ก่อนอื่นเลยผมก็ขอเกริ่นก่อนเลยนะครับ ว่าผมเป็นคนที่ก็เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งเกี่ยวกับเรื่องภูติผีวิญญาณ แล้วก็ไม่ได้เป็นคนมีเซ้นส์อะไรมาก(แทบจะไม่มีเลยก็ว่าได้🤣) เลยนานๆทีจะสัมผัสได้ หรือแค่รู้สึก
.
.
เริ่มเลยที่งานซิโกวเนี่ย เป็นประเพณีของชาวไทยเชื้อสายจีน ที่จะเป็นการทำบุญ โดยดั้งเดิมเลยจะเป็นการทำบุญเพื่อโปรดดวงวิญญาณทั้งหลายในเดือน 7 จีน หรือฉิกหว่วย 七 月 ซึ่งถือเป็นเดือนที่ประตูนรกเปิดเพื่อให้เหล่าดวงวิญญาณทั้งหลายได้ออกมารับบุญกุศลที่ลูกหลานเซ่นไหว้และอุทิศให้บนโลกมนุษย์ ซึ่งวิญญาณที่ออกมาก็มีทั้งที่มีญาติ และไม่มีญาติ(โกวฮุ้ง หรือ ฮ้อเฮียตี๋) ดังนั้น ตามโรงเจ ศาลเจ้า หรือมูลนิธิจีนต่างๆ ก็จะมีการจัดงานซิโกว เพื่ออุทิศบุญกุศลแก่เหล่าโกวฮุ้งทั้งหลายนั่นเอง
.
.
เริ่มจากที่ผมได้ไปช่วยงานโรงเจแถวบ้านในต่างจังหวัด ซึ่งเมื่อเริ่มงานซิโกว จะมีการ "เฉี่ยโกวฮุ้ง" ซึ่งก็คือการทำพิธีเชิญให้เหล่า "โกวฮุ้ง" หรือ "วิญญาณไร้ญาติ" ได้เข้ามาในอาณาบริเวณเพื่อรับบุญกุศล ซึ่งโรงเจนี้เขาก็ได้เฉี่ยโกวฮุ้งไปเมื่อตอนเช้า ส่วนผมเพิ่งจะเลิกงาน เลยไปสวดมนต์ตอนเย็น พอก้าวเข้าไปในโรงเจ มันเป็นความรู้สึกที่ไม่เหมือนวันอื่นๆที่ผมมาโรงเจ มาไหว้พระ มันคือความรู้สึกที่รอบตัวมันแน่นๆ อากาศมันดูหนักๆไปหมด เหมือนมีคนอยู่เยอะมาก ทั้งที่ยืนอยู่ที่ลานกว้างก็ยังอึดอัด มันเป็นความรู้สึกที่ผมประหลาดใจมาก ซึ่งโรงเจที่ผมไปช่วยเนี่ยเขาจะมีงาน 3 วัน และซิโกวในวันสุดท้าย ซึ่งความรู้สึกอึดอัดนี้ผมรู้สึกทั้ง 3 วัน แต่จะหนักสุดตอนวันสุดท้ายที่ทำพิธี
.
.
