ตั้งแต่เกิดมาผมไม่เคยรู้สึกถึงการให้ มีค่ามากเท่าครั้งนี้ และผมอยากจะขอบคุณ คนที่ผมไม่เคยรู้จักมาก่อน
ในช่วงหนึ่งของชีวิต ผมร่างกายปกติ สามารถบริจาคเลือดได้ และผมก็บริจาคอยู่เรื่อยๆ
จนผมไปบริจาคเป็นครั้งที่ 5 ก่อนที่จะบริจาค เขาต้องตรวจความเข้นข้นของเลือดก่อน ปรากฎว่าเลือดของผมอ่อนแอ มันไม่เข้มข้น บริจาคไม่ได้
นับตั้งแต่นั้น ผมก็บริจาคไม่ได้อีกเลย เพราะเลือดจางเกินไป
ร่างกายของผมเพิ่งมารู้ว่าเป็นโรคเลือดตอนอายุ 30 คือเลือดของผมมันแตกตัวง่าย ใจเสาะ
พอไม่สบาย หรือพักผ่อนน้อยก็จะแย่กว่าคนอื่น ผมเองเลยกลายเป็นคนที่ต้องดูแลตัวเองมากขึ้น
แล้ววันหนึ่งผมมีลูกชาย
ตอนที่ภรรยาตั้งครรภ์ หมอรู้ว่าผมเป็นโรคเลือด แต่เป็นแบบไม่รุนแรง หมอก็บอกว่ามีโอกาสที่ลูกจะเป็นปกติอยู่ 1ใน4
อีก 3 ใน 4 เป็นแน่นอน แต่จะเป็นแบบแฝงหรือแบบผมก็ต้องดูอีกที
ผมภาวนาให้เขาเป็น1ใน4 ที่รอดจากโรคนี้ หรือไม่อย่างน้อยเป็นแบบแฝงก็ยังดี
สุดท้าย
ลูกชายได้รับโรคเลือดจางจากผมไปเต็มๆ
ทีแรกหมอก็บอกว่าไม่เป็นไรมาก ผมก็สบายใจคิดว่าเป็นแบบผมก็ชิลๆ สบายๆ
เพราะขนาดผมก็ใช้ชีวิตปกติมาได้ตั้งหลายสิบปี
ลูกชายผมตอนนี้ 4 ขวบกว่า ก็ไม่เคยมีปัญหาเรื่องเลือดน้อย ที่ทำให้ร่างกายอ่อนเเอมาก เพราะเราคอยดูแลค่าเลือดเขาอยู่เรื่อยๆ
ผมเลยคิดว่าเขาคงเป็นเหมือนผม ใช้ชีวิตได้อย่างปกติ
แต่เมื่อไม่กี่วันก่อน เขาเกิดไม่สบาย ผมก็คิดว่าเหมือนครั้งก่อนๆ เลยไม่ได้ไปหาหมอ
ให้กินยาอยู่บ้านปกติ อาการเขาก็เริ่มดีขึ้น แต่ตัวเขาซีดกว่าเดิมเยอะมากอีกทั้งดูอ่อนเพลียมากกว่าเดิม
คุณแม่เขาให้พาไปหาหมอที่ศูนย์แพทย์ ตรวจเลือด ตรวจปัสสาวะ
ปรากฎว่า ผลอื่นๆปกติ แต่ค่าเลือดต่ำมาก ค่าเลือดเขาจะอยู่ที่ 30 บวกลบ ไม่เคยต่ำกว่านี้
แต่ครั้งนี้ค่าเลือดอยู่ที่ 15
ฟังผลแล้วตกใจทำอะไรไม่ถูก ต้องมีสติ ต้องพาไปโรงพยาบาล ไปให้เลือด
เพราะหมอโรคเลือดที่เคยไปหาเขาบอกว่า ถ้าค่าเลือดต่ำกว่า 22 คือแย่แล้วสำหรับเขา
แต่นี่มันแค่ 15
ดีที่คุณแม่เขาติดต่อไปที่โรงพยาบาลใกล้บ้านมีหมอเด็กโรคเลือดโดยเฉพาะ เราจึงรีบไปโดยด่วน
เจอหมอ หมอดูใบตรวจเลือด และบอกทันทีว่าต้องให้เลือด แล้วหมอก็รีบจองเลือดให้ลูกชายเราทันที
ในระหว่างที่รอเลือดและรอห้อง หมอให้ออกซิเจนกับลูกชายก่อนเป็นอันดับแรก
เพราะเลือดเขาน้อย จึงพาออกซิเจนไปได้ไม่ทั่วร่างกาย เขาจึงมีอาการอ่อนเพลียมากกว่าปกติ
เมื่อได้รับออกซิเจนไปสักพักร่างกายเขาก็เริ่มดีขึ้น
จากนั้นเราได้ห้องพร้อมได้เลือดจากผู้บริจาค
วินาทีที่เห็นถุงเลือด
น้ำตาผมดันออกมาเกือบล้นเอ่อ
