มันเป็นความพอเหมาะพอเจาะจริงๆ เมื่อคุณนัทเจ้าของแบรนด์ Siam1928 ชวนมาดมน้ำหอม 2 กลิ่นใหม่ที่มีแรงบันดาลใจมาจาก 2 สิ่งที่เรารัก
พระจันทร์และดอกบัวหลวง 2 สิ่งนี้สะท้านสะเทือนจิตใจเราเสมอมา เราถึงได้ตามเก็บน้ำหอมที่เกี่ยวกับพระจันทร์ และปลาบปลื้มใจในกลิ่นแสนสะอาดของบัวหลวง
แล้วเนี่ย 2 กลิ่นนี้สะท้อนอารมณ์ของพระจันทร์วันเพ็ญ กับ คืนเดือนดับ แล้วจะไม่ให้เราสนใจตั้งแต่แรกชวนได้อย่างไร
เรามาชื่นชม ดมกลิ่นในจินตนาการไปพร้อมกันนะคะ
เริ่มที่ขวดก่อน...ดูขวดสิ มีทั้งความคอนเทมฯ ความไทย และความคราฟต์อยู่ในตัว
เนื้อขวดเป็นเกรด China Bone เคลือบเสียนวลมือ เราว่าเหมือนขวดยานัตถ์ที่ตอนนี้เขานิยมหาของวินเทจมาสะสมกัน
ขออวดอีกนิดว่าใช้ทอง 14K ในการทำตราประทับนะคะ ไม่หลุกลอกง่ายๆ ตัวขวดจะมีทรงงามเป็นเอกลักษณ์เฉพาะเพราะเป็นงานเผามือ ทำในไทยเรานี่เอง เข้าขนบของความงามบนคงามไม่สมบูรณ์แบบ หรือ "วาบิซาบิ" พอดี
แต่กระซิบว่าขนาดบรรจุยังไงก็เท่ากัน 60 ml ทุกขวดแน่นอน
งานกล่องก็เนี้ยบงดงาม เพราะใช้โรงงานของคนรู้จักจึงคุมคุณภาพได้ดี และประหยัดต้นทุนลงไปได้มาก
กล่องดีไม่ขี้ริ้วขี้เหร่ ซื้อใช้เอง หรือใช้เป็นของขวัญก็ไม่น้อยหน้าใครค่ะ
สุคนธกรของเราเจ้าบทเจ้ากลอนใช่ย่อย เพราะแต่งกลอนเปล่าบรรยายความงาม ที่มาและที่ไปของแต่ละกลิ่นไว้ด้วยที่กล่อง สมกับที่เป็นทายาทเครื่องหอมไทยอย่างน้ำอบปรงเจ้าคุณ
แต่ขอบอกไว้ก่อนนะคะ ว่ากลิ่นไม่ไท๊ยไทยแน่นอนค่ะ
กลิ่นแรก กลิ่นที่เราไม่ตั้งใจจะรัก แต่ไม่น่าเชื่อว่านางพลิกโผทำให้เราตกหลุมได้คือ "รัสวิกา"
เป็นกลิ่นที่ตีความถึงคืนวันเดือนดับ ฟ้าพร่างทางช้างเผือก ที่เหล่ากินรีลงมาเล่นน้ำในสระอโนดาต กลิ่นออกโทน Floral Spice ที่โก๋สามารถการันตีได้ว่าตั้งแต่ใช้น้ำหอมมา กลิ่นโทนนี้ยังไม่เคยเจอใครทำคล้าย
กลิ่นทั้งเผ็ดร้อนและเย้ายวน ถ้าเป็นผู้หญิงคือผมรวบตึง ชุดลาเท็กซ์รัดรูป เดินสับส้นเข้มมาแต่ไกล
เพราะเผ็ดร้อนแปร่งปร่าซ่าจมูกด้วยพริกไทชมพูและเหง้าไอริสเผ็ดแห้ง
