ว่าด้วยเรื่องปัญหาที่สามารถใช้อ้างอิงในการเปลี่ยน host family ค่ะ
เราเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่ Georgia, USA ได้เดือนครึ่งแล้วค่ะ ในช่วงแรกไม่มีปัญหาเรื่อง host family เลยค่ะเพราะเขา take care เราปกติดีมาก เราก็ปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมของบ้านได้ แต่เมื่อสองสามสัปดาห์ที่ผ่านมา ตัวเราเริ่มเห็นปัญหาทีละอย่างๆ บาง issues เป็นเรื่องคลุมเคลือและละเอียดอ่อนและหนึ่งเดือนครึ่งเป็นเวลาที่เร็วไปนิดนึงสำหรับการตัดสินใจเปลี่ยนโฮสต์ค่ะ เราเลยตัดสินใจตั้งกระทู้มาถามคนที่มีเคยประสบการณ์เปลี่ยนโฮสต์ หรือมีคำแนะนำสำหรับปัญหานี้ค่ะ ;______;
อย่างแรกเลยคือเรื่อง การสื่อสาร ค่ะ
ทั้ง host mom และ host sister (15 yrs) ของเราทำงานทั้งคู่ค่ะ (น้องเพิ่งมาเริ่มทำเมื่อสัปดาห์ก่อนค่ะ) วันธรรมดาเราแทบไม่มีโอกาสได้คุยกับตัว host sis เลยค่ะ ตอนเช้าทั้งเราและ host sis นั่งบัส (host mom เป็นคนขับรสบัสค่ะ) เราตื่นตี 5 ครึ่ง แยกย้ายกันจัดการตัวเอง ขึ้นบัส (นั่งแยกกันเพราะเราอยากหาเพื่อนค่ะ แง) เรากับ host sister อยู่คนละ campus ค่ะ หมายความว่าไม่ได้เจอกันที่โรงเรียนเลยค่ะ ไม่มีคลาสเดียวกันเลย เลิกเรียน host sis ทำงาน part-time ถึง 2 ทุ่มทุกวันค่ะ เราเข้านอนประมาณ 3-4 ทุ่ม เวลาเดียวกับที่ host sis เพิ่งถึงบ้านค่ะ วันเสาร์ - อาทิตย์ host sister ไปทำงานตั้งแต่สายๆ ถึง 3 ทุ่มค่ะ
Host mom เราทำหลายงานมากค่ะ ประมาณ 4-5 งาน ทั้งขับรถบัส ร้านขายของ วันธรรมดาหลังจากขับรสบัสเสร็จ ก็จะขับรถไปทำงานต่อในเมืองถึง 2 ทุ่มค่ะ วันเสาร์ host mom ทำตั้งแต่ 8 โมงจนถึงบ่าย 2 ส่วนวันอาทิตย์ host mom จะต้องออกไปส่ง host sister ไปทำงานตั้งแต่ 9-10 โมงค่ะ ส่วนตัว host mom ก็แวะไปโบสถ์ต่อเลย ประมาณบ่าย 3 โมงถึงจะกลับบ้านค่ะ เราพยายามใช้เวลาช่วงนี้คุยกับ host mom แต่ส่วนมากเขาจะคุยโทรศัพท์ถี่มากค่ะ พอเลิกคุยก็จะเข้าไปพักในห้องบ้าง หรือนั่งเล่นโทรศัพท์ค่ะ บางครั้งก็คุยกับเราบ้าง เราก็พยายามชวนคุยนู่นนี่ เล่าเรื่องที่โรงเรียนให้ฟัง ซักพักนึงเขาก็จะลุกไปทำอย่างอื่นต่อค่ะ แต่รวมๆ แล้วเราคุยกับ host mom น้อยมากๆ ถึงขั้นว่านับประโยคที่คุยกันได้เลยค่ะ จะเป็นคำถามที่ว่า have you eaten? What did you eat? Did you do laundry? Do you have a trash in your room? Did you clean your bathroom? ซะส่วนใหญ่ค่ะ
