๕. อุปปริกขสูตร
ว่าด้วยการพิจารณาโดยวิธีที่จิตไม่ฟุ้งซ่าน (ไม่ใช่ของเราเพียงอาศัยสิ่งปัจจัยปรุงแต่งของกรรมสังขาร)
{๒๗๔} [๙๔] แท้จริง พระสูตรนี้ พระผู้มีพระภาคตรัสไว้แล้ว พระสูตรนี้ พระอรหันต์
กล่าวไว้แล้ว เข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้
“ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุควรพิจารณาโดยประการที่วิญญาณ(จิต)ของตนไม่ฟุ้งซ่าน
ไม่ซัดส่ายไปในอารมณ์ภายนอก(ผัสสะ 5...มีรูปเป็นต้น)
ไม่ติดอยู่ภายใน (ใจ มีธรรมารมณ์.หรือการนึกคิดเป็นต้น) จึงไม่หวาดสะดุ้งเพราะไม่ยึดติดใน
อารมณ์ต่าง ๆ (อุปาทาน)
ภิกษุทั้งหลาย ครั้นวิญญาณไม่ฟุ้งซ่าน ไม่ซัดส่ายไปในอารมณ์ภายนอก ( นั้นย่อม*แปรปรวน*ชึ่งไปเป็นอย่างอื่นได้
ธาตุ6..วิญญาณชั่ว เช่นอากาศเป็นต้น)ไม่ติด
อยู่ภายใน (วิปัสสนูปกิเลส.. นิมิตต่างๆ เช่นหลงสุขเป็นต้น)
เมื่อภิกษุไม่หวาดสะดุ้ง เพราะไม่ยึดมั่นอารมณ์ต่าง ๆ เหตุแห่งทุกข์คือชาติ
และความเกิดทุกข์คือชราและมรณะ ก็จะเกิดมีไม่ได้อีกต่อไป”
พระผู้มีพระภาคได้ตรัสเนื้อความดังกล่าวมานี้แล้ว ในพระสูตรนั้น จึงตรัส
คาถาประพันธ์ดังนี้ว่า
ภิกษุละกิเลส(กรรม)เครื่องข้อง ๗ ประการ๑ ได้
ตัดตัณหาที่นำไปสู่ภพได้เด็ดขาด
มีสงสารคือชาติ ชรา มรณาฯหมดสิ้นแล้ว
ย่อมไม่มีภพใหม่
แม้เนื้อความนี้ พระผู้มีพระภาคก็ตรัสไว้แล้ว ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้แล
อุปปริกขสูตรที่ ๕ จบ
๑ กิเลสเครื่องข้อง ๗ ประการ คือ (๑) ตัณหา (๒) ทิฏฐิ (๓) มานะ (๔) โกธะ (๕) อวิชชา (๖) กิเลส
(๗) ทุจริต (ขุ.อิติ.อ. ๙๔/๓๔๐)
ว่าด้วยการพิจารณาโดยวิธีที่จิตไม่ฟุ้งซ่าน
ว่าด้วยการพิจารณาโดยวิธีที่จิตไม่ฟุ้งซ่าน (ไม่ใช่ของเราเพียงอาศัยสิ่งปัจจัยปรุงแต่งของกรรมสังขาร)
{๒๗๔} [๙๔] แท้จริง พระสูตรนี้ พระผู้มีพระภาคตรัสไว้แล้ว พระสูตรนี้ พระอรหันต์
กล่าวไว้แล้ว เข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้
“ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุควรพิจารณาโดยประการที่วิญญาณ(จิต)ของตนไม่ฟุ้งซ่าน
ไม่ซัดส่ายไปในอารมณ์ภายนอก(ผัสสะ 5...มีรูปเป็นต้น)
ไม่ติดอยู่ภายใน (ใจ มีธรรมารมณ์.หรือการนึกคิดเป็นต้น) จึงไม่หวาดสะดุ้งเพราะไม่ยึดติดใน
อารมณ์ต่าง ๆ (อุปาทาน)
ภิกษุทั้งหลาย ครั้นวิญญาณไม่ฟุ้งซ่าน ไม่ซัดส่ายไปในอารมณ์ภายนอก ( นั้นย่อม*แปรปรวน*ชึ่งไปเป็นอย่างอื่นได้
ธาตุ6..วิญญาณชั่ว เช่นอากาศเป็นต้น)ไม่ติด
อยู่ภายใน (วิปัสสนูปกิเลส.. นิมิตต่างๆ เช่นหลงสุขเป็นต้น)
เมื่อภิกษุไม่หวาดสะดุ้ง เพราะไม่ยึดมั่นอารมณ์ต่าง ๆ เหตุแห่งทุกข์คือชาติ
และความเกิดทุกข์คือชราและมรณะ ก็จะเกิดมีไม่ได้อีกต่อไป”
พระผู้มีพระภาคได้ตรัสเนื้อความดังกล่าวมานี้แล้ว ในพระสูตรนั้น จึงตรัส
คาถาประพันธ์ดังนี้ว่า
ภิกษุละกิเลส(กรรม)เครื่องข้อง ๗ ประการ๑ ได้
ตัดตัณหาที่นำไปสู่ภพได้เด็ดขาด
มีสงสารคือชาติ ชรา มรณาฯหมดสิ้นแล้ว
ย่อมไม่มีภพใหม่
แม้เนื้อความนี้ พระผู้มีพระภาคก็ตรัสไว้แล้ว ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้แล
อุปปริกขสูตรที่ ๕ จบ
๑ กิเลสเครื่องข้อง ๗ ประการ คือ (๑) ตัณหา (๒) ทิฏฐิ (๓) มานะ (๔) โกธะ (๕) อวิชชา (๖) กิเลส
(๗) ทุจริต (ขุ.อิติ.อ. ๙๔/๓๔๐)