อันนี้ เป็นข้อสังเกตุนะครับ หลังจากห้างดังหลายๆ ห้างเริ่มมีนโยบายงดแจกถุงพลาสติก บางห้างงดเป้นบางวัน บางห้างงดถาวร หรือบางห้างงดไปตั้งแต่แรก
ไม่ใช่ไม่เห็นด้วยหรือจะมาต่อต้านนะครับ เดี๋ยวนี้ผมก็พยายามหิ้วกระเป๋าสะพานใบใหญ่ของอิเกีย เพื่อไปใช้ในกรณีนี้อยู่เหมือนกันครับ แต่ก็ไม่ใช่ทุกกรณี
1. สมมุติ คุณซื้อของอิเกีย คุณซื้อของเกินขนาดกระเป๋าผ้า รถจอดไกลหรือไม่ได้เอารถมา คุณจะไม่สามารถเอารถเข็นไปถึงรถได้ นั่นเท่ากับคุณอาจต้องซื้อกระเป๋าผ้าเพิ่มอีกใบ
2. ยามคุณเดินแผนกของสด คุณจะพบเนื้อหมู เนื้อไก่ ถูกบรรจุในภาชนะโฟม และห่อหุ้มด้วยพลาสติกแร็ปอีกชั้น รวมถึงสินค้าอีกเป็นจำนวนมากที่ถูกห่อหุ้มด้วยพลาสติกใสโดยแทบไม่จำเป็น จริงอยู่ที่สินค้าบางอย่างเป็นเรื่องของผู้ผลิตนั้นๆ ไม่ใช่การห่อหุ้มของห้าง แต่ของสด เนื้อ ผัก อันนี้น่าจะเป็นความรับผิดชอบของห้างโดยตรง
เอาแค่ 2 ตัวอย่างนี้ ก็พอเห็นได้ว่า ห้างหลายๆ ห้าง ดูเหมือนจะพยายามรณรงค์ไปในทางที่ดี แต่กลับไม่ลด ละ เลิก อะไรที่เป็นของตัวเองไปเลยแม้แต่น้อย เคยใช้ถาดโฟมยังไง แร็ปพลาสติกยังไง ก็ยังทำแบบนั้น แต่กลับผลักภาระไปให้ผู้บริโภคที่ต้องหาถุงผ้า กระเป๋าผ้ามาเอง ไม่มีก็ถือพะรุงพะรังไป (ผมเคยซื้อทิชชูแพคใหญ่ในวันที่รถเข็นหมดห้างและห้างไม่มีถุงให้ **ผมผิดเองที่ไม่ได้อ่านป้ายว่า วันนั้นเป็นวันงดแจกถุง) แล้วก็เอาไปโฆษณาตัวเองได้ว่า ห้างของเราร่วมรณรงค์งดแจกถุงนะ ห้างเรารักษ์โลกนะ โดยที่ไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่าการงดแจกเลย (แถมตัวเองยังได้ลดต้นทุนค่าถุงพลาสติกอีกต่างหาก)
สมมุติ
เป็นไปได้มั๊ย ที่ตัวห้างเอง ขะเปลี่ยนจากโฟมเป็นวัสดุอื่นที่รีไซเคิลได้หรือย่อยสลายได้ง่าย รวมถึงอื่นๆ (ตอนนี้ผมนึกไม่ออก) ให้เห็นเป็นแนวทางไปด้วย มันจะดูน่าร่วมด้วยช่วยกันมากขึ้น
*** กระทู้นี้ไม่ได้ตั้งเพื่อโยนบาปกลับไปยังห้างนะครับ ผมเองเวลานี้ รับถุงเท่าที่ควรครับ บางครั้งก็พยายามให้พนักงานใช้ถุงให้น้อยที่สุด ไม่ซ้อนถุง รวมถึงการเอากระเป๋าผ้าไปใช้บ้าง ตามแต่โอกาสครับ ไม่ถึงกับงดเป๊ะๆ เพราะถุงพลาสติกที่ได้มา ผมก็เอามาทำถุงขยะในบ้านและที่ออฟฟิศอีกต่อนึงด้วย ไม่เช่นนั้นก็ต้องมาซื้อถุงขยะเพิ่มอีกอยู่ดี
ความย้อนแย้งของห้างที่งดแจกถุง