แต่อย่ากลัวไปเพราะวิปแรกยังคงเอกลักษณ์ของบ้านนี้คือกลิ่นเย็นชื่นของพิมเสนสีชมพูอย่างดี กลิ่นเผ็ดและเย็นจึงขัดแย้งกันอย่างน่าสนใจ
ดังนั้นในแว๊บแรกกลิ่นเย็นโล่งจึงปะทะจมูกก่อน แล้วค่อยกล่อมให้หวานด้วยดอกไม้นานาพรรณ เราว่าเป็นได้ทั้งดอกส้มและดอกกล้วยไม้
หลังจากยั่วยวนใจเสร็จจึงทวีความเผ็ดร้อน สะอาดลึกของเหง้าไอริสและพริกไทตีคู่กันมาแบบไม่ยอมใคร
จนกระทั่งเบสยังละเมียดแห้งออกโทนสบู่ด้วยอานุภาพของไอริส แต่ในช่วงเบสนี้ลองกันหลายคนก็ให้กลิ่นที่อาจจะต่างกันไปบ้างด้วยเพราะเลือกใช้สารหอมแท้จากธรรมชาติ กลิ่นจึงพัฒนากันแตกต่างออกไปในผิวแต่ละคน
บนผิวโก๋เผ็ดน้อยค่อนไปทางสบู่ ส่วนบนผิวน้องบูมออกสไปซี่ซินนามอน เผ็ดร้อนอมหวานเจือน้ำผึ้ง กินช่วงเผ็ดยาวนาน
เหมาะกับใส่ไปเดท ไปล่าเหยื่อ ไปทำอะไรสักอย่างที่หวังผลทางอำนาจ เด็ดเดี่ยว เด็ดขาด แต่ไม่กระด้างซ้ำยังยิ้มยวนอยู่ในที
ติดทนเนิ่นนาน กระจายตัวปานกลาง เร่าร้อนเหมือนนางกินรีเริงระบำ !!!
"จันนาลัจ" คือคืนวันเพ็ญที่แสงจันทร์สาดแสงเป็นสีนวลอ่อนฉาบทาไปทั่วบริเวณ
กล่าวกันว่าหากคืนเพ็ญใด ที่แสงจันทร์แจ่มชัด ดอกบัวหลวงสีขาวสะอาดตาที่ปกติจะบานรับอรุณเท่านั้น ก็จะถูกกระตุ้นด้วยแสงจันทร์กล้าให้คลี่กลีบ กระจายกลิ่นรับแสง
กลิ่นจันนาลัจจึงจำลองคืนในนิยายปรัมปรา ที่สระอโนดาตใสอบอวลไปด้วยกลิ่นดอกบัวละมุน
ไม่ต้องสงสัยว่าทำไมเราต้องมีขวดนี้ให้ได้ เพราะว่าทั้งพระจันทร์ ทั้งกลิ่นหอมของดอกบัวหลวงต่างก็เป็นสิ่งที่เราตามหามาเนิ่นนาน
แล้วดูขวดสิ มีกระต่ายเต้นชมจันทร์ไปอีก น่ารักน่าใคร่แท้ๆ เรานะชอบกลิ่นนี้ตั้งแต่แรกดมเลย ต่างจากรัสวิกาที่ต้องศึกษานางสักนิดก่อนที่จะหลงนางหัวปักหัวปำ
ในแว่บแรกยังมีกลิ่นอายของน้ำอบไทย ด้วยกลิ่นหอมเขียวคล้ายใบเตยแต่ลึกหวานนวลกว่าของใบเนียม กระจายตัวอ่อนเบามากับกลิ่นโปร่งเย็นของพิมเสนชั้นดีสีชมพูจางๆ
กลิ่นช่วงต้นนี้เป็นออร่าสีเหลืองนวลราวกับแสงจันทร์จริงๆ ทั้งนุ่ม ปลอบโยน อ่อนไหว ชวนให้นึกถึงบ้าน นึกถึงตักเย็นๆแต่อบอุ่นของแม่