คุยกับ host mom ว่าน้อยแล้ว กับ host sis ยิ่งน้อยใหญ่เลยค่ะ น้องเป็นคนติดโทรศัพท์มาก เอาเข้าไปอาบน้ำด้วย เวลากินข้าวก็ต้องเปิด youtube ดู ใช้เวลาว่างส่วนมากในห้องนอนตัวเองค่ะ บางครั้งก็มานั่งเล่นโทรศัพท์ที่ living room เราพยายามชวนคุยมากๆ ค่ะ ถามเรื่อโรงเรียน เรื่องงาน เพื่อน host sis จะตอบแค่ yes it’s good แล้วก็จะกลับไปเล่นโทรศัพท์ต่อค่ะ ฮือ (host mom เป็นคนบอกเองเลยค่ะว่าน้อง addicted to social network มาก แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรค่ะ)
ช่วงนี้เราเหนื่อยมากค่ะ เราพยายามมากๆ กับการคุยกับ host family แต่เขาไม่ได้ตอบรับกลับมาเท่าที่หวังไว้เลยค่ะ ;____; ก็เลยใช้เวลาอยู่กับตัวเองมากขึ้น ออกไปเดินเล่นนอกบ้านบ้าง หรือนอนแช่อยู่โซฟาห้องนั่งเล่นค่ะ คุยกับเพื่อนที่โรงเรียนบ้าง อย่างน้อยก็ยังได้ใช้ภาษา แง
เรื่องที่สองคือเรื่อง ค่าใช้จ่าย ค่ะ
เราเป็นคนออกค่าใช้จ่ายสำหรับของส่วนตัวของเราหมดเลยค่ะ (อันนี้เราไม่ซีเรียสค่ะ ของส่วนตัวเนอะ) กินข้าวนอกบ้านเราจ่ายค่ะ เวลาไปเที่ยว เราจ่ายส่วนของเราหมดเลยค่ะ แต่มีครั้งที่เราต้องซื้อของเข้าบ้านเองค่ะ เราซื้อน้ำ (แพ็ค) นม ซึ่งเป็นของส่วนรวมค่ะ เราไม่ได้หวงเงินเพราะมันไม่ใช่เงินจำนวนมากขนาดนั้น เทียบกับค่าอาหารที่เขาทำให้เรากินทุกวัน เราก็รู้สึกว่าก็ fair ดี แต่อีกใจนึงก็ยังตะหงิดว่าสรุปมันเป็นค่าใช้จ่ายที่เราต้องรับผิดชอบมั้ย อีกครั้งนึงคือเราต้องซื้อทิชชู่ห้องน้ำเองค่ะ เราใช้ห้องน้ำแยก แต่ห้องน้ำก็ยังเป็นส่วนหนึ่งของบ้านเนอะ ก็เลยอ๋องๆ ว่าใครควรจะเป็นคนจ่ายกันแน่
อย่างที่บอกไป host mom เราทำหลายงานมากค่ะ เขาบอกเราว่าเขามี bills ที่ต้องจ่ายเยอะ ที่ host sis ทำงานก็เพราะจะได้ช่วยเรื่องค่าใช้จ่ายค่ะ เรามองว่าถ้าเขา can’t afford เรา การรับเด็กแลกเปลี่ยนก็เหมือนจะเป็นภาระของเขามากขึ้นกว่าเดิม เขาบอกเราว่าเดือนนี้ต้องจ่ายบิลตั้ง 300$ ก็ประมาณเก้าพันกว่าๆ เนอะ สำหรับเรามันไม่ได้เยอะขนาดนั้น ส่วนพวกอาหาร ส่วนมากคนอื่นจะเอาของกินมาให้มากกว่าไปซื้อเองค่ะ (พวกญาติๆ หรืออาหารจากโบสถ์ค่ะ)
เรื่องที่ 3 คือ นิสัย host mom ค่ะ
Host mom เป็นคนขี้หงุดหงิดง่ายค่ะ จะเห็นชัดเลยเวลาเขาขับรสบัส จะตะโกนว่าเด็กข้างหลังตลอดเวลาคุยกับเพื่อนหรือหัวเราะเสียงดัง (สำหรับเราไม่ได้ดังรบกวนขนาดนั้นเลยค่ะ) หรือแม้แต่เวลาญาติเอาลูกมาฝาก มีครั้งนึงญาติเอาลูกชายมาฝากค่ะ น้องน่าจะประมาณ 4-5 ขวบ น่ารักมากๆ แง แต่น้องพูดไม่ค่อยชัดค่ะ พอน้องคุยกับ host mom เขาบอกเสียงแข็งเลยว่า OPEN YOUR MOUTH WHEN YOU’RE SPEAKING, I can’t understand you แล้วก็ก้มเล่นโทรศัพท์ต่อค่ะ สงสารน้องมาก แง เวลาน้องพูดอะไรไม่เข้าใจ host mom จะพูดว่า i don’t understand you แล้วก็ปล่อยน้องทิ้งไว้อย่างนั้นเลยค่ะ แง แต่พอญาติกลับมารับน้อง host mom ดูเอ็นดูน้องมากค่ะ ลูบหัว กอด เราพูดอะไรไม่ได้เลยค่ะ ;_____;
