ก็เป็นอันว่าตลาดการเสริมทัพในลีกใหญ่ๆ ของทวีปยุโรปปิดตัวลงไปกันหมดแล้ว หลังจากที่ของทั้ง บุนเดสลีกา เยอรมัน, ลา ลีกา สเปน, กัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี และ ลีก เอิง ฝรั่งเศส เพิ่งปิดทำการไปเมื่อวันจันทร์ที่ 2 กันยายน ที่ผ่านมา ส่วนของ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ปิดตัวไปตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ 8 สิงหาคม ที่ผ่านมา
ถึงแม้นักเตะอย่าง เนย์มาร์ กองหน้าคนดังของ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง จะไม่ได้ย้ายไปไหน แต่มันก็ยังมีดีลที่น่าสนใจอื่นๆ อีกหลายดีล อย่างเช่น เอแด็น อาซาร์ ที่ย้ายไปอยู่กับ เรอัล มาดริด, บาร์เซโลน่า ที่คว้าตัว อ็องตวน กรีซมันน์ ไปเสริมแกร่ง, ยูเวนตุส ที่เซ็นสัญญากับ มาต์ไตส์ เดอ ลิกต์, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ได้ทั้ง แฮร์รี่ แม็กไกวร์ และ อารอน วาน-บิสซาก้า เป็นต้น
ทั้งนี้ วันนี้เราจะมาสรุปกันว่าในตลาดการเสริมทัพช่วงซัมเมอร์นี้นั้น ทีมไหนที่ควักกระเป๋าไปกับการช็อปพ่อค้าแข้งมากที่สุด 5 อันดับแรก โดยเราจะนับจากค่าตัวรวมไปเลย ไม่ใช่วัดจากเงื่อนไขการแบ่งจ่ายที่อาจจะอยู่ในสัญญาจริงๆ
5. อินเตอร์ มิลาน : 170 ล้านยูโร (ประมาณ 5,780 ล้านบาท)
การได้อันดับ 4 ในศึก กัลโช่ เซเรีย อา เมื่อฤดูกาลก่อน ยังถือว่าไม่ใช่ผลงานที่น่าพึงพอใจสำหรับบอร์ดบริหารของ อินเตอร์ ที่ต้องการให้ทีมกลับไปครองความยิ่งใหญ่อีกครั้ง การแต่งตั้ง อันโตนิโอ คอนเต้ เข้ามาเป็นเทรนเนอร์ของทีมคือหนึ่งในสิ่งที่สื่อถึงเป้าหมายของพวกเขาได้เป็นอย่างดี
นอกจากจะดึง คอนเต้ เข้ามาคุมทีมแล้วนั้น อินเตอร์ ยังทุ่มเงินเสริมทัพก้อนโตเหมือนกัน โดยแน่นอนว่าดีลที่เด่นที่สุดคงหนีไม่พ้น โรเมลู ลูกากู ที่พวกเขาดึงมาจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ด้วยค่าตัวที่เชื่อกันว่าอยู่ที่ 80 ล้านยูโร (ประมาณ 2,720 ล้านบาท) ขณะเดียวกันพวกเขายังเอา วาเลนติโน่ ลาซาโร่ กับ มัตเตโอ โปลิตาโน่ มาร่วมทีมด้วยค่าตัว 22 ล้านยูโร (ประมาณ 748 ล้านบาท) กับ 20 ล้านยูโร (ประมาณ 680 ล้านบาท) ตามลำดับเช่นกัน ส่วนรายของ อเล็กซิส ซานเชซ พวกเขาไม่ต้องเสียค่าตัว เพราะแค่ยืมมาจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
4. ยูเวนตุส : 192 ล้านยูโร (ประมาณ 6,528 ล้านบาท)