แต่ก็ไม่หวานเชื่อมไปทั้งหมดนะคะ กลิ่นผลไม้อะไรสักอย่างปลุกกลิ่นนี้ให้สว่างขึ้น สดใสและเป็นประกายขึ้น ไม่หวานเชื่อมทอดยอดโอนอ่อนไปจนปวกเปียก
แล้วสักพักมวลมหาฟลอรัลก็มา ที่ชัดมากคือกระดังงาที่เย้ายวนแบบหวามไหว ไม่ตะโกน ไม่กระโตกกระตาก ไม่ออกนอกหน้าจะเกินงาม และแน่นอนว่านางเองของเราก็มาอย่างสงบเสงี่ยมคือ "ดอกบัว"
บอกก่อนว่าดอกบัวหลวงนั้นให้กลิ่นไม่เหมือนกับบัวสาย หรือบัวฝรั่ง แยกกันง่ายๆคือบัวหลวงคือ Lotus ที่จะแฝงโทนกลิ่นนวลแป้งอมเขียว ถ้าดมไปลึกๆจะได้โทนแอนนิมอลลิคเล็ก
แต่ถ้าบัวสาย หรือ Water lily จะหวานแหลม ได้โทนอควาติค แฝงกลิ่นฉ่ำคล้ายผลไม้หวานๆ
การให้กลิ่นในจันนาลัจจึงไม่ชุ่มฉ่ำมากมาย แต่หวานนวลอ่อน เอาจริงๆดอกบัวไม่เด่นนัก รองหลังมานิ่มๆ เหมือนเพื่อนเราสักคนที่พูดน้อย นิ่มนวล แต่ก็เป็นกำลังใจที่ดีของกลุ่ม ขาดไม่ได้ แม้จะไม่ได้เป็นหัวโจก แต่เป็นที่รักของเพื่อนๆทั้งกลุ่ม
จนสุดท้ายก็จบลงด้วยกลิ่นนวลงามอย่างกลิ่นไม้หอมมีค่าผสมกับมัสค์ที่สะอาด
กลิ่นตั้งแต่ต้นจนจบเรียกได้ว่าสุภาพ อ่อนโยน ใช้แล้วนึกถึงความงดงามแบบไทย แม้ว่ากลิ่นจะฉีกไปจากแนวน้ำอบน้ำปรุงพอสมควร
แบบนี้ต้องเรียกว่ามันแฝงใน DNA ของสุคนธกร และคนไทยนะ
เราชอบกลิ่นนี้มาก กลิ่นติดทนอ่อนๆบนผิวเรื่อๆ
ใช้ได้แทบทุกสถานการณ์ ไปเรียน ไปวัด ไปหาผู้ใหญ่ แต่งชุดไทย ชุดไหนๆก็ได้หมด ขออย่างเดียวให้เว้นไว้อย่าใส่ไปล่าเหยื่อ อันนี้ไม่ค่อยแมช
ถ้าจะให้นิยาม เราขอใช้คำว่า "ละมุน" ก็แล้วกัน
ขนาดขวดกำลังเหมาะมือ 60 มิล
เมื่อแรกก่อนที่จะได้จับของจริง เราติงทางคุณนัดไปว่าขนาดขวดไม่สมส่วนเท่าไหร่ ส่วนฝาดูใหญ่เหมือนเด็กหัวโต แต่ไม่รู้ทำไมเมื่อทำเรียบร้อยประทับตราแล้ว ขวดกลับดูพอเหมาะพอเจาะสมส่วนขึ้น
โฉมหน้าคุณนัทหรือสุคนธกรคนเก่งของเรา แหมใบหน้าจะดูเหนื่อยล้าแต่แววตาดูมีความสุข
ขอให้สร้างสรรค์ผลงานดีๆมาประดับวงการน้ำหอมบ้านเราอีกเยอะๆนะคะ
ปิดท้ายด้วยรูปขวด Mock up ที่อาจจะผลิตจำหน่ายจริงในอนาคตด้วยปริมาตร 150 ML ซึ่งเราว่าดูอวบอั๋นตุ้ยนุ้ยเหมาะมือดีมากเลย ถ้าทำจริงนะเราจะรอซื้อเลย
