ความเจ็บปวดของเด็กคนนึงที่ไม่อยากกลับบ้านเพราะไม่อยากเจอครอบครัวและเหล่าญาติๆ (กระทู้ระบายยาวมากเว่อ แต่ตอนเดียวจบน้า)

สวัสดีทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ ขอให้กระทู้นี้เป็นที่ระบายความในใจของเราแล้วกัน อึดอัดในใจมานานแล้วค่ะ

  ขอเกริ่นถึงตัวเราก่อนนะ เราเป็นคนตลก ร่าเริง ตอนอยู่กับเพื่อนๆ พออยู่กับที่บ้านก็จะเงียบลงหน่อย (แต่เดี๋ยวนี้เริ่มห้าวเป้งกับพ่อ 555555)
 
  ตอนนี้เราอาศัยอยู่หอพัก จริงๆบ้านไม่ได้ไกลมอเท่าไร แต่ว่ารถติดมากกกกกกกกก
ตั้งแต่เรามาอยู่คนเดียวชีวิตเราสงบมาก เราชอบหาอะไรทำคนเดียว มีพื้นที่ส่วนตัว เพราะปกติที่บ้านจะนอนรวมกัน แต่แยกเตียงกันนะ
มีเพื่อนกินข้าวด้วยบ้าง เดินห้าง ดูหนัง ไม่ค่อยเหงาเท่าไร แต่ก็มีโทรไปหาพ่อกับแม่นานๆที (นางบอกว่าคุยแล้วไม่เห็นหน้ามันไม่ได้อารมณ์ - -)
พอถึงวันศุกร์ก็กลับบ้าน เจอหน้าพ่อแม่ แฮปปี้ปกติ

  แต่พอใกล้จะเรียนจบ เราไม่อยากกลับไปอยู่บ้านเลยค่ะ เรารู้สึกอึดอัดเหมือนมันไม่มีคอมฟอร์ทโซนของเราอ่ะ
แล้วบ้านก็เหมือนไม่ใช่บ้านเราเข้าไปทุกที บ้านที่เต็มไปด้วยถ้วยรางวัลเกียรติบัตรของพี่ รูปของพี่ หนังสือของพี่ (หนังสือเราก็มีแหละแต่เก็บดีไปหน่อย เลยไม่ค่อยเห็น 555555555)
บ้านเราจะอยู่ด้วยกันกับญาติๆ แต่แยกบ้านกัน งงมะ แบบเป็นที่ดินผืนหนึ่งแล้วมีบ้านหลายๆหลังงี้ ซึ่งก็ต้องเจอญาติเกือบทุกวัน
แล้วก็ตามประสาป้าๆญาติๆเลย ชอบเปรียบเทียบนู่นนี่ แน่นอนว่าฉันต้องเป็นคนที่พ่ายแพ้ แพ้ให้เธอทุกทาง
แต่ขอยกเว้นเรื่องความสะอาดและจิตใจที่งดงามดั่งดอกไม้สีทองของเราล่ะกัน เรื่องนี้เราชนะ อิอิ (แต่ชาวบ้านเขาไม่รู้กับเราด้วยไง ยกเว้นพ่อแม่ที่รู้)

  ตอนเด็กๆเราดำ สิวก็ขึ้น แต่ยังไม่รู้เรื่องอะไร พอเริ่มโตมาเขาพูดถึงเราว่าเนี่ยตอนนี้ดูไม่ดีเลย แต่ก็ยังดีกว่าตอนเด็ก(พร้อมกับหัวเราะ)
เราก็แบบ เฮ้ยยยย เขายิ้มคิดกับแบบนี้ตั้งแต่เด็กเลยหรอวะ ตอนเด็กชั้นแย่ขนาดนั้นเลยหรอ (เพิ่งรู้ตัว555555)
แล้วก็ชมพี่ต่อหน้าเรา ไปประกวดนางงามได้เลยนะ แล้วก็มองที่เราแสยะยิ้ม ส่วนเราก็...นางแบบก็ล่ะกันหน้าแปลกดี
.......ฉัน.......ต้อง.......ทำหน้ายังไง? //ยิ้มเจื่อน >> หัวเราะเจื่อน >> กลับห้องไปร้องไห้