พอผมเขาไปสวดมนต์ที่หน้าพระในโรงเจ ผมก็ขึ้นสวด "จั่งลี่ซีฟัง" และ "หนี่ถ่อเก็ง" ซึ่งสามารถใช้ในการสวดโปรดเหล่าดวงวิญญาณได้ ผมก็สวดไปตามปกติ พอขึ้นบทสวดไปได้สักพัก ผมรู้สึกว่าเหมือนจะได้ยินเสียงคนๆนึงดังเข้ามาในหู(ทั้งๆที่ปากก็สวดอยู่ คนอื่นๆก็สวดเสียงเดียวกันไป ไม่ม่ใครพูดคำอื่นขึ้นมาเลย) เสียงนั้นพูดว่า "เขามาแล้วนะ หันหลังไปดูสิ" ผมก็เลยสงสัยว่าเขาที่มาเนี่ยคือใคร ผมเลยหันหลังไปมอง มองออกนอกประตูโบสถ์ไป ตรงลานหน้าโรงเจ จะมีม้านั่งปูนยาวประมาณ 1-2 เมตรอยู่ ผมรู้สึกว่าเห็นเป็นเงาใสๆ แต่พอให้เห็นเป็นรูปเป็นร่างตัวคนอยู่ประมาณ 4-5 คน นั่งยองๆแล้วพนมมืออยู่บนม้านั่งนั้น พอผมเห็นผมเลยหันกลับมาสวดต่อแล้วเข้าใจละว่าคงจะเป็นเหล่า "โกวฮุ้ง" เขามาฟังสวดกันอยู่ พอสวดเสร็จ พอสวดเสร็จแล้วหันหลังกลับมาผมก็ไม่เห็นเขาแล้วครับ แลเวผมเดินออกไปจะไปเอารถมอเตอร์ำซค์ที่จอดอยู่ใกล้ๆกับม้านั่งนั่น ก็ยังนึกถึงภาพนั้นได้อยูา แต่ก็คิดว่าเขาคงมารอบุญเราอยู่ ผมเลยสวดแผ่เมตตา ให้เขาอีกรอบหนึ่ง ซึ่งความรุ้สึกตอนนั้นคือรู้สึกแน่นมากๆ แน่นเหมือนมีคนมาอยู่รอบๆผมเยอะมาก แต่ก็ดีใจครับได้อุทิศบุญกุศลให้เขาพ้นทุกข์ ผมกลับไปบ้าน เลยทักข้อความมาหาคนที่ดูแลโรงเจและเล่าให้เขาฟัง เขาก็บอกว่ามีคนเห็นตรงกันกับผม ว่าเหมือนโกวฮุ้งที่เขามารอเนี่ย เขามักจะนั่งยองๆ รอกัน นั่งบนกำแพงรั้วบ้าง บนม้านั่งนั่นบ้าง
.
.
แล้วพอมาวันซิโกว วันนั้นผมไม่เห็นอะไรเลย(คงเพราะด้วยความยุ่ง ช่วยงานด้วยเลบไม่ได้สังเกตหรือเห็นอะไร) แต่มีคนมาเล่าให้ผมฟังภายหลัง ว่าคืนก่อนที่จะซิโกว มีคนเห็น "โกวฮุ้ง" มานั่งรอกัน บริเวณด้านหน้าโรงเจ จะมีต้นมะม่วงใหญ่อยู่ต้นหนึ่ง จริงๆมันก็ไม่ใหญ่เท่าไหร่หรอกครับ พอสมควร กิ่งก็ไม่ใหญ่มาก แต่มีคนบอกว่า เห็นมีคนไปนั่งห้อยขาอยู่บนกิ่งต้นมะม่วงนั่นกัน 15-20 คน สภาพแต่ละคนก็ไม่น่าดูสักเท่าไหร่ หัวขาดบ้าง แขนขาขาดบ้าง ฟกช้ำดำเขียวเลือดหนองบ้าง บางคนก็ไม่มีเสื้อผ้าใส่ตัวเปลือยมาก็มี แล้วก็ยังมีบางส่วนไปนั่งบนกำแพงรั้วที่สูงประมาณ 2 เมตรได้ อุ้มลูกจูงหลานลูกเล็กเด็กแดงมากันเพียบ
ส่วนใหญ่ก็ผอมโซน่าอนาถมาก เหมือนไม่ได้กินอะไรมานาน เขามานั่งรอกันอยู่ที่ด้านหน้าโรงเจเพื่อรอรับบุญกุศลในวันรุ่งขึ้น
.
.
แต่ก็ถือว่าเป็นกำลังใจให้เราทำงานซิโกวไปได้นะครับ เขามีทุกข์ เขามีพึ่งใบบุญเรา เขามารอรับส่วนบุญ รอเสื้อผ้าเงินทองของมีค่าจากเรา มารออาหารที่เซ่นไหว้ ก็ดีใจครับที่ได้ช่วยเหลือเขาให้ได้พ้นทุกข์ แล้วก็ถือว่าเป็นบุญกุศลของเราด้วยครับ ช่วยคนเป็นด้วยและได้ช่วยคนตายให้พ้นจากนรก พ้นจากทุกข์ ได้บุญได้กุศลกันไปสู้สุขคติ
เรื่องเล่างานซิโกว ทิ้งกระจาดโปรดดวงวิญญาณ
.