ถึงแม้ซีซั่นก่อนจะได้แชมป์ลีกเป็นสมัยที่ 8 ติดต่อกัน แต่มันก็ไม่สามารถชดเชยความผิดหวังของเหล่าสาวก ยูเวนตุส ได้มากนัก จากการที่ทีมรักของพวกเขาจอดป้ายเพียงรอบก่อนรองชนะเลิศในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก จนทำให้ ยูเวนตุส ยังต้องรอคอยแชมป์ แชมเปี้ยนส์ ลีก สมัยที่ 3 ต่อไป หลังจากครั้งล่าสุดที่พวกเขาได้เชยชมกับถ้วย "บิ๊กเอียร์" ต้องย้อนไปถึงฤดูกาล 1995-96
ด้วยเหตุนี้ ยูเวนตุส จึงยังทุ่มเงินช็อปอย่างต่อเนื่อง โดยคนที่ย้ายเข้ามาอยู่กับทีมด้วยค่าตัวแพงที่สุดในช่วงซัมเมอร์นี้ก็คือ เดอ ลิกต์ ที่ทำให้ ยูเวนตุส ต้องถอนเงินจากบัญชีมาใช้ถึง 75 ล้านยูโร (ประมาณ 2,550 ล้านบาท) ขณะที่คนอื่นๆ ที่น่าสนใจก็มีอย่าง ดานิโล่ ดาวเตะจาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่เข้ามาอยู่กับทีมด้วยค่าตัว 37 ล้านยูโร (ประมาณ 1,258 ล้านบาท) และ คริสเตียน โรเมโร่ ที่มีค่าตัว 30 ล้านยูโร (ประมาณ 1,020 ล้านบาท)
นอกจากนี้ ยูเวนตุส ก็ยังคงโชว์ความยอดเยี่ยมในการเซ็นสัญญากับนักเตะแบบไร้ค่าตัวได้อีกครั้ง เพราะซัมเมอร์นี้แข้งที่พวกเขาได้มาร่วมทัพแบบฟรีๆ ก็มีทั้ง อารอน แรมซี่ย์, อาเดรียง ราบิโอต์ และ จานลุยจิ บุฟฟ่อน
3. แอตเลติโก มาดริด : 247 ล้านยูโร (ประมาณ 8,398 ล้านบาท)
แอต. มาดริด เสียแข้งกำลังสำคัญไปเยอะพอตัว อย่างเช่น กรีซมันน์, ลูก้าส์ แอร์กน็องเดซ, โรดรี้ และ ดีเอโก้ โกดิน เป็นต้น จนมันทำให้บางคนมองว่าพวกเขาอาจจะไม่สามารถต่อกรกับ บาร์เซโลน่า และ เรอัล อย่างสูสีในระดับหนึ่งเหมือนช่วงหลายฤดูกาลที่ผ่านมาได้
ถึงกระนั้น "ตราหมี" ก็ไม่ได้ปล่อยนักเตะออกไปอย่างเดียว พวกเขาทำการเสริมทัพอย่างหนักเพื่อที่จะได้สามารถต่อสู้กับ บาร์เซโลน่า และ เรอัล ได้ต่อไป โดยดีลที่น่าฮือฮามากที่สุดก็คือการทุ่มเงิน 126 ล้านยูโร (ประมาณ 4,284 ล้านบาท) เพื่อเป็นค่าตัวของ ชูเอา เฟลิกซ์ นั่นเอง ขณะที่นักเตะอย่าง มาร์กอส ยอเรนเต้ ที่มีค่าตัว 40 ล้านยูโร (ประมาณ 1,360 ล้านบาท) กับ คีแรน ทริปเปียร์ ที่ย้ายมาจาก สเปอร์ส ด้วยค่าตัว 22 ล้านยูโร (ประมาณ 748 ล้านบาท) ก็น่าจะเป็นการเสริมทัพที่ดีเหมือนกัน
2. บาร์เซโลน่า : 255 ล้านยูโร (ประมาณ 9,180 ล้านบาท)
2014-15 คือครั้งล่าสุดที่ บาร์เซโลน่า ได้แชมป์ แชมเปี้ยนส์ ลีก ไปครอง ซึ่งสำหรับสโมสรอย่าง "อาซูลกราน่า" แล้วนั้น มันถือว่าเป็นการรอคอยที่นานเกินไป และที่จริงฤดูกาลก่อนพวกเขาก็เกือบจะไปถึงฝั่งฝันแล้ว แต่ก็ต้องมาตกรอบรองชนะเลิศด้วยฝีมือของ ลิเวอร์พูล
