Bordeaux - เที่ยวแบบหลวมๆ ที่ บอร์โด, Saint Emilion และภูเขาทราย Dune du Pilat

เดือนสิงหาคมที่ผ่านมาเป็นช่วงวาเคชั่นของฝรั่งเศส ทางเราก็ได้รับสิทธิ์นี้ด้วย รอช้าอยู่ทำไมหล่ะ หาที่เที่ยวสิจ๊ะ  ห่างกันสักพักนะปารีส ขอตัวลาไปสูดอากาศดีๆ ดมกลิ่นลมทะเล นั่งเล่นในไร่องุ่น แล้วเดี๋ยวกลับมาสู้กันใหม่
ลาหยุดไปนั่งนิ่งๆกลางไร่องุ่น ล้อมรอบตัวเองด้วยความเงียบ ไปเติมแรงสักหน่อยแล้วเดี๋ยวกลับมาสู้กันใหม่

หลังจากคอนเฟิร์มวันหยุดเรียบร้อย เราก็เริ่มทำการจองตั๋ว รอบนี้เดินทางด้วยรถไฟซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงหน่อยๆ โชคดีที่เจอตั๋วในราคาเป็นมิตร เลยตัดสินใจง่าย ตั๋วของเราจองผ่านเว็บไซต์ของ OUIGO ค่ะ ได้มาในราคา 66 ยูโร
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

ใครจะเลือกตั้งต้นจากที่ไหนก็ตามสะดวกนะ แต่ให้เลือกสถานีที่จะไปลงเป็น Bordeaux Saint-Jean 
จากปารีสไปที่ Bordeaux Saint Jean ปกติจะใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงกว่าๆนะคะ

พอลงจากรถไฟแล้วเนี่ย เดินออกมาที่ด้านหน้าก็จะเจอกับทรัม รถบัส ตู้ขายตั๋วรถสาธารณะต่างๆ ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่สวมเสื้อกั๊กชมพูคอยให้ตำแนะนำเรื่องการซื้อตั๋วอยู่นะคะ เราเองไม่ได้ใช้รถสาธารณะอะไรมากค่ะ ก็เลยไม่ได้ซื้อ เพราะว่าที่พักอยู่ไม่ไกลมากสถานีรถไฟ และก็เดินไปที่กลางเมืองได้แบบไม่เหนื่อยมาก แต่เพื่อให้ทุกคนได้วางแผนง่ายขึ้น เราลิสต์ตั๋วหลักๆมาให้ทุกคนตามนี้เลย :

- ตั๋วเที่ยวเดียวราคา 1.70 ยูโรบวกกับค่าบัตรถ้าซื้อที่จากตู้ก็จะเป็น 1.80 ยูโร แต่ถ้าซื้อแบบใบเดียวสำหรับสองขา ไปและกลับก็จะมีราคาอยู่ที่ 3 ยูโร
- ตั๋วสำหรับ 10 เที่ยว ราคาอยู่ที่ 13.70 ยูโร (หลังจากการvalidate ตั๋ว 1 ครั้งจะสามารถอยู่ได้ 1 ชั่วโมง ไม่ว่าจะมีการเปลี่ยนสายใดๆก็ตาม นั่นคือนับเป็น 1 เที่ยว )
- ตั๋วสำหรับ 1 วัน ราคา 5 ยูโร ใช้ได้ทั้งรถบัสและรถทรัม
- ตั๋วสำหรับ 1 สัปดาห์ ราคา 14.20 ยูโร ใช้ได้ทั้งรถบัสและรถทรัม

อย่างที่บอกว่าทริปนี้ คือ การพักผ่อน เที่ยวแบบสบายๆ ไม่ต้องรีบ สิ่งที่ทำเมื่อไดปถึงบ้านเพื่อน คือ เหยียดตัวนอนลงบนเตียงก่อนจ้ะ หลังจากนั้นก็ออกไปเดินเล่นตามเส้นทางริมแม่น้ำ Garonne ซึ่งเป็นเเม่น้ำสายหลักที่ไหลผ่านเมืองบอร์โด

สะพานที่เห็นอยู่ด้านบน คือ Pont de Pierre เป็นทางเดินสำหรับรถยนต์ มอเตอร์ไซค์ รถทรัม รถบัส จักรยาน คนเดินถนน

พอเดินต่อมาเรื่อยๆก็จะเจอกับ Miroir d'Eau ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของเมืองนี้ อากาศร้อนก็ลงไปวิ่งเล่นกันบนลานน้ำพุนี้ได้เลย

ถ้าหันหลังให้กับแม่น้ำก็จะได้เจอกับบริเวณที่เรียกว่า Place de la Bourse แบบในรูปด้านล่างนี้เลย

