พระไตรปิฎกเล่มที่ ๓๐ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๒ ขุททกนิกาย จูฬนิทเทส
อชิตมาณวกปัญหานิทเทส
(ว่าด้วยปัญหาของท่านอชิตะ)
[๕๗] (ท่านอชิตะทูลถามปัญหาว่า)
โลกอันอะไรสิหุ้มห่อไว้? โลกไม่ปรากฏเพราะเหตุอะไรสิ?
อะไรเล่าเป็นเครื่องฉาบทาโลกนั้น? ขอพระองค์จงตรัสบอก.
อะไรเล่าเป็นภัยใหญ่ของโลกนั้น.
[๖๓] (พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า ดูกรอชิตะ)
โลกอันอวิชชาหุ้มห่อไว้ โลกไม่ปรากฏเพราะความตระหนี่
เรากล่าวตัณหาว่าเป็นเครื่องฉาบทาโลก. ทุกข์เป็นภัยใหญ่ของ
โลกนั้น.
[๖๙] (ท่านอชิตะทูลถามว่า)
กระแสทั้งหลายย่อมไหลไปในอายตนะทั้งปวง. อะไรเป็น
เครื่องกั้นกระแสทั้งหลาย? ขอพระองค์จงทรงตรัสบอกธรรม
เป็นเครื่องกั้นกระแสทั้งหลาย. กระแสทั้งหลายอันอะไรย่อม
ปิดกั้นได้?
[๗๕] (พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า ดูกรอชิตะ) กระแสเหล่าใด
ในโลก สติเป็นเครื่องกั้นกระแสเหล่านั้น. เรากล่าวธรรม
เป็นเครื่องกั้นกระแสทั้งหลาย. กระแสเหล่านี้อันปัญญา
ย่อมปิดกั้นได้.
[๘๐] (ท่านอชิตะทูลถามว่า)
ข้าแต่พระองค์ผู้นิรทุกข์ ปัญญา สติ และนามรูป ย่อมดับ
ไป ณ ที่ไหน? ข้าพระองค์ทูลถามแล้ว ขอพระองค์จงตรัส
บอกความข้อนั้นแก่ข้าพระองค์เถิด.
[๘๕] (พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า)
ดูกรอชิตะ ท่านได้ถามปัญหาข้อใดแล้ว เราจะแก้ปัญหา
ข้อนั้นแก่ท่าน. นามและรูปดับไปไม่มีส่วนเหลือ ณ ที่ใด
นามรูปนั้นก็ดับ ณ ที่นั้น เพราะความดับแห่งวิญญาณ.
[๙๐] (ท่านอชิตะทูลถามว่า)
พระอรหันตขีณาสพเหล่าใดผู้มีสังขาตธรรม และพระเสข-
บุคคลในทิฏฐิเป็นต้นนี้มีมาก ข้าแต่พระองค์ผู้นิรทุกข์
ข้าพระองค์ทูลถามแล้ว ขอพระองค์ผู้มีปัญญา ได้โปรด
ตรัสบอกความดำเนินของพระขีณาสพและเสขบุคคลเหล่านั้น
แก่ข้าพระองค์เถิด.
[๙๔] (พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า)
ดูกรอชิตะ ภิกษุไม่พึงติดใจในกามทั้งหลาย มีใจไม่ขุ่นมัว
ฉลาดในธรรมทั้งปวง พึงมีสติเว้นรอบ.
ปัญหาของอชิตะมานพ และคำตอบของพระพุทธเจ้า
อชิตมาณวกปัญหานิทเทส
(ว่าด้วยปัญหาของท่านอชิตะ)
[๕๗] (ท่านอชิตะทูลถามปัญหาว่า)
โลกอันอะไรสิหุ้มห่อไว้? โลกไม่ปรากฏเพราะเหตุอะไรสิ?
อะไรเล่าเป็นเครื่องฉาบทาโลกนั้น? ขอพระองค์จงตรัสบอก.
อะไรเล่าเป็นภัยใหญ่ของโลกนั้น.
[๖๓] (พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า ดูกรอชิตะ)
โลกอันอวิชชาหุ้มห่อไว้ โลกไม่ปรากฏเพราะความตระหนี่
เรากล่าวตัณหาว่าเป็นเครื่องฉาบทาโลก. ทุกข์เป็นภัยใหญ่ของ
โลกนั้น.
[๖๙] (ท่านอชิตะทูลถามว่า)
กระแสทั้งหลายย่อมไหลไปในอายตนะทั้งปวง. อะไรเป็น
เครื่องกั้นกระแสทั้งหลาย? ขอพระองค์จงทรงตรัสบอกธรรม
เป็นเครื่องกั้นกระแสทั้งหลาย. กระแสทั้งหลายอันอะไรย่อม
ปิดกั้นได้?
[๗๕] (พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า ดูกรอชิตะ) กระแสเหล่าใด
ในโลก สติเป็นเครื่องกั้นกระแสเหล่านั้น. เรากล่าวธรรม
เป็นเครื่องกั้นกระแสทั้งหลาย. กระแสเหล่านี้อันปัญญา
ย่อมปิดกั้นได้.
[๘๐] (ท่านอชิตะทูลถามว่า)
ข้าแต่พระองค์ผู้นิรทุกข์ ปัญญา สติ และนามรูป ย่อมดับ
ไป ณ ที่ไหน? ข้าพระองค์ทูลถามแล้ว ขอพระองค์จงตรัส
บอกความข้อนั้นแก่ข้าพระองค์เถิด.
[๘๕] (พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า)
ดูกรอชิตะ ท่านได้ถามปัญหาข้อใดแล้ว เราจะแก้ปัญหา
ข้อนั้นแก่ท่าน. นามและรูปดับไปไม่มีส่วนเหลือ ณ ที่ใด
นามรูปนั้นก็ดับ ณ ที่นั้น เพราะความดับแห่งวิญญาณ.
[๙๐] (ท่านอชิตะทูลถามว่า)
พระอรหันตขีณาสพเหล่าใดผู้มีสังขาตธรรม และพระเสข-
บุคคลในทิฏฐิเป็นต้นนี้มีมาก ข้าแต่พระองค์ผู้นิรทุกข์
ข้าพระองค์ทูลถามแล้ว ขอพระองค์ผู้มีปัญญา ได้โปรด
ตรัสบอกความดำเนินของพระขีณาสพและเสขบุคคลเหล่านั้น
แก่ข้าพระองค์เถิด.
[๙๔] (พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า)
ดูกรอชิตะ ภิกษุไม่พึงติดใจในกามทั้งหลาย มีใจไม่ขุ่นมัว
ฉลาดในธรรมทั้งปวง พึงมีสติเว้นรอบ.