จขกท เดินทางไปช่วงวันที่ 27-29 ก.ค. 62 (ดองกันจนเค็มได้ที่เลยทีเดียว 😅) ซึ่งรีวิวนี้หัวกระทู้คือ LEGOLAND แต่ จขกท จะรีวิวตั้งแต่การเตรียมตัวเดินทาง การเดินทาง ที่พัก และอื่น ๆ อยู่ในกระทู้เดียวกันนะคะ รูปเครื่องเล่นไม่มีเลยเนื่องจากบางเครื่องเล่นไม่ให้นำสัมภาระติดตัว และบางเครื่องเล่น จขกท live สดผ่านเฟสบุ๊คหรืออัดเป็นคลิปวีดีโอค่ะ
*** รูปถ่ายในการเดินทางครั้งนี้ถ่ายด้วย IPhoneXS และ IPadAir ***
เตรียมตัวก่อนเดินทาง
ประมาณ 4 ปีที่แล้วเด็กชายนั่งดูยูทูปแล้วเห็นคลิปครอบครัวหนึ่งไปเที่ยวเลโก้แลนด์กัน เด็กชายซึ่งเป็นสาวกของเลโก้ก็เดินมาบอกแม่ว่าอยากไปเที่ยวเลโก้แลนด์ ในคราวแรกแม่ก็เหวอ ๆ เพราะไม่เคยได้ยิน มันอยู่ส่วนไหนของโลก เข้าไปหาข้อมูลจนเจอว่าใกล้สุดก็คือที่ยะโฮร์บารูห์ มาเลเซีย แม่บอกเด็กชายว่าคงยังไปไม่ได้ เพราะเลโก้แลนด์ไม่ได้อยู่ในประเทศไทยแต่อยู่ที่มาเลเซีย ในเวลานั้นเด็กชายก็ไม่ค่อยเข้าใจหรอกว่ามาเลเซียอยู่ตรงส่วนไหน แต่ก็ไม่ได้เซ้าซี้อะไร หลังจากวันนั้นแม่ก็คิดว่าเด็กชายจะลืม ซึ่งไม่ใช่อย่างที่แม่คิดเพราะเด็กชายยังคงพูดถึงเลโก้แลนด์เรื่อย ๆ บอกว่ามีโรงแรมมีตัวเลโก้ให้เล่น มีสวนน้ำ สวนสนุก จนแม่รู้สึกว่าเด็กชายจริงจังกับสถานที่นี้อย่างมาก ก็เลยรับปากว่าเมื่อไหร่ที่โบนัสออกแม่จะพาไป โบนัสออกมาหลายรอบแต่มันก็ไม่ได้มากมายพอที่เราจะไปได้ อีกเหตุผลคือเด็กชายยังเล็กยังดูแลตัวเองไม่ค่อยได้ ซึ่งแน่นอนว่าญาติผู้ใหญ่ไม่อนุญาตให้ไปกันแค่สองคนแม่ลูก จนปีนี้เงินโบนัสได้มามากพอและเด็กชายก็โตพอที่จะเดินทางออกนอกประเทศได้แล้ว
วันที่แม่บอกว่าโบนัสออกแล้วนะ เด็กชายก็พูดขึ้นทันที
“เราจะได้ไปเลโก้แลนด์กันแล้วใช่มั้ย”
ได้ยินแล้วก็อึ้งที่เด็กชายยังจำคำสัญญาได้แม่นยำ และแม่ก็รู้สึกดีใจที่ได้พูดประโยคนี้กับเด็กชาย
“
ครับลูกเราจะไปเลโก้แลนด์กัน”
เดินทางครั้งนี้แม่ก็หาแนวร่วม เพราะคาดว่าถ้าไปกันแค่สองคน มีโอกาสสูงมากที่ตาดำผู้รักและหวงหลานยิ่งกว่าสิ่งใดจะไม่อนุมัติ ในที่สุดก็ได้ยายพิณกับน้าลั้งตกลงไปเที่ยวด้วยกัน โดยเป็นทริปต่างประเทศทริปแรกที่ยายพิณและน้าลั้งเดินทางด้วยตัวเอง ปกติยายพิณไปกับทัวร์ตลอด เพื่อให้การเที่ยวครั้งนี้ไม่ต้องมีใครลางานและลาเรียน จึงเลือกช่วงวันหยุดยาว 27-29 ก.ค. 62 กำหนดวันเรียบร้อย ก็แยกย้ายกันจัดการในส่วนของแต่ละคน (ยายพิณและน้าลั้งบินจากกระบี่ แม่และเด็กชายบินจากกรุงเทพ ไปเจอกันที่ยะโฮร์บารู)
Passport
วันที่ 6 มิ.ย. 62 แม่ลากิจ 1 วัน และแจ้งขอลาเรียนให้เด็กชายเพื่อไปทำ Passport ก่อนไปแม่ก็ได้หาข้อมูลเกี่ยวกับการทำ Passport ของผู้เยาว์ จึงได้เตรียมเอกสารตามที่ค้นข้อมูลมาได้ ดังนี้