  คำพูด สีหน้า และสายตาของพวกเขามันทำร้ายจิตใจเรามาตั้งแต่เด็กจนโต แผลมันลึกขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งเรามาอยู่หอ
ไม่ต้องเจอคนพวกนั้น คำพูดtoxic ส่อเสียดเรา สภาพจิตใจเราดีขึ้นมากจริงๆ ถึงจะยังไม่สุดก็ตาม เด็กมีปมอ่ะ
ด๊อนท์แคร์คำระคายหู ชั้นก็สวย หุ่นดี ผิวสีน้ำผึ้ง การเรียนก็โอเคย่ะหล่อน เหลือสิวนี่แหละโอ๊ยยยยยยยยยยยยยยยย (เรื่องนี้เซ็งมาก)
เรากลับไปร่าเริงกับที่บ้านมากขึ้น (ที่ทุกวันนี้เริ่มห้าวเป้งกับพ่อได้) มีความสุขที่ได้เจอหน้าทุกคน แม้จะยังโดนเหมือนเดิมบ้าง เพิ่มเติมคือสวยขึ้นนะ

  จนกระทั่งมีปาร์ตี้รวมญาติ ช่วงนี้ใกล้เรียนจบเหนื่อยเกิน ขี้เกียจแต่งหน้า ใส่เสื้อผ้าดิบเพ้นท์พู่กัน กับขาสั้นขาดๆซีดๆ พูดง่ายๆก็คือ โทรมนั่นแหละจ้า
ถ้างานแบบนี้คือเราจะเงียบมาก คนอื่นก็สนุกกันไป แต่ฉันผู้เข้าหาคนไม่เก่งก็นั่งเข้ามุมเงียบๆเหงาๆ
พอจะกลับแล้ว ผู้ใหญ่ที่เคารพท่านหนึ่ง ก็วิจารณ์เราว่า "เนี่ยยังดีที่หุ่นดี ไม่งั้นแย่แล้ว"

  "ไม่งั้นแย่แล้ว...." คำๆนี้ก้องอยู่ในหัวเราตลอดทางกลับบ้าน แอบแม่ร้องไห้ เสียงเครือๆก็บอกว่าเป็นหวัด (แล้วนางก็เชื่อ5555555)
เหมือนเรายังมูฟออนไม่สุดอ่ะ ยังไม่หายขาด มันทำให้ความมั่นใจของเรามันฮวบลงไปหมดเลย 
เราตั้งคำถามกับตัวเองว่า เราต้องพยายามขนาดไหนอ่ะ ให้พวกเขาหยุดพูดแบบนี้สักที!!!!
เขาชอบเปรียบเทียบหลานๆ เห็นเราไม่ค่อยพูด ไม่ว่าอะไร ก็มาลงที่เราตลอดเลย
เรื่องการเรียนถึงเราจะเก่งไม่เท่าพี่ แต่เราเชื่อว่าเราพัฒนามันได้อีกๆๆๆขึ้นเรื่อยๆไง
แต่เรื่องนี้คือแบบ ถ้าพูดแล้วมันไม่มีประโยชน์ก็เงียบๆไปก็มั้ยล่ะคะ เดี๋ยวนี้เขารณรงค์เรื่องคำพูดบูลลี่กันนะ สงสัยคนแก่เขาไม่รู้ว่ามันไม่ควรพูด

  เราไม่เคยบอกปัญหานี้กับที่บ้าน เพราะคิดว่าไม่มีประโยชน์หรอก เวลาเขาพูดก็พูดต่อหน้าแม่เรานั่นแหละ
แล้วแม่ก็สนใจแต่ประโยคที่เขาชมพี่ มองหน้าเราแล้วก็เออออหัวเราะตามไปด้วย โครตเจ็บเลยที่แม่ไม่เคยคิดถึงจิตใจเรา
ถ้าเราบอกแม่ แม่ต้องเอาไปเล่าให้พวกนั้นฟังแน่นอน 
ส่วนพ่อ เราไม่ค่อยได้เล่าอะไรให้พ่อฟัง เล่าแต่เรื่องตลก 55555555 นางเป็นคนเซ้นซิทีฟ ไม่อยากให้นางไม่สบายใจ