แน่นอนว่าทีมของกุนซือ เอร์เนสโต้ บัลเบร์เด้ หมายมั่นปั้นมือที่จะลบล้างความผิดหวังนั้นให้ได้ จำนวนเงินที่ใช้ไปกับการเสริมทัพหนนี้คือสิ่งที่สื่อถึงเรื่องนั้นได้ดีกว่าอะไรทั้งหมด โดยคนที่ย้ายมาอยู่กับทีมด้วยค่าตัวแพงที่สุดในช่วงซัมเมอร์นี้คือ กรีซมันน์ ที่ราคา 120 ล้านยูโร (ประมาณ 4,080 ล้านบาท) แต่เงินตรงนี้ก็อาจจะพุ่งสูงไปเป็น 200 ล้านยูโร (ประมาณ 6,800 ล้านบาท) ได้ ถ้าหาก แอต. มาดริด ประสบความสำเร็จในการฟ้องร้อง จากการที่อ้างว่า บาร์เซโลน่า แอบเจรจากับ กรีซมันน์ ตั้งนานแล้ว
นอกจาก กรีซมันน์ แล้วนั้น เฟรงกี้ เดอ ยอง กองกลางชาวดัตช์ก็เป็นอีกคนที่ บาร์เซโลน่า ยอมควักเงินก้อนโตเพื่อดึงเขามาร่วมทีม หลังจากค่าตัวของเขาอยู่ที่ 75 ล้านยูโร (ประมาณ 2,550 ล้านบาท)
1. เรอัล มาดริด : 305 ล้านยูโร (ประมาณ 10,370 ล้านบาท)
ไม่มีใครกล้าปฏิเสธว่าฤดูกาล 2018-19 คือซีซั่นที่น่าผิดหวังอย่างมากของ เรอัล มาดริด พวกเขาได้เพียงอันดับ 3 ในลีก โดยที่มีแต้มห่างจากแชมป์อย่าง บาร์เซโลน่า 19 คะแนน, ตกรอบ 16 ทีมสุดท้ายของ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และไปถึงเพียงรอบรองชนะเลิศของ โกปา เดล เรย์
ด้วยเหตุนี้ "ราชันชุดขาว" จึงพยายามสร้าง กาลาคติกอส ยุคใหม่ขึ้นมา และภารกิจดังกล่าวจึงต้องแลกมากับจำนวนเงินที่มโหฬาร โดยคนที่ย้ายมาอยู่กับทีมด้วยค่าตัวแพงที่สุดในช่วงซัมเมอร์นี้คือ เอแด็น อาซาร์ ด้วยค่าตัว 100 ล้านยูโร (ประมาณ 3,400 ล้านบาท) ขณะเดียกวันก็ยังมีนักเตะอย่าง ลูก้า โยวิช กับ เอแดร์ มิลิเตา ที่มีค่าตัว 60 ล้านยูโร (ประมาณ 2,040 ล้านบาท) กับ 50 ล้านยูโร (ประมาณ 1,700 ล้านบาท) ตามลำดับเช่นกัน
credit : www.siamsport.co.th
ช็อปกันกระจาย! 5 อันดับทีมดังยุโรปใช้เงินเสริมทัพมากสุดซัมเมอร์นี้
ถึงแม้นักเตะอย่าง เนย์มาร์ กองหน้าคนดังของ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง จะไม่ได้ย้ายไปไหน แต่มันก็ยังมีดีลที่น่าสนใจอื่นๆ อีกหลายดีล อย่างเช่น เอแด็น อาซาร์ ที่ย้ายไปอยู่กับ เรอัล มาดริด, บาร์เซโลน่า ที่คว้าตัว อ็องตวน กรีซมันน์ ไปเสริมแกร่ง, ยูเวนตุส ที่เซ็นสัญญากับ มาต์ไตส์ เดอ ลิกต์, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ได้ทั้ง แฮร์รี่ แม็กไกวร์ และ อารอน วาน-บิสซาก้า เป็นต้น
ทั้งนี้ วันนี้เราจะมาสรุปกันว่าในตลาดการเสริมทัพช่วงซัมเมอร์นี้นั้น ทีมไหนที่ควักกระเป๋าไปกับการช็อปพ่อค้าแข้งมากที่สุด 5 อันดับแรก โดยเราจะนับจากค่าตัวรวมไปเลย ไม่ใช่วัดจากเงื่อนไขการแบ่งจ่ายที่อาจจะอยู่ในสัญญาจริงๆ
5. อินเตอร์ มิลาน : 170 ล้านยูโร (ประมาณ 5,780 ล้านบาท)
การได้อันดับ 4 ในศึก กัลโช่ เซเรีย อา เมื่อฤดูกาลก่อน ยังถือว่าไม่ใช่ผลงานที่น่าพึงพอใจสำหรับบอร์ดบริหารของ อินเตอร์ ที่ต้องการให้ทีมกลับไปครองความยิ่งใหญ่อีกครั้ง การแต่งตั้ง อันโตนิโอ คอนเต้ เข้ามาเป็นเทรนเนอร์ของทีมคือหนึ่งในสิ่งที่สื่อถึงเป้าหมายของพวกเขาได้เป็นอย่างดี