1. บัตรประชาชนตัวจริง เนื่องจากเด็กชายอายุ 10 ขวบมีบัตรประชาชนแล้ว ถ้ายังไม่มีบัตรประชาชนต้องใช้สูติบัตรตัวจริง
2. บัตรประชาชนตัวจริงของพ่อและแม่
3. พ่อและแม่ไปแสดงตัวและเซ็นยินยอม
4. มรณบัตรกรณีพ่อหรือแม่เสียชีวิต กรณีของเด็กชายนั้นพ่อเสียชีวิตแล้ว แต่แม่ไม่มีมรณบัตรตัวจริง มีแต่สำเนาก็เอาตัวสำเนานี่แหละไปแสดง
เมื่อเดินทางไปถึงสำนักงานหนังสือเดินทางฯ MRT คลองเตยก็กดบัตรคิวยื่นเอกสารให้เจ้าหน้าที่ และก็เจอปัญหาทันทีว่าสำเนามรณบัตรนั้นใช้ไม่ได้ เจ้าหน้าที่แนะนำให้แม่ไปขอคัดเอกสารรับรองการตายที่สำนักงานเขต โดยเจ้าหน้าที่กดบัตรคิวไว้ให้และได้จดว่าต้องการเอกสารอะไรให้แม่ไปยื่นกับเจ้าหน้าที่ที่สำนักงานเขต และก็ถือว่าโชคดีที่วันนั้นแม่เอาสูติบัตรตัวจริงของเด็กชายไปด้วย เพราะเจ้าหน้าที่ทะเบียนขอดูและให้เขียนคำร้องขอคัดเอกสาร ใช้เวลาประมาณสิบนาทีเราก็ได้เอกสารที่ชื่อแบบรับรองรายการทะเบียนคนตาย (มรณบัตร) มา ก็เดินทางกลับไปที่ศูนย์หนังสือเดินทางอีกครั้งยื่นเอกสารพร้อมบัตรคิวที่ ณ เวลานั้นเรียกผ่านไปแล้ว เจ้าหน้าที่ก็ให้กรอกเอกสาร รอสักห้านาทีก็เรียกเข้าไปทำ Passport ในช่องของคิวผ่านเนื่องจากต้องการเอกสารเพิ่มเติมโดยไม่ต้องกดคิวใหม่ เรียบร้อยก็ออกมาจ่ายค่าธรรมเนียม กลับไปรอเล่ม Passport ที่จะส่งมาทางไปรษณีย์
ตั๋วเครื่องบิน
แม่ใช้เวลาหาเที่ยวบินที่สามารถพาเราไปถึงปลายทางได้เร็วที่สุด โดยที่โจทย์คือเราจะบินไปลงที่ยะโฮร์บารูเท่านั้น เพราะไม่ต้องการไปลงสิงคโปร์ ถึงแม้การไปลงสิงคโปร์นั้นจะสะดวกและได้รับความนิยมมากกว่า เพราะค่อนข้างวิตกจริตกับข่าวการส่งกลับของ ตม. สิงคโปร์ ในที่สุดก็เลือกบินกับสายการบินมาเลเซียแอร์ไลนส์ซึ่งเราต้องไปต่อเครื่องกันที่กัวลาลัมเปอร์ ระยะเวลารอต่อเครื่องประมาณสองชั่วโมง แม่ยอมจ่ายค่าตั๋วเครื่องบินสำหรับสองคนในราคาประมาณแปดพันกว่าบาท ทั้งที่แพงกว่าการที่เราบินตรงไปลงยะโฮร์บารูเกือบสองเท่าเพราะเราจะไปถึงยะโฮร์บารูในเวลาประมาณ 12:45 น.(เวลามาเลเซียเร็วกว่าไทย 1 ชั่วโมง) เท่ากับว่าเรามีเวลาได้เที่ยวเล่นอีกครึ่งวัน โดยที่ไฟลท์บินตรงนั้นจะไปถึงในช่วงเย็น เมื่อได้ตั๋วขาไปแล้ว ก็มาดูตั๋วขากลับและเลือกบินตรงกลับกรุงเทพด้วยสายการบินแอร์เอเชีย เหตุผลก็ด้วยเวลาบินเช่นกัน ไฟลท์ กลับออกจากยะโฮร์บารูเวลา 18:55 น. เราจะมีเวลาเที่ยวเล่นในเลโก้แลนด์อีกครึ่งวัน ไหน ๆ ก็จ่ายเงินไปแล้ว เราต้องใช้เวลาให้คุ้มค่าที่สุด
ที่พัก
