"ทิโม แวร์เนอร์" ศูนย์หน้าทีมชาติเยอรมนีแห่งสโมสรแอร์เบ ไลป์ซิก แข้งต้นแบบของกองหน้ายุคใหม่

ศูนย์หน้าทีมชาติเยอรมนีแห่งสโมสรแอร์เบ ไลป์ซิกรายนี้ คือนักเตะที่ฉีกกฎการเป็นกองหน้าแบบเดิมๆอย่างสิ้นเชิง เขากลายเป็นต้นแบบของกองหน้าในยุคใหม่ที่สามารถเล่นเกมรุกได้อย่างยืดหยุ่น และล่าสุด เพิ่งระเบิดแฮตทริกช่วยทีมบุกถล่ม กลัคบัค 3-1 เมื่อวันศุกร์


มาดูกันว่าแวร์เนอร์มีอะไรดีจนทำให้ไลป์ซิกต้องจับเขาต่อสัญญายาวไปจนถึงปี 2023

ถือเป็นธรรมเนียมของกีฬาฟุตบอลที่นักเตะตำแหน่งกองหน้ามักจะได้สวมเสื้อหมายเลข 9 หรือ 10 โดยที่จำเป็นต้องมีคุณสมบัติอย่างเดียวที่โดดเด่น นั่นก็คือการส่งบอลเข้าตาข่ายง่ายๆ แค่นี้แหละ ไม่ต้องมากหรือน้อยไปกว่านี้ แต่เมื่อกาลเวลาเปลี่ยนไป แนวทางการเล่นของตำแหน่งกองหน้าก็มีการพัฒนาไปด้วย

ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะอธิบายว่ากองหน้ายุคใหม่ควรมีคุณสมบัติอย่างไรบ้าง แต่แวร์เนอร์นี่แหละคือตัวอย่างที่ดีที่สุดในกรณีนี้

กองหน้าวัย 23 ปีคนนี้สวมเสื้อทั้งเบอร์ 7 และ 11 ซึ่งปกติแล้วจะเป็นเบอร์เสื้อของผู้เล่นตำแหน่งปีกแสดงถึงความหลากหลายในการเล่นเกมรุกของเขา

นอกจากนี้แวร์เนอร์ยังสามารถเล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรุกได้เป็นอย่างดี 

หมายความว่าเราจะเรียกแวร์เนอร์ว่าเป็นตัวรุก กองหน้า ปีก หรือกองหน้าตัวเป้า (สไตรเกอร์) ก็ได้ทั้งนั้นนี่แหละที่ทำให้เขาโดดเด่นกว่ากองหน้าคนอื่นๆ

แวร์เนอร์ฉายแววเด่นมาตั้งแต่ย้ายจากชตุทท์การ์ทมาอยู่กับไลป์ซิกเมื่อปี 2016 โดยในฤดูกาลแรกเขาสามารถยิงได้ถึง 21 ประตู ซึ่งในตอนนั้นแวร์เนอร์สวมเสื้อหมายเลข 9 พาแอร์เบ ไลป์ซิกจบฤดูกาลด้วยตำแหน่งรองแชมป์บุนเดสลีกาตามหลังเพียงทีมแชมป์อย่างบาเยิร์น มิวนิค 

ฤดูกาลต่อมาเขาก็ยังสามารถรักษาฟอร์มได้คงเส้นคงวา แต่โชคร้ายที่ต้องเจอปัญหาบาดเจ็บบริเวณหลังรบกวน หลังสลัดอาการบาดเจ็บคืนสนามกุนซือใหญ่ ราล์ฟ ฮาเซนฮึทเทิล ได้ลองจับเขาเล่นในตำแหน่งปีกขวาดู ซึ่งแวร์เนอร์ก็สามารถค่อยๆ ปรับตัวได้เป็นอย่างดีจนถูกลองโยกไปเล่นปีกขวาอีกด้วย

ไม่ว่าจะเล่นตำแหน่งไหน แวร์เนอร์ก็ยังสามารถยิงประตูได้เรื่อยๆ และจ่ายแอสซิสต์ได้บ่อยครั้ง