นอกจากจะดึง คอนเต้ เข้ามาคุมทีมแล้วนั้น อินเตอร์ ยังทุ่มเงินเสริมทัพก้อนโตเหมือนกัน โดยแน่นอนว่าดีลที่เด่นที่สุดคงหนีไม่พ้น โรเมลู ลูกากู ที่พวกเขาดึงมาจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ด้วยค่าตัวที่เชื่อกันว่าอยู่ที่ 80 ล้านยูโร (ประมาณ 2,720 ล้านบาท) ขณะเดียวกันพวกเขายังเอา วาเลนติโน่ ลาซาโร่ กับ มัตเตโอ โปลิตาโน่ มาร่วมทีมด้วยค่าตัว 22 ล้านยูโร (ประมาณ 748 ล้านบาท) กับ 20 ล้านยูโร (ประมาณ 680 ล้านบาท) ตามลำดับเช่นกัน ส่วนรายของ อเล็กซิส ซานเชซ พวกเขาไม่ต้องเสียค่าตัว เพราะแค่ยืมมาจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
4. ยูเวนตุส : 192 ล้านยูโร (ประมาณ 6,528 ล้านบาท)
ถึงแม้ซีซั่นก่อนจะได้แชมป์ลีกเป็นสมัยที่ 8 ติดต่อกัน แต่มันก็ไม่สามารถชดเชยความผิดหวังของเหล่าสาวก ยูเวนตุส ได้มากนัก จากการที่ทีมรักของพวกเขาจอดป้ายเพียงรอบก่อนรองชนะเลิศในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก จนทำให้ ยูเวนตุส ยังต้องรอคอยแชมป์ แชมเปี้ยนส์ ลีก สมัยที่ 3 ต่อไป หลังจากครั้งล่าสุดที่พวกเขาได้เชยชมกับถ้วย "บิ๊กเอียร์" ต้องย้อนไปถึงฤดูกาล 1995-96
ด้วยเหตุนี้ ยูเวนตุส จึงยังทุ่มเงินช็อปอย่างต่อเนื่อง โดยคนที่ย้ายเข้ามาอยู่กับทีมด้วยค่าตัวแพงที่สุดในช่วงซัมเมอร์นี้ก็คือ เดอ ลิกต์ ที่ทำให้ ยูเวนตุส ต้องถอนเงินจากบัญชีมาใช้ถึง 75 ล้านยูโร (ประมาณ 2,550 ล้านบาท) ขณะที่คนอื่นๆ ที่น่าสนใจก็มีอย่าง ดานิโล่ ดาวเตะจาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่เข้ามาอยู่กับทีมด้วยค่าตัว 37 ล้านยูโร (ประมาณ 1,258 ล้านบาท) และ คริสเตียน โรเมโร่ ที่มีค่าตัว 30 ล้านยูโร (ประมาณ 1,020 ล้านบาท)
นอกจากนี้ ยูเวนตุส ก็ยังคงโชว์ความยอดเยี่ยมในการเซ็นสัญญากับนักเตะแบบไร้ค่าตัวได้อีกครั้ง เพราะซัมเมอร์นี้แข้งที่พวกเขาได้มาร่วมทัพแบบฟรีๆ ก็มีทั้ง อารอน แรมซี่ย์, อาเดรียง ราบิโอต์ และ จานลุยจิ บุฟฟ่อน
3. แอตเลติโก มาดริด : 247 ล้านยูโร (ประมาณ 8,398 ล้านบาท)
แอต. มาดริด เสียแข้งกำลังสำคัญไปเยอะพอตัว อย่างเช่น กรีซมันน์, ลูก้าส์ แอร์กน็องเดซ, โรดรี้ และ ดีเอโก้ โกดิน เป็นต้น จนมันทำให้บางคนมองว่าพวกเขาอาจจะไม่สามารถต่อกรกับ บาร์เซโลน่า และ เรอัล อย่างสูสีในระดับหนึ่งเหมือนช่วงหลายฤดูกาลที่ผ่านมาได้
