Freelance ขอวีซ่าเชงเก้นยังไงให้ผ่าน
สวัสดีค่ะ ตื่นเต้นสำหรับกระทู้แรกในการรีวิว เพื่อประโยชน์กับส่วนรวม หากผิดพลาดประการใดขออภัยมารที่นี้ด้วยนะค่าาาา
ใครที่กำลังจะขอวีซ่าไปเที่ยวแถบยุโรป แล้วไม่ได้ทำงานประจำ มามุงทางนี้เลยจ้า เราจะพาไปรีวิวการขอวีซ่าเชงเก้นในแบบฉบับของแม่ค้าขนมกันค่าาาา เล่าก่อนเลยว่าเรามีอาชีพขายเค้กออนไลน์กอ่นจะไปขอวีซ่าเราก็มีความกังวลนิดนึงแหละว่าเราจะผ่านไปได้หรือไม่ (ในใจคือนึกเสียดายเงินค่าตั๋ว 5555 ดันมือไวกดตั๋วโปรได้)
ฟรีแลนซ์สายเบี้ยน้อยหอยน้อยแบบเรานั้นจะไปหวังหนังสือรับรองเงินเดือน หนังสือรับรองการทำงานเหมือนคนที่ทำงานประจำนั้นคงไม่ได้ สิ่งที่เราพอจะทำให้ตัวเรานั้นมีเครดิตขึ้นมาได้นั้นก็คือ “ทะเบียนการค้า” (อ่านถึงตรงนี้หลายคนอาจตกใจ หรือท้อแท้ แต่ แต่ แต่ อย่าเพิ่งค่าาาาาาา)
แล้วทะเบียนการค้าเขาไปขอกันยังไง แล้วต้องไปที่ไหน ใช้เวลานานมั้ย???? มามะๆๆๆ ไอซ์จะบอกให้ ขั้นแรกเลยเราก็ต้องไปที่เขต สำหรับไอซ์ไปขอที่องค์การบริหารส่วนตำบล ไปถึงก็บอกเจ้าหน้าที่เลยว่าเราจะมาจดทะเบียนการค้า เจ้าหน้าที่ก็จะจัดแจงสอบถามเรื่องกิจการของเรา ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ ชื่อแบรนด์ของเรา ในส่วนเอกสารที่ต้องนำไปคือทะเบียนบ้าน และ บัตรประชาชน เบ็ดเสร้จแล้วเสียเงินประมาณ 50 บาท และเจ้าหน้าที่จะให้เอกสารทะเบียนการค้ามาให้เรา เราใช้เวลาประมาณ45 นาทีก็เสร็จจ้าาา หลังจากนั้นเอาก็เอาเอกสารมาแปลเป็นภาาาอังกฤษเพื่อเตรียมส่งสถานฑูตต่อไป เวลาส่งอย่าลืมแนบเอกสารตัวจริงไปด้วยนะคะ
ตัวอย่างการแปล ทะเบียนการค้า
จบเรื่องทะเบียนการค้าแล้ว ถามว่าง่ายมั้ย?? ตอบเลยง่ายมาก แต่เพื่อนๆอย่าลืมเวลายื่นเอกสารให้สถานฑูต อย่าลืม!! แนบภาพถ่ายกิจการของเราไปด้วย เช่น หน้าเว็บไซต์ หน้าเพจ หรือออกบูธ ขายของ มีอะไรเอามาให้หมด!!!!