  เคยคิดอยู่นะว่า ที่เราไม่สบายใจแบบนี้ เพราะอิจฉาพี่หรือเปล่า? สวย เรียนดี หาเงินเก่ง
คำตอบคือ "ไม่เลย" เราชื่นชมในส่วนนี้ของพี่ พี่เป็นคนขยัน ฉลาด ป๊อปในหมู่เพื่อนเพราะนางเฟรนลี่ มันมาจากความพยายามของเขาจริงๆ
แต่ฉากหลังตอนกลับมาบ้าน คือ..... สกปรก ขี้เหวี่ยง ใช้เก่ง(ใช้แม่กับเรา) เลทเก่ง (แม่บอกให้มารับเรา นัดบ่าย มาห้าโมงเย็นเพราะเข้าฟิตเนส)
พ่อแม่สอนนี่ไม่ได้เลย หาว่าว่าตลอด(ยืมคำมาจากแม่)
มันเป็นเพราะ เราน้อยใจชีวิตตัวเองอ่ะ มันทำบัดซบกับเรา กับที่บ้านแค่ไหน แต่ทำไมภายนอกมันดูสวยงามจังเลย
พ่อแม่ชอบทะเลาะกับพี่แล้วมาบ่นให้ฟัง ทั้งโทรมาบ่นตอนอยู่หอ และตอนกลับบ้าน
บางทีพี่ก็จะโทรมาระบายให้เราฟังด้วยนะ

 เอาจริงๆ ปัญหาทางจิตใจของเราเนี่ย มาจากครอบครัวเป็นส่วนใหญ่เลย เรื่องญาติเหมือนมาตอกย้ำความเจ็บนม เอ๊ย เจ็บใจของเรา
ตอนเด็กเราติดแม่มาก ไปไหนมาไหนกับแม่ตลอด แม่เราเป็นคนประหยัดมาก เวลาเราอยากได้อะไรถ้าไม่ใช่ของกินก็ไม่ค่อยได้ซื้อ
ความเจ็บปวดของเรามันเริ่มมาจากตรงนี้แหละ เราไม่ได้...แต่พี่ได้

"หนูก็อยากได้อ่ะ แต่ทำไมแม่ซื้อให้พี่"
"เพราะพี่เขาโตแล้วไง เขาจำเป็นต้องใช้"
"แล้วถ้าหนูโตแม่จะซื้อให้หนูใช่มั้ย"
"..."

เราจำโมเม้นที่เต็มไปด้วยความน้อยใจนั้นได้ดี แล้วก็รู้คำตอบที่ตัวเองถามตอนนั้นแล้วด้วยนะ
5555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555
ตอนนี้เราพิมพ์ด้วยอารมณ์มากๆ เริ่มหนักหัวแล้วด้วย ขอเป็นบ้าคั่นอารมณ์ตัวเองหน่อยค่ะ ฮืออออออออออออออออออออ

ถึงแม้ตอนนี้พี่จะทำงานแล้ว บวกกับผ่อนคอนโดพี่หมด พ่อแม่เลยเบาตัวขึ้น เริ่มเปย์มาถึงเราแล้วบ้างก็เถอะ
แต่ความรู้สึกมันไม่เหมือนเดิมแล้ว เราไม่อยากได้อะไรจากพ่อแม่แล้ว ตอนนี้เราอยากรีบทำงานได้เงินเยอะๆ มีชีวิตเป็นของตัวเอง
ที่ผ่านมาเวลาที่บ้านมีปัญหาชั้นก็ต้องคอยทรีต ให้ความสุขทุกคนไม่ให้เครียด แบบสมมติพ่อแม่พี่ทะเลาะกัน 3 คนทีเดียว
เราก็ต้องค่อยๆปรับทุกข์ทีละคน คนละเวลางี้ แล้วฉันเล่าาาาาาาาาา??????? 
มีปัญหาไม่เคยได้พูดระบายให้ใครฟัง เพราะเราไม่เคยมีปัญหากับชีวิตเรื่องอื่นเลย นอกจากเรื่องในกระทู้นี้เท่านั้นแหละจ้า เลยระบายไม่ได้5555

