หากพูดถึงจังหวัดอุบลราชธานี เมืองดอกบัวงามแล้ว คงต้องนึกถึงสถานที่ท่องเที่ยวอันงดงาม และ ประเพณีแห่เทียนพรรษา ที่ยิ่งใหญ่ตระการตา และเป็นเอกลักษณ์ของจังหวัดอุบลฯ“วัดสิรินธรวรารามภูพร้าว” เป็นวัดที่ตั้งอยู่บนเนินเขาสูง ของอำเภอสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี เหมือนการจำลองสภาพแวดล้อมของป่าหิมพานต์ หากเราขับรถไปถึงจะมองเห็นอุโบสถสีทองอร่ามตั้งตระหง่านอยู่บนยอดเขา ยิ่งตอนเย็นแสงสีทองสาดส่อง ตัวอุโบสถยิ่งเหลืองอร่ามงดงามมากๆครับตัวอุโบสถถอดแบบสถาปัตยกรรมมาจากวัดเชียงทอง ประเทศลาว เสาแต่ละต้นลงลวดลายด้วยมือ โดยรอบนอกเป็นลายดอกบัวและสัตว์ทั้งหลายตามคติบัว 4 เหล่า ทางเข้าเป็นต้นสาละ ถัดมาเป็นต้นมะขามป้อม ต้นสมอ และด้านในสุดเป็นต้นโพธิ์ ส่วนพระประธานมีผู้นำมาถวายวัด ดั้งเดิมนั้นเป็นองค์พระพุทธชินราช แต่ช่างคุณากรได้ออกแบบใหม่โดยถอดรัศมีและพระเกตุมาลาออก แล้วแกะสลักไม้เป็นต้นโพธิ์ไปวางอยู่ด้านหลังพระประธาน กลายเป็นพระประธานที่สวยงามแก่ผู้มาเห็นเป็นอย่างมาก หากจะมาเยี่ยมชมและสักการะวัดสิรินธรวรารามภูพร้าวแห่งนี้ ผมแนะนำให้มาช่วงเย็นนะครับ เพราะบริเวณด้านหลังพระอุโบสถเป็นจุดชม วิวทิวทัศน์ของฝั่งประเทศลาวและมองเห็นด่านสากลช่องเม็กอย่างสวยงามรวมทั้งอ่างเก็บน้ำที่ อยู่บริเวณเชิงเขาคล้ายกับทะเลสาป โดยเฉพาะในช่วงพระอาทิตย์ตกดินเราเราจะได้เห็นพระอาทิตย์ดวงโตซึ่งเป็นบรรยากาศที่สวยงามมากเมื่อแสงพลบค่ำ ความสวยงามก็มาเยือน กับไฮไลท์ที่นักท่องเที่ยวทุกๆคนตั้งใจที่จะมารอชมความงดงาม และความเป็นอันซีนของวัดแห่งนี้นั้นก็คือ ต้นกัลปพฤกษ์เรืองแสงสีเขียวนวล ที่เป็นจิตรกรรมที่อยู่บนผนังด้านหลังของอุโบสถ ซึ่งช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับการมาชมและถ่ายภาพคือ ตั้งแต่เวลา 18.00 – 19.30 น. แต่ภาพเรืองแสงนี้หากมองด้วยตาเปล่าจะเห็นเพียงเล็กน้อย จะไม่เห็นเป็นสีเขียวชัดเจนเท่ากับภาพที่ถ่ายด้วยกล้องถ่ายภาพ เพราะฉะนั้นหากจะมาเก็บภาพความงดงามผ่านสายตาต้องเผื่อใจไว้ด้วยนะฮะ เพราะมันไม่ได้เขียวฉ่ำเหมือนภาพที่เห็นๆกันนะจ๊ะสำหรับต้นกัลปพฤกษ์เรืองแสง เป็นฝีมือการออกแบบของช่างคุณากร ปริญญาปุณโณ โดยมีแรงบันดาลใจมาจากต้นไม้แห่งชีวิต ในภาพยนตร์เรื่องอวตาร รวมทั้งเป็นผู้ลงมือติดโมเสกแต่ละชิ้นด้วยตัวเองและเป็นเจ้าของไอเดียใช้สารเรืองแสงที่เรียกว่า “ฟอสเฟอร์” รอบต้น ทำให้ต้นไม้นี้ปรากฏสีเขียวเรืองแสงเมื่อยามค่ำคืน