เอาหล่ะค่ะ วันแรกที่บอร์โดของเรานั้น จบลงง่ายๆ ด้วยการนั่งเล่นยาวๆที่บริเวณนี้


วันที่ 2 - Saint Emilion (หมู่บ้านเล็กๆแต่เต็มไปด้วยวิวดีๆ)

เช้านี้ตื่นขึ้นมา เตรียมอาหารให้พร้อมค่ะ เราจะออกเดินทางไปยัง Saint Emilion ซึ่งเป็นหมู่บ้านเล็กๆอยู่ไม่ไกลจากบอร์โด 

ตั๋วของเราได้มาในราคา 14 ยูโร สำหรับไป-กลับ เราจองจากตู้จองที่สถานี Saint Jean เลยค่ะ
ให้เลือกสถานีต้นทางตามสะดวก ของเราเป็น Bordeaux Saint Jean แล้วเลือกไปลงที่ Saint Emilion 

ใครจะจองออนไลน์ก็ได้นะเช็คราคาที่พึงพอใจจากแอพพลิเคชั่น OUI.sncf 

หลังจากได้ตั๋วแล้วให้เก็บไว้ให้ดี พอใกล้ถึงเวลาก็มาเช็คที่จอทีวีในสถานีอีกทีว่าต้องไปขึ้นที่ชานชลาไหน ก่อนขึ้นให้ทำการ composter หรือ validate ตั๋วให้เรียบร้อยนะคะ โดยจะมีเครื่องcomposter สีเหลืองวางอยู่หลายจุดเลยในสถานี ถ้าลืมเนี่ยอาจจะโดนเจ้าหน้าที่ตรวตั๋วบนรถไฟมองแรงและอาจจะต้องเสียค่าปรับได้


สังเกตจากตั๋วนะคะ เราต้องนั่งรถไฟ (TER) ไปลงที่ LIBOURNE แล้วเปลี่ยนเป็นรถบัส (AUTOCAR) เพื่อไปยัง Saint Emilion การเปลี่ยนรถนี้ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆเพิ่มเติมนะคะ เป็นรถที่เขาจัดไว้ให้เพื่ออำนวยความสะดวก เนื่องจากสถานีรถไฟของ Saint Emilion ปิดซ่อมบำรุง ช่วงเปลี่ยนรถก็ไม่ได้ต้องรีบมากค่ะ เพราะว่ารถบัสนั้นจอดอยู่หน้าสถานีเลย เดินออกมาปุ๊ปก็เจอเลย

หลังจากรถบัสจอดที่สถานี Saint Emilion ต้องเดินต่อไปอีกประมาณ 20 นาที (ระยะกระจัดนะ) เดินไป ถ่ายรูปไป หยุดแวะเข้าไปเดินใกล้ไร่องุ่นบ้าง 

ไม่ต้องกังวลเรื่องหลงนะ เพราะนี่เองก็ไปคนเดียว ไม่ต้องเปิดกูเกิ้ลใดจ้ะ เดินตามป้ายและมวลมหาประชาชนที่ร่วมทางมาบนบัสคันเดียวกับเราได้เลย


Saint Emilion เป็นหมู่บ้านเนินเขา ชื่อของหมู่บ้านนี้ จริงๆแล้วก็ตั้งเพื่อเป็นเกียรติให้กับนักบุญ Saint Emilion นั่นเอง นักบุญผู้นี้เนี่ยเขาเดินทางมาเเสวงบุญและก็อาศัยอยู่ในถ้ำที่นี่ในช่วงศตวรรษที่ 8 
บริเวณทางเข้าไปยังหมู่บ้าน Saint Emilion ค่ะ

สิ่งแรกเลยที่เราทำเมื่อเดินไปถึงคือพุ่งเข้าไปซื้อ มาการง (Véritable Macarons de Saint Emilion) อีกหนึ่งของขึ้นชื่อที่นี่ มาการองที่นี่เนี่ยเขาบอกว่าสูตรสืบทอดกันมาตั้งแต่ปี 1620 ส่วนผสมของมาการงที่นี่มีอยู่แค่สามอย่าง คือ ผงอัลมอนด์สองชนิด น้ำตาล และไข่ขาว
หน้าตาของมาการงที่นี่จะเป็นเเผ่นบางๆแผ่นเดียว ไม่มีไส้ตรงกลาง เนื้อจะมีความหยาบกว่ามาการงที่เราเคยกินๆกัน รสชาติหวาน อร่อย กินคู่กับกาแฟก็คือลงตัว

ร้านที่แนะนำนี้ตั้งอยู่ใกล้ๆกับ Hôtel de Ville ของ Saint Emilion ค่ะ
ที่อยู่ร้าน : 9 Rue Guadet 33330 Saint Emilion 