.
เริ่มเลยที่งานซิโกวเนี่ย เป็นประเพณีของชาวไทยเชื้อสายจีน ที่จะเป็นการทำบุญ โดยดั้งเดิมเลยจะเป็นการทำบุญเพื่อโปรดดวงวิญญาณทั้งหลายในเดือน 7 จีน หรือฉิกหว่วย 七 月 ซึ่งถือเป็นเดือนที่ประตูนรกเปิดเพื่อให้เหล่าดวงวิญญาณทั้งหลายได้ออกมารับบุญกุศลที่ลูกหลานเซ่นไหว้และอุทิศให้บนโลกมนุษย์ ซึ่งวิญญาณที่ออกมาก็มีทั้งที่มีญาติ และไม่มีญาติ(โกวฮุ้ง หรือ ฮ้อเฮียตี๋) ดังนั้น ตามโรงเจ ศาลเจ้า หรือมูลนิธิจีนต่างๆ ก็จะมีการจัดงานซิโกว เพื่ออุทิศบุญกุศลแก่เหล่าโกวฮุ้งทั้งหลายนั่นเอง
.
.
เริ่มจากที่ผมได้ไปช่วยงานโรงเจแถวบ้านในต่างจังหวัด ซึ่งเมื่อเริ่มงานซิโกว จะมีการ "เฉี่ยโกวฮุ้ง" ซึ่งก็คือการทำพิธีเชิญให้เหล่า "โกวฮุ้ง" หรือ "วิญญาณไร้ญาติ" ได้เข้ามาในอาณาบริเวณเพื่อรับบุญกุศล ซึ่งโรงเจนี้เขาก็ได้เฉี่ยโกวฮุ้งไปเมื่อตอนเช้า ส่วนผมเพิ่งจะเลิกงาน เลยไปสวดมนต์ตอนเย็น พอก้าวเข้าไปในโรงเจ มันเป็นความรู้สึกที่ไม่เหมือนวันอื่นๆที่ผมมาโรงเจ มาไหว้พระ มันคือความรู้สึกที่รอบตัวมันแน่นๆ อากาศมันดูหนักๆไปหมด เหมือนมีคนอยู่เยอะมาก ทั้งที่ยืนอยู่ที่ลานกว้างก็ยังอึดอัด มันเป็นความรู้สึกที่ผมประหลาดใจมาก ซึ่งโรงเจที่ผมไปช่วยเนี่ยเขาจะมีงาน 3 วัน และซิโกวในวันสุดท้าย ซึ่งความรู้สึกอึดอัดนี้ผมรู้สึกทั้ง 3 วัน แต่จะหนักสุดตอนวันสุดท้ายที่ทำพิธี
.
.