ต่อมาเมื่อได้เอกสารการค้าแล้ว เราก็ไป เซอร์เวย์ในเว็บไซต์ของ VFS ว่าขั้นตอน หรือมีอะไรที่เราน่าจะต้องทำอีก อันดับแรกคือไปดูว่าเราต้องยื่นกับ VFS ประเทศอะไร หลักการคือดูว่าเราอยู่ประเทศอะไรนานที่สุดให้ยื่นประเทศนั้น สำหรับเราเรายื่นที่สวีเดน เพราะเราอยู่ที่นั้นนานที่สุดและเข้าประเทศสวีเดนประเทศแรกด้วย สถานที่ที่ต้องไปยื่นเอกสารก็คือที่อาคารเทรนดี้ สุขุมวิท โดยที่เราไม่ต้องนัดก่อนนะคะ มี 2 รอบให้ยื่น คือรอบ 10 โมงเช้า และ บ่ายโมง เราเลือกยื่นช่วงบ่ายจ้า
เมื่อมาดูเว็บไซต์แล้วให้เราไปที่หน้า check list ตรงนั้นจะมีสรุปให้หมดค่ะว่าเราจะต้องเตรียมเอกสารอะไรบ้างตามลิสนั้นได้เลยจ้าเพื่อนๆ พอได้ check list มาแล้ว เราจะเห็นว่าเอกสารที่ต้องเตรียมจะมี
Application form ด้วย ซึ่งตัวนี้เราสามารถกด
Download ได้จากหน้า website
https://www.vfsglobal.se/Thailand/Thai/Tourist.html และกรอกได้เลย พอกรอกเสร็จแล้วก็ปริ้นออกมาเตรียมแนบเอกสารส่งให้สถานฑูตค่ะ และอย่าลืมว่าต้องกรอกเป็นภาษาอังกฤษเท่านั้นนะจ๊ะ
หัวกระดาษ Application form ตามนี้นะคะ
ต่อมาเอกสารอีกอย่างนึงที่อยากพูดถึงเลยคือ แผนการเดินทางของเรา เราต้องทำแผนการเดินทางเพื่อชี้แจงให้เจ้าหน้าที่ดูว่าเราจะไปที่ไหนบ้าง กี่วัน พักที่ไหน ไฟลท์เครื่องบินเรามีหรือยัง ถ้ามีแล้วใส่ลงไปด้วยค่ะ ทำให้ละเอียดที่สุด จะทำตารางธรรมดา หรือจะทำเวอร์วังสวยๆก็ได้ สำหรับไอซ์เลือกทำสวยๆค่ะ 555555 เพราะอยากให้เขาเห็นว่าเราตั้งใจทำและอยากไปเที่ยวจริงๆ จุดนี้อาจไม่เกี่ยวกับการพิจารณานะ แต่เราเวอร์วังเองแหละ อิอิ ที่สำคัญต้องทำให้ผู้อ่าน อ่านเข้าใจ เหมือนเราไปขายของให้ใครแล้วแบบให้เขาซื้อหน่ะ โห๊ะๆๆๆๆๆ จุดสำคัญอีกจุด อันนี้อาจทำให้คุณพลาดที่จะได้วีซ่าเลย คือ คือ คือ แผนการเดินทางต้องสัมพันธ์กันกับโรงแรม ไม่ใช่ว่าแผนการเดินทางเขียนว่าไปที่นึง แต่จองโรงแรมอีกที่นึง หรือ จองโรงแรมไปแล้วไปยกเลิก แบบนี้ไม่ดีแน่นะพี่จ๋าาาาาาา และใบจองโรงแรมเปลี่ยนเป็นภาษาอังกฤษปริ้นออกมาแล้วแนบไปกับเอกสารค่ะ อีกอย่างที่ควรระวังเลยคือ บางคืนคุณอาจนอนบนรถไฟ หรือไปล่องเรือทำอะไรก็แล้วแต่ที่ไม่มีใบจองโรงแรมไปยืนยันในคืนนั้นว่าคุณไปที่ไหน ให้เขียน Remark ไปให้เจ้าหน้าที่ด้วยนะจ๊ะ
สำหรับหนังสือแนะนำตัวใน check list ไม่ได้ระบุไว้นะคะ แต่ไอซ์ก็ทำไปเพื่อให้เขาเข้าใจเรามากขึ้น ในรายละเอียดเอกสารแนะนำตัว ก็มีแนำนำตัวไปว่าเราชื่ออะไร อายุเท่าไหร่ แต่งงานแล้วหรือยัง มีอาชีพอะไร เหตุผลที่อยากไปเที่ยวคืออะไรแล้วจะไปกี่วันที่ไหนบ้าง งบประมาณที่จะไปเที่ยวเรามีอยู่เท่าไหร่ ส่วนสุดท้ายเลยเหตุผลที่เราจะกลับไทยคืออะไร เช่นเรามีธุรกิจที่นี่ มีพ่อแม่ที่ต้องดูแล
