สวัสดีค่ะ จะขอรีวิวการไปเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรกในชีวิตซึ่งมีโอกาสได้ไปในช่วงตุลาคมปีที่แล้วนะคะ ถือโอกาสแชร์ข้อมูลเผื่อมีใครสนใจเส้นทางค่ะ
รายละเอียดต่างๆและรูปถ่ายอาจจะได้ไม่ค่อยละเอียดมากนะคะเนื่องจากตอนแรกไม่ได้คิดถึงว่าจะตั้งกระทู้รีวิวค่ะ
เมื่อกลางเดือนกุมภาพันธ์ 2018 มีโปรตั๋วเครื่องบิน กรุงเทพ - นาริตะ รวมน้ำหนัก 20 kg ออกมาในราคา 15,485 บาท เลยถือโอกาสได้ไปเที่ยวญี่ปุ่น ซึ่งลงตัวได้วันที่ 11-22 ตุลาคม 2018 รวม 12 วัน 10 คืนค่ะ
(หลังจากนั้นสองสามเดือนการบินไทยหักหลังมีโปร กรุงเทพ - นาริตะ รวมน้ำหนัก 30 kg ออกมาในราคา 16000 นิดๆ รู้สึกเสียดายที่รีบจองค่ะ T__T )
แผนการเที่ยวคร่าวๆจะตามนี้นะคะ
11 Oct -- BKK -> NRT บิน 22.10 ถึงโตเกียว 06.20
12 Oct -- NRT-> Aomori อยู่ในเมือง Aomori, A-factory
13 Oct -- Hakkoda Ropeway, Jokukura Bridge, Jigokanuma pond, Towada Lake, Orirase Gorge
14 Oct – Aomori ->Morioka
15 Oct – Morioka -> Nyuto Onsen แวะเที่ยว Tazawako Lake
16 Oct – Nyuto Onsen -> Sendai แวะเที่ยว Samurai District ที่ Kakunodate
17 Oct – Naruko Gorge, Zao Echo Line, Okama Crater
18 Oct – Nikko
19 Oct – Sendai -> Tokyo
20 Oct – Gotemba Outlets
21 Oct – Tsukiji Fish Market, Ginza, Asakusa temple
22 Oct – BKK -> NRT
ช่วงที่ไปจะเป็นต้นเดือนตุลาคม ซึ่งโซนโทโฮคุใบไม้จะยังไม่เปลี่ยนสีมาก ซึ่งปี 2018 เป็นปีที่รู้สึกว่าใบไม้แดงช้ากว่าปีเฉลี่ยเล็กน้อยด้วย
วิวที่ได้เลยยังไม่เปลี่ยนสีในหลายๆจุดค่ะ
การเดินทาง
ใช้ JR East Pass (Tohoku area) เดินทางไม่จำกัด 5 วันใน 14 วัน และ มีเช่ารถขับ 2 วัน ซึ่งการเช่ารถจำเป็นต้องใช้ใบอนุญาตขับขี่ระหว่างประเทศ
ตอนรับรถค่ะ เวลาจะดูรอบรถไฟชินคังเซนหรือ subway จะดูใน Google maps เอาค่ะ
สภาพอากาศ
อยู่ที่ประมาณ 10 ต้นๆองศาค่ะ แต่หากขึ้นไปบนยอดเขาก็จะเป็นเลขตัวเดียว ต่ำสุดประมาณ 2 องศาค่ะ
Day 1 : 11 Oct
จองไฟล์ทเที่ยวบิน 22.10 เวลา Boarding time 21.40 ซึ่งมีความกังวลกลัวว่าจะไม่ได้อาบน้ำจึงใช้บริการ Miracle Lounge Concourse D ที่สนามบินสุวรรณภูมิค่ะ ตอนเข้าเสียเงินเพิ่มใช้ส่วนลดAIS เหลือคนละ 800 บาทค่ะ ด้านในมีอาหารคาว เครื่องดื่ม และห้องอาบน้ำ แปรงฟัน จำได้ว่ามีผ้าขนหนูและเครื่องใช้เช่น สบู่ แชมพู แปรงสีฟันให้นะคะ
Day 2 : 12 Oct