พอผมเขาไปสวดมนต์ที่หน้าพระในโรงเจ ผมก็ขึ้นสวด "จั่งลี่ซีฟัง" และ "หนี่ถ่อเก็ง" ซึ่งสามารถใช้ในการสวดโปรดเหล่าดวงวิญญาณได้ ผมก็สวดไปตามปกติ พอขึ้นบทสวดไปได้สักพัก ผมรู้สึกว่าเหมือนจะได้ยินเสียงคนๆนึงดังเข้ามาในหู(ทั้งๆที่ปากก็สวดอยู่ คนอื่นๆก็สวดเสียงเดียวกันไป ไม่ม่ใครพูดคำอื่นขึ้นมาเลย) เสียงนั้นพูดว่า "เขามาแล้วนะ หันหลังไปดูสิ" ผมก็เลยสงสัยว่าเขาที่มาเนี่ยคือใคร ผมเลยหันหลังไปมอง มองออกนอกประตูโบสถ์ไป ตรงลานหน้าโรงเจ จะมีม้านั่งปูนยาวประมาณ 1-2 เมตรอยู่ ผมรู้สึกว่าเห็นเป็นเงาใสๆ แต่พอให้เห็นเป็นรูปเป็นร่างตัวคนอยู่ประมาณ 4-5 คน นั่งยองๆแล้วพนมมืออยู่บนม้านั่งนั้น พอผมเห็นผมเลยหันกลับมาสวดต่อแล้วเข้าใจละว่าคงจะเป็นเหล่า "โกวฮุ้ง" เขามาฟังสวดกันอยู่ พอสวดเสร็จ พอสวดเสร็จแล้วหันหลังกลับมาผมก็ไม่เห็นเขาแล้วครับ แลเวผมเดินออกไปจะไปเอารถมอเตอร์ำซค์ที่จอดอยู่ใกล้ๆกับม้านั่งนั่น ก็ยังนึกถึงภาพนั้นได้อยูา แต่ก็คิดว่าเขาคงมารอบุญเราอยู่ ผมเลยสวดแผ่เมตตา ให้เขาอีกรอบหนึ่ง ซึ่งความรุ้สึกตอนนั้นคือรู้สึกแน่นมากๆ แน่นเหมือนมีคนมาอยู่รอบๆผมเยอะมาก แต่ก็ดีใจครับได้อุทิศบุญกุศลให้เขาพ้นทุกข์ ผมกลับไปบ้าน เลยทักข้อความมาหาคนที่ดูแลโรงเจและเล่าให้เขาฟัง เขาก็บอกว่ามีคนเห็นตรงกันกับผม ว่าเหมือนโกวฮุ้งที่เขามารอเนี่ย เขามักจะนั่งยองๆ รอกัน นั่งบนกำแพงรั้วบ้าง บนม้านั่งนั่นบ้าง
.
.
แล้วพอมาวันซิโกว วันนั้นผมไม่เห็นอะไรเลย(คงเพราะด้วยความยุ่ง ช่วยงานด้วยเลบไม่ได้สังเกตหรือเห็นอะไร) แต่มีคนมาเล่าให้ผมฟังภายหลัง ว่าคืนก่อนที่จะซิโกว มีคนเห็น "โกวฮุ้ง" มานั่งรอกัน บริเวณด้านหน้าโรงเจ จะมีต้นมะม่วงใหญ่อยู่ต้นหนึ่ง จริงๆมันก็ไม่ใหญ่เท่าไหร่หรอกครับ พอสมควร กิ่งก็ไม่ใหญ่มาก แต่มีคนบอกว่า เห็นมีคนไปนั่งห้อยขาอยู่บนกิ่งต้นมะม่วงนั่นกัน 15-20 คน สภาพแต่ละคนก็ไม่น่าดูสักเท่าไหร่ หัวขาดบ้าง แขนขาขาดบ้าง ฟกช้ำดำเขียวเลือดหนองบ้าง บางคนก็ไม่มีเสื้อผ้าใส่ตัวเปลือยมาก็มี แล้วก็ยังมีบางส่วนไปนั่งบนกำแพงรั้วที่สูงประมาณ 2 เมตรได้ อุ้มลูกจูงหลานลูกเล็กเด็กแดงมากันเพียบ
ส่วนใหญ่ก็ผอมโซน่าอนาถมาก เหมือนไม่ได้กินอะไรมานาน เขามานั่งรอกันอยู่ที่ด้านหน้าโรงเจเพื่อรอรับบุญกุศลในวันรุ่งขึ้น
.
.
แต่ก็ถือว่าเป็นกำลังใจให้เราทำงานซิโกวไปได้นะครับ เขามีทุกข์ เขามีพึ่งใบบุญเรา เขามารอรับส่วนบุญ รอเสื้อผ้าเงินทองของมีค่าจากเรา มารออาหารที่เซ่นไหว้ ก็ดีใจครับที่ได้ช่วยเหลือเขาให้ได้พ้นทุกข์ แล้วก็ถือว่าเป็นบุญกุศลของเราด้วยครับ ช่วยคนเป็นด้วยและได้ช่วยคนตายให้พ้นจากนรก พ้นจากทุกข์ ได้บุญได้กุศลกันไปสู้สุขคติ