มีครั้งนึง host sister บอกว่าอยากกินต้มยำ เราก็เลยจะทำให้กินวันหยุด (ช่วงที่น้องยังไม่เริ่มทำ part-time) แต่เราดันใส่เกลือเยอะไปค่ะ ถ้าใส่น้ำไปคือรสเสียเลย ก็เลยเททิ้งทำใหม่ค่ะ host mom เข้ามาเห็นก็พูดเสียงแข็งเลยว่า ทำอะไร เททิ้งทำไม ที่นี่เราไม่ทำๆ ทิ้งๆ นะ เราขอโทษเขาไปค่ะ แล้วเขาก็มายืนดูเราทำค่ะ เราก็เลยถามว่า are you gonna eat it? Host mom ตอบเสียงแข็งเลยค่ะว่า no, i won’t eat it เราไม่รู้เลยค่ะว่าเป็นเรื่องปกติรึเปล่าหรือเขาตั้งใจ mean ใส่เรา พอเราทำเสร็จก็เรียกน้องมาชิมว่าเผ็ดไปรึเปล่า น้องบอก no i don’t want to taste it เราเป็นเอ๋อเลยค่ะ ฮือ เพราะเราตั้งใจทำให้น้อง สรุปก็มานั่งกินเองค่ะ แหะ
เวลา host mom เรียกน้องหรือไม่พอใจอะไรจะตะโกนออกมาเสียงดังเลยค่ะ ทั้งๆ ที่บางเรื่องก็คุยกันดีๆ ได้ บางครั้งก็สบถออกมาเลยค่ะ เรารู้สึกไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่
ส่วนเรื่องที่เราไม่พอใจมากที่สุดคือครั้งที่เราตื่นสายในวันอาทิตย์ ทำให้เราไม่ได้ไปโบสถ์กับ host mom แต่เขาไม่ได้เคาะประตูหรือมาปลุกเลยค่ะ เพราะคืนวันเสาร์เราคุยกับคุณแม่ที่ไทย ประมาณช่วงสี่ทุ่มห้าทุ่ม ช่วงนั้นที่ไทยจะประมาณ 9-10 โมงค่ะ เราเป็นคนบอกคุณแม่ให้โทรมาเวลานี้เองเพราะคุณแม่จะได้ไม่ต้องนอนดึกๆ เพื่อรอคุยกับเราค่ะ วันเสาร์เรานอนดึกได้ด้วยค่ะ แหะ (เราคุยกับแม่อาทิตย์ละครั้งค่ะ) พอประมาณเที่ยงคืนเราก็หลับค่ะ เราตื่นประมาณ 10 โมงค่ะ host mom ขับรถออกไปส่งน้องแล้ว พอกลับบ้านมาเขาก็ถามเรา did you sleep well? เราตอบ yes, i woke up so late today เขาพูดกลับมาว่า i’m sure you slept well, so you just woke up late and forgot going to church เราก็ขอโทษเขาไปค่ะ
พอตอนเย็นๆ เราลืมว่าต้องซักผ้า ก็เลยบอก host mom ว่า i forgot to do my laundry, i’m gonna do it now เขาตอบกลับมาว่า you forgot to do everything, i think your brain’s function just fell down because you talked with your mom all night and stayed up late
ตอนนั้นมันชาไปหมดเลยค่ะ ฮือ เราไม่รู้ว่ามันเป็นปกติของเขาหรือเขากำลังพูดเหน็บแนมเรา เรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อนมากค่ะ เราเลยเลี่ยงที่จะโต้กลับไป
