สัปดาห์นี้ก็ต้องยกให้เรื่องนี้แล้วล่ะครับ กับ It โผล่จากนรก Chapter 2 ซึ่งเป็นหนังที่หลายๆ คนรอคอย เพราะชอบภาคแรกในปี 2017 ที่ทำออกมาได้ดีจนเป็นที่ฮือฮาและพูดถึงแก๊ง Loser กันอย่างมากมาย แล้วพอหนังฉายได้ไม่เท่าไหร่ก็มีการแคสตัวนักแสดงรุ่นใหญ่กันทันที ซึ่งนักแสดงนำสองคนที่เปิดออกมาตอนแรกอย่าง Jessica Chastain และ James McAvoy ก็ค่อนข้างได้รับการตอบรับและการอรอคอยเป็นอย่างดี
ภาคนี้พูดถึง 27 หลังจากเพนนีไวส์โดนกำหราบไปในภาคแรก เพราะตัวตลกปีศาจเพนนี่ไวซ์จะกลับมาเยือนเมืองเดอร์รี่ รัฐเมนในทุกๆ 27 ปี เหล่าตัวละครที่แยกย้ายจากกันไปนานจึงต้องกลับมารวมตัวกันอีกครั้งในวัยผู้ใหญ่ ซึ่งนับเป็นเวลากว่า 3 ศตวรรษหลังจากเหตุการณ์สยองเกิดขึ้นกับพวกเขาตอนเด็กในภาพยนตร์ภาคแรก เพื่อมาจัดการเจ้าตัวตลกจอมโหดให้หายไปตลอดกาล
สิ่งที่ผมชอบในภาคนี้คือการที่หนังเหมือนเอา mini series ในปี 1990 มาทำเป็นหนังเกือบจะ 100% เลยทีเดียว ซึ่งฉากสำคัญๆ หลายๆ ฉากถูกเอามาปรับเปลี่ยนให้เข้ากับยุคสมัยได้ดี แต่ยังคงให้ความเคารพกับเวอร์ชั่นเก่าอยู่มาก ซึ่งผมได้ดู mini series ก่อนที่จะได้ดู IT ในภาคแรก ซึ่งภาคแรกเหมือนเอามาขยายความเรื่องราวที่บ่งบอกที่มาที่ไปให้มากขึ้น เหมือนกับข่าวที่ผมเคยแชร์มาว่า ใจจริงผู้กำกับอยากทำหนัง 6 ชั่วโมงด้วยซ้ำ คงคิดจะขยายเนื้อเรื่องให้มันฟุ้งเต็มที่ไปเลย
ภาคนี้คนที่ไม่เคยดูภาคแรกก็ดูรู้เรื่องครับ เพราะหนังจะเล่าอิงเรื่องราววัยเด็กของตัวละครแต่ละตัวอยู่ตลอดตั้งแต่ต้นเรื่อง ซึ่งถ้าคนเคยดูภาคแรกก็เหมือนกับเป็นการย้อนเรื่องราวให้ ส่วนคนที่ไม่เคยดูก็จะเหมือนเล่าให้ฟังใหม่ ซึ่งหลายๆ คนบอกว่ามันทำให้หนังยาวเกินไป (หนังเกือบๆ 3 ชั่วโมงเลย) แต่สำหรับผม มันช่วยให้ซึมซับความสยดสยองของเจ้าเพนนีไวส์ได้มากกว่าเดิมด้วยซ้ำ
ภาคนี้เจ้าตัวตลกจอมโหดไฮไลท์ของหนังแกร่งขึ้นกว่าเดิม ปล่อยความโหดร้ายสยดสยองออกมาตลอดทั้งเรื่อง แถมหนังยังเอาการหลอกแบบตุ้งแช่มาเล่นให้ได้ตกใจกันตลอดเวลา ส่วนตัวผมไม่ค่อยชอบการหลอกตุ้งแช่สักเท่าไหร่ เพราะแค่สิ่งที่เพนนีไวส์มันทำก็หลอนแล้ว ถ้าตัดตรงตุ้งแช่ออกไปใช้ให้พอดีๆ น่าจะหลอนกว่านี้ (อันนี้ส่วนตัวนะ แต่บางคนอาจจะชอบ)