เเม่เขายกมือไหว้ขอบคุณเจ้าของเลือดที่เราไม่รู้จัก
เราขอบคุณ
ให้กับคนที่เราไม่รู้จัก ให้กับคนที่เราไม่เคยเห็นหน้า ให้กับคนที่บริจาคเลือดให้
ไม่ว่าเขาจะเป็นใครขอให้เขาได้รับผลบุญอันยิ่งใหญ่นี้ด้วยเทอญ
ผมคิดในใจเช่นนี้จริงๆ
ผมเคยบริจาคเลือด แม่เขาเคยบริจาคเลือด ผมคิดว่าเราคงได้รับบุญกุศลนี้เช่นกัน
ที่ในวันนี้ วันที่เราต้องการเลือด
เรามีเลือด ให้ลูกชาย ได้เข็มแข็งและมีแรงต่อไป
ลูกชายได้รับเลือดไป 1 ถุงเขาอาการดีขึ้นทันที
เป็น 300 มิลลิลิตรที่มีค่าสำหรับครอบครัวเรา
ขอบคุณอีกครั้งที่ให้โอกาส
ขอบคุณอีกครั้งที่ร่วมบริจาค
ไม่ว่าคุณจะเป็นใครแค่คุณร่วมบริจาคเลือด
ผมขอขอบคุณจากใจจริง
...
เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้เราต้องเริ่มดูแลลูกชายกันใหม่ เขาไม่ได้เหมือนเดิมที่เราคิดว่าเป็นปกติ แต่เขาอาจเป็นโรคเลือดที่แย่กว่านั้น
ที่สำคัญเราได้รับรู้ถึงการให้ที่ยิ่งใหญ่ จากคนที่เราไม่เคยรู้จักกันมาก่อนเลย
อยากเชิญชวนให้คนที่มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง ที่ยังไม่เคยได้บริจาคเลือด ได้ลองมาบริจาคเลือดกันนะครับ
เพราะเลือดที่เหลือๆจากเรา อาจนำไปต่อชีวิตให้คนอื่นได้นะครับ
300 มิลลิลิตรที่มีค่ามากสำหรับครอบครัวเรา ขอบคุณคนที่ผมไม่เคยรู้จักมาก่อน
ตั้งแต่เกิดมาผมไม่เคยรู้สึกถึงการให้ มีค่ามากเท่าครั้งนี้ และผมอยากจะขอบคุณ คนที่ผมไม่เคยรู้จักมาก่อน
ในช่วงหนึ่งของชีวิต ผมร่างกายปกติ สามารถบริจาคเลือดได้ และผมก็บริจาคอยู่เรื่อยๆ
จนผมไปบริจาคเป็นครั้งที่ 5 ก่อนที่จะบริจาค เขาต้องตรวจความเข้นข้นของเลือดก่อน ปรากฎว่าเลือดของผมอ่อนแอ มันไม่เข้มข้น บริจาคไม่ได้
นับตั้งแต่นั้น ผมก็บริจาคไม่ได้อีกเลย เพราะเลือดจางเกินไป
ร่างกายของผมเพิ่งมารู้ว่าเป็นโรคเลือดตอนอายุ 30 คือเลือดของผมมันแตกตัวง่าย ใจเสาะ
พอไม่สบาย หรือพักผ่อนน้อยก็จะแย่กว่าคนอื่น ผมเองเลยกลายเป็นคนที่ต้องดูแลตัวเองมากขึ้น
แล้ววันหนึ่งผมมีลูกชาย
ตอนที่ภรรยาตั้งครรภ์ หมอรู้ว่าผมเป็นโรคเลือด แต่เป็นแบบไม่รุนแรง หมอก็บอกว่ามีโอกาสที่ลูกจะเป็นปกติอยู่ 1ใน4
อีก 3 ใน 4 เป็นแน่นอน แต่จะเป็นแบบแฝงหรือแบบผมก็ต้องดูอีกที
ผมภาวนาให้เขาเป็น1ใน4 ที่รอดจากโรคนี้ หรือไม่อย่างน้อยเป็นแบบแฝงก็ยังดี
สุดท้าย
ลูกชายได้รับโรคเลือดจางจากผมไปเต็มๆ
ทีแรกหมอก็บอกว่าไม่เป็นไรมาก ผมก็สบายใจคิดว่าเป็นแบบผมก็ชิลๆ สบายๆ
เพราะขนาดผมก็ใช้ชีวิตปกติมาได้ตั้งหลายสิบปี