เรื่องสุดท้ายก็คงเป็นเรื่องที่เรา รู้สึกตัวคนเดียว ไม่เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว
ทั้งครอบครัวมีแค่แม่และน้องค่ะ แต่เรากลับไม่สบายใจ ไม่มีความสุขเวลาอยู่กับเขาเลยค่ะ เรารู้สึกแย่มากๆ เวลาที่เราคุยกับ AC แล้วรู้สึกสบายใจยิ่งกว่าคนที่เราอยู่ด้วย วันเกิด host sis เราไปเที่ยวกับพวกเพื่อนๆ น้อง (host mom ไปด้วย) แต่น้องและเพื่อนไม่สนใจเราเลยค่ะ เราชวนคุยเขาก็ตอบกลับห้วนๆ ค่ะ สุดท้ายก็เลยแยกไปนั่งรอกับ host mom ค่ะ เพราะไม่ไหวจริงๆ ฮือ ไม่ขอฝืนอยู่ด้วยเพราะอึดอัดใจมากค่ะ บางครั้งแฟนน้องก็มากินข้าวนอกบ้านด้วย เรจางยิ่งกว่าเดิมอีกค่ะ แง
แต่ถึงจะยังไงเราก็ยังไม่รู้สึก homesick เลยค่ะ /ขำ ไม่อยากกลับไทยเลย
เพราะที่โรงเรียนชีวิตก็มีความสุขดีมากค่ะ เราสนิทกับเด็กเวียดนามที่อยู่กับ AC เราด้วยค่ะ แต่อยู่คนละเมืองกัน
ที่โรงเรียนก็มีกลุ่มเพื่อน เพื่อนในคลาส เพื่อนนักเรียนแลกเปลี่ยนด้วยกันค่ะ ยังไม่มีเพื่อนสนิทที่โบ๊ะบ๊ะกันขนาดนั้นเพราะกลุ่มที่เราสบายใจมากที่สุดดันเจอกันแค่คาบเดียวค่ะ กินข้าวคนละเวลาอีก แต่ก็มีเพื่อนที่ไปไหนมาไหนด้วยกันค่ะ สรุปก็คือชีวิตโรงเรียนแฮปปี้ดีมากค่ะ
ขอบคุณสำหรับคำแนะนำล่วงหน้านะคะ ;____;
ว่าด้วยเรื่องการเปลี่ยน host family
เราเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่ Georgia, USA ได้เดือนครึ่งแล้วค่ะ ในช่วงแรกไม่มีปัญหาเรื่อง host family เลยค่ะเพราะเขา take care เราปกติดีมาก เราก็ปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมของบ้านได้ แต่เมื่อสองสามสัปดาห์ที่ผ่านมา ตัวเราเริ่มเห็นปัญหาทีละอย่างๆ บาง issues เป็นเรื่องคลุมเคลือและละเอียดอ่อนและหนึ่งเดือนครึ่งเป็นเวลาที่เร็วไปนิดนึงสำหรับการตัดสินใจเปลี่ยนโฮสต์ค่ะ เราเลยตัดสินใจตั้งกระทู้มาถามคนที่มีเคยประสบการณ์เปลี่ยนโฮสต์ หรือมีคำแนะนำสำหรับปัญหานี้ค่ะ ;______;
อย่างแรกเลยคือเรื่อง การสื่อสาร ค่ะ
ทั้ง host mom และ host sister (15 yrs) ของเราทำงานทั้งคู่ค่ะ (น้องเพิ่งมาเริ่มทำเมื่อสัปดาห์ก่อนค่ะ) วันธรรมดาเราแทบไม่มีโอกาสได้คุยกับตัว host sis เลยค่ะ ตอนเช้าทั้งเราและ host sis นั่งบัส (host mom เป็นคนขับรสบัสค่ะ) เราตื่นตี 5 ครึ่ง แยกย้ายกันจัดการตัวเอง ขึ้นบัส (นั่งแยกกันเพราะเราอยากหาเพื่อนค่ะ แง) เรากับ host sister อยู่คนละ campus ค่ะ หมายความว่าไม่ได้เจอกันที่โรงเรียนเลยค่ะ ไม่มีคลาสเดียวกันเลย เลิกเรียน host sis ทำงาน part-time ถึง 2 ทุ่มทุกวันค่ะ เราเข้านอนประมาณ 3-4 ทุ่ม เวลาเดียวกับที่ host sis เพิ่งถึงบ้านค่ะ วันเสาร์ - อาทิตย์ host sister ไปทำงานตั้งแต่สายๆ ถึง 3 ทุ่มค่ะ