ง่ายที่สุดเพราะมีแต่ LEGOLAND Resort เพียงตัวเลือกเดียวเท่านั้น ในที่สุดเราก็ได้ห้องพักแบบ Premium Adventure ซึ่งช่วง วันที่ 27-29 ก.ค. 62 ค่าที่พักรวมอาหารเช้า และรถรับจากสนามบิน 2500 ริงกิต จำนวนผู้เข้าพักสูงสุดผู้ใหญ่ 3 เด็ก 2 ถ้ารอมาช่วงปลายปีค่าที่พักจะถูกกว่าพอสมควร แต่ถ้ารอก็มีโอกาสสูงที่จะไม่ได้มา เพราะใช้เงินกับอย่างอื่นหมดซะก่อน 😂😂
ตั๋วเข้าสวนสนุก
ใช้เวลาในการหาซื้อตั๋วเข้าสวนสนุกพอสมควร เพราะแม่เช็คข้อมูลทั้งแบบซื้อตรงผ่านเว็ป LEGOLAND และซื้อผ่านเวปเอเจ้นท์ หลังจากคำนวณตัวเลขหลายต่อหลายครั้งก็สรุปที่แพ็คเกจ เข้าสวนสนุกและสวนน้ำ 2 วัน ซื้อผ่าน Traveloka มีโค้ดส่วนลดให้ 8% รวมแล้วประมาณ 3500 บาท
ป้ายคล้องคอ
เนื่องด้วยเด็กชายมีความซนและอยู่ไม่นิ่งเหมือนกับว่ามีเทพเห้งเจียเป็นผู้คุ้มครองจึงมีโอกาสที่จะพลัดหลงกับแม่ ป้ายคล้องคอจึงเป็นสิ่งสำคัญ
Passport ตั๋วเครื่องบิน ที่พัก ตั๋วเข้าสวนสนุก ป้ายคล้องคอ พร้อม รอแค่วันเดินทางเท่านั้น
[CR] LEGOLAND Malaysia กับการเดินทางออกนอกประเทศครั้งแรกของเด็กชาย
*** รูปถ่ายในการเดินทางครั้งนี้ถ่ายด้วย IPhoneXS และ IPadAir ***
เตรียมตัวก่อนเดินทาง
ประมาณ 4 ปีที่แล้วเด็กชายนั่งดูยูทูปแล้วเห็นคลิปครอบครัวหนึ่งไปเที่ยวเลโก้แลนด์กัน เด็กชายซึ่งเป็นสาวกของเลโก้ก็เดินมาบอกแม่ว่าอยากไปเที่ยวเลโก้แลนด์ ในคราวแรกแม่ก็เหวอ ๆ เพราะไม่เคยได้ยิน มันอยู่ส่วนไหนของโลก เข้าไปหาข้อมูลจนเจอว่าใกล้สุดก็คือที่ยะโฮร์บารูห์ มาเลเซีย แม่บอกเด็กชายว่าคงยังไปไม่ได้ เพราะเลโก้แลนด์ไม่ได้อยู่ในประเทศไทยแต่อยู่ที่มาเลเซีย ในเวลานั้นเด็กชายก็ไม่ค่อยเข้าใจหรอกว่ามาเลเซียอยู่ตรงส่วนไหน แต่ก็ไม่ได้เซ้าซี้อะไร หลังจากวันนั้นแม่ก็คิดว่าเด็กชายจะลืม ซึ่งไม่ใช่อย่างที่แม่คิดเพราะเด็กชายยังคงพูดถึงเลโก้แลนด์เรื่อย ๆ บอกว่ามีโรงแรมมีตัวเลโก้ให้เล่น มีสวนน้ำ สวนสนุก จนแม่รู้สึกว่าเด็กชายจริงจังกับสถานที่นี้อย่างมาก ก็เลยรับปากว่าเมื่อไหร่ที่โบนัสออกแม่จะพาไป โบนัสออกมาหลายรอบแต่มันก็ไม่ได้มากมายพอที่เราจะไปได้ อีกเหตุผลคือเด็กชายยังเล็กยังดูแลตัวเองไม่ค่อยได้ ซึ่งแน่นอนว่าญาติผู้ใหญ่ไม่อนุญาตให้ไปกันแค่สองคนแม่ลูก จนปีนี้เงินโบนัสได้มามากพอและเด็กชายก็โตพอที่จะเดินทางออกนอกประเทศได้แล้ว
วันที่แม่บอกว่าโบนัสออกแล้วนะ เด็กชายก็พูดขึ้นทันที
“เราจะได้ไปเลโก้แลนด์กันแล้วใช่มั้ย”
ได้ยินแล้วก็อึ้งที่เด็กชายยังจำคำสัญญาได้แม่นยำ และแม่ก็รู้สึกดีใจที่ได้พูดประโยคนี้กับเด็กชาย
“ครับลูกเราจะไปเลโก้แลนด์กัน”
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้