ศาลมีคำวินิจฉัยไม่ตรงกัน ทำอย่างไรดีแนะนำทีครับ

กระทู้คำถาม
เป็นคดีที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด มีจำเลยอยู3คน จำเลยที่1 ถูกยึดทรัพย์เพียงคนเดียว 
-ส่วนของคดีอาญา
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยจำเลย 1และ2 มีความผิด จำเลยที่3 ยกฟ้อง
ระหว่างรอศาลอุธรณ์ จำเลยที่1 เสียชีวิต  ทำให้เหลือจำเลยที่2และ3 
ศาลอุธรณ์วินิจฉัย ยกฟ้อง จำเลยที่ 2  จำเลยที่3 เป็นไปตามศาลชั้นต้น ส่วนของจำเลยที่1 ไม่ได้กล่าวเพราะเสียชีวิตแล้ว
แต่มีปัญหาตรงทรัพย์สินของจำเลยที่1 ถูกยึด 
ศาลอุธรณ์วินิจฉัยให้คืนของกลางแก่เจ้าของทั้งหมด
-ส่วนของคดีแพ่งทรัพย์สินของจำเลยที่1 
ศาลชั้นต้นตัดสินยึดทรัพย์
ทนายไม่ได้อุธรณ์เพราะผู้พิพากษาอิงจากคดีหลักของคดีอาญา(ไม่สนใจว่าทรัพย์สินบางรายการนั้นไม่ใช่ของจำเลยที่1)
ศาลอุธรณ์วินิจฉัยยืน(ออกก่อนที่จำเลยที่1 จะเสียชีวิต)
ญาติของจำเลยที่1 ไปขอคืนทรัพย์สินจากทาง ปปส 
ปปส ปฏิเสธอ้างว่าคดียังไม่ถึงที่สิ้นสุด ทั้งที่จำเลยที่1 เสียชีวิตแล้ว และ ศาลอุธรณ์คดีหลักวินิจฉัยให้คืน
ญาติจำเลยที่1ก็เลยมีการให้ทนายไปทำการยื่นฏีกาวินิจฉัยในส่วนของทรัพย์สิน
-บทสรุป ศาลฏีกาวินิจฉัย  ว่า ไม่รับวินิจฉัยเพราะจำเลยที่1 ไม่ได้ทำการขออุธรณ์
แล้วยังไงต่อ...........ไม่รู้เหมือนกันครับ
ศาลฏีกาวินิจฉัยออกมาแบบนี้ ต้องทำยังไงครับ
เพราะถ้าดูส่วนเฉพาะของศาลอุธรณ์คำวินิจฉัย  คดีอาญาซึ่งเป็นคดีหลักศาลให้คืนแก่เจ้าของ แต่คดีแพงสั่งให้ยึด
จะให้ยึดคำวินิจฉัยของศาลไหนเป็นหลักดีครับ
ญาติของจำเลยที่1 ได้ไปทำการติดต่อขอคืนกับทาง ปปส  ทางปปส ก็บ่ายเบี่ยง อ้างนู้นนี่หรือไม่งั้นให้ไปศาลปกครองเป็นคนชี้ขาด
ทางญาติของจำเลยที่1 ก็ไม่ใช่มีฐานะ ซ้ำยังต้องทำงานไม่มีเวลาและที่สำคัญต้องดูแลลูกของจำเลยที่1 อีก 4 คน เป็นหนี้เป็นสินจากการ
กู้ยืมเงินมาสู้คดี
***สุดท้ายนี้ ผู้ที่เข้าใจหรือพอจะให้คำแนะนำได้รบกวนช่วยทีครับ เวลายิ่งผ่านไปนานยิ่งกลัวว่าทาง ปปส จะไม่ไห้คืนหรือว่าจะหมดสิทธิได้คืนแล้ว
(แค่อยากได้บางส่วนคืนก็ยังดี เอามาใช้หนี้ การไม่มีหนี้หมดหนี้แค่นี้ก็ดีมากมายกับชีวิตแล้ว)
ในส่วนของทรัพย์สินก็ไม่ใช่เยอะแยะ ไม่ใช่ว่าเป็นสิบล้านร้อยล้านนะครับ ถ้าจะประเมินก็ประมาณเกือบๆล้าน มันไม่ใช้เงินสดทั้งหมด ประกอบไปด้วยรถ และของมีค่าไม่กี่รายการ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่