Host mom เราทำหลายงานมากค่ะ ประมาณ 4-5 งาน ทั้งขับรถบัส ร้านขายของ วันธรรมดาหลังจากขับรสบัสเสร็จ ก็จะขับรถไปทำงานต่อในเมืองถึง 2 ทุ่มค่ะ วันเสาร์ host mom ทำตั้งแต่ 8 โมงจนถึงบ่าย 2 ส่วนวันอาทิตย์ host mom จะต้องออกไปส่ง host sister ไปทำงานตั้งแต่ 9-10 โมงค่ะ ส่วนตัว host mom ก็แวะไปโบสถ์ต่อเลย ประมาณบ่าย 3 โมงถึงจะกลับบ้านค่ะ เราพยายามใช้เวลาช่วงนี้คุยกับ host mom แต่ส่วนมากเขาจะคุยโทรศัพท์ถี่มากค่ะ พอเลิกคุยก็จะเข้าไปพักในห้องบ้าง หรือนั่งเล่นโทรศัพท์ค่ะ บางครั้งก็คุยกับเราบ้าง เราก็พยายามชวนคุยนู่นนี่ เล่าเรื่องที่โรงเรียนให้ฟัง ซักพักนึงเขาก็จะลุกไปทำอย่างอื่นต่อค่ะ แต่รวมๆ แล้วเราคุยกับ host mom น้อยมากๆ ถึงขั้นว่านับประโยคที่คุยกันได้เลยค่ะ จะเป็นคำถามที่ว่า have you eaten? What did you eat? Did you do laundry? Do you have a trash in your room? Did you clean your bathroom? ซะส่วนใหญ่ค่ะ
คุยกับ host mom ว่าน้อยแล้ว กับ host sis ยิ่งน้อยใหญ่เลยค่ะ น้องเป็นคนติดโทรศัพท์มาก เอาเข้าไปอาบน้ำด้วย เวลากินข้าวก็ต้องเปิด youtube ดู ใช้เวลาว่างส่วนมากในห้องนอนตัวเองค่ะ บางครั้งก็มานั่งเล่นโทรศัพท์ที่ living room เราพยายามชวนคุยมากๆ ค่ะ ถามเรื่อโรงเรียน เรื่องงาน เพื่อน host sis จะตอบแค่ yes it’s good แล้วก็จะกลับไปเล่นโทรศัพท์ต่อค่ะ ฮือ (host mom เป็นคนบอกเองเลยค่ะว่าน้อง addicted to social network มาก แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรค่ะ)
ช่วงนี้เราเหนื่อยมากค่ะ เราพยายามมากๆ กับการคุยกับ host family แต่เขาไม่ได้ตอบรับกลับมาเท่าที่หวังไว้เลยค่ะ ;____; ก็เลยใช้เวลาอยู่กับตัวเองมากขึ้น ออกไปเดินเล่นนอกบ้านบ้าง หรือนอนแช่อยู่โซฟาห้องนั่งเล่นค่ะ คุยกับเพื่อนที่โรงเรียนบ้าง อย่างน้อยก็ยังได้ใช้ภาษา แง
เรื่องที่สองคือเรื่อง ค่าใช้จ่าย ค่ะ
เราเป็นคนออกค่าใช้จ่ายสำหรับของส่วนตัวของเราหมดเลยค่ะ (อันนี้เราไม่ซีเรียสค่ะ ของส่วนตัวเนอะ) กินข้าวนอกบ้านเราจ่ายค่ะ เวลาไปเที่ยว เราจ่ายส่วนของเราหมดเลยค่ะ แต่มีครั้งที่เราต้องซื้อของเข้าบ้านเองค่ะ เราซื้อน้ำ (แพ็ค) นม ซึ่งเป็นของส่วนรวมค่ะ เราไม่ได้หวงเงินเพราะมันไม่ใช่เงินจำนวนมากขนาดนั้น เทียบกับค่าอาหารที่เขาทำให้เรากินทุกวัน เราก็รู้สึกว่าก็ fair ดี แต่อีกใจนึงก็ยังตะหงิดว่าสรุปมันเป็นค่าใช้จ่ายที่เราต้องรับผิดชอบมั้ย อีกครั้งนึงคือเราต้องซื้อทิชชู่ห้องน้ำเองค่ะ เราใช้ห้องน้ำแยก แต่ห้องน้ำก็ยังเป็นส่วนหนึ่งของบ้านเนอะ ก็เลยอ๋องๆ ว่าใครควรจะเป็นคนจ่ายกันแน่