ส่วนการเดินทางไปยังวัดนั้น จากตัวเมืองอุบลไปยังอำเภอสิรินธรใช้เส้นทางเดียวกับทางไปด่านช่องเม็ก จนเลยเขื่อนสิรินธรก่อนถึงช่องเม็กประมาณ 2 กม.จะเจอ ที่กลับรถ สังเกตุป้ายวัดจะอยู่ทางซ้ายมือนะครับ
หากใครมีแพลนไปเที่ยวอุบล ก็อย่าลืมแวะไปชมความงามของต้นกัลปพฤกษ์เรืองแสง ที่วัดสิรินธรวรารามภูพร้าวกันด้วยนะครับ รับรองว่าจะต้องประทับใจแน่นอน
สำหรับต้นกัลปพฤกษ์เรืองแสง เป็นฝีมือการออกแบบของช่างคุณากร ปริญญาปุณโณ โดยมีแรงบันดาลใจมาจากต้นไม้แห่งชีวิต ในภาพยนตร์เรื่องอวตาร รวมทั้งเป็นผู้ลงมือติดโมเสกแต่ละชิ้นด้วยตัวเองและเป็นเจ้าของไอเดียใช้สารเรืองแสงที่เรียกว่า “ฟอสเฟอร์” รอบต้น ทำให้ต้นไม้นี้ปรากฏสีเขียวเรืองแสงเมื่อยามค่ำคืน
ส่วนการเดินทางไปยังวัดนั้น จากตัวเมืองอุบลไปยังอำเภอสิรินธรใช้เส้นทางเดียวกับทางไปด่านช่องเม็ก จนเลยเขื่อนสิรินธรก่อนถึงช่องเม็กประมาณ 2 กม.จะเจอ ที่กลับรถ สังเกตุป้ายวัดจะอยู่ทางซ้ายมือนะครับ
หากใครมีแพลนไปเที่ยวอุบล ก็อย่าลืมแวะไปชมความงามของต้นกัลปพฤกษ์เรืองแสง ที่วัดสิรินธรวรารามภูพร้าวกันด้วยนะครับ รับรองว่าจะต้องประทับใจแน่นอน
#อุบลราชธานี
http://www.traave.com/กัลปพฤกษ์เรืองแสง/
วัดที่อุบลสวยงาม #วัดสิรินธรวรารามภูพร้าว
หากพูดถึงจังหวัดอุบลราชธานี เมืองดอกบัวงามแล้ว คงต้องนึกถึงสถานที่ท่องเที่ยวอันงดงาม และ ประเพณีแห่เทียนพรรษา ที่ยิ่งใหญ่ตระการตา และเป็นเอกลักษณ์ของจังหวัดอุบลฯ“วัดสิรินธรวรารามภูพร้าว” เป็นวัดที่ตั้งอยู่บนเนินเขาสูง ของอำเภอสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี เหมือนการจำลองสภาพแวดล้อมของป่าหิมพานต์ หากเราขับรถไปถึงจะมองเห็นอุโบสถสีทองอร่ามตั้งตระหง่านอยู่บนยอดเขา ยิ่งตอนเย็นแสงสีทองสาดส่อง ตัวอุโบสถยิ่งเหลืองอร่ามงดงามมากๆครับตัวอุโบสถถอดแบบสถาปัตยกรรมมาจากวัดเชียงทอง ประเทศลาว เสาแต่ละต้นลงลวดลายด้วยมือ โดยรอบนอกเป็นลายดอกบัวและสัตว์ทั้งหลายตามคติบัว 4 เหล่า ทางเข้าเป็นต้นสาละ ถัดมาเป็นต้นมะขามป้อม ต้นสมอ และด้านในสุดเป็นต้นโพธิ์ ส่วนพระประธานมีผู้นำมาถวายวัด ดั้งเดิมนั้นเป็นองค์พระพุทธชินราช แต่ช่างคุณากรได้ออกแบบใหม่โดยถอดรัศมีและพระเกตุมาลาออก แล้วแกะสลักไม้เป็นต้นโพธิ์ไปวางอยู่ด้านหลังพระประธาน กลายเป็นพระประธานที่สวยงามแก่ผู้มาเห็นเป็นอย่างมาก หากจะมาเยี่ยมชมและสักการะวัดสิรินธรวรารามภูพร้าวแห่งนี้ ผมแนะนำให้มาช่วงเย็นนะครับ เพราะบริเวณด้านหลังพระอุโบสถเป็นจุดชม