ทีมนักแสดงรุ่นใหญ่ แคสมาได้ดีทีเดียว ถ้าไม่นับสองคนที่เป็นตัวเด่น คนอื่นๆ ก็ถือว่ามีคาแรคเตอร์คล้ายกับตัวละครวัยเด็กมากๆ ยกเว้น เจ้าอ้วนเบน ที่ต้องพลิกคาแรคเตอร์ไปเลย ซึ่งอันนี้ต้องถือว่าทีมงานทำการบ้านกันหนักหน่วงเลยทีเดียว ส่วนตัวผมชอบ เบฟเวอรี่ เวอร์ชั่นเด็ก (Sophia Lillis) อยู่แล้ว พอมาเป็น Jessica Chastain ซึ่งผมก็ชอบอีก ก็เลยหลงรักตัวละครนี้ไปเต็มๆ
ในภาคที่แล้วหลายคนให้ความชื่นชมกับนักแสดง Bill Skarsgård ในบทเพนนีไวส์ อย่างมาก มาในภาคนี้ ผมว่าแกแสดงได้หนักข้อขึ้นกว่าเดิมอีก ในแง่ของความโหด โรคจิต และความหลอนที่เกิดจากเจ้าตัวตลกตัวนี้ ดูแล้วติดตาเอามากๆ แต่ละฉากที่ออกมาเรียกว่าต้องคอยระแวงว่าความหลอนจะมาในรูปแบบไหน ถึงบางฉากจะไม่ได้หลอกแบบตุ้งแช่ แต่แค่ทำหน้าตาหลอนๆ ก็ขนลุกละ
โดยรวมหลายคนอาจจะมองว่าตอนท้ายมันเมากาวไปหน่อย แต่สำหรับผมผมว่ามันยอดเยี่ยมเอามากๆ สำหรับนวนิยายหลอนของ Stephen King ที่เอามาดัดแปลงเป็นหนังได้อย่างยอดเยี่ยม ภาคแรกว่าโอเคแล้ว ภาคนี้ผมชอบมากพอๆ กันเลย ถือว่าเก็บเป็นหนังในดวงใจผมได้อีกเรื่อง
ฝากเพจหนังเล็กๆ ด้วยนะครับ เข้าไปพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเรื่องหนังกันได้เลย >>>
https://www.facebook.com/DooNangGunMai/
[CR] [#Review] It Chapter Two อิท โผล่จากนรก 2 - กลับมาด้วยความโหดและสยองมากขึ้น ภาคนี้แหละที่เอาต้นฉบับมาเกือบ 100%
ภาคนี้พูดถึง 27 หลังจากเพนนีไวส์โดนกำหราบไปในภาคแรก เพราะตัวตลกปีศาจเพนนี่ไวซ์จะกลับมาเยือนเมืองเดอร์รี่ รัฐเมนในทุกๆ 27 ปี เหล่าตัวละครที่แยกย้ายจากกันไปนานจึงต้องกลับมารวมตัวกันอีกครั้งในวัยผู้ใหญ่ ซึ่งนับเป็นเวลากว่า 3 ศตวรรษหลังจากเหตุการณ์สยองเกิดขึ้นกับพวกเขาตอนเด็กในภาพยนตร์ภาคแรก เพื่อมาจัดการเจ้าตัวตลกจอมโหดให้หายไปตลอดกาล
สิ่งที่ผมชอบในภาคนี้คือการที่หนังเหมือนเอา mini series ในปี 1990 มาทำเป็นหนังเกือบจะ 100% เลยทีเดียว ซึ่งฉากสำคัญๆ หลายๆ ฉากถูกเอามาปรับเปลี่ยนให้เข้ากับยุคสมัยได้ดี แต่ยังคงให้ความเคารพกับเวอร์ชั่นเก่าอยู่มาก ซึ่งผมได้ดู mini series ก่อนที่จะได้ดู IT ในภาคแรก ซึ่งภาคแรกเหมือนเอามาขยายความเรื่องราวที่บ่งบอกที่มาที่ไปให้มากขึ้น เหมือนกับข่าวที่ผมเคยแชร์มาว่า ใจจริงผู้กำกับอยากทำหนัง 6 ชั่วโมงด้วยซ้ำ คงคิดจะขยายเนื้อเรื่องให้มันฟุ้งเต็มที่ไปเลย