ไม่ใช่ไม่เห็นด้วยหรือจะมาต่อต้านนะครับ เดี๋ยวนี้ผมก็พยายามหิ้วกระเป๋าสะพานใบใหญ่ของอิเกีย เพื่อไปใช้ในกรณีนี้อยู่เหมือนกันครับ แต่ก็ไม่ใช่ทุกกรณี
1. สมมุติ คุณซื้อของอิเกีย คุณซื้อของเกินขนาดกระเป๋าผ้า รถจอดไกลหรือไม่ได้เอารถมา คุณจะไม่สามารถเอารถเข็นไปถึงรถได้ นั่นเท่ากับคุณอาจต้องซื้อกระเป๋าผ้าเพิ่มอีกใบ
2. ยามคุณเดินแผนกของสด คุณจะพบเนื้อหมู เนื้อไก่ ถูกบรรจุในภาชนะโฟม และห่อหุ้มด้วยพลาสติกแร็ปอีกชั้น รวมถึงสินค้าอีกเป็นจำนวนมากที่ถูกห่อหุ้มด้วยพลาสติกใสโดยแทบไม่จำเป็น จริงอยู่ที่สินค้าบางอย่างเป็นเรื่องของผู้ผลิตนั้นๆ ไม่ใช่การห่อหุ้มของห้าง แต่ของสด เนื้อ ผัก อันนี้น่าจะเป็นความรับผิดชอบของห้างโดยตรง
เอาแค่ 2 ตัวอย่างนี้ ก็พอเห็นได้ว่า ห้างหลายๆ ห้าง ดูเหมือนจะพยายามรณรงค์ไปในทางที่ดี แต่กลับไม่ลด ละ เลิก อะไรที่เป็นของตัวเองไปเลยแม้แต่น้อย เคยใช้ถาดโฟมยังไง แร็ปพลาสติกยังไง ก็ยังทำแบบนั้น แต่กลับผลักภาระไปให้ผู้บริโภคที่ต้องหาถุงผ้า กระเป๋าผ้ามาเอง ไม่มีก็ถือพะรุงพะรังไป (ผมเคยซื้อทิชชูแพคใหญ่ในวันที่รถเข็นหมดห้างและห้างไม่มีถุงให้ **ผมผิดเองที่ไม่ได้อ่านป้ายว่า วันนั้นเป็นวันงดแจกถุง) แล้วก็เอาไปโฆษณาตัวเองได้ว่า ห้างของเราร่วมรณรงค์งดแจกถุงนะ ห้างเรารักษ์โลกนะ โดยที่ไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่าการงดแจกเลย (แถมตัวเองยังได้ลดต้นทุนค่าถุงพลาสติกอีกต่างหาก)
สมมุติ
เป็นไปได้มั๊ย ที่ตัวห้างเอง ขะเปลี่ยนจากโฟมเป็นวัสดุอื่นที่รีไซเคิลได้หรือย่อยสลายได้ง่าย รวมถึงอื่นๆ (ตอนนี้ผมนึกไม่ออก) ให้เห็นเป็นแนวทางไปด้วย มันจะดูน่าร่วมด้วยช่วยกันมากขึ้น
*** กระทู้นี้ไม่ได้ตั้งเพื่อโยนบาปกลับไปยังห้างนะครับ ผมเองเวลานี้ รับถุงเท่าที่ควรครับ บางครั้งก็พยายามให้พนักงานใช้ถุงให้น้อยที่สุด ไม่ซ้อนถุง รวมถึงการเอากระเป๋าผ้าไปใช้บ้าง ตามแต่โอกาสครับ ไม่ถึงกับงดเป๊ะๆ เพราะถุงพลาสติกที่ได้มา ผมก็เอามาทำถุงขยะในบ้านและที่ออฟฟิศอีกต่อนึงด้วย ไม่เช่นนั้นก็ต้องมาซื้อถุงขยะเพิ่มอีกอยู่ดี