เล่ามาตั้งยาว สรุป อีนี่ก็แค่เด็กมีปมด้อย ขี้อิจฉานี่หว่า อ่าวววววววววววววววว

  เรามีความคิดที่จบมาอยากไปเรียนภาษาที่ต่างประเทศ 
เพราะอยากลองไปต่างประเทศหาประสบการณ์ดูสักครั้งนึงก่อนทำงาน
พูดกับที่บ้านไว้สักพักแล้ว แต่คุณแม่ของเราไม่อนุมัติ เพราะมันแพง จะไปทำไม เรียนที่ไทยก็ได้นี่ (เออก็จริง เถียงไม่ได้อ่าาาา)
เลยขอแค่ไป work and travel ก็ยังดี จากนั้นเรื่องก็เงียบไป
พอเวลาต่อมา แม่เล่าให้ฟังว่าพี่อยากเรียนต่อโท ภาคอินเตอร์ หลายแสน แล้วพี่บอกว่าแฟนพี่ก็เรียนต่ออีกที่ แต่พ่อเขาออกให้เพราะเป็นเรื่องเรียน
แม่ก็คงต้องออกให้เหมือนกันแหละ .... ฉันก็บอกว่าแล้วแต่แม่เลยจ้า ตามสบายเลย
แต่ในใจก็คือ "แล้วกุล่ะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" อยู่ภายในใจเป็นหมื่นล้านคำ บอกให้เธอฟังไม่ได้สักคำ~~~~~~~~~
เจ็บปวดแบบไม่ให้พักกันเลยค่ะแม่ คิดบ้างไหมว่าตอนนี้เงินคุณพี่ตอนนี้เยอะกว่าคุณแม่แล้วนะ ไม่คิดไม่ว่า แต่แม่คิดถึงหนูบ้างมั้ยยยย

  จะถึงวันที่ต้องกลับบ้านอีกแล้ว แถมรอบนี้คุณพี่สร้างคุณงามความดีเชิดหน้าชูตาวงศ์ตระกูล
ที่ตัดสินใจตั้งกระทู้นี้ขึ้นมา เพราะความกลัวเข้าครอบงำ โดนอีกแล้วชั้น... ต้องเตรียมตัวปรับสีหน้า เตรียมคำพูด(ไม่คิดไม่เคยทัน)
นี่คิดจริงจังมากว่าเรียนจบจะไปทำงานตจว. ไม่ก็ดิ้นรนไปต่างประเทศให้ได้ 555555555
คิดหนีเก่งงงงงงงง แต่มีปัญญาไหมอีกเรื่องนึง เอาใจช่วยด้วยนะคะ

  เขียนถึงตอนนี้บอกเลยว่าโอเคขึ้นแล้ว โลกแค่ร้ายกับเรา เดี๋ยวจะลองร้ายกับโลกดูมั่ง ขอฝึกวิชาเตรียมจิตใจใหม่ก่อนนะ

  กระทู้นี้เล่าถึงชีวิตเราละเอียดยิบ ไม่ดัดแปลง ใส่สีเอาอรรถรสแต่อย่างใด
ถ้าคนรู้จักเราก็..... บอกด้วยว่าเห็นทู้นี้แล้วนะ เขิน อิอิ

  และฝากคนทุกคนที่เห็นข้อความนี้ค่ะว่า
อะไรที่'ควร' หรือ'ไม่ควรพูด' มันฝึกกันได้เนอะ ไม่ว่าจะอายุเท่าไรก็ตาม
เริ่มต้นจากการคิดถึง'ผู้ฟัง'ก่อนเลย ว่าเขาจะได้รับประโยชน์อะไรจากคำพูดของเราไหม
ถ้ามันไม่มีประโยชน์ก็... เงียบบ้างก็ได้จ้า
เพราะบางทีคำพูดธรรมดาของเรา อาจจะไปทำร้ายอีกฝ่ายโดยไม่รู้ตัว
อย่าไปคิดว่าเราสนิทกันจะตาย เขาไม่คิดมากหรอกน่า
เราไม่อยากให้ความสนิทมาทำลายคำว่า'ความเกรงใจ' เลย ยิ่งสนิทเราต้องยิ่งรักษาความสัมพันธ์นั้นไว้มั้ยอ่ะ
เราก็ไม่ใช่คนที่พูดจาดีไพเราะน่ารักอะไรหรอก อย่างที่บอกแหละของอย่างนี้มันฝึกกันได้ มาฝึกไปด้วยกันเนอะ
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  ปัญหาครอบครัว ปัญหาวัยรุ่น สุขภาพจิต
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่