จากกรณีที่ขณะนี้ช่อง 3 กำลังถูกวิพากษณ์วิจารณ์พร้อมทั้งตั้งคำถามว่า
ช่วงนี้สถานีป้อนแต่ละครรีรันมากไปหรือเปล่า ทั้งช่วงเช้า บ่าย เย็น
ซึ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ทางสถานีได้มีคำตอบให้ประชาชนผู้ดูละครผ่านทางมติชนมาว่า
อะไรคือสาเหตุและปัจจัยของการนำละครมารีรัน

ละครรีรัน ไม่มีต้นทุน

เป็นปัจจัยที่เห็นได้ชัดคือต้นทุนที่ต่ำ  เนื่องจากละครรีรันเหล่านี้เคยออกอากาศไปแล้ว
ทางบัญชีจึงถือว่าไม่มีต้นทุนในการผลิต และเรตติ้งก็อยู่ในระดับที่น่าพอใจ
พอที่จะขายโฆษณาได้ ถือเป็นสูตรลัดทำรายได้ให้กับช่องได้แน่ๆ
ท่ามกลางสมรภูมิการแข่งขันของสื่อทีวีดิจิทัลที่ดุเดือด
ช่องไหนมีละครมากกว่าก็ถือว่าได้เปรียบ เรตติ้งโอเค สร้างรายได้ให้กับช่อง

แม้ว่าละครรีรันที่ออกอากาศซ้ำอีกครั้ง เรตติ้งไม่ได้แรงสูงเท่าตอนออกอากาศไปครั้งแรก
แต่เรตติ้งในช่วงรีรันก็อยู่ในระดับโอเคน่าพอใจ
แม้ความรู้สึกจากคนดูส่วนใหญ่จะมองว่าไม่เห็นด้วยที่ละครรีรันจะนำมาฉายบ่อยจนเกินไป
แต่เรตติ้งนั้นกลับสวนทาง  เพราะละครรีรันบางเรื่องนั้นทำเรตติ้งอยู่ที่ราวๆ 1.5-2.1
หรือบางเรื่องนั้นก็ทำเรตติ้งพุ่งทยานไปที่ 4.6 เลยทีเดียว ตัวเลขนี้ยืนยันได้แล้วว่าของเก่ายังมีมูลค่าในตัวของมัน
และสามารถสร้างรายได้ให้กับสถานีอยู่ จนทำให้เอเจนซีต้องหันมามองและตอบรับลงโฆษณา

ต้องมีละครในสต๊อก

ปัจจุบันแทบจะไม่มีสถานีโทรทัศน์ช่องไหนที่จะสามารถนำละครมารีรันได้
มีแค่สถานีช่องใหญ่ไม่กี่ช่องเท่านั้นที่จะสามารถทำละครรีรันได้เกือบทุกช่วงของวัน
เราจะเห็นได้กรณีของช่อง 3 และช่อง 7 เพราะจุดแข็งของสถานีเหล่านี้คือสู้กันด้วยละคร
ทำให้มีละครที่ฉายจบไปมีอยู่ในสต๊อกเพิ่มมากขึ้นทุกวัน

คุณภาพของละครรีรัน

อีกหนึ่งปัจจัยคือละครรีรันมักจะมีคุณค่าอยู่ในตัวของมันเอง ทั้งคุณภาพการผลิตที่ดี มีความใส่ใจในการผลิต ทั้งนักแสดง บทละคร
องค์ประกอบศิลป์ต่างๆ และเคยเป็นกระแสสร้างเรตติ้งในอดีตมาก่อน เช่นตัวอย่างละครของช่อง 3
ที่บางเรื่องจะนำมาดูกี่ครั้งก็ยังมีความใหม่ในตัวของมัน เช่น ทองเนื้อเก้า, รากนครา, นาคี , คลื่นชีวิต เป็นต้น ถ้าจะให้พูดง่ายๆ
คือจะผ่านไปกี่ปีหรือหยิบมาดูกี่ครั้ง มันก็ยังน่าติดตามชมอยู่เสมอ

ที่มา : https://www.matichon.co.th/entertainment/news_1669789