ลูกชายผมตอนนี้ 4 ขวบกว่า ก็ไม่เคยมีปัญหาเรื่องเลือดน้อย ที่ทำให้ร่างกายอ่อนเเอมาก เพราะเราคอยดูแลค่าเลือดเขาอยู่เรื่อยๆ
ผมเลยคิดว่าเขาคงเป็นเหมือนผม ใช้ชีวิตได้อย่างปกติ
แต่เมื่อไม่กี่วันก่อน เขาเกิดไม่สบาย ผมก็คิดว่าเหมือนครั้งก่อนๆ เลยไม่ได้ไปหาหมอ
ให้กินยาอยู่บ้านปกติ อาการเขาก็เริ่มดีขึ้น แต่ตัวเขาซีดกว่าเดิมเยอะมากอีกทั้งดูอ่อนเพลียมากกว่าเดิม
คุณแม่เขาให้พาไปหาหมอที่ศูนย์แพทย์ ตรวจเลือด ตรวจปัสสาวะ
ปรากฎว่า ผลอื่นๆปกติ แต่ค่าเลือดต่ำมาก ค่าเลือดเขาจะอยู่ที่ 30 บวกลบ ไม่เคยต่ำกว่านี้
แต่ครั้งนี้ค่าเลือดอยู่ที่ 15
ฟังผลแล้วตกใจทำอะไรไม่ถูก ต้องมีสติ ต้องพาไปโรงพยาบาล ไปให้เลือด
เพราะหมอโรคเลือดที่เคยไปหาเขาบอกว่า ถ้าค่าเลือดต่ำกว่า 22 คือแย่แล้วสำหรับเขา
แต่นี่มันแค่ 15
ดีที่คุณแม่เขาติดต่อไปที่โรงพยาบาลใกล้บ้านมีหมอเด็กโรคเลือดโดยเฉพาะ เราจึงรีบไปโดยด่วน
เจอหมอ หมอดูใบตรวจเลือด และบอกทันทีว่าต้องให้เลือด แล้วหมอก็รีบจองเลือดให้ลูกชายเราทันที
ในระหว่างที่รอเลือดและรอห้อง หมอให้ออกซิเจนกับลูกชายก่อนเป็นอันดับแรก
เพราะเลือดเขาน้อย จึงพาออกซิเจนไปได้ไม่ทั่วร่างกาย เขาจึงมีอาการอ่อนเพลียมากกว่าปกติ
เมื่อได้รับออกซิเจนไปสักพักร่างกายเขาก็เริ่มดีขึ้น
จากนั้นเราได้ห้องพร้อมได้เลือดจากผู้บริจาค
วินาทีที่เห็นถุงเลือด
น้ำตาผมดันออกมาเกือบล้นเอ่อ
เเม่เขายกมือไหว้ขอบคุณเจ้าของเลือดที่เราไม่รู้จัก
เราขอบคุณ
ให้กับคนที่เราไม่รู้จัก ให้กับคนที่เราไม่เคยเห็นหน้า ให้กับคนที่บริจาคเลือดให้
ไม่ว่าเขาจะเป็นใครขอให้เขาได้รับผลบุญอันยิ่งใหญ่นี้ด้วยเทอญ
ผมคิดในใจเช่นนี้จริงๆ
ผมเคยบริจาคเลือด แม่เขาเคยบริจาคเลือด ผมคิดว่าเราคงได้รับบุญกุศลนี้เช่นกัน
ที่ในวันนี้ วันที่เราต้องการเลือด
เรามีเลือด ให้ลูกชาย ได้เข็มแข็งและมีแรงต่อไป
ลูกชายได้รับเลือดไป 1 ถุงเขาอาการดีขึ้นทันที
เป็น 300 มิลลิลิตรที่มีค่าสำหรับครอบครัวเรา
ขอบคุณอีกครั้งที่ให้โอกาส
ขอบคุณอีกครั้งที่ร่วมบริจาค
ไม่ว่าคุณจะเป็นใครแค่คุณร่วมบริจาคเลือด
ผมขอขอบคุณจากใจจริง
...
เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้เราต้องเริ่มดูแลลูกชายกันใหม่ เขาไม่ได้เหมือนเดิมที่เราคิดว่าเป็นปกติ แต่เขาอาจเป็นโรคเลือดที่แย่กว่านั้น
ที่สำคัญเราได้รับรู้ถึงการให้ที่ยิ่งใหญ่ จากคนที่เราไม่เคยรู้จักกันมาก่อนเลย
อยากเชิญชวนให้คนที่มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง ที่ยังไม่เคยได้บริจาคเลือด ได้ลองมาบริจาคเลือดกันนะครับ
เพราะเลือดที่เหลือๆจากเรา อาจนำไปต่อชีวิตให้คนอื่นได้นะครับ