สายฟรีแลนซ์อาจจะกังวลเรื่องเงินในบัญชีที่จะเอาไปโชว์ให้เจ้าหน้าที่ดู ตรงนี้เราบอกได้เลยว่าไม่ต้องกังวลมากไปนะคะ ให้เราลองคำนวณงบประมาณในแต่ละวันที่เราจะใช้ คูณจำนวนวันแล้วก็เผื่อไว้สัก 3-5 เท่าค่ะ bank statement ก็ใช้ย้อนหลัง 3 เดือน เจ้าหน้าที่เขาจะดูหลายๆเหตุผลประกอบกันค่ะไม่ใช่แค่เงินอย่างเดียวนะ แต่ก็คงไม่เถียงว่าเงินนั้นสำคัญ แต่ก็ไม่ถึงขนาดว่าต้องมีเงินล้านถึงจะได้ไปเที่ยวได้นะจ๊ะ ดังนั้นสู้ๆค่ะ ทู้กกกคน
แล้วหากใครมีการเอาเงินไปลงทุนในหุ้น หรือซื้อที่ดิน ให้แนบเอกสารทรัพย์สินต่างๆเป็นภาษาอังกฤษไปด้วยนะคะ ตรงนี้จะทำให้เรามีเครดิตมากขึ้นค่ะ
เอกสารต่อไปคือ Passport ตัวจริง หากของใครหมดอายุต้องไปทำด้วยนะคะ เหตุผลที่ต้องใช้ Passport ตัวจริงเนื่องจากว่าเจ้าหน้าที่จะต้องแปะหน้าวีว่าลง Passport ของเราเมื่อวีว่าของเราผ่านแล้วค่ะ และเล่ม Passport จะส่งคืนเมื่อทางเจ้าหน้าที่เรียกเข้าไปรับเอกสารค่ะ
ค่าธรรมเนียมสำหรับวีว่าเชงเก้นรวมแล้วประมาณ 2300 บาท ลองคิดดูนะหากเรายื่นรอบแรกไม่ผ่าน เราต้องยื่นอีก เสียดายเงินแย่เลยเนาะ ดังนั้นคำแนะนำก็ไม่มีอะไรมากแค่ว่าทำในส่วนของเราให้ดีที่สุด อะไรที่คิดได้ว่าจะเป็นเหตุผลสนับสนุนให้การพิจารณาวีซ่าของเราผ่าน ให้เรารีบเอาเอกสารนั้นแนบไปด้วยนะคะ ที่สำคัญอย่าโกหก!!! หากคุณจะไปเที่ยวก็คือไปเที่ยว อย่าโกหกซิคแซก รับรองว่ายังไงก็ผ่านค่ะ
พอเรารวบรวมเอกสารเรียบร้อย ไปถ่ายรูปเรียบร้อย ก็ลุยเลยค่ะ ไปยื่นเอกสารได้เลย พอเข้าไปเจ้าหน้าที่จะให้เราเข้าแถวรอ จากนั้นเจ้าหน้าที่จะเช็คเอกสารของเราทั้งหมด หากเอกสารเราไม่พร้อมเราก็จะไม่ผ่านตั้งแต่ด่านนี้แล้วหล่ะ พอผ่านแล้วเจ้าหน้าที่จะเรียกเข้าไปเก็บลายนิ้วมือ และถ่ายรูปและชำระเงิน เป็นอันเสร้จสิ้นค่ะ
กลับมารอประมาณ 15วันทำการ แต่ของเราได้ประมาณ 5วันทำการ ระหว่างนั้นก็จะมี sms คอยบอกเราว่าเอกสารเราอยู่ขั้นตอนไหนแล้ว พอได้sms ให้ไปรับก็ไปรับได้เลยค่ะ หรือใครให้ส่งมาที่บ้านก็รอต่อไปค่ะ ระหว่างนี้ก็มานั่งอธิษฐานขอพระเจ้าที่น่ารักขอฉัน และตั้งหน้าตั้งตารอ เพื่อนๆอาจสงสัยว่าถึงขั้นตอนนี้เราจะรู้เลยมั้ยว่าวีซ่าเราผ่านหรือไม่ผ่าน ขอตอบเลยว่า “ยังไม่รู้ค่ะ” จนกว่า.....เราจะเปิดซองเอกสารและเปิดหน้า passport ออกมา ถ้าเห็นว่าซ่าแปะในเล่ม นั้นก็เตรียมเฮ ได้เลย เย้ๆๆๆๆๆๆๆๆ
เพิ่มเติมนิดนึงนะคะ วีซ่าเชงเก้นสามารถขอล่วงหน้าได้ 90 วัน หากวันที่เราจะเดินทางนับไปแล้วยังเกิน 90 วันอยู่ ให้ใจเย็นๆๆเด้อ รอเวลาแล้วค่อยไปยื่นค่ะ
จบการรีวิวการขอวีซ่าเชงเก้นในแบบฉบับของฟรีแลนซ์ หวังว่าจะเป็นประโยชน์นะคะ หากใครอยากฟังให้ละเอียดขึ้นเราอัพวีดีโออธิบายไว้แล้ว กดไปดูได้ค่ะ
หากมีข้อสงสัยแล้วเราจอบได้เรายินดีตอบทุกคอมเม้นนะค๊าาาาา
[CR] รีวิว ขอวีซ่าเที่ยวยุโรป วีซ่าเชงเก้น(Schengen) สำหรับฟรีแลนซ์
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้