วิวทิวทัศน์ของฝั่งประเทศลาวและมองเห็นด่านสากลช่องเม็กอย่างสวยงามรวมทั้งอ่างเก็บน้ำที่ อยู่บริเวณเชิงเขาคล้ายกับทะเลสาป โดยเฉพาะในช่วงพระอาทิตย์ตกดินเราเราจะได้เห็นพระอาทิตย์ดวงโตซึ่งเป็นบรรยากาศที่สวยงามมากเมื่อแสงพลบค่ำ ความสวยงามก็มาเยือน กับไฮไลท์ที่นักท่องเที่ยวทุกๆคนตั้งใจที่จะมารอชมความงดงาม และความเป็นอันซีนของวัดแห่งนี้นั้นก็คือ ต้นกัลปพฤกษ์เรืองแสงสีเขียวนวล ที่เป็นจิตรกรรมที่อยู่บนผนังด้านหลังของอุโบสถ ซึ่งช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับการมาชมและถ่ายภาพคือ ตั้งแต่เวลา 18.00 – 19.30 น. แต่ภาพเรืองแสงนี้หากมองด้วยตาเปล่าจะเห็นเพียงเล็กน้อย จะไม่เห็นเป็นสีเขียวชัดเจนเท่ากับภาพที่ถ่ายด้วยกล้องถ่ายภาพ เพราะฉะนั้นหากจะมาเก็บภาพความงดงามผ่านสายตาต้องเผื่อใจไว้ด้วยนะฮะ เพราะมันไม่ได้เขียวฉ่ำเหมือนภาพที่เห็นๆกันนะจ๊ะสำหรับต้นกัลปพฤกษ์เรืองแสง เป็นฝีมือการออกแบบของช่างคุณากร ปริญญาปุณโณ โดยมีแรงบันดาลใจมาจากต้นไม้แห่งชีวิต ในภาพยนตร์เรื่องอวตาร รวมทั้งเป็นผู้ลงมือติดโมเสกแต่ละชิ้นด้วยตัวเองและเป็นเจ้าของไอเดียใช้สารเรืองแสงที่เรียกว่า “ฟอสเฟอร์” รอบต้น ทำให้ต้นไม้นี้ปรากฏสีเขียวเรืองแสงเมื่อยามค่ำคืน
ส่วนการเดินทางไปยังวัดนั้น จากตัวเมืองอุบลไปยังอำเภอสิรินธรใช้เส้นทางเดียวกับทางไปด่านช่องเม็ก จนเลยเขื่อนสิรินธรก่อนถึงช่องเม็กประมาณ 2 กม.จะเจอ ที่กลับรถ สังเกตุป้ายวัดจะอยู่ทางซ้ายมือนะครับ
หากใครมีแพลนไปเที่ยวอุบล ก็อย่าลืมแวะไปชมความงามของต้นกัลปพฤกษ์เรืองแสง ที่วัดสิรินธรวรารามภูพร้าวกันด้วยนะครับ รับรองว่าจะต้องประทับใจแน่นอน
สำหรับต้นกัลปพฤกษ์เรืองแสง เป็นฝีมือการออกแบบของช่างคุณากร ปริญญาปุณโณ โดยมีแรงบันดาลใจมาจากต้นไม้แห่งชีวิต ในภาพยนตร์เรื่องอวตาร รวมทั้งเป็นผู้ลงมือติดโมเสกแต่ละชิ้นด้วยตัวเองและเป็นเจ้าของไอเดียใช้สารเรืองแสงที่เรียกว่า “ฟอสเฟอร์” รอบต้น ทำให้ต้นไม้นี้ปรากฏสีเขียวเรืองแสงเมื่อยามค่ำคืน
ส่วนการเดินทางไปยังวัดนั้น จากตัวเมืองอุบลไปยังอำเภอสิรินธรใช้เส้นทางเดียวกับทางไปด่านช่องเม็ก จนเลยเขื่อนสิรินธรก่อนถึงช่องเม็กประมาณ 2 กม.จะเจอ ที่กลับรถ สังเกตุป้ายวัดจะอยู่ทางซ้ายมือนะครับ
หากใครมีแพลนไปเที่ยวอุบล ก็อย่าลืมแวะไปชมความงามของต้นกัลปพฤกษ์เรืองแสง ที่วัดสิรินธรวรารามภูพร้าวกันด้วยนะครับ รับรองว่าจะต้องประทับใจแน่นอน
#อุบลราชธานี
http://www.traave.com/กัลปพฤกษ์เรืองแสง/