ถ้าเพื่อนๆสนใจอยากลองกลิ่นว่าจะตรงกับที่เรารีวิวไหม ก็ไปลองดมได้ที่ไอคอนสยามนะคะ วางขายถึงสิ้นเดือนนี้ หลังจากนั้นก็จะขายทางออนไลน์ค่ะ
ไปดมแล้วมาบอกกันบ้างนะคะ ว่าชอบกลิ่นไหน ใจเราจะตรงกันไหม
[SR] จันนาลัจ กับ รัสวิกา 2 น้ำหอมใหม่จาก Siam 1928
พระจันทร์และดอกบัวหลวง 2 สิ่งนี้สะท้านสะเทือนจิตใจเราเสมอมา เราถึงได้ตามเก็บน้ำหอมที่เกี่ยวกับพระจันทร์ และปลาบปลื้มใจในกลิ่นแสนสะอาดของบัวหลวง
แล้วเนี่ย 2 กลิ่นนี้สะท้อนอารมณ์ของพระจันทร์วันเพ็ญ กับ คืนเดือนดับ แล้วจะไม่ให้เราสนใจตั้งแต่แรกชวนได้อย่างไร
เรามาชื่นชม ดมกลิ่นในจินตนาการไปพร้อมกันนะคะ
เนื้อขวดเป็นเกรด China Bone เคลือบเสียนวลมือ เราว่าเหมือนขวดยานัตถ์ที่ตอนนี้เขานิยมหาของวินเทจมาสะสมกัน
ขออวดอีกนิดว่าใช้ทอง 14K ในการทำตราประทับนะคะ ไม่หลุกลอกง่ายๆ ตัวขวดจะมีทรงงามเป็นเอกลักษณ์เฉพาะเพราะเป็นงานเผามือ ทำในไทยเรานี่เอง เข้าขนบของความงามบนคงามไม่สมบูรณ์แบบ หรือ "วาบิซาบิ" พอดี
แต่กระซิบว่าขนาดบรรจุยังไงก็เท่ากัน 60 ml ทุกขวดแน่นอน
กล่องดีไม่ขี้ริ้วขี้เหร่ ซื้อใช้เอง หรือใช้เป็นของขวัญก็ไม่น้อยหน้าใครค่ะ
แต่ขอบอกไว้ก่อนนะคะ ว่ากลิ่นไม่ไท๊ยไทยแน่นอนค่ะ
กลิ่นแรก กลิ่นที่เราไม่ตั้งใจจะรัก แต่ไม่น่าเชื่อว่านางพลิกโผทำให้เราตกหลุมได้คือ "รัสวิกา"
เป็นกลิ่นที่ตีความถึงคืนวันเดือนดับ ฟ้าพร่างทางช้างเผือก ที่เหล่ากินรีลงมาเล่นน้ำในสระอโนดาต กลิ่นออกโทน Floral Spice ที่โก๋สามารถการันตีได้ว่าตั้งแต่ใช้น้ำหอมมา กลิ่นโทนนี้ยังไม่เคยเจอใครทำคล้าย
กลิ่นทั้งเผ็ดร้อนและเย้ายวน ถ้าเป็นผู้หญิงคือผมรวบตึง ชุดลาเท็กซ์รัดรูป เดินสับส้นเข้มมาแต่ไกล
เพราะเผ็ดร้อนแปร่งปร่าซ่าจมูกด้วยพริกไทชมพูและเหง้าไอริสเผ็ดแห้ง
แต่อย่ากลัวไปเพราะวิปแรกยังคงเอกลักษณ์ของบ้านนี้คือกลิ่นเย็นชื่นของพิมเสนสีชมพูอย่างดี กลิ่นเผ็ดและเย็นจึงขัดแย้งกันอย่างน่าสนใจ
ดังนั้นในแว๊บแรกกลิ่นเย็นโล่งจึงปะทะจมูกก่อน แล้วค่อยกล่อมให้หวานด้วยดอกไม้นานาพรรณ เราว่าเป็นได้ทั้งดอกส้มและดอกกล้วยไม้