ภาคนี้คนที่ไม่เคยดูภาคแรกก็ดูรู้เรื่องครับ เพราะหนังจะเล่าอิงเรื่องราววัยเด็กของตัวละครแต่ละตัวอยู่ตลอดตั้งแต่ต้นเรื่อง ซึ่งถ้าคนเคยดูภาคแรกก็เหมือนกับเป็นการย้อนเรื่องราวให้ ส่วนคนที่ไม่เคยดูก็จะเหมือนเล่าให้ฟังใหม่ ซึ่งหลายๆ คนบอกว่ามันทำให้หนังยาวเกินไป (หนังเกือบๆ 3 ชั่วโมงเลย) แต่สำหรับผม มันช่วยให้ซึมซับความสยดสยองของเจ้าเพนนีไวส์ได้มากกว่าเดิมด้วยซ้ำ
ภาคนี้เจ้าตัวตลกจอมโหดไฮไลท์ของหนังแกร่งขึ้นกว่าเดิม ปล่อยความโหดร้ายสยดสยองออกมาตลอดทั้งเรื่อง แถมหนังยังเอาการหลอกแบบตุ้งแช่มาเล่นให้ได้ตกใจกันตลอดเวลา ส่วนตัวผมไม่ค่อยชอบการหลอกตุ้งแช่สักเท่าไหร่ เพราะแค่สิ่งที่เพนนีไวส์มันทำก็หลอนแล้ว ถ้าตัดตรงตุ้งแช่ออกไปใช้ให้พอดีๆ น่าจะหลอนกว่านี้ (อันนี้ส่วนตัวนะ แต่บางคนอาจจะชอบ)
ทีมนักแสดงรุ่นใหญ่ แคสมาได้ดีทีเดียว ถ้าไม่นับสองคนที่เป็นตัวเด่น คนอื่นๆ ก็ถือว่ามีคาแรคเตอร์คล้ายกับตัวละครวัยเด็กมากๆ ยกเว้น เจ้าอ้วนเบน ที่ต้องพลิกคาแรคเตอร์ไปเลย ซึ่งอันนี้ต้องถือว่าทีมงานทำการบ้านกันหนักหน่วงเลยทีเดียว ส่วนตัวผมชอบ เบฟเวอรี่ เวอร์ชั่นเด็ก (Sophia Lillis) อยู่แล้ว พอมาเป็น Jessica Chastain ซึ่งผมก็ชอบอีก ก็เลยหลงรักตัวละครนี้ไปเต็มๆ
ในภาคที่แล้วหลายคนให้ความชื่นชมกับนักแสดง Bill Skarsgård ในบทเพนนีไวส์ อย่างมาก มาในภาคนี้ ผมว่าแกแสดงได้หนักข้อขึ้นกว่าเดิมอีก ในแง่ของความโหด โรคจิต และความหลอนที่เกิดจากเจ้าตัวตลกตัวนี้ ดูแล้วติดตาเอามากๆ แต่ละฉากที่ออกมาเรียกว่าต้องคอยระแวงว่าความหลอนจะมาในรูปแบบไหน ถึงบางฉากจะไม่ได้หลอกแบบตุ้งแช่ แต่แค่ทำหน้าตาหลอนๆ ก็ขนลุกละ
โดยรวมหลายคนอาจจะมองว่าตอนท้ายมันเมากาวไปหน่อย แต่สำหรับผมผมว่ามันยอดเยี่ยมเอามากๆ สำหรับนวนิยายหลอนของ Stephen King ที่เอามาดัดแปลงเป็นหนังได้อย่างยอดเยี่ยม ภาคแรกว่าโอเคแล้ว ภาคนี้ผมชอบมากพอๆ กันเลย ถือว่าเก็บเป็นหนังในดวงใจผมได้อีกเรื่อง
ฝากเพจหนังเล็กๆ ด้วยนะครับ เข้าไปพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเรื่องหนังกันได้เลย >>> https://www.facebook.com/DooNangGunMai/
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้