คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 3
จากอาการที่เล่า คุณมีอาการปวดตาแล้วลามไปปวดศีรษะร่วมด้วย อาจเกิดได้จากหลายสาเหตุค่ะ เช่น เกิดได้จากกล้ามเนื้อตาล้า
ที่มักจะมีอาการปวดศีรษะ ปวดตา หรืออาจจะปวดที่กระบอกตาและร้าวไปถึงท้ายทอยได้ ซึ่งจะเกิดขึ้นเวลาทำงานที่ต้องใช้สายตาใกล้ๆ
และใช้สายตานานๆได้ นอกจากนี้ยังอาจจะเกิดได้จากสายตาผิดปกติ หรือเกิดจากอาการต้อหินชนิดเฉียบพลันได้ เป็นต้นค่ะ
ในเบื้องต้น แนะนำให้คุณปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันก่อนนะคะ เช่น แนะนำว่าไม่ควรใช้สายตาดูโทรศัพท์มือถือ หรือ
คอมพิวเตอร์ติดต่อกันเป็นเวลานาน หรือควรใช้หลัก 20-20-20 คือทุกๆ 20 นาที ให้พักสายตาจากการเล่นโทรศัพท์มือถือ 20 วินาที
ให้มองสิ่งที่อยู่ไกลๆ มากกว่า 20 ฟุต โดยไม่ต้องเพ่งมอง บริหารดวงตา เช่นมองภาพสีเขียว ต้นไม้ จะทำให้รู้สึกสบายตา และ
หากรู้สึกปวดตา เคืองตา อาจใช้น้ำตาเทียมช่วยร่วมด้วยก็ได้ค่ะ และควรให้มือถืออยู่ห่างจากสายตาประมาณ 45 ซม. รวมถึงควรมีแสงสว่าง
ที่เพียงพอ แสงในมือถือไม่ควรมีแสงที่สว่างมากเกินไป หรือหากจำเป็นต้องใช้โทรศัพท์ในที่มืด ควรหมั่นกระพริบตาบ่อยๆ จะช่วยให้
อาการดีขึ้นได้ แต่ทั้งนี้การใช้มือถือเท่าที่จำเป็นจะช่วยให้สายตาไม่เสื่อมเร็ว หรือไม่เกิดอันตรายต่อดวงตาได้ค่ะ ลองทำตามคำแนะนำดูนะคะ
แต่ถ้าคุณลองทำตามคำแนะนำแล้วอาการไม่ดีขึ้น หรือยังมีอาการผิดปกติอยู่ แนะนำให้คุณกลับไปพบจักษุแพทย์ เพื่อรับการตรวจวินิจฉัย
หาสาเหตุ แพทย์จะทำการซักประวัติการเจ็บป่วย และทำการตรวจวินิจฉัยดวงตาด้วยเครื่องมือพิเศษ เพื่อประกอบคำวินิจฉัยที่ถูกต้อง
ซึ่งหากพบความผิดปกติคุณจะได้รับการรักษาที่เหมาะสมต่อไปค่ะ
ที่มักจะมีอาการปวดศีรษะ ปวดตา หรืออาจจะปวดที่กระบอกตาและร้าวไปถึงท้ายทอยได้ ซึ่งจะเกิดขึ้นเวลาทำงานที่ต้องใช้สายตาใกล้ๆ
และใช้สายตานานๆได้ นอกจากนี้ยังอาจจะเกิดได้จากสายตาผิดปกติ หรือเกิดจากอาการต้อหินชนิดเฉียบพลันได้ เป็นต้นค่ะ
ในเบื้องต้น แนะนำให้คุณปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันก่อนนะคะ เช่น แนะนำว่าไม่ควรใช้สายตาดูโทรศัพท์มือถือ หรือ
คอมพิวเตอร์ติดต่อกันเป็นเวลานาน หรือควรใช้หลัก 20-20-20 คือทุกๆ 20 นาที ให้พักสายตาจากการเล่นโทรศัพท์มือถือ 20 วินาที
ให้มองสิ่งที่อยู่ไกลๆ มากกว่า 20 ฟุต โดยไม่ต้องเพ่งมอง บริหารดวงตา เช่นมองภาพสีเขียว ต้นไม้ จะทำให้รู้สึกสบายตา และ
หากรู้สึกปวดตา เคืองตา อาจใช้น้ำตาเทียมช่วยร่วมด้วยก็ได้ค่ะ และควรให้มือถืออยู่ห่างจากสายตาประมาณ 45 ซม. รวมถึงควรมีแสงสว่าง
ที่เพียงพอ แสงในมือถือไม่ควรมีแสงที่สว่างมากเกินไป หรือหากจำเป็นต้องใช้โทรศัพท์ในที่มืด ควรหมั่นกระพริบตาบ่อยๆ จะช่วยให้
อาการดีขึ้นได้ แต่ทั้งนี้การใช้มือถือเท่าที่จำเป็นจะช่วยให้สายตาไม่เสื่อมเร็ว หรือไม่เกิดอันตรายต่อดวงตาได้ค่ะ ลองทำตามคำแนะนำดูนะคะ
แต่ถ้าคุณลองทำตามคำแนะนำแล้วอาการไม่ดีขึ้น หรือยังมีอาการผิดปกติอยู่ แนะนำให้คุณกลับไปพบจักษุแพทย์ เพื่อรับการตรวจวินิจฉัย
หาสาเหตุ แพทย์จะทำการซักประวัติการเจ็บป่วย และทำการตรวจวินิจฉัยดวงตาด้วยเครื่องมือพิเศษ เพื่อประกอบคำวินิจฉัยที่ถูกต้อง
ซึ่งหากพบความผิดปกติคุณจะได้รับการรักษาที่เหมาะสมต่อไปค่ะ
แสดงความคิดเห็น
วันนี้ปวดกระบอกตาข้างขวาลามไปที่หัว เกี่ยวกับการจ้องจอโน๊ตบุ๊คและจอมือถือทั้งวันมั้ยคะ
แต่ก็ไม่อยากละสายตาจากหน้าจอ