เข้าไปในร้านรอบนี้ เราเห็น Canalé ตั้งเรียงรายอยู่ ก็เลยคิดว่าควรจะต้องลองสักที เนื่องจากเป็นขนมขึ้นชื่อของบอร์โด


เราลองสั่งมาแค่ชิ้นเดียวค่ะ เพราะว่าไม่เคยกิน แต่พอได้ลองเท่านั้นแหละ คุณ คุณ คุณ อร่อยมาก ดีมาก หนึบ หนับ หนุบ ชอบเลย

หลังจากนั่งกินกานาเล่เรียบร้อย ก็หันไปเจอกับซากกำแพง ซึ่งพอเข้าไปอ่านข้อมูลก็ได้ความว่าซากที่เห็นนี้ คือ Le Palais Cardinal et le Maisons del(Enceinte romane (Palais Cardianl and the houses of the Romanesque perimenter wall) เขาบอกว่ากำแพงนี้เนี่ยสร้างเอาไว้เพื่อโชว์ความร่ำรวยของเมือง Saint Emilion ในอดีต

เดินๆ ต่อไปอีกหน่อย ก็เจอเข้ากับซากกำแพงอีกอัน ตั้งอยู่กับวิวของสวนองุ่น กำแพงอันนี้มีชื่อว่า The Great Wall หรือ Les Grandes Murailles เรื่องนาสนใจคือ เขาบอกว่าจากความสูงของกำแพงนี้ อาจจะแสดงให้เห็นว่าเหล่าพวกนักบวชในสมัยนั้นเนี่ยดูเหมือนจะไม่เชื่อฟังกฎเกณฑ์กันสักเท่าไหร่ เพราะว่าความสูงของกำแพงนี้เนี่ยถือว่าเกินลิมิตที่เขากำหนดเอาไว้ และอีกอย่างก็เป็นตัวแสดงว่าหมู่บ้าน Saint Emilion เนี่ยไม่ได้ยากจนนะจ๊ะ
อีกหนึ่งที่ที่อยากแนะนำให้ได้เข้าไป คือ ส่วนของถ้ำใต้ดิน ที่ซึ่ง Saint Emilion เคยใช้ชีวิตอยู่เมื่อตอนที่มาเป็นนักบวชอยู่ที่หมูบ้านนี้
เราเองมีเวลาจำกัดค่ะ ก็เลยไม่ได้เข้าไป แต่ใครอยากไปให้เข้าไปซื้อตั๋วพร้อมทัวร์ไกด์ได้ที่บริเวณเดียวกับ Tourist Office ของ Saint Emilion
นอกจากจะเป็นที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการเดินเที่ยว บริเวณขายตั๋วแล้ว ยังเป็นจุดขายของที่ระลึกจาก Saint Emilion ด้วย

เดินต่อมาที่ด้านหน้าของจุดให้ข้อมูลท้องเที่ยวก็จะเจอกับหอนาฬิกา ซึ่งเป็นอีกหนึ่งบริเวณชมวิวที่สวยงามของ Saint Emilion 

หยุดสักพักแล้วเราก็เดินต่อไปที่  La Tour du Roy เป็นหอคอยสูง เด่นสุดในเมืองก็ว่าได้
(รูปด้านบนนี้ถ่ายไว้ตั้งแต่รอบเมื่อ 5 ปีที่แล้วค่ะ  อยากให้ทุกคนได้เห็นหอคอยนี้จากอีกมุมก่อนที่จะพาขึ้นไปดูกัน )
เพื่อนที่จะขึ้นไปด้านบนนี้จะมีค่าใช้จ่าย 2 ยูโร ถ้าใครต้องการคำบรรยายก็สามารถขอยืมได้จากพนักงานเก็บเงินเลย มีทั้งภาษาอังกฤษและภาษาฝรั่งเศส
ทางเดินขึ้นบนหอคอยนี่ต้องบอกก่อนว่าแคบมาก และมืดมากด้วย ถ้าเดินอยู่แล้วได้ยินเสียงคนนี่ให้หยุดก่อนนะ รอคนสวนลงมา
 
ระหว่างเดินขึ้นไป ก็จะเจอกับช่องหน้าต่างๆเล็กให้ส่องวิวค่ะ  ขนาดยังไม่ถึงยอดก็สวยแล้ว

พอขึ้นไปถึงยอดก็ต้องบอกว่าไม่ผิดหวังค่ะ

 


สูดอากาศจนพอใจก็เดินลงไปนอนพักบนสนามหญ้าค่ะ รอเวลาเดินกลับไปขึ้นรถบัสที่สถานี
ระหว่างทางเดินก็ต้องบอกว่าเจอกับร้านน่ารักๆเต็มไปหมด ลองเข้าไปเดินดูกันได้นะ เผื่อจะได้ของฝากติดไม้ติดมือ
ตามต่อในคอมเม้นนะ สำหรับวันถัดไป
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่