หลังจากยั่วยวนใจเสร็จจึงทวีความเผ็ดร้อน สะอาดลึกของเหง้าไอริสและพริกไทตีคู่กันมาแบบไม่ยอมใคร
จนกระทั่งเบสยังละเมียดแห้งออกโทนสบู่ด้วยอานุภาพของไอริส แต่ในช่วงเบสนี้ลองกันหลายคนก็ให้กลิ่นที่อาจจะต่างกันไปบ้างด้วยเพราะเลือกใช้สารหอมแท้จากธรรมชาติ กลิ่นจึงพัฒนากันแตกต่างออกไปในผิวแต่ละคน
บนผิวโก๋เผ็ดน้อยค่อนไปทางสบู่ ส่วนบนผิวน้องบูมออกสไปซี่ซินนามอน เผ็ดร้อนอมหวานเจือน้ำผึ้ง กินช่วงเผ็ดยาวนาน
เหมาะกับใส่ไปเดท ไปล่าเหยื่อ ไปทำอะไรสักอย่างที่หวังผลทางอำนาจ เด็ดเดี่ยว เด็ดขาด แต่ไม่กระด้างซ้ำยังยิ้มยวนอยู่ในที
ติดทนเนิ่นนาน กระจายตัวปานกลาง เร่าร้อนเหมือนนางกินรีเริงระบำ !!!
"จันนาลัจ" คือคืนวันเพ็ญที่แสงจันทร์สาดแสงเป็นสีนวลอ่อนฉาบทาไปทั่วบริเวณ
กล่าวกันว่าหากคืนเพ็ญใด ที่แสงจันทร์แจ่มชัด ดอกบัวหลวงสีขาวสะอาดตาที่ปกติจะบานรับอรุณเท่านั้น ก็จะถูกกระตุ้นด้วยแสงจันทร์กล้าให้คลี่กลีบ กระจายกลิ่นรับแสง
กลิ่นจันนาลัจจึงจำลองคืนในนิยายปรัมปรา ที่สระอโนดาตใสอบอวลไปด้วยกลิ่นดอกบัวละมุน
ไม่ต้องสงสัยว่าทำไมเราต้องมีขวดนี้ให้ได้ เพราะว่าทั้งพระจันทร์ ทั้งกลิ่นหอมของดอกบัวหลวงต่างก็เป็นสิ่งที่เราตามหามาเนิ่นนาน
แล้วดูขวดสิ มีกระต่ายเต้นชมจันทร์ไปอีก น่ารักน่าใคร่แท้ๆ เรานะชอบกลิ่นนี้ตั้งแต่แรกดมเลย ต่างจากรัสวิกาที่ต้องศึกษานางสักนิดก่อนที่จะหลงนางหัวปักหัวปำ
ในแว่บแรกยังมีกลิ่นอายของน้ำอบไทย ด้วยกลิ่นหอมเขียวคล้ายใบเตยแต่ลึกหวานนวลกว่าของใบเนียม กระจายตัวอ่อนเบามากับกลิ่นโปร่งเย็นของพิมเสนชั้นดีสีชมพูจางๆ
กลิ่นช่วงต้นนี้เป็นออร่าสีเหลืองนวลราวกับแสงจันทร์จริงๆ ทั้งนุ่ม ปลอบโยน อ่อนไหว ชวนให้นึกถึงบ้าน นึกถึงตักเย็นๆแต่อบอุ่นของแม่
แต่ก็ไม่หวานเชื่อมไปทั้งหมดนะคะ กลิ่นผลไม้อะไรสักอย่างปลุกกลิ่นนี้ให้สว่างขึ้น สดใสและเป็นประกายขึ้น ไม่หวานเชื่อมทอดยอดโอนอ่อนไปจนปวกเปียก