อย่างที่บอกไป host mom เราทำหลายงานมากค่ะ เขาบอกเราว่าเขามี bills ที่ต้องจ่ายเยอะ ที่ host sis ทำงานก็เพราะจะได้ช่วยเรื่องค่าใช้จ่ายค่ะ เรามองว่าถ้าเขา can’t afford เรา การรับเด็กแลกเปลี่ยนก็เหมือนจะเป็นภาระของเขามากขึ้นกว่าเดิม เขาบอกเราว่าเดือนนี้ต้องจ่ายบิลตั้ง 300$ ก็ประมาณเก้าพันกว่าๆ เนอะ สำหรับเรามันไม่ได้เยอะขนาดนั้น ส่วนพวกอาหาร ส่วนมากคนอื่นจะเอาของกินมาให้มากกว่าไปซื้อเองค่ะ (พวกญาติๆ หรืออาหารจากโบสถ์ค่ะ)
เรื่องที่ 3 คือ นิสัย host mom ค่ะ
Host mom เป็นคนขี้หงุดหงิดง่ายค่ะ จะเห็นชัดเลยเวลาเขาขับรสบัส จะตะโกนว่าเด็กข้างหลังตลอดเวลาคุยกับเพื่อนหรือหัวเราะเสียงดัง (สำหรับเราไม่ได้ดังรบกวนขนาดนั้นเลยค่ะ) หรือแม้แต่เวลาญาติเอาลูกมาฝาก มีครั้งนึงญาติเอาลูกชายมาฝากค่ะ น้องน่าจะประมาณ 4-5 ขวบ น่ารักมากๆ แง แต่น้องพูดไม่ค่อยชัดค่ะ พอน้องคุยกับ host mom เขาบอกเสียงแข็งเลยว่า OPEN YOUR MOUTH WHEN YOU’RE SPEAKING, I can’t understand you แล้วก็ก้มเล่นโทรศัพท์ต่อค่ะ สงสารน้องมาก แง เวลาน้องพูดอะไรไม่เข้าใจ host mom จะพูดว่า i don’t understand you แล้วก็ปล่อยน้องทิ้งไว้อย่างนั้นเลยค่ะ แง แต่พอญาติกลับมารับน้อง host mom ดูเอ็นดูน้องมากค่ะ ลูบหัว กอด เราพูดอะไรไม่ได้เลยค่ะ ;_____;
มีครั้งนึง host sister บอกว่าอยากกินต้มยำ เราก็เลยจะทำให้กินวันหยุด (ช่วงที่น้องยังไม่เริ่มทำ part-time) แต่เราดันใส่เกลือเยอะไปค่ะ ถ้าใส่น้ำไปคือรสเสียเลย ก็เลยเททิ้งทำใหม่ค่ะ host mom เข้ามาเห็นก็พูดเสียงแข็งเลยว่า ทำอะไร เททิ้งทำไม ที่นี่เราไม่ทำๆ ทิ้งๆ นะ เราขอโทษเขาไปค่ะ แล้วเขาก็มายืนดูเราทำค่ะ เราก็เลยถามว่า are you gonna eat it? Host mom ตอบเสียงแข็งเลยค่ะว่า no, i won’t eat it เราไม่รู้เลยค่ะว่าเป็นเรื่องปกติรึเปล่าหรือเขาตั้งใจ mean ใส่เรา พอเราทำเสร็จก็เรียกน้องมาชิมว่าเผ็ดไปรึเปล่า น้องบอก no i don’t want to taste it เราเป็นเอ๋อเลยค่ะ ฮือ เพราะเราตั้งใจทำให้น้อง สรุปก็มานั่งกินเองค่ะ แหะ
เวลา host mom เรียกน้องหรือไม่พอใจอะไรจะตะโกนออกมาเสียงดังเลยค่ะ ทั้งๆ ที่บางเรื่องก็คุยกันดีๆ ได้ บางครั้งก็สบถออกมาเลยค่ะ เรารู้สึกไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่
