้างเข้มงวดระดับหนึ่งเลย นาฬิกาข้อมือ โทรศัพท์ เสื้อโค้ทหรือแจ็คเก็ตต้องถอดออกใส่ในตะกร้า ต่อแถวแยกชายหญิงเพราะอาจจะมีการสัมผัสตัวเพื่อตรวจสอบ ตอนที่เรามาถึงอาจเป็นช่วงที่ไม่มีไฟล์อื่นมาลงคนเลยน้อยมาก สแกนกระเป๋าแป๊บเดียวก็เสร็จค่ะ



ตรวจสอบรายละเอียดหมายเลขเกตของเราได้ที่หน้าจอ พอรู้เกตแล้วก็เดินตามป้ายบอกทางไปค่ะ ระหว่างทางมีโอกาสใช้บริการรถไฟฟ้าภายในสนามบิน ตัวโบกี้เป็นกระจกใสๆ ไม่มีคนขับ



เดินมาเจอคุณหมีที่เป็นสัญลักษณ์ของสนามบิน Hamad International Airport



นอกจากความหรูหรา ทันสมัย สิ่งหนึ่งที่ชอบคือ...ห้องน้ำในสนามบินสะอาด และที่สำคัญมีที่ฉีดก้นด้วยจ้า



พาตัวเองมาถึงแถวๆ หน้าเกตแต่ว่าเค้ายังไม่เปิดให้เข้าไปข้างใน ก็เลยนั่งเช็คเฟสบุ๊กด้วย Wifi ฟรีของสนามบินแบบลื่นปรื๊ดๆ สามารถลงทะเบียนง่ายๆ ด้วยชื่อนามสกุล รหัสการจองหรือหมายเลข E-Ticket ของสายการบิน Qatar Airways (ทั้งที่มันก็ไม่ยากเลยนะ มีแต่คนเข้ามาถามว่าใช้ยังไง รู้สึกฮ็อตเวอร์ 555)

ขาไปมีเวลาเปลี่ยนเครื่อง 2.30 ชม. รู้สึกเหมือนผ่านไปเร็วพอสมควร กว่าจะเดินมาถึงเกต แวะเข้าห้องน้ำ ถ่ายรูปนู่นนี่ก็เหลือเวลานั่งรอจริงๆ ไม่นานเท่าไหร่ พอเจ้าหน้าที่เริ่มเรียกเข้าไปข้างในก็ไปนั่งตามโซนของตัวเองอีกครั้ง



สรุปสำหรับคนที่มีเปลี่ยนเครื่องที่โดฮานะคะ...ไม่ต้องกังวลเลยค่ะ สบายๆ 1. ลงจากเครื่องแล้วเดินตามป้าย Transfer 2. ผ่านขั้นตอนสแกนสัมภาระ 3. เช็คดูหมายเลขเกตจากหน้าจอ และเดินตามหาเกตกัน มีป้ายบอกทางเยอะมากๆ จนจะหลงเพราะป้ายเยอะเกินนี่แหละ 555
 
ตอนเช็คอินที่กรุงเทพได้บอร์ดดิ้งพาสมาแล้ว 2 ใบ กระเป๋าเช็คทรู ไม่ต้องทำอะไรอีกนอกจากขั้นตอนที่บอกไปข้างต้น แต่ถ้ามีเวลาเปลี่ยนเครื่องเยอะๆ ตอนมาถึงหมายเลขเกตอาจยังไม่ขึ้นที่หน้าจอนะคะ ก็ไปเข้าห้องน้ำเดินเล่นดูอะไรไปก่อน แล้วค่อยเช็คดูเป็นระยะๆ ค่ะ นอกจากหน้าจอบอกรายละเอียดไฟล์ทภายในสนามบิน ก็ยังสามารถเช็คได้จากเว็บไซต์ของสนามบินหรือแอพของ Qatar Airways เองได้ด้วย





Doha - > Berlin

หลังจากเรียกขึ้นเครื่องเพื่อบินไปเบอร์ลิน...บรรยากาศก็ไม่ค่อยต่างจากตอนขามาจากไทย เลยไม่ได้ถ่ายที่น่งที่นั่งอะไรมาให้ ยกเว้นที่ต่างกันอย่างเดียวคือคนโหลงเหลงมาก ฮือออ วังเวงเข้าไปอี๊ก ไม่ค่อยมีใครเค้าไปเที่ยวเบอร์ลินในช่วงฤดูนี้กันใช่มั้ย? ไฟล์ทก่อนหน้านี้เป็นผู้โดยสารชาวไทยเสีย 80% แต่ไฟล์ทนี้มีคละๆ กันไป ทั้งฝรั่ง แขก คนเอเชียมีเป็นส่วนน้อย ด้วยความหิวเลยขอโฟกัสที่ของกินล้วนๆ ค่ะ เมนูที่เราเลือกคือไก่กับซอสปาปริก้า

ไก่กับซอสปาปริก้ารสชาติเข้ากันดี แต่มันจะมีก้อนแป้งๆ บางอย่างผสมอยู่ในนั้นด้วย ซึ่งเราว่ามันไม่ค่อยเข้ากัน บางทีก็จิ้มผิดจิ้มถูกนึกว่าเนื้อไก่แต่ไม่ใช่ 555 ที่ปลื้มสุดๆ คือเค้กส้มและช็อกโกแลตของ Godiva



ดูโน่นนี่ไปได้ประมาณครึ่งทางหนังตาเริ่มไม่ไหวละ พอเทียบเป็นเวลาไทยก็ดึกมากแล้ว กว่าจะรู้สึกตัวอีกทีก็พบว่าอีกไม่นานจะถึงเบอร์ลินแล้ว แอร์คงเสิร์ฟ Snack ไปแล้วล่ะแต่พอเราหลับอยู่เค้าเลยไม่ปลุกค่ะ พยายามปลุกตัวเองให้ตื่น (แต่ถามว่าตื่นไหม...ไม่ค่ะ 555) ด้วยความกังวลว่าถ้าลงจากเครื่องไปสภาพนี้จะคุยกับ ตม. ไม่รู้เรื่องแน่ ปกติภาษาอังกฤษก็ไม่ค่อยจะแข็งแรงอยู่แล้ว เลยเดินไปตรงส่วนที่เป็นครัวและมีแอร์โฮสเตสประจำการอยู่ ได้ยินเค้าคุยกันเพิ่งรู้ว่าแอร์ที่ดูแลตรงส่วนที่เรานั่งอยู่นั้นคือคนไทยค่ะ เลยเข้าไปขอชาร้อนสักแก้ว คุยกันสองสามคำ แล้วหลังจากนั้นก็ได้ชาซีลอนและขนมมากิน...สดชื่นขึ้นเยอะเลย





Berlin Tegel Airport

ตอนแรกค่อนข้างกังวลขั้นตอนการผ่านต.ม. เพราะเพิ่งเคยมาโซนยุโรปครั้งแรก นี่ก็เตรียมถือเอกสารอะไรเอาไว้ในมือเยอะเลย เผื่อเจ้าหน้าที่ขอดู แต่ปรากฎว่าไม่ถงไม่ถามอะไรเลยค่ะ ทุกอย่างราบรื่นมากจนงง เดินผ่านศุลกากร ซึ่งมีสุ่มตรวจบ้าง แต่เราไม่ถูกเรียกอะไร สรุปว่าถึงเบอร์ลินโดยปลอดภัย

*Update ปัจจุบันย้ายไปบินลงสนามบิน Brandenburg ที่เป็นสนามบินใหม่แทนค่ะ