ถึงกระนั้น "ตราหมี" ก็ไม่ได้ปล่อยนักเตะออกไปอย่างเดียว พวกเขาทำการเสริมทัพอย่างหนักเพื่อที่จะได้สามารถต่อสู้กับ บาร์เซโลน่า และ เรอัล ได้ต่อไป โดยดีลที่น่าฮือฮามากที่สุดก็คือการทุ่มเงิน 126 ล้านยูโร (ประมาณ 4,284 ล้านบาท) เพื่อเป็นค่าตัวของ ชูเอา เฟลิกซ์ นั่นเอง ขณะที่นักเตะอย่าง มาร์กอส ยอเรนเต้ ที่มีค่าตัว 40 ล้านยูโร (ประมาณ 1,360 ล้านบาท) กับ คีแรน ทริปเปียร์ ที่ย้ายมาจาก สเปอร์ส ด้วยค่าตัว 22 ล้านยูโร (ประมาณ 748 ล้านบาท) ก็น่าจะเป็นการเสริมทัพที่ดีเหมือนกัน
2. บาร์เซโลน่า : 255 ล้านยูโร (ประมาณ 9,180 ล้านบาท)
2014-15 คือครั้งล่าสุดที่ บาร์เซโลน่า ได้แชมป์ แชมเปี้ยนส์ ลีก ไปครอง ซึ่งสำหรับสโมสรอย่าง "อาซูลกราน่า" แล้วนั้น มันถือว่าเป็นการรอคอยที่นานเกินไป และที่จริงฤดูกาลก่อนพวกเขาก็เกือบจะไปถึงฝั่งฝันแล้ว แต่ก็ต้องมาตกรอบรองชนะเลิศด้วยฝีมือของ ลิเวอร์พูล
แน่นอนว่าทีมของกุนซือ เอร์เนสโต้ บัลเบร์เด้ หมายมั่นปั้นมือที่จะลบล้างความผิดหวังนั้นให้ได้ จำนวนเงินที่ใช้ไปกับการเสริมทัพหนนี้คือสิ่งที่สื่อถึงเรื่องนั้นได้ดีกว่าอะไรทั้งหมด โดยคนที่ย้ายมาอยู่กับทีมด้วยค่าตัวแพงที่สุดในช่วงซัมเมอร์นี้คือ กรีซมันน์ ที่ราคา 120 ล้านยูโร (ประมาณ 4,080 ล้านบาท) แต่เงินตรงนี้ก็อาจจะพุ่งสูงไปเป็น 200 ล้านยูโร (ประมาณ 6,800 ล้านบาท) ได้ ถ้าหาก แอต. มาดริด ประสบความสำเร็จในการฟ้องร้อง จากการที่อ้างว่า บาร์เซโลน่า แอบเจรจากับ กรีซมันน์ ตั้งนานแล้ว
นอกจาก กรีซมันน์ แล้วนั้น เฟรงกี้ เดอ ยอง กองกลางชาวดัตช์ก็เป็นอีกคนที่ บาร์เซโลน่า ยอมควักเงินก้อนโตเพื่อดึงเขามาร่วมทีม หลังจากค่าตัวของเขาอยู่ที่ 75 ล้านยูโร (ประมาณ 2,550 ล้านบาท)
1. เรอัล มาดริด : 305 ล้านยูโร (ประมาณ 10,370 ล้านบาท)
ไม่มีใครกล้าปฏิเสธว่าฤดูกาล 2018-19 คือซีซั่นที่น่าผิดหวังอย่างมากของ เรอัล มาดริด พวกเขาได้เพียงอันดับ 3 ในลีก โดยที่มีแต้มห่างจากแชมป์อย่าง บาร์เซโลน่า 19 คะแนน, ตกรอบ 16 ทีมสุดท้ายของ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และไปถึงเพียงรอบรองชนะเลิศของ โกปา เดล เรย์
ด้วยเหตุนี้ "ราชันชุดขาว" จึงพยายามสร้าง กาลาคติกอส ยุคใหม่ขึ้นมา และภารกิจดังกล่าวจึงต้องแลกมากับจำนวนเงินที่มโหฬาร โดยคนที่ย้ายมาอยู่กับทีมด้วยค่าตัวแพงที่สุดในช่วงซัมเมอร์นี้คือ เอแด็น อาซาร์ ด้วยค่าตัว 100 ล้านยูโร (ประมาณ 3,400 ล้านบาท) ขณะเดียกวันก็ยังมีนักเตะอย่าง ลูก้า โยวิช กับ เอแดร์ มิลิเตา ที่มีค่าตัว 60 ล้านยูโร (ประมาณ 2,040 ล้านบาท) กับ 50 ล้านยูโร (ประมาณ 1,700 ล้านบาท) ตามลำดับเช่นกัน
credit : www.siamsport.co.th