หลังจากราล์ฟ รังนิค เข้ามากุมบังเหียนไลป์ซิก แวร์เนอร์ถูกปรับตำแหน่งการยืนอีกครั้ง แต่ก็ยิงและจ่ายได้อีก ทำให้เขากลายเป็นอาวุธสำคัญของไลป์ซิกชนิดที่ขาดไม่ได้

ทั้งสายตาในการหาโอกาสจบสกอร์และการเคลื่อนไหวอันคาดเดาไม่ได้ทำให้แวร์เนอร์เป็นที่เกรงกลัวของกองหลังทีมคู่แข่ง

นอกจากนี้แล้วแวร์เนอร์ยังเป็นนักเตะที่สามารถเล่นได้ทั้งเท้าซ้ายและขวา

เขาไม่เพียงแต่เป็นเครื่องจักรถล่มประตูของทีม แต่ยังทำหน้าที่เหมือนชะแลงที่คอยงัดแนวรับของคู่แย่งให้เปิดช่องด้วยพละกำลังและเล่ห์เหลี่ยมอันแพรวพราว พูดง่ายๆ ก็คือเป็นทุกอย่างให้ทีมแล้วนั่นเอง

แน่นอนว่าศักยภาพอันสูงส่งของแวร์เนอร์นั้นไม่มีทางรอดพ้นสายตาโยอาคิม เลิฟ นายใหญ่แห่งทีมชาติอินทรีเหล็กไปได้ ไม่ว่าจะเป็นศึกฟุตบอลโลกหรือฟุตบอลยูโร เลิฟก็มีอันต้องใส่ชื่อแวร์เนอร์ลงไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

เพราะจะมีนักเตะสักกี่คนที่สามารถแทนนักเตะคนอื่นๆ ได้ถึง 4 ตำแหน่ง จากเกมทีมชาติทั้งหมด 25 นัด แวร์เนอร์ยิงไปแล้ว 10 ประตู ทั้งที่ถูกจับให้เล่นในตำแหน่งปีกซ้ายและปีกขวาในระบบ 4-1-4-1

ไม่ว่าจะจับดาวยิงรายนี้ลงเล่นตำแหน่งไหน ก็ดูเหมือนว่าเขาจะทำได้ดีไปหมด เมื่อเล่นตำแหน่งปีก เขาก็สามารถตัดเข้าในสร้างจังหวะอันตรายได้อยู่บ่อยๆ

ศูนย์หน้ารายนี้สามารถเลี้ยงบอลเข้าใส่คู่แข่งและสร้างโอกาสน่ากลัวได้เสมอไม่ว่าจะการจ่ายบอลสั้นๆ เปิดบอล หรือลากไปจบสกอร์เอง โค้ชหลายคนที่ใช้งานเขาจึงมักจับแวร์เนอร์ไปยืนหลายๆ ตำแหน่งมากกว่าจะให้เล่นเป็นกองหน้าตัวเป้ายืนชนกับเซ็นเตอร์แบ็ค เพื่อให้เขาได้แสดงความสามารถออกมาได้อย่างเต็มที่ 

ณ ตอนนี้หลายคนต่างก็เชื่อว่าแวร์เนอร์นั้นมีคุณสมบัติมากพอที่จะเป็นได้ทั้งดาวยิงระดับท็อป หรือจะเป็นปีกระดับเวิลด์คลาสก็ได้เช่นกัน 

ถึงแม้ตำแหน่งที่เขาถนัดที่สุดจะเป็นกองหน้าตัวเป้า แต่แวร์เนอร์ก็สามารถเล่นตำแหน่งริมเส้น หรือฟอลซ์ไนน์ หรือมิดฟิลด์ตัวรุกได้เป็นอย่างดีไม่แพ้กัน ขึ้นอยู่กับว่าโค้ชจะอยากได้เกมรูปแบบไหน ซึ่งสุดท้ายแล้วดาวยิงรายนี้ก็จะสามารถกดสกอร์และจ่ายแอสซิสต์ให้ทีมได้เหมือนเดิม


credit : www.siamsport.co.th
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่