ส่วนเรื่องที่เราไม่พอใจมากที่สุดคือครั้งที่เราตื่นสายในวันอาทิตย์ ทำให้เราไม่ได้ไปโบสถ์กับ host mom แต่เขาไม่ได้เคาะประตูหรือมาปลุกเลยค่ะ เพราะคืนวันเสาร์เราคุยกับคุณแม่ที่ไทย ประมาณช่วงสี่ทุ่มห้าทุ่ม ช่วงนั้นที่ไทยจะประมาณ 9-10 โมงค่ะ เราเป็นคนบอกคุณแม่ให้โทรมาเวลานี้เองเพราะคุณแม่จะได้ไม่ต้องนอนดึกๆ เพื่อรอคุยกับเราค่ะ วันเสาร์เรานอนดึกได้ด้วยค่ะ แหะ (เราคุยกับแม่อาทิตย์ละครั้งค่ะ) พอประมาณเที่ยงคืนเราก็หลับค่ะ เราตื่นประมาณ 10 โมงค่ะ host mom ขับรถออกไปส่งน้องแล้ว พอกลับบ้านมาเขาก็ถามเรา did you sleep well? เราตอบ yes, i woke up so late today เขาพูดกลับมาว่า i’m sure you slept well, so you just woke up late and forgot going to church เราก็ขอโทษเขาไปค่ะ
พอตอนเย็นๆ เราลืมว่าต้องซักผ้า ก็เลยบอก host mom ว่า i forgot to do my laundry, i’m gonna do it now เขาตอบกลับมาว่า you forgot to do everything, i think your brain’s function just fell down because you talked with your mom all night and stayed up late
ตอนนั้นมันชาไปหมดเลยค่ะ ฮือ เราไม่รู้ว่ามันเป็นปกติของเขาหรือเขากำลังพูดเหน็บแนมเรา เรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อนมากค่ะ เราเลยเลี่ยงที่จะโต้กลับไป
เรื่องสุดท้ายก็คงเป็นเรื่องที่เรา รู้สึกตัวคนเดียว ไม่เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว
ทั้งครอบครัวมีแค่แม่และน้องค่ะ แต่เรากลับไม่สบายใจ ไม่มีความสุขเวลาอยู่กับเขาเลยค่ะ เรารู้สึกแย่มากๆ เวลาที่เราคุยกับ AC แล้วรู้สึกสบายใจยิ่งกว่าคนที่เราอยู่ด้วย วันเกิด host sis เราไปเที่ยวกับพวกเพื่อนๆ น้อง (host mom ไปด้วย) แต่น้องและเพื่อนไม่สนใจเราเลยค่ะ เราชวนคุยเขาก็ตอบกลับห้วนๆ ค่ะ สุดท้ายก็เลยแยกไปนั่งรอกับ host mom ค่ะ เพราะไม่ไหวจริงๆ ฮือ ไม่ขอฝืนอยู่ด้วยเพราะอึดอัดใจมากค่ะ บางครั้งแฟนน้องก็มากินข้าวนอกบ้านด้วย เรจางยิ่งกว่าเดิมอีกค่ะ แง
แต่ถึงจะยังไงเราก็ยังไม่รู้สึก homesick เลยค่ะ /ขำ ไม่อยากกลับไทยเลย
เพราะที่โรงเรียนชีวิตก็มีความสุขดีมากค่ะ เราสนิทกับเด็กเวียดนามที่อยู่กับ AC เราด้วยค่ะ แต่อยู่คนละเมืองกัน
ที่โรงเรียนก็มีกลุ่มเพื่อน เพื่อนในคลาส เพื่อนนักเรียนแลกเปลี่ยนด้วยกันค่ะ ยังไม่มีเพื่อนสนิทที่โบ๊ะบ๊ะกันขนาดนั้นเพราะกลุ่มที่เราสบายใจมากที่สุดดันเจอกันแค่คาบเดียวค่ะ กินข้าวคนละเวลาอีก แต่ก็มีเพื่อนที่ไปไหนมาไหนด้วยกันค่ะ สรุปก็คือชีวิตโรงเรียนแฮปปี้ดีมากค่ะ
ขอบคุณสำหรับคำแนะนำล่วงหน้านะคะ ;____;