แล้วสักพักมวลมหาฟลอรัลก็มา ที่ชัดมากคือกระดังงาที่เย้ายวนแบบหวามไหว ไม่ตะโกน ไม่กระโตกกระตาก ไม่ออกนอกหน้าจะเกินงาม และแน่นอนว่านางเองของเราก็มาอย่างสงบเสงี่ยมคือ "ดอกบัว"
บอกก่อนว่าดอกบัวหลวงนั้นให้กลิ่นไม่เหมือนกับบัวสาย หรือบัวฝรั่ง แยกกันง่ายๆคือบัวหลวงคือ Lotus ที่จะแฝงโทนกลิ่นนวลแป้งอมเขียว ถ้าดมไปลึกๆจะได้โทนแอนนิมอลลิคเล็ก
แต่ถ้าบัวสาย หรือ Water lily จะหวานแหลม ได้โทนอควาติค แฝงกลิ่นฉ่ำคล้ายผลไม้หวานๆ
การให้กลิ่นในจันนาลัจจึงไม่ชุ่มฉ่ำมากมาย แต่หวานนวลอ่อน เอาจริงๆดอกบัวไม่เด่นนัก รองหลังมานิ่มๆ เหมือนเพื่อนเราสักคนที่พูดน้อย นิ่มนวล แต่ก็เป็นกำลังใจที่ดีของกลุ่ม ขาดไม่ได้ แม้จะไม่ได้เป็นหัวโจก แต่เป็นที่รักของเพื่อนๆทั้งกลุ่ม
จนสุดท้ายก็จบลงด้วยกลิ่นนวลงามอย่างกลิ่นไม้หอมมีค่าผสมกับมัสค์ที่สะอาด
กลิ่นตั้งแต่ต้นจนจบเรียกได้ว่าสุภาพ อ่อนโยน ใช้แล้วนึกถึงความงดงามแบบไทย แม้ว่ากลิ่นจะฉีกไปจากแนวน้ำอบน้ำปรุงพอสมควร
แบบนี้ต้องเรียกว่ามันแฝงใน DNA ของสุคนธกร และคนไทยนะ
เราชอบกลิ่นนี้มาก กลิ่นติดทนอ่อนๆบนผิวเรื่อๆ
ใช้ได้แทบทุกสถานการณ์ ไปเรียน ไปวัด ไปหาผู้ใหญ่ แต่งชุดไทย ชุดไหนๆก็ได้หมด ขออย่างเดียวให้เว้นไว้อย่าใส่ไปล่าเหยื่อ อันนี้ไม่ค่อยแมช
ถ้าจะให้นิยาม เราขอใช้คำว่า "ละมุน" ก็แล้วกัน
เมื่อแรกก่อนที่จะได้จับของจริง เราติงทางคุณนัดไปว่าขนาดขวดไม่สมส่วนเท่าไหร่ ส่วนฝาดูใหญ่เหมือนเด็กหัวโต แต่ไม่รู้ทำไมเมื่อทำเรียบร้อยประทับตราแล้ว ขวดกลับดูพอเหมาะพอเจาะสมส่วนขึ้น
ขอให้สร้างสรรค์ผลงานดีๆมาประดับวงการน้ำหอมบ้านเราอีกเยอะๆนะคะ
ปิดท้ายด้วยรูปขวด Mock up ที่อาจจะผลิตจำหน่ายจริงในอนาคตด้วยปริมาตร 150 ML ซึ่งเราว่าดูอวบอั๋นตุ้ยนุ้ยเหมาะมือดีมากเลย ถ้าทำจริงนะเราจะรอซื้อเลย
ถ้าเพื่อนๆสนใจอยากลองกลิ่นว่าจะตรงกับที่เรารีวิวไหม ก็ไปลองดมได้ที่ไอคอนสยามนะคะ วางขายถึงสิ้นเดือนนี้ หลังจากนั้นก็จะขายทางออนไลน์ค่ะ
ไปดมแล้วมาบอกกันบ้างนะคะ ว่าชอบกลิ่นไหน ใจเราจะตรงกันไหม
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้