เช้านี้ถึงนาริตะตั้งแต่หกโมงเช้าเลยค่ะ ซึ่งก่อนลงจากเครื่องประมาณ 1 ชั่วโมง บนไฟล์ทมีบริการอาหารเช้าให้ค่ะ แต่ทานไม่ค่อยลง เนื่องจากเป็นเวลาตีสามของไทยค่ะ พอลงจากเครื่องเราก็ไป activate ตั๋วที่ JR Travel Center และ bookig ที่นั่ง Shinkanzen ไป Aomori ในสนามบินค่ะ ตอนเช้าคนยังไม่เยอะค่ะ ประมาณสิบนาทีก็เสร็จเรียบร้อย เราจึงนั่ง JR Narita Express ไปลงที่โตเกียวเพื่อไปนั่ง Shinkanzen ซึ่งจะไปอาโอโมริ
โดยชินคังเซนที่ไปคือ SHINKANSEN HAYABUSA ซึ่งจะมีรถ 2 ขบวนติดกัน ขบวนสีแดงคือ Komachi ส่วนสีเขียวคือHayabusa ทั้ง 2 ขบวนนี้จะวิ่งพ่วงกันไปจนถึงแค่ Morioka และหลังจากนั้นจะแยกกันไปโดยขบวน Komachi จะวิ่งต่อไปที่ปลายทางจังหวัด Akita
ส่วน Hayabusa จะวิ่งต่อไป Aomori ค่ะ ซึ่งตอนจองเราระบุว่าไปอาโอโมริ หากนั่งที่นั่งตามที่ได้จองมาจะไม่หลงไป Akita แน่นอนค่ะ
โดยรถไฟชินคังเซนจะไปได้ถึงแค่สถานี Shin-Aomori เท่านั้น และเราต้องต่อรถไฟสาย JR Ou Line เพื่อไปลงสถานี Aomori แค่ 1 สถานีเท่านั้นค่ะ
ช่วงหลังจากผ่านเมือง Sendai ไปแล้วคนจะเริ่มน้อยลงค่ะ จนสุดทางลงที่ Shin-Aomori นี้ครองโบกี้นี้เลยค่ะ
ระยะเวลาที่นั่งชินคังเซนจนถึงสถานี Aomori ใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมงค่ะ นั่งมองวิวหลับตื่นขึ้นมายังไม่ถึงเลยค่ะ 555
หลังจากที่เราถึงสนานีกันเมฆฝนลอยครึ้มมาเลยค่ะ
วันนี้เราพักกันที่ Hyper Hotel Passage จองแบบรวมอาหารเช้าไป พอเช็คอินเรียบร้อยเก็บสัมภาระ เราออกไปเดินเล่นในเมืองอาโอโมริ เป็นเมืองที่ค่อนข้างเงียบ ผู้คนน้อย ร้านอาหารยังไม่เปิดหลายร้านเข้าใจว่าอาจจะเปิดเป็นช่วงเวลาค่ะ เราจึงหาอะไรทานมื้อแรกแถวๆสนานีรถไฟค่ะ
หลังจากนั้นฝนก็ตกลงมา จึงแวะซื้อขนมทานเล่นและของฝากอาโอโมริที่ A Factory กันค่ะที่นี่มีสินค้าจากแอปเปิ้ลให้เลือกหลายอย่างเลยค่ะ
มีโอกาสได้ลองทานน้ำแอปเปิ้ล อร่อยมาก หากใครได้ไปแนะนำเลยค่ะ
มื้อเย็นเราได้ลองทานร้านหอยเชลล์กันค่ะ อ่านรีวิวมาว่าเป็นร้านที่คนค่อนข้างเยอะ ต่อคิวอยู่ประมาณครึ่งชั่วโมงถึงได้ที่นั่งค่ะ
หลังจากทานแล้วรสชาติโอเค แต่ไม่ถึงกับว้าวมาก อาจจะไม่ค่อยชอบแนวนี้เท่าไหร่นักค่ะ
คืนนี้เราเข้านอนกันไวเนื่องจากเพลียจากการเดินทางและพรุ่งนี้เช้าต้องตื่นเช้าไปขึ้น Hakkoda Ropewayกันแต่เช้าค่ะ
ปิดท้ายด้วยรูป A Factory วิวตอนกลางคืนนะคะ
[CR] ท่องเที่ยว TOHOKU 11-22 Oct 2018 Autumn ใบไม้เปลี่ยนสี
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้